กำไรสุทธิไตรมาสแรกของ บริษัท ช ทวี จำกัด(มหาชน) หรือ CHO อยู่ที่ 33.93 ล้านบาท คงจะบอกว่ามากคงไม่ได้ แต่อัตราเติบโตของกำไร เพิ่มขึ้น 146.30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ไม่ธรรมดาแน่นอน หลังจากผ่านความระหกระเหินของการขาดทุนเพราะเกิดการสะดุดหลายเรื่องที่ลงทุนทำไป
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่กำไรสุทธิที่สวยสดงดงามนี้ เป็นกำไรจากรายได้จากงานหลักเดิมทั้งสิ้น ยังไม่ได้รวมรายได้หรือกำไรจากโครงการรถเมล NGV ที่ยังคงติดกับดัก"มหากาพย์ของความล่าช้า"ต่อไปอีกยาว
ภาพประกอบการกระโดดลิงโลดที่ไม่ได้เห็นบ่อยครั้งของ"เสี่ยจิง"นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จึงเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการกลับมาตั้งหลักเดินหน้าเติบโตตามเจตนาที่วาดเอาไว้ในจินตนาการ
ผลประกอบการในไตรมาส 1/2561 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 870.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 657.91 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 308.82% และมีกำไรสุทธิสำหรับงวด อยู่ที่ 33.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.21 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 146.30% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลเนื่องมาจากรายได้ตามสัญญาที่เพิ่มขึ้น 365.54% และรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 53.54% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 เป็นไปตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งทำให้รายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากยอดขายกลุ่มสินค้ามาตรฐาน งานผลิตรถบรรทุก การประกอบรถโดยสารที่กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐและยอดขายต่างประเทศในกลุ่มสินค้าออกแบบพิเศษ ประกอบกับรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจากการขายอะไหล่ และบริการงานซ่อมรถบรรทุก นอกจากนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย" นายสุรเดช กล่าว
กำไรที่สวยงามทำให้สัดส่วนในงบการเงินของ CHO ลดความขี้เหร่ กลายเป็น"คิเรเนะ"ในทันที
แม้ตัวเลขหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นจะยังมาก 2.5 เท่า และอัตราส่วนทุนหมุนเวียนต่ำกว่าหนึ่ง ก็ไม่ถือว่าสุ่มเสี่ยง เพราะงานรับจ้างประกอบทางด้านวิศวกรรมที่ CHO ทำ มีลักษณะ"ลงทุนทำก่อน รับเงินทีหลัง"จนชาชิน เมื่อสามารถทยอยส่งมอบงานได้ รายได้และกำไรก็จะโป่งพองตามมา
ธุรกิจหลักที่ยังสามารถโชว์ Backlog กว่า 6,000 ล้านบาท จะทำให้ปีนี้ ไม่มีสะดุด และดันผลงานปี 2561 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง (ไม่นับกรณีของ ขสมก.ที่เป็นข้อยกเว้น)
การดำเนินธุรกิจของปี 2561 ของ CHO ยังคงมุ่งมั่นขยายตลาดทั้งในประเทศ อาทิ การขยายฐานลูกค้าด้านการขนส่งตามหัวเมืองใหญ่ๆ การเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน และต่างประเทศ อาทิ การเจาะตลาดรถลำเลียงอาหาร ,เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง และผลิตรถตามออเดอร์ เรียกได้ว่ามีความต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ความต่อเนื่องกลายเป็นกุญแจของการหวนคืนสู่กำไรที่โดดเด่น เพราะจะเห็นว่าแม้จะขาดการบันทึกรายได้ส่วนของ ขสมก. ที่ต้องรอศาลปกครองชี้ขาดก่อนอีกนานพอสมควร CHO ยังสามารถบันทึกรายได้และกำไรงดงาม อัตรากำไรสุทธิที่เคยติดลบมา 2 ปีรวดจึงกลับมาบวกอีกครั้ง
จุดที่ยังขี้เหร่ดุจ"เม็ดทรายในรองเท้า"ที่ต้องรอแก้ไขก็คงเป็นเรื่องกำไรสะสมที่งบรวมยังติดลบ 5 ล้านบาทเศษ ซึ่งหากไตรมาสต่อไป สามารถมีกำไรต่อเนื่อง ก็คงกลับมาบวกได้ และสามารถจ่ายปันผลอีกครั้ง หลังจากงดจ่ายมา 2 ปี
ประเด็นที่หลายคนเคยคาดหมายว่าธุรกรรมที่น่าจะเป็น"โอกาสใหม่"ของ CHO ในการขยายธุรกิจให้ก้าวไกล แต่กลับกลายเป็น"ตุ้มถ่วง"มาตลอด4 ปี คือโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน เพราะหลังจากฝ่าอุปสรรคมาโชกโชน ก็ยังเจอประเด็นล่าสุดที่รบกวนจนไม่สามารถบันทึกรายได้ได้ จากกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 จนส่งผลเพิ่มเติมให้ ทางกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ในฐานะผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากได้ทำสัญญาสั่งซื้ออะไหล่ชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ประเทศจีนแล้ว 489 คัน และส่งมอบ รถเมล์ NGV ให้ขสมก. แล้ว 100 คัน แต่ยังไม่ได้รับเงินจาก ขสมก. และตามเงื่อนไขในสัญญาสั่งซื้ออะไหล่และแชสซีจากประเทศจีน กำหนดส่งมอบอีก 200 คัน ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่งผลทำให้ในขณะนี้กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินซัพพลายเออร์ประเทศจีนแล้ว
แล้วยังมีเรื่องแถมพกจากโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) และเครื่องเก็บค่าโดยสาร หรือ "แคชบ็อกซ์" (Cash box) บนรถโดยสารประจำทาง 2,600 คัน ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างรอเอกสารจาก ขสมก. เพื่อระงับการติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสาร หรือ "แคชบ็อกซ์" (Cash box) ส่วนเครื่อง E-Ticket บริษัทฯ มีแผนการตรวจรับและส่งมอบล็อตแรกจำนวน 100 เครื่องภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เนื่องจากขสมก. เล็งเห็นว่าน่าจะทดลองทำต่อไป สำหรับการเข้าสู่ยุค Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสด
ข่าวดีชิ้นเบิกโรงที่เกิดกับ CHO แม้จะไม่มากมายนัก ยังทำให้เสี่ยจิงโลดเต้นสูงเท่านี้ได้ หากว่าในไตรมาสต่อไป งานหลักยังส่งมอบของได้เรื่อยๆต่อเนื่อง และขสมก.ราบรื่น คงต้องให้เสี่ยจิงไปกระโดดยังสถานที่เพดานสูงกว่านี้
ไม่อย่างนั้น โอกาสที่จะต้องเปลี่ยน ซีอีโอ สูงยิ่ง
/////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก www.facebook.com/Share2Trade/
CHO กลับมาตั้งหลัก : โดย อีหล่าน้อย บทความจากเว็บไซต์ Share2Trade
ความน่าสนใจอยู่ตรงที่กำไรสุทธิที่สวยสดงดงามนี้ เป็นกำไรจากรายได้จากงานหลักเดิมทั้งสิ้น ยังไม่ได้รวมรายได้หรือกำไรจากโครงการรถเมล NGV ที่ยังคงติดกับดัก"มหากาพย์ของความล่าช้า"ต่อไปอีกยาว
ภาพประกอบการกระโดดลิงโลดที่ไม่ได้เห็นบ่อยครั้งของ"เสี่ยจิง"นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จึงเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการกลับมาตั้งหลักเดินหน้าเติบโตตามเจตนาที่วาดเอาไว้ในจินตนาการ
ผลประกอบการในไตรมาส 1/2561 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 870.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 657.91 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 308.82% และมีกำไรสุทธิสำหรับงวด อยู่ที่ 33.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.21 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 146.30% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลเนื่องมาจากรายได้ตามสัญญาที่เพิ่มขึ้น 365.54% และรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้น 53.54% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 เป็นไปตามแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งทำให้รายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นจากยอดขายกลุ่มสินค้ามาตรฐาน งานผลิตรถบรรทุก การประกอบรถโดยสารที่กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐและยอดขายต่างประเทศในกลุ่มสินค้าออกแบบพิเศษ ประกอบกับรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจากการขายอะไหล่ และบริการงานซ่อมรถบรรทุก นอกจากนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย" นายสุรเดช กล่าว
กำไรที่สวยงามทำให้สัดส่วนในงบการเงินของ CHO ลดความขี้เหร่ กลายเป็น"คิเรเนะ"ในทันที
แม้ตัวเลขหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นจะยังมาก 2.5 เท่า และอัตราส่วนทุนหมุนเวียนต่ำกว่าหนึ่ง ก็ไม่ถือว่าสุ่มเสี่ยง เพราะงานรับจ้างประกอบทางด้านวิศวกรรมที่ CHO ทำ มีลักษณะ"ลงทุนทำก่อน รับเงินทีหลัง"จนชาชิน เมื่อสามารถทยอยส่งมอบงานได้ รายได้และกำไรก็จะโป่งพองตามมา
ธุรกิจหลักที่ยังสามารถโชว์ Backlog กว่า 6,000 ล้านบาท จะทำให้ปีนี้ ไม่มีสะดุด และดันผลงานปี 2561 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง (ไม่นับกรณีของ ขสมก.ที่เป็นข้อยกเว้น)
การดำเนินธุรกิจของปี 2561 ของ CHO ยังคงมุ่งมั่นขยายตลาดทั้งในประเทศ อาทิ การขยายฐานลูกค้าด้านการขนส่งตามหัวเมืองใหญ่ๆ การเข้าประมูลงานทั้งภาครัฐและเอกชน และต่างประเทศ อาทิ การเจาะตลาดรถลำเลียงอาหาร ,เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง และผลิตรถตามออเดอร์ เรียกได้ว่ามีความต่อเนื่องสม่ำเสมอ
ความต่อเนื่องกลายเป็นกุญแจของการหวนคืนสู่กำไรที่โดดเด่น เพราะจะเห็นว่าแม้จะขาดการบันทึกรายได้ส่วนของ ขสมก. ที่ต้องรอศาลปกครองชี้ขาดก่อนอีกนานพอสมควร CHO ยังสามารถบันทึกรายได้และกำไรงดงาม อัตรากำไรสุทธิที่เคยติดลบมา 2 ปีรวดจึงกลับมาบวกอีกครั้ง
จุดที่ยังขี้เหร่ดุจ"เม็ดทรายในรองเท้า"ที่ต้องรอแก้ไขก็คงเป็นเรื่องกำไรสะสมที่งบรวมยังติดลบ 5 ล้านบาทเศษ ซึ่งหากไตรมาสต่อไป สามารถมีกำไรต่อเนื่อง ก็คงกลับมาบวกได้ และสามารถจ่ายปันผลอีกครั้ง หลังจากงดจ่ายมา 2 ปี
ประเด็นที่หลายคนเคยคาดหมายว่าธุรกรรมที่น่าจะเป็น"โอกาสใหม่"ของ CHO ในการขยายธุรกิจให้ก้าวไกล แต่กลับกลายเป็น"ตุ้มถ่วง"มาตลอด4 ปี คือโครงการจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน เพราะหลังจากฝ่าอุปสรรคมาโชกโชน ก็ยังเจอประเด็นล่าสุดที่รบกวนจนไม่สามารถบันทึกรายได้ได้ จากกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 จนส่งผลเพิ่มเติมให้ ทางกลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO ในฐานะผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากได้ทำสัญญาสั่งซื้ออะไหล่ชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ประเทศจีนแล้ว 489 คัน และส่งมอบ รถเมล์ NGV ให้ขสมก. แล้ว 100 คัน แต่ยังไม่ได้รับเงินจาก ขสมก. และตามเงื่อนไขในสัญญาสั่งซื้ออะไหล่และแชสซีจากประเทศจีน กำหนดส่งมอบอีก 200 คัน ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่งผลทำให้ในขณะนี้กลุ่มร่วมทำงาน SCN-CHO มีหน้าที่ต้องจ่ายเงินซัพพลายเออร์ประเทศจีนแล้ว
แล้วยังมีเรื่องแถมพกจากโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) และเครื่องเก็บค่าโดยสาร หรือ "แคชบ็อกซ์" (Cash box) บนรถโดยสารประจำทาง 2,600 คัน ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างรอเอกสารจาก ขสมก. เพื่อระงับการติดตั้งเครื่องเก็บค่าโดยสาร หรือ "แคชบ็อกซ์" (Cash box) ส่วนเครื่อง E-Ticket บริษัทฯ มีแผนการตรวจรับและส่งมอบล็อตแรกจำนวน 100 เครื่องภายในเดือนพฤษภาคมนี้ เนื่องจากขสมก. เล็งเห็นว่าน่าจะทดลองทำต่อไป สำหรับการเข้าสู่ยุค Cashless Society หรือสังคมไร้เงินสด
ข่าวดีชิ้นเบิกโรงที่เกิดกับ CHO แม้จะไม่มากมายนัก ยังทำให้เสี่ยจิงโลดเต้นสูงเท่านี้ได้ หากว่าในไตรมาสต่อไป งานหลักยังส่งมอบของได้เรื่อยๆต่อเนื่อง และขสมก.ราบรื่น คงต้องให้เสี่ยจิงไปกระโดดยังสถานที่เพดานสูงกว่านี้
ไม่อย่างนั้น โอกาสที่จะต้องเปลี่ยน ซีอีโอ สูงยิ่ง
/////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก www.facebook.com/Share2Trade/