หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในชีวิต
แด่ทุกความมืดที่โดนแสงสว่างบดบัง แด่ทุกชีวิตที่ไม่กล้าจะออกมาเผชิญโลกภายนอก
เรื่องมีอยู่ว่า เด็กสาวสองคนหมกมุ่นกับช่วงจังหวะสุดท้ายของมนุษย์จนคิดว่าจะต้องเห็นกับตาให้ได้คนนึงเลยเลือกจะไปทำงานที่บ้านพักคนชราส่วนอีกคนเลือกที่จะไปที่เด็กที่ต้องการปลูกถ่ายอวัยวะ
เป็นหนัง self-discovery ที่พาเราไปพบกับความตาย , บาดแผล และการจะอยู่ร่วมกับมัน ตอนแรกนึกว่าหนังมันจะมืดมากๆแต่ปรากฏว่ากลับกันเลยเพราะหนังมันเหมือนโยนเราไปในเหวที่ลึกสุดๆแล้วก็ดึงเราขึ้นมาเพราะทุกชีวิตมีความหวัง เราชอบตัวละครทุกตัวจริงๆ ทุกคนสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ทั้งหนุ่มวัยกลางคนที่โดนใส่ร้ายจนชีวิตพัง , สาวมัธยมที่โดนเพื่อนไล่ให้ไปตายซะทุกๆวัน , สาวมัธยมที่โดนอาจารขโมยงานเขียนของตนไปตีพิมพ์ในนามของตัวเอง หรือเด็กที่มีโอกาสรอดเพียง 7% หลังจากการผ่าตัด แต่ทุกๆคนก็ค่อยๆช่วยเติมเต็มคุณค่าของชีวิตและความหมายของการมีชีวิตอยู่ต่อให้กันอย่างช้าๆโดยไม่รู้ตัว มันงดงามจริงๆที่บางทีความจริงใจเล็กๆง่ายๆอาจจะนำพาไปสู่อะไรที่ดีกว่านั้น เพราะทุกๆครั้งที่เรามีบาดแผล ยังไงก็มีพลาสเตอร์ยามาแปะปิดแผลตรงจุดนั้นอยู่แล้ว
ตกใจมากที่หนังเรื่องนี้มาจากบทของคนเดียวกับที่เขียนเรื่อง Confession (2010) เพราะเรื่องนั้นดูจบแล้วเหนื่อยมาก สิ้นหวังแทนทุกๆคนและสังคมในเรื่อง กลับกันเรื่องนี้กับพูดถึงการลุกขึ้นยืนหลังจากความรู้สึก despair สิ้นหวังสุดๆ เหมือนเป็นด้านกลับของกันและกันเลย แต่ดีมากๆเพราะชีวิตมันไม่ได้ล้มอย่างเดียวจริงๆ
อยากให้ทุกๆคนที่อ่านถึงตรงนี้ได้ดูกัน แอบเสียใจที่ไม่ค่อยเห็นคนพูดถึงเรื่องนี้เลย เราไม่รู้ว่าคนอาจจะผิดหวังเพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่รุนแรงเท่า Confession รึปล่าว แต่สำหรับเรารุนแรงหรือไม่รุนแรงเรื่องนี้ก็เข้ามาเติมเต็มอะไรบางอย่างในชีวิตเราแล้ว ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหนังแบบนี้จะส่งผลกับจิตใจเราขนาดนี้ หวังว่าทุกคนจะชอบ ขอให้ดูกันให้สนุกนะ
ต่อจากนี้มีสปอยเนื้อหาเผื่อใครไม่เข้าใจหรือสนใจมาพูดคุยกันหลังดูจบแล้วว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1.เรื่องของหญิงสาวที่โดนขโมยงานเขียน
ชีวิตของยูกิบัดซบมาตั้งแต่เด็ก เธอเกิดมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนาและวันนึงในช่วงเด็กเธอก็โดนคุณยายทำร้ายจนเป็นแผลที่มือ แม้แผลจะหายในไม่ช้าแต่แผลเป็นที่มือยังคงอยู่เป็นร่องรอยแต่ไม่ใช่แค่นั้นเพราะการทำร้ายครั้งนั้นสร้างแผลในใจเธอเหมือนกัน ทุกๆวันที่เธออยู่ได้ก็เพราะมีเพื่อนของเธอคอยช่วยเอาไว้ วันนึงเพื่อนคนนั้นกับคิดฆ่าตัวตายแต่เธอช่วยเอาไว้ได้ทัน เธอไม่รู้จะช่วยให้เพื่อนคนนั้นหายเศร้ายังไงจึงเขียนนิยายอุทิศแก่เพื่อนคนนั้น ชีวิตเฮงซวยเพราะนิยายเล่มนั้นกลับโดนครูในโรงเรียนขโมยไปตีพิมพ์และลบเลือนความหมายที่สำคัญที่สุดของมันไปนั่นก็คือเล่มนี้อุทิศให้กับเพื่อนเธอ เธออยากจะตายให้จบๆไปแต่ไม่กล้าจึงเลือกที่จะไปทำงานที่โรงพยาบาลแผนกของเด็กที่รอวันปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อดูช่วงสุดท้ายของชีวิตโดยหารู้มั้ยว่าเธอจะพบความหมายของชีวิตของเธอที่นั่น
2.เรื่องราวของเด็กชายในโรงพยาบาล
ทัจจิและซึบารุเป็นรูมเมทกันในแผนกผู้ป่วยรอปลูกถ่ายอวัยวะ ทั้งสองคนอยู่โดยที่รู้ว่าตนเองมีโอกาสรอดไม่ถึง 10% จาก 100 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งสองก็ยังยิ้มได้ คำขอสุดท้ายของซึบารุคือการได้พบกับพ่ออีกครั้งก่อนวันผ่าตัดของตนเอง แต่ไม่มีใครรู้จริงๆว่าพ่อเขาอยู่ไหนแต่ถึงแม้จะสิ้นหวังทัจจิก็คอยซัพพอร์ตซึบารุมาตลอดโดยที่ลึกๆทัจจิก็อยากจะพบกับพ่อของเขาเช่นกัน ซึบารุรู้อย่างงี้เลยจึงขอให้ยูกิช่วยหาพ่อของทัจจิจนสุดท้ายพวกเขาทั้งสองก็ทำให้ทัจจิพบกับพ่อของเขาจนได้ และแม้สุดท้ายซึบารุจะไม่ได้พบกับพ่อของตนก่อนวันผ่าตัด แต่การได้เห็นทัจจิเพื่อนที่รักที่สุดของเขากอดกับพ่อของเขาที่ไม่ได้พบกันมานานอีกครั้ง แค่รอยยิ้มบางๆนั้นก็เป็นความสุขที่สุดแล้วของซึบารุ
3.เรื่องราวของสาวที่โดนเพื่อนไล่ให้ตายๆไปซะ
อัตสึโกะเคยเป็นหญิงสาวอันดับหนึ่งของโรงเรียนเพราะความเก่งกาจของเธอในการแข่งขันเคนโด วันหนึ่งเธอกลับแพ้และทำให้โรงเรียนเสียชื่อจนเพื่อนๆไม่สามารถลงแข่งต่อได้ เพื่อนๆโทษว่าเป็นความผิดของเธอและแน่นอนว่าเธอก็โทษตัวเองเช่นกัน เธอเคยคิดจะฆ่าตัวตายแต่มีเพื่อนเธอห้ามเอาไว้ พักหลังๆเพื่อนเธอเริ่มตีตัวออกห่างจนอัตสึโกะเริ่มคิดว่าเธอควรจะปล่อยเพื่อนของเธอไป เธอได้ไปพบกับเพื่อนใหม่ของเธอคนนึงที่มีงานอดิเรกเป็นการไถเงินผู้ชายในรถไฟโดยการขู่ว่าถ้าเขาไม่จ่ายเธอจะฟ้องร้องว่าพวกเขาแตะเนื้อต้องตัวเธอ ชีวิตของเธอกับเพื่อนใหม่คนนั้นไม่ค่อยจะเวิร์คเสียเท่าไรจนสุดท้ายเธอเลือกที่จะตีตัวออกห่างและไปทำงานที่บ้านพักคนชราและที่นั่นทำให้เธอพบกับทาคาโอะ ผู้ชายวัยกลางคนที่ทำงานอยู่ที่นั่นพร้อมกับประวัติติดตัว ภายหลังจากที่เธอได้รู้จักกับทาคาโอะเธอได้พบว่าจริงๆทาคาโอะมีลูกชายและภรรยาแต่ครอบครัวของพวกเขาร้าวฉานเพราะทาคาโอะถูกกล่าวหาว่าไปแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาววัยมัธยม ทาเคโอะได้มอบหนังที่เรื่อง Night’s Tightrope ให้เธออ่านโดยที่เธอหารู้ไม่ว่ามันจะเป็นหนังสือที่ยูกิเขียนให้เธอนั่นเอง
4.เรื่องราวของชายผู้ถูกใส่ร้าย
ทาคาโอะทำงานที่บ้านพักคนชราเพราะว่าไม่มีที่ไหนรับเขาเข้าทำงานเนื่องจากคดีติดตัวของเขาเรื่องแตะเนื้อต้องตัวเด็กสาวทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำ สุดท้ายแล้วเขาถูกแยกออกจากลูกชายของเขาเองและไม่เหลือใคร วันหนึ่งมีเด็กเข้ามาช่วยงานในบ้านพักคนชรา เด็กสาวคนนั้นเป็นเพื่อนกับยูกิเด็กสาวอีกคนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลที่ลูกเขาอยู่ ลืมบอกไปว่าลูกของเขาชื่อทัจจิ
ทุกๆคนนอกเหนือจากอัตสึโกะและยูกิดูเหมือนจะไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยในแง่ความสัมพันธ์แต่สิ่งที่โยงเขาด้วยกันคือความรู้สึกสิ้นหวังกับอะไรบางอย่างและทีละเล็กทีละน้อยด้ายของทุกคนก็เริ่มสานรวมกัน ทุกๆเส้นเรื่องเริ่มที่จะมาประจบพบเจอกัน มันงดงามมากๆที่คนที่ไม่รู้จักกันเลยทั้งห้าคนจะมาเป็นความหมายชีวิตให้กันและกันได้อย่างบริสุทธิ์ใจ
ทุกๆคนคิดว่าตนเองเดินอยู่บนเส้นด้ายที่หากพลาดซักก้าวจะต้องตกลงไปตายโดยหารู้มั้ยว่ามีสะพานรองรับอยู่ข้างล่าง
อยากให้ดูกันทุกคนจริงๆครับ หนังดีมากๆ
รีวิว Night's Tightrope ผลงานจากคนเขียนหนังสือ Confession
หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในชีวิต
แด่ทุกความมืดที่โดนแสงสว่างบดบัง แด่ทุกชีวิตที่ไม่กล้าจะออกมาเผชิญโลกภายนอก
เรื่องมีอยู่ว่า เด็กสาวสองคนหมกมุ่นกับช่วงจังหวะสุดท้ายของมนุษย์จนคิดว่าจะต้องเห็นกับตาให้ได้คนนึงเลยเลือกจะไปทำงานที่บ้านพักคนชราส่วนอีกคนเลือกที่จะไปที่เด็กที่ต้องการปลูกถ่ายอวัยวะ
เป็นหนัง self-discovery ที่พาเราไปพบกับความตาย , บาดแผล และการจะอยู่ร่วมกับมัน ตอนแรกนึกว่าหนังมันจะมืดมากๆแต่ปรากฏว่ากลับกันเลยเพราะหนังมันเหมือนโยนเราไปในเหวที่ลึกสุดๆแล้วก็ดึงเราขึ้นมาเพราะทุกชีวิตมีความหวัง เราชอบตัวละครทุกตัวจริงๆ ทุกคนสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ทั้งหนุ่มวัยกลางคนที่โดนใส่ร้ายจนชีวิตพัง , สาวมัธยมที่โดนเพื่อนไล่ให้ไปตายซะทุกๆวัน , สาวมัธยมที่โดนอาจารขโมยงานเขียนของตนไปตีพิมพ์ในนามของตัวเอง หรือเด็กที่มีโอกาสรอดเพียง 7% หลังจากการผ่าตัด แต่ทุกๆคนก็ค่อยๆช่วยเติมเต็มคุณค่าของชีวิตและความหมายของการมีชีวิตอยู่ต่อให้กันอย่างช้าๆโดยไม่รู้ตัว มันงดงามจริงๆที่บางทีความจริงใจเล็กๆง่ายๆอาจจะนำพาไปสู่อะไรที่ดีกว่านั้น เพราะทุกๆครั้งที่เรามีบาดแผล ยังไงก็มีพลาสเตอร์ยามาแปะปิดแผลตรงจุดนั้นอยู่แล้ว
ตกใจมากที่หนังเรื่องนี้มาจากบทของคนเดียวกับที่เขียนเรื่อง Confession (2010) เพราะเรื่องนั้นดูจบแล้วเหนื่อยมาก สิ้นหวังแทนทุกๆคนและสังคมในเรื่อง กลับกันเรื่องนี้กับพูดถึงการลุกขึ้นยืนหลังจากความรู้สึก despair สิ้นหวังสุดๆ เหมือนเป็นด้านกลับของกันและกันเลย แต่ดีมากๆเพราะชีวิตมันไม่ได้ล้มอย่างเดียวจริงๆ
อยากให้ทุกๆคนที่อ่านถึงตรงนี้ได้ดูกัน แอบเสียใจที่ไม่ค่อยเห็นคนพูดถึงเรื่องนี้เลย เราไม่รู้ว่าคนอาจจะผิดหวังเพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่รุนแรงเท่า Confession รึปล่าว แต่สำหรับเรารุนแรงหรือไม่รุนแรงเรื่องนี้ก็เข้ามาเติมเต็มอะไรบางอย่างในชีวิตเราแล้ว ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหนังแบบนี้จะส่งผลกับจิตใจเราขนาดนี้ หวังว่าทุกคนจะชอบ ขอให้ดูกันให้สนุกนะ
ต่อจากนี้มีสปอยเนื้อหาเผื่อใครไม่เข้าใจหรือสนใจมาพูดคุยกันหลังดูจบแล้วว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อยากให้ดูกันทุกคนจริงๆครับ หนังดีมากๆ