นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แล้วก็ไม่ใช่ครั้งที่สองด้วย ที่ไปทานร้านนี้ เคยไปมาประมาณ 4-5 รอบ ที่ไม่ได้ไปบ่อยเพราะว่ามันไกลบ้าน ครั้งแรกคือเค้าเชิญให้ไปทำรีวิว คือถ้าไม่เชิญก็คงไม่ได้มีโอกาสรู้จักรหรอกค่ะ เพราะเป็นเด็กย่านเอกมัย ไปถึงสะพานควายนี่ no idea จริงๆ แต่หลังจากได้ลองครั้งแรก ก็มีกลับไปอีกนะ แปลว่ามันต้องมีอะไรดี ถึงยอมขับรถไปกินแถวโน้น
ริวิวครั้งแรก : https://fovefood.wordpress.com/2015/06/08/guru-gyuu-yakiniku-%e0%b8%81%e0%b8%b9%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%a7-buffet-super-1555/

คือร้านนี้ไม่ได้ใหญ่โต หรูหรา ตอนนี้มีเหลือสาขาเดียว คือข้างธนาคารออมสิน มีที่จอดรถข้างร้าน ร้านอยู่ติดถนน ที่มาทำรีวิวครั้งนี้เพราะเค้าปรับราคาและมีเมนูเพิ่มนิดหน่อย ถ้าเทียบกับเมื่อสองสามปีก่อนที่ไปทานครั้งแรกกับเมื่อวันที่ 12พ.ค. ที่ไปทานมา ถือว่ารักษาคุณภาพไว้ได้ดีมาก เกรดไม่ลด แต่ก็ไม่ควรลดเพราะราคามันแพงขึ้น 555 ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 1,999 บาท net ต่อคน คุ้มไม่คุ้มตามอ่านกันต่อไป

ตัวที่เป็นตัวขายดีของเค้าจริงๆจะเป็นตัว 699 ซึ่งเนื้อบางตัวที่เบนได้ทานก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว แต่มาทั้งที ก็ขอกินเน้น 1,999 บาทไปเลยดีกว่า ถ้าถามว่าเค้าเพิ่มอะไรมาบ้างจากเดิม บอกตรงๆว่าจำไม่ได้ และไม่ใส่ใจเท่าไหร เพราะหลักๆขอดูที่ลายเนื้อ เน้นๆๆๆ

ดูภาพสุดท้ายตอนแรกนึกว่าตัวเองตาลาย หรือถ่ายภาพเบลอ แต่ไม่ใช่ มันคือลายเนื้อ 555 zoom อยู่ตั้งนาน อยากจะบอกว่าเนื้อลายสวยมาก ก็อย่างที่เห็นอะคะ คุณว่าสวยไหมละคะ มันแทรกขนาดนี้ เค้าลายหินอ่อนจริงๆ คือตอนกลับมาดูรูปเขียนรีวิว รู้สึกอยากกลับไปกินอีก กำลังกลืนน้ำลายอยู่ตอนเขียน มันละลายในปากจริงๆ juicy สุดๆ เนื้อนุ่มมากกกกกกกกกกกกก

คือชีวิต blogger มันก็ดีนะ ที่มีคนชวนให้ไปกินฟรี แลกกับการเขียนรีวิวเนี้ย แต่ว่ากว่าจะได้กิน ต้องมารอถ่ายรูป รอให้อาหารครบเต็มโต๊ะ เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปออกมาได้สวยๆ

แต่สำหรับงานนี้ก็ดีอย่าง เนื้อมันหายเย็นหมดแล้วแน่นอน สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านของเบนมาก่อน ก็อยากจะขอแนะนำให้รอให้เนื้อหายแข็งก่อน แล้วค่อยนำไปย่างนะคะ เพราะว่าถ้านำเนื้อแข็งๆลงไปย่างเลย จะทำให้เนื้อกระด้าง เท่าที่เข้าใจ คือว่าเพราะว่าน้ำในเซลล์ที่กลายเป็นน้ำแข็งนั้น ถ้ามันค่อยๆละลายมันจะยังอยู่ในเซลล์ แต่ถ้ามันละลายอย่างรวดเร็ว มันจะไปทำให้เซลล์ของเนื้อเสียหาย และน้ำเนื้อ(ส่วนอร่อย)จะหายไปเยอะขึ้น ทำให้เนื้อกระด้าง <-- ความแน่ใจในเรื่องนี้ประมาณ 70% แต่ที่แน่ใจมากคือถ้าย่างตอนเนื้อเป็นน้ำแข็ง เนื้อจะกระด้าง

น้ำจิ้มเค้ามีประมาณ 5-6 อย่าง ที่ชอบใจคือมีแจ่วด้วย แต่เอาจริงๆ จนแล้วจนรอด ไม่ได้จิ้มน้ำจิ้มเลยสักคำ โรยเกลืออย่างเดียว


เมื่อก่อนเคยชอบเตาของเค้านะที่เป็นแผ่นเหล็กแบบเช็ดคราบออกได้อย่างง่ายดาย และถ่ายเทความร้อนได้ดีมากๆ เนื้อลงไปเป็ปเดียวสุก


แต่ตอนนี้กลับไม่ค่อยชอบเท่าไหรแล้ว คิดว่าเป็นเพราะว่าตอนนี้เริ่มแก่ กินของมันๆได้น้อยลง ไม่ใช่ว่ากลัวอ้วนหรือห่วงสุขภาพแต่อย่างใด เพราะเรื่องกินเรื่องใหญ่ตายเรื่องเล็ก แต่สังขารมันไม่ให้จริงๆ เลยรู้สึกว่า ถ้าเตาเป็นตะเกรงปิ้งคงจะดี เพราะน้ำมันของเนื้อมันจะได้หยดลงไปบนถ่าย มีควันหอมๆติดเนื้อ แล้วก็น้ำมันมันจะออกไปมากกว่า เพราะบนกระทะ น้ำมัน มันไม่ค่อยไหลหายไปเท่าไหร

เมนูที่เพิ่มขึ้นมาตัวนึงคือลิ้นแบบอย่างหนา ตอนแรกตื่นเต้นกับเมนูนี้ เพราะเป็นแฟนพันธุ์แท้ลิ้นลูกเต่า ที่ร้าน YakinikuTan เลยนึกว่าถ้าทำลิ้นหนาๆแล้วจะได้เหมือนร้านนั้น แต่ผิดหวังนิดหน่อย เพราะว่ามันยังไม่ค่อยนุ่มเท่าไหร เหนียวนิดๆ


แล้วบางทีเค้าอาจจะหนักมือพริกไทยไปหน่อย ก็บอกเค้าได้ค่ะ เพื่อใครไม่ชอบพริกไทย อีกตัวที่ชอบมากคือ กิวทาทากิ เป็นเหมือนเนื้อดิบยำ มันรสชาติถูกปาก และที่สำคัญแก้เลี้ยนได้ดีมากก


ส่วนเมนูอื่นๆ เค้าก็มีพวกกุ้งตัวใหญ่เลยทีเดียว แต่เบนไม่ได้กิน 555 เน้นเนื้อ ขาปู(ซึ่งเป็นแบบแช่แข็ง แล้วมันก็เค็มมาก) แล้วก็ที่อร่อยคือกระดองปูที่เป็นมันปูผสมเนื้อปู ทำออกมาได้ดี กลมกล่อม นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีพวกไข่ปลาหมึก ครีบปลากระเบน อะไรพวกนั้น และอื่นๆ


เรามาสรุปกันดีกว่าว่า มันคุ้มหรือไม่คุ้ม ถ้าคิดว่าย่างเนื้ออยู่บ้านเอง เนื้อ steak 1 ก้อน ทานคนเดียว 250 g. ถ้าเป็นเนื้อดีหน่อย มีมันแทรก แบบทานอร่อย ก็ตกกิโลกรัมละ ประมาณ 2,000 บาท ก็เท่ากับชิ้นละ 500 บาท  หรือถ้าเอาแบบลายสวยๆ อย่างเค้าเลย คิดว่าราคาปรีกน่าจะประมาณ 3,500/kg ก็เท่ากับชิ้นละ 875 บาท ราคาเกือบครึ่งหนึ่งของราคา buffet ที่นี้ ถูกกว่า ถือว่าได้ทานสองมื้อ แต่ว่าก็ได้ทานแค่อย่างเดียว ถ้ามาที่นี้ได้ทานหลายๆ สำหรับตัวเบนเอง เบนว่า 1,999 บาท มันราคาสูงทีเดียว แต่ถ้าถามว่าคุ้มไหมมันก็คุ้มนะ ถ้าตอนที่รู้สึกมีตังแล้วอยากกินเนื้อก็คงจะไป แต่คงไม่ได้ไปบ่อยๆ 5555