เรื่องการขอขมาพระรัตนตรัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญอย่างนึงสำหรับพุทธศาสนิกชนทุกคนครับ เพราะการขอขมานี้ก็ถือเป็นการแสดงถึงความเคารพต่อ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ เหตุเพราะหลายครั้งในชีวิตประจำวันของเราอาจจะเผลอ ประมาทล่วงเกิน หรือมีเหตุให้เกิดการปรามาสทั้ง 3 องค์ประกอบดังที่กล่าวมา ไม่ว่าทางกาย วาจา ใจ อาจจะด้วยความตั้งใจ ไม่ตั้งใจ เจตนา ไม่เจตนาหรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่จะมี
พระสงฆ์ เข้ามาเกี่ยวข้องในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ซึ่งยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ได้ และมีหลายเหตุการณ์ที่การวิพากษ์วิจารณ์นั้นกระทำไปก่อนที่จะรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่เพียงใด เกิดเป็นการปรามาสขึ้นจนมีการขอขมากันในท้ายที่สุด ซึ่งจริงๆแล้วในส่วนการขอมานั้นมีความสำคัญมากและผมเชื่อว่าหลายท่านอาจจะไม่ทราบวิธีการขอขมาที่ถูกต้อง จึงอยากมาแบ่งปันวิธีการ เพราะว่าถ้าเราไม่ทราบวิธีการขอขมาที่ถูกต้อง การขอขมานั้นจะไม่มีผลหรือเรียกว่าการขอขมานั้นเป็น
" โมฆะ " ครับ
ตัวผมเองนั้นในตอนแรกก่อนที่จะมาปฏับัติกรรมฐานก็มีความคิดว่าถ้าเราเกิดเผลอไปล่วงเกินหรือกล่าวคำไม่ดีตลอดจนปรามาสต่อ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อย่างใดอย่างหนึ่งก็จะต้องไปขอขมาในส่วนที่เราล่วงเกินไป กล่าวคือ ถ้าเราล่วงเกินพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งเข้าเราจะไปขอขมาต่อท่านเพียงเท่านั้นก็ถือว่าจบในส่วนของการขอขมา....ต่อมาภายหลังพอได้ปฏิบัติกรรมฐานและได้ครูบาอาจารย์สั่งสอนแนะนำก็ทราบว่าการขอขมาต่อพระสงฆ์อย่างเดียวนั้น
ไม่มีผลและเป็นโมฆะ ทำไมถึงไม่มีผล ? มาทำความเข้าใจกันและรู้วิธีการขอขมาที่ถูกต้องกันครับ
พระพุทธศาสนาประกอบด้วย
พระพุทธ หรือพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นเป็นลำดับแรก
พระธรรม หรือพระธรรมคำสอนเกิดขึ้นลำดับสอง
พระสงฆ์ หรือสาวกที่เลื่อมใสในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นเป็นลำดับสาม
หากเราล่วงเกินส่วนหนึ่งส่วนใดไป เราจะขอขมายังไงถึงจะมีผลและไม่เป็นโมฆะ
จะขอยกตัวอย่างในส่วนที่เราล่วงเกินพระสงฆ์ดังที่กล่าวมานะครับ
พระสงฆ์ คือ บุคคลที่เลื่อมใสในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะท่านเลื่อมใสในพระธรรมคำสอนท่านจึงบรรพชาและเป็นพระสงฆ์ กล่าวคือ การที่ท่านเป็นพระสงฆ์ได้เพราะอาศัยพระธรรม และพระธรรมนั้นแสดงโดยพระพุทธเจ้า ในทางกลับกันถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าก็จะไม่มีพระธรรม เมื่อไม่มีพระธรรมก็จะไม่มีพระสงฆ์ ถ้าเราจะจำแนกออกมาก็จะได้
พระสงฆ์คือ ---> บุคคลที่มี ---->พระธรรม ซึ่งพระธรรมเป็นของ---->พระพุทธเจ้า
เมื่อเราล่วงเกินพระสงฆ์
เราก็จะล่วงเกิน ---->บุคคลที่มีพระธรรม ซึ่งพระธรรมเป็นของ ----> พระพุทธเจ้า
ฉะนั้น
" เมื่อเราล่วงเกินพระสงฆ์ ซึ่งจะหมายรวมถึงเราล่วงเกินพระธรรม และจะหมายรวมถึงเราล่วงเกินพระพุทธเจ้าครับ "
ทีนี้พอเราล่วงเกินพระสงฆ์รูปใดและจะไปขอขมาท่านดังที่ผมได้กล่าวไปตอนต้น โดยส่วนใหญ่เราจะไปขอขมาตรงต่อพระสงฆ์ท่านซึ่งก็คือ ขอขมาในส่วน
พระสงฆ์ แต่ไม่ได้ขอขมาในส่วนที่ทำให้ท่านเป็นพระสงฆ์นั่นคือ
พระธรรม และไม่ได้ขอขมาในส่วนของผู้แสดงธรรมหรือเจ้าของพระธรรมนั่นคือ
พระพุทธเจ้า การขอขมานี้จึงเป็น
โมฆะหรือไม่มีผล ด้วยเหตุเพราะเรา ขอขมาไม่ครบองค์ประกอบโดยเฉพาะสิ่งสูงสุดที่ทำให้มี
พระธรรม และ พระสงฆ์ นั่นคือ พระพุทธเจ้า ถ้าจะให้มีผลเราต้อง
ขอขมาตรงต่อพระพุทธเจ้าครับ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? ก็เพราะความเป็นพระสงฆ์เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยพระพุทธเจ้า ดังที่ได้อธิบายและยกตัวอย่างถึงที่มาที่ไปและการเกี่ยวโยงกันและขอให้จำไว้ว่าถ้าเราล่วงเกินไม่ว่า
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นคือเรา
ล่วงเกินพระพุทธเจ้า นะครับ
จากที่ได้อธิบายไปแล้วในส่วนของ พระสงฆ์ ในส่วนของ พระพุทธ และพระธรรม ก็เช่นกันใช้วิธีเดียวกันดังที่ได้กล่าวมานะครับคือ
ขอขมาตรงต่อพระพุทธเจ้า แต่ปัญหาคือพระพุทธเจ้าท่านเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้วเราจะขอขมาตรงได้อย่างไร ก็ขอให้ใช้สิ่งที่แทนพระพุทธเจ้าได้ครับ นั่นก็คือ
พระพุทธรูปหรือพระประธาน ครับ
วิธีการขอขมา เราก็หาดอกไม้หรือพวงมาลัยตามที่เราสะดวกในการจัดหา แล้วหาพระพุทธรูปจะเป็นพระประธานในวัดวาอารามต่างๆที่เราสะดวกใกล้บ้าน หรือพระพุทธรูปในบ้านเราก็ได้ครับ ส่วนคำกล่าวหรือพิธีการนั้นก็แล้วว่าใครจะถนัดแบบนั้น เพียงแค่ขอให้เรา
ขอขมาด้วยความจริงใจ และสำนึกผิด ในสิ่งที่เราได้กระทำไปต่อหน้าพระพุทธรูปให้เปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ต่อหน้าพระพักต์พระพุทธเจ้านะครับ หรืออาจจะนำคำขอขมาที่ผมใช้เป็นประจำไปใช้ก็ได้ครับ
" นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะฯ ( ว่า ๓ จบ )
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ
หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกายก็ดี ทางวาจาก็ดี ทางใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่มีเจตนาก็ดี และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่นิพพานด้วยเทอญ "
ก่อนจบฝากไว้นิดนึงจะครับว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้นเป็นไปได้เลี่ยงวิพากษ์ วิจารณ์ดีกว่าครับไม่ว่ากรณีใหนป้องกันตัวเราไว้ก่อนดีกว่าครับ โดยเฉพาะพระสงฆ์ ไม่ว่าท่านดีหรือไม่ดี ก็ให้เป็นเรื่องของท่านนะ เราก็เฉยๆไว้ปลอดภัยที่สุดครับ
แต่หากเราพลาดไปจริงๆ ในส่วนของพระสงฆ์ก็ขอให้ไปขอขมาต่อพระพุทธเจ้าโดยใช้พระพุทธรูปที่บ้าน หรือพระประธานดังที่แนะนำไปแล้วก่อนนะครับ และไปขอขมากับท่านอีกทีนึงและการขอขมาพระรัตนตรัยนี้สามารถทำได้ทุกวันครับ
คงพอมีประโยชน์ในสิ่งที่นำมาแบ่งปันนะครับ หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดพลาดไปก็ขอขมาและขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียวครับ
แบ่งปัน " วิธีการขอขมาพระรัตนตรัยที่ถูกต้อง "
ตัวผมเองนั้นในตอนแรกก่อนที่จะมาปฏับัติกรรมฐานก็มีความคิดว่าถ้าเราเกิดเผลอไปล่วงเกินหรือกล่าวคำไม่ดีตลอดจนปรามาสต่อ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ อย่างใดอย่างหนึ่งก็จะต้องไปขอขมาในส่วนที่เราล่วงเกินไป กล่าวคือ ถ้าเราล่วงเกินพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่งเข้าเราจะไปขอขมาต่อท่านเพียงเท่านั้นก็ถือว่าจบในส่วนของการขอขมา....ต่อมาภายหลังพอได้ปฏิบัติกรรมฐานและได้ครูบาอาจารย์สั่งสอนแนะนำก็ทราบว่าการขอขมาต่อพระสงฆ์อย่างเดียวนั้น ไม่มีผลและเป็นโมฆะ ทำไมถึงไม่มีผล ? มาทำความเข้าใจกันและรู้วิธีการขอขมาที่ถูกต้องกันครับ
พระพุทธศาสนาประกอบด้วย
พระพุทธ หรือพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นเป็นลำดับแรก
พระธรรม หรือพระธรรมคำสอนเกิดขึ้นลำดับสอง
พระสงฆ์ หรือสาวกที่เลื่อมใสในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นเป็นลำดับสาม
หากเราล่วงเกินส่วนหนึ่งส่วนใดไป เราจะขอขมายังไงถึงจะมีผลและไม่เป็นโมฆะ
จะขอยกตัวอย่างในส่วนที่เราล่วงเกินพระสงฆ์ดังที่กล่าวมานะครับ
พระสงฆ์ คือ บุคคลที่เลื่อมใสในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะท่านเลื่อมใสในพระธรรมคำสอนท่านจึงบรรพชาและเป็นพระสงฆ์ กล่าวคือ การที่ท่านเป็นพระสงฆ์ได้เพราะอาศัยพระธรรม และพระธรรมนั้นแสดงโดยพระพุทธเจ้า ในทางกลับกันถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าก็จะไม่มีพระธรรม เมื่อไม่มีพระธรรมก็จะไม่มีพระสงฆ์ ถ้าเราจะจำแนกออกมาก็จะได้
พระสงฆ์คือ ---> บุคคลที่มี ---->พระธรรม ซึ่งพระธรรมเป็นของ---->พระพุทธเจ้า
เมื่อเราล่วงเกินพระสงฆ์
เราก็จะล่วงเกิน ---->บุคคลที่มีพระธรรม ซึ่งพระธรรมเป็นของ ----> พระพุทธเจ้า
ฉะนั้น
" เมื่อเราล่วงเกินพระสงฆ์ ซึ่งจะหมายรวมถึงเราล่วงเกินพระธรรม และจะหมายรวมถึงเราล่วงเกินพระพุทธเจ้าครับ "
ทีนี้พอเราล่วงเกินพระสงฆ์รูปใดและจะไปขอขมาท่านดังที่ผมได้กล่าวไปตอนต้น โดยส่วนใหญ่เราจะไปขอขมาตรงต่อพระสงฆ์ท่านซึ่งก็คือ ขอขมาในส่วน พระสงฆ์ แต่ไม่ได้ขอขมาในส่วนที่ทำให้ท่านเป็นพระสงฆ์นั่นคือ พระธรรม และไม่ได้ขอขมาในส่วนของผู้แสดงธรรมหรือเจ้าของพระธรรมนั่นคือ พระพุทธเจ้า การขอขมานี้จึงเป็น โมฆะหรือไม่มีผล ด้วยเหตุเพราะเรา ขอขมาไม่ครบองค์ประกอบโดยเฉพาะสิ่งสูงสุดที่ทำให้มี พระธรรม และ พระสงฆ์ นั่นคือ พระพุทธเจ้า ถ้าจะให้มีผลเราต้อง ขอขมาตรงต่อพระพุทธเจ้าครับ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? ก็เพราะความเป็นพระสงฆ์เกิดขึ้นได้เพราะอาศัยพระพุทธเจ้า ดังที่ได้อธิบายและยกตัวอย่างถึงที่มาที่ไปและการเกี่ยวโยงกันและขอให้จำไว้ว่าถ้าเราล่วงเกินไม่ว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั่นคือเรา ล่วงเกินพระพุทธเจ้า นะครับ
จากที่ได้อธิบายไปแล้วในส่วนของ พระสงฆ์ ในส่วนของ พระพุทธ และพระธรรม ก็เช่นกันใช้วิธีเดียวกันดังที่ได้กล่าวมานะครับคือ ขอขมาตรงต่อพระพุทธเจ้า แต่ปัญหาคือพระพุทธเจ้าท่านเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้วเราจะขอขมาตรงได้อย่างไร ก็ขอให้ใช้สิ่งที่แทนพระพุทธเจ้าได้ครับ นั่นก็คือ พระพุทธรูปหรือพระประธาน ครับ
วิธีการขอขมา เราก็หาดอกไม้หรือพวงมาลัยตามที่เราสะดวกในการจัดหา แล้วหาพระพุทธรูปจะเป็นพระประธานในวัดวาอารามต่างๆที่เราสะดวกใกล้บ้าน หรือพระพุทธรูปในบ้านเราก็ได้ครับ ส่วนคำกล่าวหรือพิธีการนั้นก็แล้วว่าใครจะถนัดแบบนั้น เพียงแค่ขอให้เรา ขอขมาด้วยความจริงใจ และสำนึกผิด ในสิ่งที่เราได้กระทำไปต่อหน้าพระพุทธรูปให้เปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ต่อหน้าพระพักต์พระพุทธเจ้านะครับ หรืออาจจะนำคำขอขมาที่ผมใช้เป็นประจำไปใช้ก็ได้ครับ
" นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะฯ ( ว่า ๓ จบ )
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ
หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกายก็ดี ทางวาจาก็ดี ทางใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่มีเจตนาก็ดี และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่นิพพานด้วยเทอญ "
ก่อนจบฝากไว้นิดนึงจะครับว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นั้นเป็นไปได้เลี่ยงวิพากษ์ วิจารณ์ดีกว่าครับไม่ว่ากรณีใหนป้องกันตัวเราไว้ก่อนดีกว่าครับ โดยเฉพาะพระสงฆ์ ไม่ว่าท่านดีหรือไม่ดี ก็ให้เป็นเรื่องของท่านนะ เราก็เฉยๆไว้ปลอดภัยที่สุดครับ
แต่หากเราพลาดไปจริงๆ ในส่วนของพระสงฆ์ก็ขอให้ไปขอขมาต่อพระพุทธเจ้าโดยใช้พระพุทธรูปที่บ้าน หรือพระประธานดังที่แนะนำไปแล้วก่อนนะครับ และไปขอขมากับท่านอีกทีนึงและการขอขมาพระรัตนตรัยนี้สามารถทำได้ทุกวันครับ
คงพอมีประโยชน์ในสิ่งที่นำมาแบ่งปันนะครับ หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดพลาดไปก็ขอขมาและขอน้อมรับไว้แต่เพียงผู้เดียวครับ