เตือนด้วยความหวังดี "หุ้นพลังงาน" : โดย มิตร กัลยาณมิตร บทความจากเว็บไซต์ Share2Trade

    ว่ากันตามตรง รัฐบาลชุดปัจจุบันทันต่อเหตุการณ์จริงๆ ต้องยอมรับว่า "ทีมงานด้านสื่อ" ทำงานได้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนล่าสุดที่ผ่านมา นั่นคือเรื่อง "น้ำมันและก๊าซ" ถือว่า ทันต่อเหตุการณ์ และพยายามปิดกระแสที่มีได้อย่างเนียนๆ โดย....

    "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี บอกถึงการดูแลราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซแอลพีจี ว่า รัฐบาลไม่ได้บริหารงานโดยยึดหลักเศรษฐศาสตร์หรือกลไกตลาดเพียงอย่างเดียว แต่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนด้วย หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนหรือประสบปัญหาก็จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยจะใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร และอุดหนุนราคาก๊าซแอลพีจี 10 บาทต่อขนาดถัง 15 กิโลกรัม ทำให้ราคาแอลพีจีลดลงเหลือไม่เกินถังละ 363 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมนี้ "แต่ใครซื้อก่อน จังจ่ายกว่า 400 บาทนะครับ"
    นอกจากนี้ ยังให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามราคาสินค้าและบริการที่สำคัญ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคาและเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค       

    แต่รายนี้ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว นั่นคือ "บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ก่อนหน้าได้ปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนลง 2 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม จะทำให้มีราคาลดลงมาอยู่ที่ 365 บาทต่อถัง จากเดิมที่อยู่ที่ 395 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ซึ่งลดลงจากเดิม 30 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 25 - 28 พฤษภาคม 2561เป็นต้นไป หลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน มีมติให้ลดลงตามราคาตลาดโลกและนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอุดหนุน
    ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สิ่งที่ PTT ทำ เล่นเอาบรรดาผู้ค้าน้ำมันทั้งหลายต้องมองค้อน เพราะประกาศลดราคาน้ำมันลงก่อนตลาดน้ำมันล่วงหน้าจะปิดทำการในคืนวันศุกร์ คือ เล็งไปข้างหน้าว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกจะลด จึงชิงประกาศลดก่อน ทำให้คืนวันศุกร์ หลายสถานีบริการน้ำมันเงียบเหงา เพราะพยายามอดทนรอเช้าวันเสาร์ เรียกได้ว่า ใครที่ติดตามข่าว จะไม่เติมแน่ๆ ส่วนคนเติม คือ หมดจริงๆ หรือไม่ได้ยินข่าวประกาศลดราคาน้ำมัน

    ประเด็นดังกล่าว ต้องยอมรับว่า เป็นข่าวบวกต่อพี่น้องประชาชน แต่เป็นข่าวไม่ค่อยดีเท่าไหร่กับหุ้น PTT รวมทั้งรายอื่นๆ ที่บริหารสต็อก กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง ในช่วงที่ราคาน้ำมันผันผวน หรือราคาก๊าซผันผวน และก็เป็นที่มาของผลกระทบมายังราคาหุ้นบนกระดานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    ธรรมชาติของหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลาย ขึ้นอยู่กับกระแสโลก ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโลก และหนักสุด เดาทางยากที่สุดของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก็คือ "การเก็งกำไร" ที่มีทุกวัน
    และที่น่ากลัวที่สุดของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก็คือ "การแทรกแซง" ของภาครัฐ ล่าสุด ถือว่า "ชัดเจน" คือ มีการแทรกแซงจากรัฐบาล เพื้อป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับการเดือดร้อน ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงาน ถูกจับตามองทันที "ไม่ทำก็ไม่ได้" เอาเป็นว่า ไม่ต้องชัดเจนถึงขนาดที่ว่า สั่งการ เอาแค่ "มองตาก็รู้ใจ" น่าจะฟังดูดีกว่า
    เสมือนหนึ่ง เป็นนโยบายที่ทุกรัฐวิสาหกิจต้องเข้าใจ ว่ารัฐบาลต้องการอะไร แค่สนองตอบก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องรอให้ประชาชนออกมาเรียกร้อง หรือปลุกกระแส เหมือนที่เขาทำกันว่า "พร้อมใจไม่เติม PTT" มันก็เกินไปหน่อย และปลุกไม่ขึ้น เพราะอย่างไรเสีย การเล่นเกมที่ว่า "รัฐบาลมาเหนือเมฆมากกว่า" และที่สำคัญไปกว่า PTT ก็เล่นเป็น

    คำถามคือ "ทำไมถึงไม่สำเร็จ" ทำไมถึงปลุกไม่ขึ้น และทำไมผู้คนยังเข้าสถานีบริการน้ำมัน PTT
    ราคาน้ำมันลดลง ทุกคนแฮปปี้ และการประกาศลดราคาก่อนทิศทางน้ำมันจะชัดเจน ถือเป็นการวัดใจประชาชน แม้เพื่อนๆ ร่วมอาชีพจะไม่ค่อยพอใจ แต่ทุกราย ก็จำต้องทำตาม และขาดทุนสต็อกไปตามระเบียบ เพราะเมื่อคืนวันศุกร์ หลายสถานีบริการน้ำมัน "เงียบเหงา"
    บวกกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ยิ่งยังไม่เป็นใจให้ราคาน้ำมันขยับ มีแต่จะลดลง ตรงนี้ก็ส่งผลลบโดยตรงกับกลุ่มน้ำมันทันทีเหมือนกัน โดยเฉพาะ PTT
    จากสัปดาห์ที่ผ่านมา ความกังวลเรื่องรัฐบาลแทรกแซงทั้งน้ำมันและก๊าซ บวกกับการลดน้ำหนักการลงทุนหุ้น PTT ของโบรกเกอร์ต่างชาติ และ MSCI ลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เป็นตัวซ้ำเติมเข้ามาอีก เราจึงได้เห็นการปรับพอร์ทการลงทุนของนักลงทุนสถาบันกันในช่วงนี้

    ขณะเดียวกัน หุ้นที่อยู่ในธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน จะทำอย่างไร ?
    "หมากเกมนี้ ฉันก็รู้ว่าจะต้องลงเอยอย่างไร..." ว่ากันตามจริง ก็ไม่เสมอไป เพราะเอาแค่ราคาก๊าซก็แล้วกัน ความกังวลอาจจะมีบ้าง แต่ความเป็นจริง บางรายเริ่มรุกต่างประเทศมากขึ้น ทั้งจีน เวียดนาม มาเลเซีย เมียนมา มีท่าเรือเป็นของตัวเอง มีคลังเก็บเป็นของตัวเอง เมื่อทิศทางเป็นขาขึ้น ในช่วงขาลงที่ผ่านมา ก็มีการตุนเก็บของไว้จำนวนมาก แค่บริหารจัดการให้ดี บวกกับประสบการณ์ในอดีตที่เรียกว่า "เก๋า" คงพอให้เอาตัวรอดได้สบายๆ
    ในประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลจะประกาศอะไร หรือทำอะไร ทุกรายได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด กำไรเพิ่มหรือลด คงไม่แตกต่างกันมากนัก ก็วัดกันแค่ใครเป็นเบอร์หนึ่ง เบอร์สอง เบอร์สาม เพราะก๊าซหุงต้มในบ้านเรา เวลาสั่งของ "แบรนด์ใคร แบรนด์มัน" ไม่เกี่ยว เช่น แฟนคลับ PTT เขาก็จะสั่งก๊าซ PTT คงไม่ไปเอา "สยามแก๊ส" หรือ "เวิร์ลแก๊ส" คือ แฟนใครแฟนมัน ไม่เกี่ยวกัน

    บางคนอาจจะกังวลว่า เมื่อ PTT ได้รับผลกระทบเรื่องการแทรกแซงของภาครัฐ จะทำให้รายอื่นๆ โดนไปด้วย บอกได้เลยว่า ไม่เกี่ยวกัน หรือเกี่ยวข้องกันน้อย แค่เรื่องราคาเท่านั้น และช่วงจังหวะเวลาของการสั่งแก๊ส ก็แตกต่างกัน ราคาผันผวนแทบจะน้อย แต่กำไรที่มีมากน้อยขึ้นอยู่กับสต็อกเป็นสำคัญ
    ที่เขียนมาไม่ได้ส่งสัญญาณไปถึงหุ้นตัวไหน แต่อยากจะบอกว่า นี่คือ "ธุรกิจพลังงาน" ไม่ว่าจะน้ำมันหรือก๊าซ ล้วนแล้วแต่มีโอกาสได้รับผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคาในตลาดโลก และที่สำคัญคือ ใครก็ตาม ที่บริหารสต็อกเก่ง มีปริมาณสำรองจำนวนมากๆ ความได้เปรียบก็จะมากขึ้น ซึ่งในประเทศไทย นอกจาก PTT ก็มี SGP หรือ "สยามแก๊ส" นี่แหละ (ว่ากันด้วยเรื่องก๊าซ)
    ที่เหลือ ท่านผู้อ่านลองนำไปพิจารณากันดูนะครับ
    ทิ้งท้าย ในธุรกิจที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ บางคนบาดเจ็บ เรียกว่า "เจ็บจนกลัว" นั่นเพราะคุณยังไม่รู้วิธีรับมือกับมันไงครับ ลองนั่งพินิจ พิจารณากันดู เพราะมันคือเกมของตลาดโลก ถ้าเราตามทัน ก็ต้องลงสนามลุย แต่ถ้าตามไม่ทัน และมองว่า "มันยุ่งยาก" ก็อยู่เฉยๆ ไปหากลุ่มอื่น ตัวอื่นๆ ที่ตรงกับพฤติกรรมของเรา เหมาะสมกับเรา จะดีกว่า

    เตือนด้วยความหวังดี....
/////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก www.facebook.com/Share2Trade/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่