จะเล่ายังไงดีนะ 55555
เอาว่าขอเคลียร์เบื้องต้นก่อนว่า บางอย่างหรือหลายๆอย่าง เข้าใจว่าเป็นเรื่องเบสิคหรือเป็นเรื่องความเคยชินของสัตวแพทย์ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันของเจ้าของสุนัข เราไปหาหมอก็ต้องการข้อมูล ต้องการคำแนะนำ ต้องการความมั่นใจ ต้องการที่พึ่ง เช่น ถ้าเป็นหมอคน หมอจะให้ทำอะไรซักอย่างก็ต้องมีการอธิบายว่าทำอะไร ทำแล้วจะเป็นยังไง มีอะไรต้องเฝ้าระวังหรือเปล่า แล้วมีค่าใช้จ่ายยังไง
เล่าเรื่องที่เกิดที่รพส.ก่อน
1. พาน้องหมาที่บ้านไปอาบน้ำ เป็นพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย ซึ่งเป็นเชื้อราอยู่ ก็เอาแชมพูยาไปด้วย ปกติ
2. อาบเสร็จ ช่างแจ้งว่า ที่หูดูมีสะเก็ดๆเหมือนเป็นแผลเกา
3. ผมก็เลยบอกว่าลองให้คุณหมอดูให้หน่อยว่าหูเป็นอะไร + ช่วยดูให้ด้วยว่า แผลเชื้อราที่เป็นอยู่แล้ว ใกล้จะหายหรือยัง ต้องการแค่นี้
4. รุมๆหมาผมอยู่ซักพัก คุณหมอมาแจ้งว่า น่าจะใช่เชื้อรานะ ผมก็งงๆ ก็บอกไปแล้วว่าเชื้อราแค่อยากทราบว่าใกล้หายหรือยัง แล้วหมอก็บอกว่าเดี๋ยวยังไงเอาไปส่องกล้องจุลทรรศน์ดูให้ แล้วก็เดินกลับเข้าไป
5. ซักพักใหญ่ ออกมาใหม่ บอกว่าหูเป็นยีสต์ ต้องจ่ายยาหยอดหู ผมก็โอเคๆ
6. หมอถามว่าจะหยอดที่บ้านหรือหยอดไปเลย ผมก็เลยบอกว่าหยอดไปเลย เพราะเห็นว่าอยู่ในมือหมอ โอเคชัวร์
7. หยอดข้างละ 5 หยด ส่วนตัวรู้สึกว่าเยอะมากเพราะหมาตัวเล็กมาก แทบจะท่วมรูหู แต่เค้าบอกว่าเป็นโดสของยาตัวนี้ หยอดเสร็จก็ให้อยู่ในกระเป๋า หมาผมก็สะบัดๆๆอยู่ในนั้น
8. อยู่ในรถสังเกตเห็นว่า ขนข้างหูกับหน้าผากเปียกๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
9. กลับมาบ้านสรุปว่าที่เปียกๆนั่นคือยาไหลออกมาหมด ที่สำคัญคือ "เข้าตา 1 ข้าง" ขยิบตาเกาตาตลอด ตาบวมด้วย
10. ก็เลยโทรกลับไปที่รพส.ถามว่าอะไรยังไงแล้วต้องทำยังไง ปลายสายถามผมทันทีว่าน้องสะบัดหัวหรือเปล่า แล้วก็บอกให้เอายาหยอดตาคนเช็ดตา ผมทำแล้วมันก็ไม่หาย
11. สุดท้ายตัดสินใจกลับไปที่รพส.ตอนห้าทุ่ม เจอหมอเวรกลางคืนซึ่งดีมากๆๆ ก็มีการเช็คต่างๆ เช็คว่างกระจกตาเป็นแผลเป็นรอยหรือเปล่า หมอบอกว่าถ้าอะไรแบบนี้เข้าตาแล้วเค้าเกาเยอะกระจกตาจะมีปัญหาได้
12. สรุปไม่เป็นอะไรไปมากกว่าระคายเคืองและตาบวม หมอก็จ่ายยาหยอดตามาเพิ่ม กำลังจะคิดเงิน ซึ่งหมอดีมาก ไม่คิดค่าเหนื่อยของหมอเองเพราะหมอบอกว่าเมื่อกลางวันคิดไปแล้ว [หมอคนละคนนะครับ] ทางฝั่งผมก็เลยบอกว่า ขอไม่จ่าย เพราะทางรพส.ควรจะดูแลด้วยซ้ำ เพราะหยอดยาด้วยมือหมอเองเมื่อตอนกลางวัน แต่ไม่มีการเตือนไม่มีการให้คำแนะนำใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องถามเองหมด ซึ่งผมก็คงผิดเองแหละมั้งที่คิดเองไม่ได้ว่าหมาจะสะบัดหัวแล้วยาเข้าตา เหอะๆ
13. ก็ฝากเรื่องคุณหมอเอาไว้ให้ผอ.รพส. แล้วก็กลับบ้านครับ ได้คอลลาร์กับยาหยอดตากลับบ้าน
- - - สรุปค่าใช้จ่าย - - -
ตอนกลางวัน เสียค่าเช็คว่าใช่เชื้อรามั้ยไปประมาณ 180 , เช็คยีสต์ที่หูอีกประมาณ 180 , ค่ายาหยอดหู 600 , ค่าหมอประมาณ 350 , ค่าเครื่องมือหรืออะไรซักอย่างอีก 100 กว่าๆ | ส่วนนี้จ่ายไปแล้วทั้งหมด
ตอนห้าทุ่ม จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ตรงนี้ปฏิเสธที่จะจ่าย จนกว่าจะได้คุยกับผอ.
> > > > สรุปประเด็นที่คาใจ < < <
a. จะทำอะไรที่มีค่าใช้จ่าย ปกติรพส.เค้าไม่แจ้งกันก่อนเหรอครับ เพราะเคยไปรพส.รัตนาธิเบศร์จะทำอะไรแจ้งตลอด บริการดีเหมือนโรงพยาบาลคน
b. ประเด็นยาไหลเข้าตา ทั้งๆที่หมอหยอดเอง คือสงสัยมากว่าทั้งๆที่หมอรู้ว่ามีโอกาสเกิดขึ้น ปกติแล้วไม่ต้องเตือนอะไรกันเลยเหรอครับ ไม่มีอะไรต้องเฝ้าระวังอะไรเลยเหรอ หรือตามเวรตามกรรม โอเคหยอดหูนะ แต่ถ้าสะบัดจนเข้าตาก็มาอีกรอบเสียตังอีกรอบนะ แบบนี้เหรอ คือแทนที่ไปหาหมอ จะดีขึ้น กลายเป็นแย่ลง
- - - วันนี้ 25/05/2018 - - -
ผอ.โทรมาคุยกับผม ได้ความว่า
> ผอ.เริ่มด้วยการพูดซ้ำไปมาอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าไม่ต้องการเสียเงิน ให้แจ้งก่อน ให้แจ้งก่อน แล้วก็พูดซ้ำอยู่แต่เรื่องไอ้ค่ารักษาตอนกลางวัน จนผมต้องบอกว่า ผมมีปัญญาจ่าย ผมแค่สงสัยว่าจะทำอะไรปกติไม่ต้องบอกลูกค้าก่อนเหรอ จึงจะได้คำตอบว่า
> เป็นเรื่องปกติที่ทำอะไรไม่ได้แจ้งก่อน ถ้าลูกค้าอยากให้แจ้งก่อน ก็บอกเคาเตอร์ก่อนทำการรักษาได้ ว่ามีอะไรต้องเสียเงินให้บอกก่อนนะ
> ยาไหลเข้าตา ผอ.บอกว่าเกิดขึ้นได้ แต่ปกติก็ไม่มีการเตือนอะไรเลย หยอดหูก็แค่หยอดหูอ่ะครับ เพราะเกิดขึ้นได้น้อยมาก ผมก็เลยเห้ย อ้าว รู้อยู่แล้วนี่หว่าว่าเกิดขึ้นได้ ก็เลยถามว่าอ้าว แล้วถ้าไม่เตือน แล้วมันเกิดขึ้น ก็คือแล้วแต่ดวงของหมากับเจ้าของเหรอครับ ทางรพส.ไม่มีมาตรการอะไรเลยเหรอ ผอ.ไม่สนใจที่ผมพูดครับ ผอ.ตัดบทผมด้วยการบอกว่า "คุณอย่าไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดหรือไม่ได้เกิด - เมื่อคืนที่มารอบสอง หมอดูแลให้ ใช่มั้ยครับ - หมอจ่ายยาหยอดตาให้ ใช่มั้ยครับ - หมอดูแล้วกระจกตาไม่เป็นอะไร ใช่มั้ยครับ - ถ้างั้นตอนนี้ก็คือโอเคแล้ว" ผมฟังแล้วอึ้งมาก ไม่รู้จะพูดยังไงดี ประเด็นของผมที่ว่าถ้าม่มีการเตือนก่อน ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของหมากับเจ้าของใช่หรือไม่ ไม่มีการตอบใดๆ
> สุดท้ายผอ.พูดกับผมว่า ค่าใช้จ่ายเมื่อคืน "หมอไม่คิด" ถือว่าดูแลแล้วกันครับ
= สรุปสุดท้าย =
ความรู้สึกที่มีต่อผอ.โรงพยาบาลนี้คือ หน้าเงินมาก คุยด้วยแล้วไม่ได้รับรู้ถึงความเอาใจใส่ต้อลูกค้าหรือสัตว์ที่ไปโรงพยาบาลเลย
พูดจาทุกอย่างคือลูกค้าผิดเอง ที่ไม่แจ้งก่อนว่ามีอะไรให้บอกนะ หมาผมผิดเองที่เป็นหมาแล้วไม่สบายรูหูแล้ว
สะบัด ก็จงกลับมาที่โรงบาลเพื่อเสียเงินนะ สุดท้ายยังพูดเหมอืนเป็นบุญคุณอีกว่า "หมอไม่คิดเงิน ถือว่าดูแล" โถ่ เป็นต่างประเทศนี่น่าจะฟ้องได้ด้วยซ้ำมั้ง
อ้อ มีอย่างเดียวที่หมอบอกว่าขออภัย ใช้คำว่าขออภัยด้วยนะ คือ ขออภัยที่ลูกค้ารู้สึกไม่ดีกับการบริการ 55555
สรุปเดี๋ยวถ้ามีโอกาสก็จะไปจ่ายเงินในส่วนนั้นครับ ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนแบบนี้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลืมพูดถึงฝั่งกรูมมิ่ง 555555
คือฝั่งช่างอาบน้ำตัดขนดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กอไก่สามสิบห้าล้านตัว
ไม่รู้จะบอกยังไง แต่รู้สึกว่าดีมากจริงๆ 5555 อธิบายขั้นตอนต่างๆดีกว่าหมอที่ผมเจออธิบายอีกเอาจริงๆ
ปล.หมอคนอื่นในรพส.รู้สึกว่าโอเคนะครับ ส่วนพี่ๆตรงเคาเตอร์ก็ดีเหมือนกัน เอาง่ายๆว่าทุกอย่างดีหมดยกเว้นหมอคนที่ผมเจอกับผู้อำนวยการ
[CR] [รีวิว] ผอ.โรงพยาบาลสัตว์บ้านหมอรักหมาแย่มาก แต่ด้านที่เป็นกรูมมิ่งดีมาก
เอาว่าขอเคลียร์เบื้องต้นก่อนว่า บางอย่างหรือหลายๆอย่าง เข้าใจว่าเป็นเรื่องเบสิคหรือเป็นเรื่องความเคยชินของสัตวแพทย์ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันของเจ้าของสุนัข เราไปหาหมอก็ต้องการข้อมูล ต้องการคำแนะนำ ต้องการความมั่นใจ ต้องการที่พึ่ง เช่น ถ้าเป็นหมอคน หมอจะให้ทำอะไรซักอย่างก็ต้องมีการอธิบายว่าทำอะไร ทำแล้วจะเป็นยังไง มีอะไรต้องเฝ้าระวังหรือเปล่า แล้วมีค่าใช้จ่ายยังไง
เล่าเรื่องที่เกิดที่รพส.ก่อน
1. พาน้องหมาที่บ้านไปอาบน้ำ เป็นพันธุ์ยอร์คเชียร์เทอร์เรีย ซึ่งเป็นเชื้อราอยู่ ก็เอาแชมพูยาไปด้วย ปกติ
2. อาบเสร็จ ช่างแจ้งว่า ที่หูดูมีสะเก็ดๆเหมือนเป็นแผลเกา
3. ผมก็เลยบอกว่าลองให้คุณหมอดูให้หน่อยว่าหูเป็นอะไร + ช่วยดูให้ด้วยว่า แผลเชื้อราที่เป็นอยู่แล้ว ใกล้จะหายหรือยัง ต้องการแค่นี้
4. รุมๆหมาผมอยู่ซักพัก คุณหมอมาแจ้งว่า น่าจะใช่เชื้อรานะ ผมก็งงๆ ก็บอกไปแล้วว่าเชื้อราแค่อยากทราบว่าใกล้หายหรือยัง แล้วหมอก็บอกว่าเดี๋ยวยังไงเอาไปส่องกล้องจุลทรรศน์ดูให้ แล้วก็เดินกลับเข้าไป
5. ซักพักใหญ่ ออกมาใหม่ บอกว่าหูเป็นยีสต์ ต้องจ่ายยาหยอดหู ผมก็โอเคๆ
6. หมอถามว่าจะหยอดที่บ้านหรือหยอดไปเลย ผมก็เลยบอกว่าหยอดไปเลย เพราะเห็นว่าอยู่ในมือหมอ โอเคชัวร์
7. หยอดข้างละ 5 หยด ส่วนตัวรู้สึกว่าเยอะมากเพราะหมาตัวเล็กมาก แทบจะท่วมรูหู แต่เค้าบอกว่าเป็นโดสของยาตัวนี้ หยอดเสร็จก็ให้อยู่ในกระเป๋า หมาผมก็สะบัดๆๆอยู่ในนั้น
8. อยู่ในรถสังเกตเห็นว่า ขนข้างหูกับหน้าผากเปียกๆ แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร
9. กลับมาบ้านสรุปว่าที่เปียกๆนั่นคือยาไหลออกมาหมด ที่สำคัญคือ "เข้าตา 1 ข้าง" ขยิบตาเกาตาตลอด ตาบวมด้วย
10. ก็เลยโทรกลับไปที่รพส.ถามว่าอะไรยังไงแล้วต้องทำยังไง ปลายสายถามผมทันทีว่าน้องสะบัดหัวหรือเปล่า แล้วก็บอกให้เอายาหยอดตาคนเช็ดตา ผมทำแล้วมันก็ไม่หาย
11. สุดท้ายตัดสินใจกลับไปที่รพส.ตอนห้าทุ่ม เจอหมอเวรกลางคืนซึ่งดีมากๆๆ ก็มีการเช็คต่างๆ เช็คว่างกระจกตาเป็นแผลเป็นรอยหรือเปล่า หมอบอกว่าถ้าอะไรแบบนี้เข้าตาแล้วเค้าเกาเยอะกระจกตาจะมีปัญหาได้
12. สรุปไม่เป็นอะไรไปมากกว่าระคายเคืองและตาบวม หมอก็จ่ายยาหยอดตามาเพิ่ม กำลังจะคิดเงิน ซึ่งหมอดีมาก ไม่คิดค่าเหนื่อยของหมอเองเพราะหมอบอกว่าเมื่อกลางวันคิดไปแล้ว [หมอคนละคนนะครับ] ทางฝั่งผมก็เลยบอกว่า ขอไม่จ่าย เพราะทางรพส.ควรจะดูแลด้วยซ้ำ เพราะหยอดยาด้วยมือหมอเองเมื่อตอนกลางวัน แต่ไม่มีการเตือนไม่มีการให้คำแนะนำใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างต้องถามเองหมด ซึ่งผมก็คงผิดเองแหละมั้งที่คิดเองไม่ได้ว่าหมาจะสะบัดหัวแล้วยาเข้าตา เหอะๆ
13. ก็ฝากเรื่องคุณหมอเอาไว้ให้ผอ.รพส. แล้วก็กลับบ้านครับ ได้คอลลาร์กับยาหยอดตากลับบ้าน
- - - สรุปค่าใช้จ่าย - - -
ตอนกลางวัน เสียค่าเช็คว่าใช่เชื้อรามั้ยไปประมาณ 180 , เช็คยีสต์ที่หูอีกประมาณ 180 , ค่ายาหยอดหู 600 , ค่าหมอประมาณ 350 , ค่าเครื่องมือหรืออะไรซักอย่างอีก 100 กว่าๆ | ส่วนนี้จ่ายไปแล้วทั้งหมด
ตอนห้าทุ่ม จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่ตรงนี้ปฏิเสธที่จะจ่าย จนกว่าจะได้คุยกับผอ.
> > > > สรุปประเด็นที่คาใจ < < <
a. จะทำอะไรที่มีค่าใช้จ่าย ปกติรพส.เค้าไม่แจ้งกันก่อนเหรอครับ เพราะเคยไปรพส.รัตนาธิเบศร์จะทำอะไรแจ้งตลอด บริการดีเหมือนโรงพยาบาลคน
b. ประเด็นยาไหลเข้าตา ทั้งๆที่หมอหยอดเอง คือสงสัยมากว่าทั้งๆที่หมอรู้ว่ามีโอกาสเกิดขึ้น ปกติแล้วไม่ต้องเตือนอะไรกันเลยเหรอครับ ไม่มีอะไรต้องเฝ้าระวังอะไรเลยเหรอ หรือตามเวรตามกรรม โอเคหยอดหูนะ แต่ถ้าสะบัดจนเข้าตาก็มาอีกรอบเสียตังอีกรอบนะ แบบนี้เหรอ คือแทนที่ไปหาหมอ จะดีขึ้น กลายเป็นแย่ลง
- - - วันนี้ 25/05/2018 - - -
ผอ.โทรมาคุยกับผม ได้ความว่า
> ผอ.เริ่มด้วยการพูดซ้ำไปมาอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าไม่ต้องการเสียเงิน ให้แจ้งก่อน ให้แจ้งก่อน แล้วก็พูดซ้ำอยู่แต่เรื่องไอ้ค่ารักษาตอนกลางวัน จนผมต้องบอกว่า ผมมีปัญญาจ่าย ผมแค่สงสัยว่าจะทำอะไรปกติไม่ต้องบอกลูกค้าก่อนเหรอ จึงจะได้คำตอบว่า
> เป็นเรื่องปกติที่ทำอะไรไม่ได้แจ้งก่อน ถ้าลูกค้าอยากให้แจ้งก่อน ก็บอกเคาเตอร์ก่อนทำการรักษาได้ ว่ามีอะไรต้องเสียเงินให้บอกก่อนนะ
> ยาไหลเข้าตา ผอ.บอกว่าเกิดขึ้นได้ แต่ปกติก็ไม่มีการเตือนอะไรเลย หยอดหูก็แค่หยอดหูอ่ะครับ เพราะเกิดขึ้นได้น้อยมาก ผมก็เลยเห้ย อ้าว รู้อยู่แล้วนี่หว่าว่าเกิดขึ้นได้ ก็เลยถามว่าอ้าว แล้วถ้าไม่เตือน แล้วมันเกิดขึ้น ก็คือแล้วแต่ดวงของหมากับเจ้าของเหรอครับ ทางรพส.ไม่มีมาตรการอะไรเลยเหรอ ผอ.ไม่สนใจที่ผมพูดครับ ผอ.ตัดบทผมด้วยการบอกว่า "คุณอย่าไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดหรือไม่ได้เกิด - เมื่อคืนที่มารอบสอง หมอดูแลให้ ใช่มั้ยครับ - หมอจ่ายยาหยอดตาให้ ใช่มั้ยครับ - หมอดูแล้วกระจกตาไม่เป็นอะไร ใช่มั้ยครับ - ถ้างั้นตอนนี้ก็คือโอเคแล้ว" ผมฟังแล้วอึ้งมาก ไม่รู้จะพูดยังไงดี ประเด็นของผมที่ว่าถ้าม่มีการเตือนก่อน ก็แล้วแต่เวรแต่กรรมของหมากับเจ้าของใช่หรือไม่ ไม่มีการตอบใดๆ
> สุดท้ายผอ.พูดกับผมว่า ค่าใช้จ่ายเมื่อคืน "หมอไม่คิด" ถือว่าดูแลแล้วกันครับ
= สรุปสุดท้าย =
ความรู้สึกที่มีต่อผอ.โรงพยาบาลนี้คือ หน้าเงินมาก คุยด้วยแล้วไม่ได้รับรู้ถึงความเอาใจใส่ต้อลูกค้าหรือสัตว์ที่ไปโรงพยาบาลเลย
พูดจาทุกอย่างคือลูกค้าผิดเอง ที่ไม่แจ้งก่อนว่ามีอะไรให้บอกนะ หมาผมผิดเองที่เป็นหมาแล้วไม่สบายรูหูแล้วสะบัด ก็จงกลับมาที่โรงบาลเพื่อเสียเงินนะ สุดท้ายยังพูดเหมอืนเป็นบุญคุณอีกว่า "หมอไม่คิดเงิน ถือว่าดูแล" โถ่ เป็นต่างประเทศนี่น่าจะฟ้องได้ด้วยซ้ำมั้ง
อ้อ มีอย่างเดียวที่หมอบอกว่าขออภัย ใช้คำว่าขออภัยด้วยนะ คือ ขออภัยที่ลูกค้ารู้สึกไม่ดีกับการบริการ 55555
สรุปเดี๋ยวถ้ามีโอกาสก็จะไปจ่ายเงินในส่วนนั้นครับ ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณคนแบบนี้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ลืมพูดถึงฝั่งกรูมมิ่ง 555555
คือฝั่งช่างอาบน้ำตัดขนดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กอไก่สามสิบห้าล้านตัว
ไม่รู้จะบอกยังไง แต่รู้สึกว่าดีมากจริงๆ 5555 อธิบายขั้นตอนต่างๆดีกว่าหมอที่ผมเจออธิบายอีกเอาจริงๆ
ปล.หมอคนอื่นในรพส.รู้สึกว่าโอเคนะครับ ส่วนพี่ๆตรงเคาเตอร์ก็ดีเหมือนกัน เอาง่ายๆว่าทุกอย่างดีหมดยกเว้นหมอคนที่ผมเจอกับผู้อำนวยการ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น