ย้ายมาเป็นคนแม่ฮ่องสอน ได้จะ 4 ปีล่ะ ต้องขอบอกว่า เป็นจังหวัดที่ชอบและรักมากที่สุด ตอนที่ย้ายมาอยู่วันแรก ๆ เสมือนไปอยู่อีกโลกหนึ่ง ด้วยสถาปัตยกรรม วัดวาที่แปลกตา บ้านเรือน การแต่งกายที่ไม่เหมือนใคร ภาษาพูดก็ไม่เหมือนใคร มีภาษาเป็นของตนเอง โดยผู้คนส่วนใหญ่ของที่นี่ จะเป็นชาวไทยใหญ่ และรองมาเป็นชาวกะเหรี่ยง ที่มีทั้งกะเหรี่ยงขาว กะเหรี่ยงแดง กะเหรี่ยงโป กะเหรี่ยงคอยาว และกลุ่มชนเผ่าอื่น ๆ อีก ลาหู่ หรือ มูเซอ ลีซอ ปะโอ ฯลฯ เอาเป็นว่า หลากหลายก็แล้วกันครับ
อากาศก็ดี ธรรมชาติงดงาม ป่าไม้มีมากที่สุดในประเทศไทย ประเพณีก็ดี แปลกและไม่เหมือนใคร หนำซ้ำมีมากที่สุดในประเทศไทยด้วยนะ มีทุกเดือน เพราะความหลากหลายนี่แหละ ปอยส่างลอง หรือ บวชลูกแก้ว ก็งดงามมาก เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร บางประเพณีก็หายไปแล้วก็มี ที่คล้าย ๆ กับผีตาโขน บางประเพณีที่คิดว่าไม่น่าจะมี ก็มีกะเขาด้วย ยิงกันตรงข้ามบ้านผมเองเลยครับ นอนดูเขายิงบั้งไฟได้จากเตียงนอนเลยทีเดียว
ที่ท่องเที่ยวที่นี่ ส่วนใหญ่ เป็นแนวผจญภัย เพราะก็ผจญกันตั้งแต่เส้นทางที่ขับรถมาเที่ยวกันแล้วครับ ด้านแม่สะเรียงเส้นทาง 108 เส้นทางเดิม ก็ 1,864 โค้ง ส่วนทางเส้นปาย ก็ 2 พันกว่านิด ๆ แต่เท่าไหร่ ยังสรุปได้ไม่ลงตัว ตั้งใจว่า จะไปนับเอาเองให้ได้สักวัน มีถ้ำแม่ละนา ที่เคลมว่ายาวที่สุดในเอเชีย แต่ผมว่า เอาแค่เอเชียใต้ก็พอครับ มีน้ำบ่อผี ที่ลงไปโรยตัวได้ มีน้ำตกไม้กาย น้ำตกในตำนาน มีอารยธรรมโบราณเยอะแยะ มีสัตว์แปลก ๆ ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ที่พบเจอในถ้ำแก้วโกมล เยอะมากครับ ที่เที่ยวที่นี่
การมาเที่ยวก็ปลอดภัยมาก ขโมยที่นี่แทบจะไม่มี ขอใช้คำว่าแทบนะครับ เพราะบอกไม่มีเลย ก็จะหาว่าพูดเกินเลยไป แต่ผมอยู่ที่นี่ บ้านผมไม่เคยล็อคประตู ไม่อยู่บ้าน 1 ปี ก็ไม่ได้ล็อค จอดรถก็ไม่ล็อคประตู ซื้อของก็แขวนคารถเครื่องไว้แบบนั้น ไม่เคยมีของหาย
เรื่องราวดี ๆ มีเยอะมากครับ พูดให้หมดก็จะยาวเกินไป เดี๋ยวไม่เข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดถึง
ที่ผมติดใจกับจังหวัดนี้ แล้วมันก็ไม่ใช่ไม่มีหนทางแก้ไข แต่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม ไม่มีใครพยายามที่จะมาช่วยทำ
ชาวบ้านที่นี่ ส่วนใหญ่ เป็นคนที่อาศัยอยู่บนดอย และอพยพย้ายถิ่นฐานมาจากพม่า คนที่นี่ จึงมีจำนวนเยอะมาก ที่ไม่มีสัญชาติ ทั้ง ๆ ที่เกิดเมืองไทย ก็ยังไม่ได้ คราวที่แล้ว นายกตู่มา ก็ได้เสียงส่วนใหญ่จากเรื่องนี้แหละครับ อยากให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบเข้ามาช่วยดูแลเรื่องนี้กันหน่อย ชาวบ้านบางคนก็โดนเจ้าหน้าที่ขอใต้โต๊ะก็มีนะ เล่าให้ฟังเฉย ๆ
เรื่องค่าครองชีพก็อีก จังหวัดนี้ จากสถิติ เป็นจังหวัดที่มีอัตรารายได้ถัวเฉลี่ยต่ำที่สุดในประเทศ แต่เชื่อไหมครับ สินค้าอุปโภคบริโภคของที่นี่ แพงที่สุดในประเทศ น้ำมันก็แพงที่สุด นี่แค่พิ้นราบนะ ถ้ามีคนขนขึ้นไปขายบนดอยด้วยนี่ แพงขึ้นอีก 3-5 บาทเลย เนื่องจากความลำบากในการขนขึ้นไป กลายเป็นว่า อยู่บนดอย ยิ่งต้องกินต้องใช้แพงขึ้นอีก กินปลากระป๋อง กินมาม่า ก็แพงกว่าพื้นราบ เติมน้ำมันก็แพงกว่า แต่รายได้น้อยกว่ากันเยอะ
ระบบ logistic อีก การเดินทางไปไหนมาไหน แค่ในเขตเทศบาลเองก็ลำบากแล้ว ถ้าไม่มีรถส่วนตัว รถเมล์ก็ไม่มี รถสองแถวก็ไม่มี ผมเห็นมีรถรางของเทศบาลจอดทิ้งไว้เฉย ๆ ยังคิดว่า น่าจะมาใช้ทำประโยชน์ตรงนี้ ก็ดีนะ พอขยับไปเป็นระหว่างอำเภอยิ่งแล้วใหญ่ มีแค่วันละเที่ยวเดียว ไม่งั้นก็ต้องไปใช้รถตู้ของเปรมประชาที่เป็นเจ้าผูกขาด แต่ก็ดีกว่าไม่มีเอาเสียเลยครับ อยู่ที่นี่ จึงจำเป็นมากที่ต้องมีรถใช้ส่วนตัว รถยนต์ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นรถมอเตอร์ไซด์ จักรยานจะลำบากหน่อย เพราะถนนขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นเนินสูงบ้าง ไรบ้าง ต้องมีกำลังขาแข็งแรงสักหน่อยครับ รถรับจ้างสาธารณะ ตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซด์วิน นี่อย่างแพงเลย จากสนามบินมาตัวเมือง วิ่งกิโลเมตรกว่า ๆ คิด 80 บาท ลองคำนวณดูครับ ว่าแพงกว่ากรุงเทพแค่ไหน แต่จะว่าไป มันก็เรื่องค่าครองชีพนี่แหละครับ น้ำมันแพง แล้วที่สำคัญก็เรื่อง demand supply ที่ไม่พอเหมาะกัน นาน ๆ ได้รับผู้โดยสารสักที ขอแพงนิดนึง
อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือ การรักษาพยาบาล ที่นี่ มีโรงพยาบาลที่ใหญ่โตมาก สร้างจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า แต่ความฝันของผม อยากให้มีแพทย์เก่ง ๆ ที่อุทิศตัว เสียสละ มาประจำสัก 1 วันต่อสัปดาห์ ก็ยังดี จะได้เป็นทางบุญกุศลกับชาวบ้านที่ไม่มีเงินทองเดินทางไปรักษาที่เชียงใหม่
ข้าราชการที่ดีก็มีเยอะ รู้จักหลายคนอยู่ แต่ที่ยังทำงานเป็นข้าราชการด้วยจิตวิญญาณจริง ๆ ที่ควรทำงานรับใช้ประชาชน ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ก็ยังต้องการอีกเยอะ ไม่ขอกล่าวถึงมาก เดี๋ยวเขาไล่ผมกลับกรุงเทพ ตายเลยครับ อยากอยู่ที่นี่มาก 555
ต้นทุนชีวิต จะต่ำ จะสูง อย่าไปสนใจครับ ผมกลับมองว่า ต้นทุนชีวิตที่ต่ำ ทำให้เราเกิดความมุ่งมั่นได้มากกว่าเสียอีก ขอแค่มีความพยายาม ความตั้งใจ ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เปลี่ยน mindset กันเสียใหม่ครับ
แค่นี้ก่อนละกันครับ นึกอะไรได้ เดี๋ยวมาคุยด้วยใหม่ ถ้ากระทู้นี้ยังอยู่รอดไปได้ อยากฝากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ฝากคณะรัฐบาลที่มาด้วยสาเหตุใดก็ตาม จะได้อยู่ต่อไป หรือมีคณะใหม่เข้ามาได้ ช่วยเหลือจังหวัดแม่ฮ่องสอนกันจริง ๆ จัง ๆ สักหน่อยครับ ผมคนหนึ่งล่ะ ยอมใช้ความรู้ความสามารถเท่าที่มี ยินดีรับใช้ครับ
แม่ฮ่องสอน จังหวัดที่มีรายได้ต่อประชากรต่ำที่สุด แต่ค่าครองชีพสูงที่สุด น้ำมันแพงมาก
อากาศก็ดี ธรรมชาติงดงาม ป่าไม้มีมากที่สุดในประเทศไทย ประเพณีก็ดี แปลกและไม่เหมือนใคร หนำซ้ำมีมากที่สุดในประเทศไทยด้วยนะ มีทุกเดือน เพราะความหลากหลายนี่แหละ ปอยส่างลอง หรือ บวชลูกแก้ว ก็งดงามมาก เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร บางประเพณีก็หายไปแล้วก็มี ที่คล้าย ๆ กับผีตาโขน บางประเพณีที่คิดว่าไม่น่าจะมี ก็มีกะเขาด้วย ยิงกันตรงข้ามบ้านผมเองเลยครับ นอนดูเขายิงบั้งไฟได้จากเตียงนอนเลยทีเดียว
ที่ท่องเที่ยวที่นี่ ส่วนใหญ่ เป็นแนวผจญภัย เพราะก็ผจญกันตั้งแต่เส้นทางที่ขับรถมาเที่ยวกันแล้วครับ ด้านแม่สะเรียงเส้นทาง 108 เส้นทางเดิม ก็ 1,864 โค้ง ส่วนทางเส้นปาย ก็ 2 พันกว่านิด ๆ แต่เท่าไหร่ ยังสรุปได้ไม่ลงตัว ตั้งใจว่า จะไปนับเอาเองให้ได้สักวัน มีถ้ำแม่ละนา ที่เคลมว่ายาวที่สุดในเอเชีย แต่ผมว่า เอาแค่เอเชียใต้ก็พอครับ มีน้ำบ่อผี ที่ลงไปโรยตัวได้ มีน้ำตกไม้กาย น้ำตกในตำนาน มีอารยธรรมโบราณเยอะแยะ มีสัตว์แปลก ๆ ที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ที่พบเจอในถ้ำแก้วโกมล เยอะมากครับ ที่เที่ยวที่นี่
การมาเที่ยวก็ปลอดภัยมาก ขโมยที่นี่แทบจะไม่มี ขอใช้คำว่าแทบนะครับ เพราะบอกไม่มีเลย ก็จะหาว่าพูดเกินเลยไป แต่ผมอยู่ที่นี่ บ้านผมไม่เคยล็อคประตู ไม่อยู่บ้าน 1 ปี ก็ไม่ได้ล็อค จอดรถก็ไม่ล็อคประตู ซื้อของก็แขวนคารถเครื่องไว้แบบนั้น ไม่เคยมีของหาย
เรื่องราวดี ๆ มีเยอะมากครับ พูดให้หมดก็จะยาวเกินไป เดี๋ยวไม่เข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดถึง
ที่ผมติดใจกับจังหวัดนี้ แล้วมันก็ไม่ใช่ไม่มีหนทางแก้ไข แต่ก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม ไม่มีใครพยายามที่จะมาช่วยทำ
ชาวบ้านที่นี่ ส่วนใหญ่ เป็นคนที่อาศัยอยู่บนดอย และอพยพย้ายถิ่นฐานมาจากพม่า คนที่นี่ จึงมีจำนวนเยอะมาก ที่ไม่มีสัญชาติ ทั้ง ๆ ที่เกิดเมืองไทย ก็ยังไม่ได้ คราวที่แล้ว นายกตู่มา ก็ได้เสียงส่วนใหญ่จากเรื่องนี้แหละครับ อยากให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบเข้ามาช่วยดูแลเรื่องนี้กันหน่อย ชาวบ้านบางคนก็โดนเจ้าหน้าที่ขอใต้โต๊ะก็มีนะ เล่าให้ฟังเฉย ๆ
เรื่องค่าครองชีพก็อีก จังหวัดนี้ จากสถิติ เป็นจังหวัดที่มีอัตรารายได้ถัวเฉลี่ยต่ำที่สุดในประเทศ แต่เชื่อไหมครับ สินค้าอุปโภคบริโภคของที่นี่ แพงที่สุดในประเทศ น้ำมันก็แพงที่สุด นี่แค่พิ้นราบนะ ถ้ามีคนขนขึ้นไปขายบนดอยด้วยนี่ แพงขึ้นอีก 3-5 บาทเลย เนื่องจากความลำบากในการขนขึ้นไป กลายเป็นว่า อยู่บนดอย ยิ่งต้องกินต้องใช้แพงขึ้นอีก กินปลากระป๋อง กินมาม่า ก็แพงกว่าพื้นราบ เติมน้ำมันก็แพงกว่า แต่รายได้น้อยกว่ากันเยอะ
ระบบ logistic อีก การเดินทางไปไหนมาไหน แค่ในเขตเทศบาลเองก็ลำบากแล้ว ถ้าไม่มีรถส่วนตัว รถเมล์ก็ไม่มี รถสองแถวก็ไม่มี ผมเห็นมีรถรางของเทศบาลจอดทิ้งไว้เฉย ๆ ยังคิดว่า น่าจะมาใช้ทำประโยชน์ตรงนี้ ก็ดีนะ พอขยับไปเป็นระหว่างอำเภอยิ่งแล้วใหญ่ มีแค่วันละเที่ยวเดียว ไม่งั้นก็ต้องไปใช้รถตู้ของเปรมประชาที่เป็นเจ้าผูกขาด แต่ก็ดีกว่าไม่มีเอาเสียเลยครับ อยู่ที่นี่ จึงจำเป็นมากที่ต้องมีรถใช้ส่วนตัว รถยนต์ หรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นรถมอเตอร์ไซด์ จักรยานจะลำบากหน่อย เพราะถนนขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นเนินสูงบ้าง ไรบ้าง ต้องมีกำลังขาแข็งแรงสักหน่อยครับ รถรับจ้างสาธารณะ ตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซด์วิน นี่อย่างแพงเลย จากสนามบินมาตัวเมือง วิ่งกิโลเมตรกว่า ๆ คิด 80 บาท ลองคำนวณดูครับ ว่าแพงกว่ากรุงเทพแค่ไหน แต่จะว่าไป มันก็เรื่องค่าครองชีพนี่แหละครับ น้ำมันแพง แล้วที่สำคัญก็เรื่อง demand supply ที่ไม่พอเหมาะกัน นาน ๆ ได้รับผู้โดยสารสักที ขอแพงนิดนึง
อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือ การรักษาพยาบาล ที่นี่ มีโรงพยาบาลที่ใหญ่โตมาก สร้างจากพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า แต่ความฝันของผม อยากให้มีแพทย์เก่ง ๆ ที่อุทิศตัว เสียสละ มาประจำสัก 1 วันต่อสัปดาห์ ก็ยังดี จะได้เป็นทางบุญกุศลกับชาวบ้านที่ไม่มีเงินทองเดินทางไปรักษาที่เชียงใหม่
ข้าราชการที่ดีก็มีเยอะ รู้จักหลายคนอยู่ แต่ที่ยังทำงานเป็นข้าราชการด้วยจิตวิญญาณจริง ๆ ที่ควรทำงานรับใช้ประชาชน ทำเพื่อส่วนรวม เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ก็ยังต้องการอีกเยอะ ไม่ขอกล่าวถึงมาก เดี๋ยวเขาไล่ผมกลับกรุงเทพ ตายเลยครับ อยากอยู่ที่นี่มาก 555
ต้นทุนชีวิต จะต่ำ จะสูง อย่าไปสนใจครับ ผมกลับมองว่า ต้นทุนชีวิตที่ต่ำ ทำให้เราเกิดความมุ่งมั่นได้มากกว่าเสียอีก ขอแค่มีความพยายาม ความตั้งใจ ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เปลี่ยน mindset กันเสียใหม่ครับ
แค่นี้ก่อนละกันครับ นึกอะไรได้ เดี๋ยวมาคุยด้วยใหม่ ถ้ากระทู้นี้ยังอยู่รอดไปได้ อยากฝากให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ฝากคณะรัฐบาลที่มาด้วยสาเหตุใดก็ตาม จะได้อยู่ต่อไป หรือมีคณะใหม่เข้ามาได้ ช่วยเหลือจังหวัดแม่ฮ่องสอนกันจริง ๆ จัง ๆ สักหน่อยครับ ผมคนหนึ่งล่ะ ยอมใช้ความรู้ความสามารถเท่าที่มี ยินดีรับใช้ครับ