This time for Africa!
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวในเมือง เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ดินแดนอันใกล้โพ้นนนนน
ช่วงปลายปีที่แล้วเราหาทริปไปเที่ยวตอนเดือนกุมภาพันธ์ หาไปหามา เออ เคปทาวน์ก็น่าสน แล้วเราก็เจอตั๋วราคาดีจาก Ethiopian Airlines ไปกลับ กรุงเทพ - เคปทาวน์ ในราคา 2 หมื่นนิดๆ โดยเราจะต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมือง Addis Ababa ประเทศเอธิโอเปีย ก็กดจองเลย 555 ใจง่ายมาก กดจองแล้วก็มาหาข้อมูลสายการบิน หลายๆกระทู้ในนี้ก็แอบทำให้เรากังวลและกลัวๆอยู่บ้าง
ก่อนเดินทางก็ค้นข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนที่ต้องฉีด ซึ่งประเทศแอฟริกาใต้ไม่ได้อยู่ในรายชื่อเขตระบาด แต่!!!เราต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่เอธิโอเปียนะสิ จากการค้นข้อมูล หลายๆที่บอกว่าถ้าแค่เปลี่ยนเครื่องที่เอธิโอเปีย 2 ชั่วโมงไม่ต้องฉีดวัคซีนไข้เหลืองก็ได้ เราโทรไปถามสายการบิน ทางเจ้าหน้าที่แนะนำว่าฉีดไปดีกว่าเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง เราเองก็เห็นด้วย กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ ก็ไปฉีดมาที่สถานเสาวภา ซึ่งวัคซีนนี้จะต้องฉีดก่อนเดินทางอย่างน้อย 10 วัน หลังจากฉีดเราจะได้สมุดรับรองการฉีดวัคซีนเล่มสีเหลืองกลับมาเอาค่ะ ต้องพกไปด้วยนะคะ
วันเดินทางสิ่งที่กังวลก็เกิดขึ้นเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพดีเลย์ไปประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งทำให้เราตกเครื่องค่ะ! 555 (แต่ตอนนั้นขำไม่ออกนะ) เดินออกจากเครื่องมาตอนประมาณ 8 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเครื่องยูอ่ะ ออกไปแล้วนะให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อหาเที่ยวบินใหม่ ซึ่งกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง กว่าเจ้าหน้าที่จะจัดการให้ได้ก็รอเป็นชั่วโมงค่ะ เที่ยวบินที่เร็วที่สุดคือ เที่ยงคืนกว่าๆ เราต้องติดอยู่ที่นั้นประมาณ 10 กว่าชั่วโมง (โชคดีมากที่เราฉีดวัคซีนมา) ซึ่งทางสายการบินก็ได้จัดโรงแรมพร้อมอาหารและรถรับส่งให้ค่ะ โดยเราจะเดินทางไป โจฮันเนสเบิร์ก เพื่อต่อเครื่องไปเคปทาวน์กับ South African Airways ใครจะไปคิดว่าครั้งหนึ่งใน passport เรามีตราปั้มต.ม.ของประเทศเอธิโอเปียอยู่ด้วย เท่ห์มาก 555 เราโชคดีค่ะที่ได้ทำประกันเดินทางไว้ เพราะที่พักในคืนแรกที่จองไว้ก็ต้องเสียไปฟรีๆ ก็ได้ค่าเยียวยาจากประกันเนี่ยแหละค่ะ ซึ่งการเคลมก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะงั้นไปเที่ยวต่างประเทศซื้อประกันเดินทางไว้เถอะ สำคัญนะคะ
หลังจากการเดินทางที่แสนยาวนาน ถึงสักที
ภาพนี้ถ่ายตอนเครื่องบินกำลังลดระดับลงจอดที่เคปทาวน์
จากสนามบินเราเดินทางเข้าเมืองโดย Uber ใช้เวลาประมาณ 30นาทีก็ถึงตัวเมืองค่ะ เราเลือกพักใจกลางเมืองเคปทาวน์กับ Airbnb ค่ะ การเดินทางในเคปทวน์เราใช้ Uber และ Hop on Hop off Bus (รถบัส2ชั้นเปิดประทุน) เป็นหลักค่ะ เราใช้บริการแท็กซี่ครั้งนึง ราคาแพงมากค่ะรู้เลยว่าโดนโกงแต่ตอนนั้นเน็ตหมดค่ะ ไม่สามารถเรียน Uber ได้ พลาดมาก!
อ่อ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ทางเคปทาวน์มีปัญหาเรื่องน้ำค่ะ เราต้องใช้น้ำอย่างประหยัด ห้องน้ำตามร้านอาหารหรือห้องน้ำสาธารณะไม่มีน้ำให้ล้างมือนะคะ มีเจลให้ในบางที่ โชคดีว่าเราพกเจลล้างมือกับทิชชู่เปียกไปอย่างเยอะ It's a must item! ที่เคปทาวน์เราจะเห็นป้ายรณรงค์เรื่องการประหยัดน้ำอยู่ทั่วไป และทุกคน take it serious
หลังจากเก็บข้าวของเราก็ออกเที่ยวเลยค่ะ เราซื้อตั๋ว Hop on Hop off Bus ออนไลน์ตั้งแต่ที่เมืองไทย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.citysightseeing.co.za/cape-town/products/cape-town-open-top-bus-tours?gclid=CjwKCAjwopTYBRAzEiwAnU4kbwfAYha3xjQ2XLytEwm8woEJMzI3amM15UCQqhvE8qLSxF2L_G6KTRoCRFkQAvD_BwE
แค่ปริ้น E-Ticket ไปโชว์ สะดวกมากค่ะ วันแรกเราก็นั่งรถเที่ยวไปรอบๆค่ะ
แค่นั่งรถชมวิวไปเรื่อยๆก็ฟินแล้ว ตอนที่ไปเป็นช่วงหน้าร้อน แดดแรงมากแต่มีลมพัดตลอดค่ะ ยิ่งขึ้นไปบนภูเขาคือฟินมาก อากาศดี สูดหายใจได้เต็มปอด
เรานั่งรถไปลงที่ Victoria & Alfred Waterfront หรือ V&A Waterfront ที่ซึ่งคล้ายๆเอเชียทีคบ้านเรา เป็นห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร ที่อยู่ริมท่าเรือ เดินเล่นรอบๆ แล้วก็ไปลงเรือซึ่งค่าตั๋วเรือได้รวมอยู่ในตั๋วรถ Hop on Hop off แล้วค่ะ ซึ่งเรือจะแล่นไปรอบๆอ่าว V&A Waterfront ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีต่อรอบค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.citysightseeing.co.za/cape-town/products/cape-town-boat-cruises/harbour-and-canal-cruise-combo
บรรยากาศดีมากๆแถมยังได้เห็นแมวน้ำที่ขึ้นมานอนเล่นนอนพักบนฝั่งด้วย พวกมันน่ารักมากค่ะ
จากนั้นช่วงเย็นเรานั่ง Sunset Bus ซึ่งค่าตั๋วก็รวมอยู่ในตั๋วรถ Hop on Hop off แล้วเหมือนกันค่ะ โดยรวมแล้วเป็นการลงทุนที่คุ้มอยู่ค่ะ
ซึ่ง Sunset Bus จะพาเราขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ Signal Hill
รูปนี้ถ่ายจาก Signall Hill ค่ะ ด้านซ้ายคือ Table Mountain ด้านขวาคือ Lion's Head ทางหันไปอีกด้านก็จะเป็นวิวทะเล แบบนี้ค่ะ
วันต่อมาเราไปกันที่ Robben Island Museum โดยได้ทำการซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าไปจากเมืองไทยค่ะ เราต้องซื้อตั๋วล่วงหน้านะคะมีเป็นรอบๆ จาก V&A Waterfront เราต้องนั่งเรือไปเกาะ Robben ประมาณ 45 นาทีค่ะ ทัวร์นี้จะพาเราไปชมที่คุมขังนักโทษ เนลสัน แมนเดลา (อดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกาใต้) ก็เคยถูกกักขังอยู่ที่นี้ค่ะ ซึ่งปัจจุบันได้ยกเลิกคุกแห่งนี้ไปแล้ว
ไกด์ของเราเป็นอดีตนักโทษค่ะ
หลังจบทัวร์เราเดินทางไป Table Mountain เพื่อจะขึ้นไปชมวิวด้านบน แต่ปรากฎว่ากระเช้าเคเบิ้ลปิดค่ะ เนื่องจากลมแรงมาก อีกวิธีคือเดินขึ้นซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เราไม่สู้ค่ะ555 ไม่ไหวจริงๆ เราเลยกลับมาที่นี้อีกวัน เราซื้อตั๋วออนไลน์มาล่วงหน้าเหมือนกันค่ะ ตีตั๋วไปกลับเลย กระเช้าใหญ่ค่ะ ไม่เสียวเลย หมุน 360 องศา เพราะงั้นไม่ว่าจะยืนตรงไหนก็สามารถเห็นได้รอบทิศค่ะ มันเก็จริงๆ ตัวกระเช้านั้นบรรจุน้ำไว้ค่ะ 1.เพื่อถ่วงน้ำหนัก 2.ขนน้ำขึ้นไปใช้ด้านบน เพราะด้านบนมีร้านอาหาร ห้องน้ำ ที่จำเป็นต้องใช้น้ำค่ะ
ด้านบนลมตึง อากาศเย็นสบาย ขึ้นมาแล้วเราก็จะเห็นสภาพภูมิประเทศแบบนี้ค่ะ
ราบเรียบมาก เลยทำให้ได้ชื่อว่าภูเขาโต๊ะ
วันต่อมาเราซื้อเดย์ทัวร์ กับ Hop on Hop off (อีกแล้ว 555) ทัวร์นี้ไม่รวมค่าอาหารกลางวันนะคะ เราไปกันที่ Boulders Beach เพื่อไปดูเจ้าเพนกวิ้นค่ะ
น่ารักมากกกก วันที่ไปคนเยอะมากค่ะ เบียดเสียดถ่ายรูป แล้วเราไปกับทัวร์ต้องทำเวลาด้วย ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ไปเองค่ะ จะได้ใช้เวลานานๆ
จากนั้นไปกันต่อที่ Cape Point และ Cape of Good Hope
เราทานอาหารกลางวันที่ Cape Point ร้าน Two Oceans แล้วเย็นนั้นเราก็อาหารเป็นพิษเกือบตายกันค่ะ นอนเกาะขอบชักโครกเลย รู้สึกผิดกับเจ้าของบ้าน Airbnb มาก เราใช้น้ำกันไปเยอะมากมาย T_T เป็นหนักถึงขั้นต้องยกเลิกทริปที่ไปดูปลาฉลามในวันรุ่งขึ้น แล้วเปิดหารายชื่อโรงพยาบาลใกล้ที่พักแต่สุดท้ายไม่ได้ไปค่ะดีขึ้นสักก่อน คงเป็นความโชคร้ายของเราที่แจ๊คพ็อตเจออาหารที่ไม่สะอาด
เราใช้เวลาเที่ยวเคปทาวน์ประมาณ 5 วันค่ะ จากนั้นเราเช่ารถขับไป Safari Game Reserve ซึ่งอยู่ห่างจากเคปทาวน์ประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ Game Reserve ที่เราเลือกชื่อ Gondwana Game Reserve
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.gondwanagr.co.za/ เราจะไปส่องสัตว์กัน เป็นทริป 2 วัน 1 คืน แล้วเราจะกลับมาขึ้นเครื่องกลับบ้านที่เคปทาวน์
ที่พักของเราค่ะ สวยมากกกกก บรรยากาศดีมากๆค่ะ ตอนกลางวันแดดแรงร้อนเปลี้ยง ส่วนตอนกลางคืนนั้นหนาวแบบต้องใช้ฮีตเตอร์ สำหรับโปรแกรมการเข้าพักเราเลือกแบบ full board คือมีอาหารให้ครบทุกมื้อ พาไปส่องสัตว์ 2 รอบ
เราพักหลังนี้ค่ะ
วิวจากในห้องพัก
เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเราโชคดีเราจะเห็นสัตว์แถวบ้านพักเลยค่ะ แต่เราไม่มีโชค 5555
ที่ทานอาหารเช้าค่ะ
หลังจากเช็คอินเรามีเวลาพักแปปนึง แล้วเราก็เริ่ม Safari เลยค่ะ ไกด์มารับเราและพาเรานั่งรถกระบะเปิดประทุนไปตามหาสัตว์ค่ะ
สัตว์ใหญ่ตัวแรกที่เราเห็น
เราอยู่บนรถกันตลอดเพื่อความปลอดภัยแล้วคนขับก็คอยระวังตลอด
ทริปนี้น่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นสิงโตไกด์พาขับวนหาอยู่นานมากค่ะ ทั้งรอบบ่ายและรอบเช้า ไม่เจอเลย แต่แค่นี้ก็อิ่มก็สุขมากแล้วค่ะ
ทริปนี้เราได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่ เป็นประสบการณ์ดีๆอีกครั้งในชีวิตใครเลยจะคิดว่าครั้งหนึ่งเราได้ไปเหยียบทวีปแอฟริกา เคปทาวน์เป็นเมืองที่สวยมากค่ะ ถ้ามีโอกาสลองไปเที่ยวกันดูนะคะ แอฟริกาไม่น่ากลัวเลย
[CR] This time for Africa! กาลครั้งหนึ่ง ณ เคปทาวน์
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวในเมือง เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ดินแดนอันใกล้โพ้นนนนน
ช่วงปลายปีที่แล้วเราหาทริปไปเที่ยวตอนเดือนกุมภาพันธ์ หาไปหามา เออ เคปทาวน์ก็น่าสน แล้วเราก็เจอตั๋วราคาดีจาก Ethiopian Airlines ไปกลับ กรุงเทพ - เคปทาวน์ ในราคา 2 หมื่นนิดๆ โดยเราจะต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมือง Addis Ababa ประเทศเอธิโอเปีย ก็กดจองเลย 555 ใจง่ายมาก กดจองแล้วก็มาหาข้อมูลสายการบิน หลายๆกระทู้ในนี้ก็แอบทำให้เรากังวลและกลัวๆอยู่บ้าง
ก่อนเดินทางก็ค้นข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนที่ต้องฉีด ซึ่งประเทศแอฟริกาใต้ไม่ได้อยู่ในรายชื่อเขตระบาด แต่!!!เราต้องไปแวะเปลี่ยนเครื่องที่เอธิโอเปียนะสิ จากการค้นข้อมูล หลายๆที่บอกว่าถ้าแค่เปลี่ยนเครื่องที่เอธิโอเปีย 2 ชั่วโมงไม่ต้องฉีดวัคซีนไข้เหลืองก็ได้ เราโทรไปถามสายการบิน ทางเจ้าหน้าที่แนะนำว่าฉีดไปดีกว่าเพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง เราเองก็เห็นด้วย กันไว้ก่อนดีกว่าแก้ ก็ไปฉีดมาที่สถานเสาวภา ซึ่งวัคซีนนี้จะต้องฉีดก่อนเดินทางอย่างน้อย 10 วัน หลังจากฉีดเราจะได้สมุดรับรองการฉีดวัคซีนเล่มสีเหลืองกลับมาเอาค่ะ ต้องพกไปด้วยนะคะ
วันเดินทางสิ่งที่กังวลก็เกิดขึ้นเที่ยวบินขาออกจากกรุงเทพดีเลย์ไปประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งทำให้เราตกเครื่องค่ะ! 555 (แต่ตอนนั้นขำไม่ออกนะ) เดินออกจากเครื่องมาตอนประมาณ 8 โมงเช้า เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเครื่องยูอ่ะ ออกไปแล้วนะให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อหาเที่ยวบินใหม่ ซึ่งกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง กว่าเจ้าหน้าที่จะจัดการให้ได้ก็รอเป็นชั่วโมงค่ะ เที่ยวบินที่เร็วที่สุดคือ เที่ยงคืนกว่าๆ เราต้องติดอยู่ที่นั้นประมาณ 10 กว่าชั่วโมง (โชคดีมากที่เราฉีดวัคซีนมา) ซึ่งทางสายการบินก็ได้จัดโรงแรมพร้อมอาหารและรถรับส่งให้ค่ะ โดยเราจะเดินทางไป โจฮันเนสเบิร์ก เพื่อต่อเครื่องไปเคปทาวน์กับ South African Airways ใครจะไปคิดว่าครั้งหนึ่งใน passport เรามีตราปั้มต.ม.ของประเทศเอธิโอเปียอยู่ด้วย เท่ห์มาก 555 เราโชคดีค่ะที่ได้ทำประกันเดินทางไว้ เพราะที่พักในคืนแรกที่จองไว้ก็ต้องเสียไปฟรีๆ ก็ได้ค่าเยียวยาจากประกันเนี่ยแหละค่ะ ซึ่งการเคลมก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เพราะงั้นไปเที่ยวต่างประเทศซื้อประกันเดินทางไว้เถอะ สำคัญนะคะ
หลังจากการเดินทางที่แสนยาวนาน ถึงสักที
ภาพนี้ถ่ายตอนเครื่องบินกำลังลดระดับลงจอดที่เคปทาวน์
จากสนามบินเราเดินทางเข้าเมืองโดย Uber ใช้เวลาประมาณ 30นาทีก็ถึงตัวเมืองค่ะ เราเลือกพักใจกลางเมืองเคปทาวน์กับ Airbnb ค่ะ การเดินทางในเคปทวน์เราใช้ Uber และ Hop on Hop off Bus (รถบัส2ชั้นเปิดประทุน) เป็นหลักค่ะ เราใช้บริการแท็กซี่ครั้งนึง ราคาแพงมากค่ะรู้เลยว่าโดนโกงแต่ตอนนั้นเน็ตหมดค่ะ ไม่สามารถเรียน Uber ได้ พลาดมาก!
อ่อ ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ทางเคปทาวน์มีปัญหาเรื่องน้ำค่ะ เราต้องใช้น้ำอย่างประหยัด ห้องน้ำตามร้านอาหารหรือห้องน้ำสาธารณะไม่มีน้ำให้ล้างมือนะคะ มีเจลให้ในบางที่ โชคดีว่าเราพกเจลล้างมือกับทิชชู่เปียกไปอย่างเยอะ It's a must item! ที่เคปทาวน์เราจะเห็นป้ายรณรงค์เรื่องการประหยัดน้ำอยู่ทั่วไป และทุกคน take it serious
หลังจากเก็บข้าวของเราก็ออกเที่ยวเลยค่ะ เราซื้อตั๋ว Hop on Hop off Bus ออนไลน์ตั้งแต่ที่เมืองไทย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แค่ปริ้น E-Ticket ไปโชว์ สะดวกมากค่ะ วันแรกเราก็นั่งรถเที่ยวไปรอบๆค่ะ
แค่นั่งรถชมวิวไปเรื่อยๆก็ฟินแล้ว ตอนที่ไปเป็นช่วงหน้าร้อน แดดแรงมากแต่มีลมพัดตลอดค่ะ ยิ่งขึ้นไปบนภูเขาคือฟินมาก อากาศดี สูดหายใจได้เต็มปอด
เรานั่งรถไปลงที่ Victoria & Alfred Waterfront หรือ V&A Waterfront ที่ซึ่งคล้ายๆเอเชียทีคบ้านเรา เป็นห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร ที่อยู่ริมท่าเรือ เดินเล่นรอบๆ แล้วก็ไปลงเรือซึ่งค่าตั๋วเรือได้รวมอยู่ในตั๋วรถ Hop on Hop off แล้วค่ะ ซึ่งเรือจะแล่นไปรอบๆอ่าว V&A Waterfront ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีต่อรอบค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บรรยากาศดีมากๆแถมยังได้เห็นแมวน้ำที่ขึ้นมานอนเล่นนอนพักบนฝั่งด้วย พวกมันน่ารักมากค่ะ
จากนั้นช่วงเย็นเรานั่ง Sunset Bus ซึ่งค่าตั๋วก็รวมอยู่ในตั๋วรถ Hop on Hop off แล้วเหมือนกันค่ะ โดยรวมแล้วเป็นการลงทุนที่คุ้มอยู่ค่ะ
ซึ่ง Sunset Bus จะพาเราขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ Signal Hill รูปนี้ถ่ายจาก Signall Hill ค่ะ ด้านซ้ายคือ Table Mountain ด้านขวาคือ Lion's Head ทางหันไปอีกด้านก็จะเป็นวิวทะเล แบบนี้ค่ะ
วันต่อมาเราไปกันที่ Robben Island Museum โดยได้ทำการซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้าไปจากเมืองไทยค่ะ เราต้องซื้อตั๋วล่วงหน้านะคะมีเป็นรอบๆ จาก V&A Waterfront เราต้องนั่งเรือไปเกาะ Robben ประมาณ 45 นาทีค่ะ ทัวร์นี้จะพาเราไปชมที่คุมขังนักโทษ เนลสัน แมนเดลา (อดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของอเมริกาใต้) ก็เคยถูกกักขังอยู่ที่นี้ค่ะ ซึ่งปัจจุบันได้ยกเลิกคุกแห่งนี้ไปแล้ว
ไกด์ของเราเป็นอดีตนักโทษค่ะ
หลังจบทัวร์เราเดินทางไป Table Mountain เพื่อจะขึ้นไปชมวิวด้านบน แต่ปรากฎว่ากระเช้าเคเบิ้ลปิดค่ะ เนื่องจากลมแรงมาก อีกวิธีคือเดินขึ้นซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เราไม่สู้ค่ะ555 ไม่ไหวจริงๆ เราเลยกลับมาที่นี้อีกวัน เราซื้อตั๋วออนไลน์มาล่วงหน้าเหมือนกันค่ะ ตีตั๋วไปกลับเลย กระเช้าใหญ่ค่ะ ไม่เสียวเลย หมุน 360 องศา เพราะงั้นไม่ว่าจะยืนตรงไหนก็สามารถเห็นได้รอบทิศค่ะ มันเก็จริงๆ ตัวกระเช้านั้นบรรจุน้ำไว้ค่ะ 1.เพื่อถ่วงน้ำหนัก 2.ขนน้ำขึ้นไปใช้ด้านบน เพราะด้านบนมีร้านอาหาร ห้องน้ำ ที่จำเป็นต้องใช้น้ำค่ะ
ด้านบนลมตึง อากาศเย็นสบาย ขึ้นมาแล้วเราก็จะเห็นสภาพภูมิประเทศแบบนี้ค่ะ
ราบเรียบมาก เลยทำให้ได้ชื่อว่าภูเขาโต๊ะ
วันต่อมาเราซื้อเดย์ทัวร์ กับ Hop on Hop off (อีกแล้ว 555) ทัวร์นี้ไม่รวมค่าอาหารกลางวันนะคะ เราไปกันที่ Boulders Beach เพื่อไปดูเจ้าเพนกวิ้นค่ะ
น่ารักมากกกก วันที่ไปคนเยอะมากค่ะ เบียดเสียดถ่ายรูป แล้วเราไปกับทัวร์ต้องทำเวลาด้วย ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ไปเองค่ะ จะได้ใช้เวลานานๆ จากนั้นไปกันต่อที่ Cape Point และ Cape of Good Hope
เราทานอาหารกลางวันที่ Cape Point ร้าน Two Oceans แล้วเย็นนั้นเราก็อาหารเป็นพิษเกือบตายกันค่ะ นอนเกาะขอบชักโครกเลย รู้สึกผิดกับเจ้าของบ้าน Airbnb มาก เราใช้น้ำกันไปเยอะมากมาย T_T เป็นหนักถึงขั้นต้องยกเลิกทริปที่ไปดูปลาฉลามในวันรุ่งขึ้น แล้วเปิดหารายชื่อโรงพยาบาลใกล้ที่พักแต่สุดท้ายไม่ได้ไปค่ะดีขึ้นสักก่อน คงเป็นความโชคร้ายของเราที่แจ๊คพ็อตเจออาหารที่ไม่สะอาด
เราใช้เวลาเที่ยวเคปทาวน์ประมาณ 5 วันค่ะ จากนั้นเราเช่ารถขับไป Safari Game Reserve ซึ่งอยู่ห่างจากเคปทาวน์ประมาณ 4 ชั่วโมงค่ะ Game Reserve ที่เราเลือกชื่อ Gondwana Game Reserve [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เราจะไปส่องสัตว์กัน เป็นทริป 2 วัน 1 คืน แล้วเราจะกลับมาขึ้นเครื่องกลับบ้านที่เคปทาวน์
ที่พักของเราค่ะ สวยมากกกกก บรรยากาศดีมากๆค่ะ ตอนกลางวันแดดแรงร้อนเปลี้ยง ส่วนตอนกลางคืนนั้นหนาวแบบต้องใช้ฮีตเตอร์ สำหรับโปรแกรมการเข้าพักเราเลือกแบบ full board คือมีอาหารให้ครบทุกมื้อ พาไปส่องสัตว์ 2 รอบ
เราพักหลังนี้ค่ะ
วิวจากในห้องพัก เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าเราโชคดีเราจะเห็นสัตว์แถวบ้านพักเลยค่ะ แต่เราไม่มีโชค 5555
ที่ทานอาหารเช้าค่ะ
หลังจากเช็คอินเรามีเวลาพักแปปนึง แล้วเราก็เริ่ม Safari เลยค่ะ ไกด์มารับเราและพาเรานั่งรถกระบะเปิดประทุนไปตามหาสัตว์ค่ะ
สัตว์ใหญ่ตัวแรกที่เราเห็น
เราอยู่บนรถกันตลอดเพื่อความปลอดภัยแล้วคนขับก็คอยระวังตลอด
ทริปนี้น่าเสียดายที่เราไม่ได้เห็นสิงโตไกด์พาขับวนหาอยู่นานมากค่ะ ทั้งรอบบ่ายและรอบเช้า ไม่เจอเลย แต่แค่นี้ก็อิ่มก็สุขมากแล้วค่ะ
ทริปนี้เราได้เห็นอะไรที่แปลกใหม่ เป็นประสบการณ์ดีๆอีกครั้งในชีวิตใครเลยจะคิดว่าครั้งหนึ่งเราได้ไปเหยียบทวีปแอฟริกา เคปทาวน์เป็นเมืองที่สวยมากค่ะ ถ้ามีโอกาสลองไปเที่ยวกันดูนะคะ แอฟริกาไม่น่ากลัวเลย