โครงการกู้ไปล้างหนี้นอกระบบของธนาคารออมสิน ยึดบ้านผมไปอย่างไม่เป็นธรรม

เป็นเรื่องที่หน้าชื่นอกตรมมานานพอสมควรกับเรื่องนี้เมื่อเรื่องที่เกิดความไม่ยุติธรรมกับครอบครัวแอดมินเอง แต่เราก็ไม่สามารถเรียกร้องความเป็นธรรมจากใครได้ ... ที่ผ่านมาสุรินทร์ร้อยแปดก็ทำหน้าที่ เรียกร้องความเป็นธรรมเพื่อส่วนรวม มาเยอะ ... แต่พอเจอกับตัวเองกลับไม่มีทางออก ...​ ผมรู้สึกไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นเลย ....


เมื่อปลาย ๆ ปีที่แล้วแอดมินโดนยึดบ้านอย่างถูกกฏหมายแต่ไม่เป็นธรรมจากธนาคารออมสิน

จากกรณีที่แม่ของแอดมินไปค้ำประกันเงินกู้ให้ชาวบ้านรายหนึ่งในโครงการรัฐให้กู้ไปใช้หนี้นอกระบบ ชาวบ้านรายนั้นไปกู้เงินในโครงการไป 2 หมื่นบาท โดยใช้ชื่อแม่ของแอดมินเป็นผู้ค้ำประกันเพราะว่าเป็นข้าราชการ ....

ปัญหาคือลูกหนี้รายนั้นไม่ชำระเงินคืน ทำให้เกิดการฟ้องยึดทรัพย์ตามกฏหมาย เมื่อลูกหนี้ไม่จ่าย ก็ต้องตามบี้กับผู้ค้ำประกัน ....

แต่สาระสำคัญคือ ผู้ค้ำประกันทราบเรื่องหลังจากที่กรมบังคับคดี ประกาศยึดทรัพย์ซึ่งเป็นบ้านซึ่งเรื่องระหว่างที่เกิดคดีความนั้นทางแม่ไม่เคยทราบเรื่องและไม่เคยได้เข้าไปฟังคำตัดสินของศาล ...

ที่สำคัญบ้านหลังนี้คือบ้านกำลังผ่อนอยู่กับทางธนาคารออมสินเอง

เมื่อได้รับหมายจากกรมบังคับคดี วันนั้นแม่รีบนำเอกสารไปพบเจ้าหน้าที่ธนาคารทันที เพื่อแสดงความบริสูทธิ์ใจและด้วยความกลัวว่าบ้านจะถูกยึดจริง ๆ แต่ ... แม่ได้รับคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าไม่มีอะไรให้คุณแม่ใจเย็น ๆ ทางธนาคารจัดการให้เอง

ซึ่งทางธนาคารก็จัดการให้เองจนบ้านขายทอดตลาดสำเร็จ แม่ทราบเรื่องหลังจากเขาขายบ้านสำเร็จไปแล้ว 2 ชั่วโมง แม่แอดมินถึงกับลมจับ ... ทำไมธนาคารถึงทำแบบนี้ ???

บ้านถูกซื้อโดยข้าราชการระดับสูงในกรมประมงของจังหวัด ... เมื่อเราทราบเรื่องคุยกับทางทนายแล้วว่า มีทางเดียวคือขอซื้อคืนจากเจ้าของคนใหม่ ...

แอดมินก็ให้น้องและเพื่อนบ้านที่อยู่กรมที่ดินไปเจรจากับเจ้าของบ้านคนใหม่ว่าขอซื้อคืน โดยยินยอมให้กำไรจากที่เขาซื้อบ้านครั้งนี้ไปที่ 1.5 แสนบาท แต่ข้าราชการท่านนี้ไม่ยอมขาย และระบุว่าถ้าจะขายก็ไม่ควรตำกว่าราคาประเมิณของ ธนาคารซึ่งราคา 8 แสน ซึ่งเขาอาจจะลดได้นิดหน่อย ... ซึ่งต้องบอกตามตรงว่า แอดมินไม่มีเงินขนาดนั้น ... อายุราชการของแม่ก็เกือบเกษียณแล้ว ธนาคารที่ไหนจะปล่อยถ้าราคาสูงขนาดนั้น ...

ผมแอบเจ็บใจตัวเองที่เจอ "ข้าราชการ" ที่คิดเอาแต่ประโยชน์ตนแบบนี้โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนคนอื่น ... สาระคือเขารู้มาก่อนจะซื้อบ้าน ว่ามีคนอาศัยอยู่ และคนที่อยู่ไม่ได้ทราบเรื่องที่จะไปคัดค้านการขายทอดตลาด...

แอดมินทำอะไรไม่ได้นอกจากหาบ้านหลังใหม่ ... ทั้งที่ไม่มีเงินเดือน ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถหาบ้านใหม่ได้

สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือการดื้อโดยไม่ย้ายออก ... และหมายศาลขับไล่กำลังจะมาแปะหน้าบ้านเร็ว ๆ นี้ จากคำขู่ของข้าราชการที่เอาแต่ได้รายนั้น...

เรื่องนี้แอดมินทราบว่าแม่นอนร้องไห้ มาหลายเดือนตลอดที่เกิดเรื่องบัดซบนี้ขึ้น ...เพราะว่าตลอดชีวิตของแม่ สมบัติชิ้นเดียวที่แม่มีคือบ้านหลังนี้ แต่แอดมินก็ทำอะไรได้ไม่มาก... ไม่มีคำปลอบใจดีดี คำพูดดีดีให้แม่ได้สบายใจ

เพราะว่ามันไม่มีที่ไปจริง ๆ

สาระที่สำคัญที่ขาดหายไประหว่างที่เล่าคือ ...

1. มูลหนี้ ณ ตอนถูกฟ้องคือ 4 หมื่นบาท หลังจากบังคับคดียึดบ้านมูลค่า 8 แสนผมไปแล้ว หนี้ยังคงเหลือ และเพิ่มขึ้นเป็น 5 หมื่นบาท นั้นแปลว่าผมถูกยึดบ้านไปฟรี ๆ โดยไม่ได้ตัดหนี้ใด ๆ ที่เป็นคดีได้เลย แบบนี้คือความยุติธรรมหรือไม่ ?

2. แม่เป็นข้าราชการครูที่มีเงินกู้เป็นทรัพย์สิน ติดหนี้ธนาคารออมสิน ณ วันนั้นกว่า 1.4 ล้านบาทและ ใช้การหักเงินเดือนจากฏีกา เพื่อชำระเป็นรายเดือน รวมถึง ค่าผ่อนบ้านหลังนั้นด้วย ... บ้านไม่เคยมีประวัติค้างชำระ

3. สิ่งที่ธนาคารให้คำแนะนำกับแม่ระหว่างที่ไปปรึกษาตอนเจอเอกสารบังคับคดีคือให้เราใจเย็น ธนาคารจะจัดการให้ ถือเป็นการให้คำแนะนำที่บิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาเดินหน้าขายบ้านทอดตลาดต่อไป แต่เราไม่สามารถโทษอะไรกับธนาคารได้เพราะว่าเขาบอกว่าเขาทำถูกต้องตามกฏหมาย

เห็นไหม ... บางทีการทำงานหนักเพื่อส่วนรวมก็ไม่สามารถสร้างความสุขและหาความยุติธรรมให้เราได้อย่างแท้จริง ... เป็นเรื่องที่ต้องเผชิญในสังคมนี้


ขอบคุณที่อ่านเรื่องความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัวผมจนจบ

ต้นฉบับ : https://www.facebook.com/surin108/photos/a.399521460928.163908.302451010928/10156478740675929/?type=3
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่