อันยอง~~~~~~ (พูดได้แค่นี้แหละ แฮ่ะๆ)
ทริปนี้เป็นครั้งที่สองที่เราไปเยือนโซล แต่เป็นครั้งที่รีวิวในพันทิพ
รอบนี้เราจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าประมาณ 4-5 เดือน ได้มาในราคา 8,500 บาทต่อคน รวมน้ำหนักกระเป๋า (ไม่มีอาหาร ไม่เลือกที่นั่ง) ซึ่งเราโอเคกับราคานี้ไลน์คุยกับเพื่อนสาวนางก็รีบตอบตกลง ก็จัดเลยสองที่ เราเลือกเดินทางวันที่ 8-13 พค. 2561 (ตอนแรกคิดว่ามีวันหยุดแต่ดูผิด ต้องลางานเต็มๆ สี่วัน เศร้าแพร่บ)
ที่เลือกช่วงนี้เพราะอากาศยังไม่ร้อนมาก และไม่หนาว (รอบก่อนเรามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งหนาวมากกกกกกก)
เริ่มกันที่วันแรกเลยแล้วกัน เราต้องไปถึงสนามบินคืนวัน 7 พค. เวลาบินจริงคือ ตี 2.30 ของวันที่ 8 พค. (งงไหมอะ..ไม่งงเนอะ) เรียกแท็กซี่ไปถึงสนามบินตั้งแต่สี่ทุ่มหน่อยๆ (กลัวรถติดง่ะ)
วาปมาถึงเกาหลีตอน 9:45 am ผ่านตม.มาอย่างง่ายดาย ไม่ถามอะไรเล้ยยยยย แวะเติมบัตร T-money ก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าลากไปขึ้นรถไฟใต้ดิน (all stop train) ไปลงสถานี Hongik ไปถึงที่พัก 12:15 pm รอบนี้เราพักที่ Nabi hostel อยากบอกว่าดีมากๆ เตียงนุ่ม ห้องน้ำสะอาด (มีน้ำดื่มให้, แชมพู, ครีมนวด, ครีมอาบน้ำ) แถมมีชุดฮันบกให้ยืมใส่ถ่ายรูปฟรี (บริเวณโรงแรมเท่านั้น) ปกติให้เชคอินได้บ่ายสามโมงไปแล้วแต่พอดีห้องเราทำเสร็จพอดีเลยได้ขึ้นห้องเลย (ดีไปอีก)
เริ่มต้นมื้อแรกเมื่อเหยียบเกาหลีด้วยปลาหมึกผัดเผ็ด เดินข้ามถนนไปจากที่พักไม่ไกลก็เจอ รอบที่แล้วเราไม่รู้จักร้านเลยอดกิน
เราสั่งเป็นปลาหมึกกับหมู สองคนตกคนละ 13,000 วอน มีข้าวผัดไข่กุ้งปิดท้ายให้ อร่อยก็ตรงข้าวผัดนี่แหละ เผ็ดไปหน่อย(สำหรับคนกินเผ็ดน้อยอย่างเรา) แต่รวมๆ ก็ถือว่าอร่อย
กินข้าวเสร็จเดินย่อยกันแถวฮงแดตอนบ่ายๆ วันธรรมดาคนน้อย เดินสบาย แวะจิบกาแฟกันที่ร้าน Holly coffee
ก่อนจะไปเดินช้อปต่อย่านหมาลัยอีวา
เสร็จจากอีวาก็นั่งบัสต่อไปที่ City hall ถ่ายรูปกับป้าย I SEOUL U แล้วเดินต่อไปจตุรัสควางฮวามุน เดินกันไปยาวๆ เลยค่ะ
เสร็จจากจตุรัสก็นั่งบัสต่อไปชมสวนลอยฟ้า Seoullo 7017 (ซึ่งไม่มีรูปสวนเลย 555)
ตกเย็นนั่งใต้ดินกลับมาซดเล้งต้มมันฝรั่ง (คัมจาทัง) แถวที่พัก ติดใจร้านนี้ตั้งแต่รอบแรกที่มาโซล..ต้องกลับมาซ้ำรอบสอง
วันที่สองหลังจากกินข้าวเช้าที่โรงแรม ออกเที่ยวกันตอนสายๆ ประมาณ 10 โมงได้ วันนี้ตั้งใจจะไปร้าน 89 Mansion (เพื่อนนางติ่งน้องเป็ด) เพราะยังเช้าเลยแวปไปเที่ยววัดบงอึนซาก่อน มีเทศกาลประดับโคมอยู่พอดี
จากวัดเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ต่อกันที่ห้องสมุด Starfield Library
ได้เวลาไปหาน้องเป็ด(แต่แต้มบุญเพื่อนไม่ถึง เลยไม่ได้เจอเจ้าของร้าน)
เดินเล่นกันย่าน Garosu-gil พักใหญ่ ก่อนไปร้านยอดฮิตอย่าง Onion
คนเยอะมากกกกกก คนเกาหลีเองก็เกินครึ่งร้าน ขนาดว่าเรามาวันธรรมดาแล้วนะ จากตรงนี้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อถ่ายรูปสตรีทอาร์ตกันสักหน่อย
ไปต่อกันที่ Common Ground ถ่ายรูป เดินเล่น หามื้อเย็นกินแถวนั้น
เจอร้านไก่ทอด คนน้อยดีเลยลองสักหน่อย
สองคนกับจานนี้กินกันไม่หมดจ้าาาาา เยอะเหลือเกิน กินมากก็เลี่ยนมาก กินเสร็จก็นั่งใต้ดินต่อบัสไปสะพานบันโพ ดูโชว์น้ำพุกัน
ดูไปสองรอบ ยิ่งดึกยิ่งหนาวแถมต้องอดทนกับคู่รักเกาหลีที่นั่งสวีตกันหลายสิบคู่
สรุปวันนี้ไปหลายที่มากกกกกกกก จัดไปสองหมื่นห้าพันก้าวเบาๆ
วันที่สามเราไป National Museum of Korea ฟรีค่าเข้าค่ะ
เสร็จจากพิพิธพัณฑ์ก็นั่งบัสไปหินข้าวแถวอิเทวอน ตามมาจาก #รีวิวเกาหลี ในทวิตเตอร์ ของเราเป็นซุปทะเลใส่เต้าหู้ อร่อยจริงจังแถมเยอะด้วย
แล้วเดินเล่นย่านอิเทวอน ก่อนนั่งใต้ดินไปกินขนมอึที่อินซาดง
วันที่สี่เราไปเที่ยวนอกเมืองหน่อยๆ นั่งรถจากฮงแดประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงเมืองอันยาง ที่นี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปเลยก็ว่าได้..หลีกหนีความวุ่นวายจากในเมือง ร่มรื่น เดินเพลินมากๆ
รูปนี้ถ่ายระหว่างรอรถบัสหน้าสถานีอังยาง
เบรคกันด้วยมื้อกลางวันที่สุ่มล้วนๆ เพราะไม่เคยมีรีวิวร้านอาหารแถวนี้ เลยดุ่มๆ เข้าร้านที่คนเยอะที่สุดตอนแรกลังเลที่จะเข้าเพราะกลัวไม่มีเมนูอังกฤษ แล้วก็ไม่มีจริงๆ แต่อาจุมม่าเปิดรูปในมือถือให้ดูว่ามีเมนูอะไรบ้าง ได้หมูสามชั้นต้มกิมจิมาหม้อนึง เยอะมากกกก กินสองคนไม่หมด แถมถูก มื้อนี้สองคน 15,000₩
จบค่ะ
เสร็จจากที่นี้เราก็ช้อปปิ้งกันยาวๆ จนวันที่ห้า ไปเที่ยวไหนไม่ได้เพราะฝนตกเลยเดินช้อปกันในห้างจนถึงเวลาบินกลับ
ปล.1 ทริปนี้เราไม่เที่ยววังเลยเพราะรอบแรกเราเที่ยวไปแล้วสองวังครึ่ง
ปล.2 มีร้านคาเฟ่ที่อยากไปเยอะมากกกกก แต่ไม่สามารถ
ปล.3 เราใช้แอพ Naver Map นำทางในการเที่ยวครั้งนี้เป็นหลัก (ดีมากค่ะ แนะนำ)
ขอบคุณที่ติดตามชมกันนะคะ
[CR] เกาหลี ไม่มีแพลน (เที่ยวไปวันๆ แต่มันส์ทุกที่)
ทริปนี้เป็นครั้งที่สองที่เราไปเยือนโซล แต่เป็นครั้งที่รีวิวในพันทิพ
รอบนี้เราจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าประมาณ 4-5 เดือน ได้มาในราคา 8,500 บาทต่อคน รวมน้ำหนักกระเป๋า (ไม่มีอาหาร ไม่เลือกที่นั่ง) ซึ่งเราโอเคกับราคานี้ไลน์คุยกับเพื่อนสาวนางก็รีบตอบตกลง ก็จัดเลยสองที่ เราเลือกเดินทางวันที่ 8-13 พค. 2561 (ตอนแรกคิดว่ามีวันหยุดแต่ดูผิด ต้องลางานเต็มๆ สี่วัน เศร้าแพร่บ)
ที่เลือกช่วงนี้เพราะอากาศยังไม่ร้อนมาก และไม่หนาว (รอบก่อนเรามาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ซึ่งหนาวมากกกกกกก)
เริ่มกันที่วันแรกเลยแล้วกัน เราต้องไปถึงสนามบินคืนวัน 7 พค. เวลาบินจริงคือ ตี 2.30 ของวันที่ 8 พค. (งงไหมอะ..ไม่งงเนอะ) เรียกแท็กซี่ไปถึงสนามบินตั้งแต่สี่ทุ่มหน่อยๆ (กลัวรถติดง่ะ)
วาปมาถึงเกาหลีตอน 9:45 am ผ่านตม.มาอย่างง่ายดาย ไม่ถามอะไรเล้ยยยยย แวะเติมบัตร T-money ก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าลากไปขึ้นรถไฟใต้ดิน (all stop train) ไปลงสถานี Hongik ไปถึงที่พัก 12:15 pm รอบนี้เราพักที่ Nabi hostel อยากบอกว่าดีมากๆ เตียงนุ่ม ห้องน้ำสะอาด (มีน้ำดื่มให้, แชมพู, ครีมนวด, ครีมอาบน้ำ) แถมมีชุดฮันบกให้ยืมใส่ถ่ายรูปฟรี (บริเวณโรงแรมเท่านั้น) ปกติให้เชคอินได้บ่ายสามโมงไปแล้วแต่พอดีห้องเราทำเสร็จพอดีเลยได้ขึ้นห้องเลย (ดีไปอีก)
เริ่มต้นมื้อแรกเมื่อเหยียบเกาหลีด้วยปลาหมึกผัดเผ็ด เดินข้ามถนนไปจากที่พักไม่ไกลก็เจอ รอบที่แล้วเราไม่รู้จักร้านเลยอดกิน
เราสั่งเป็นปลาหมึกกับหมู สองคนตกคนละ 13,000 วอน มีข้าวผัดไข่กุ้งปิดท้ายให้ อร่อยก็ตรงข้าวผัดนี่แหละ เผ็ดไปหน่อย(สำหรับคนกินเผ็ดน้อยอย่างเรา) แต่รวมๆ ก็ถือว่าอร่อย
กินข้าวเสร็จเดินย่อยกันแถวฮงแดตอนบ่ายๆ วันธรรมดาคนน้อย เดินสบาย แวะจิบกาแฟกันที่ร้าน Holly coffee
ก่อนจะไปเดินช้อปต่อย่านหมาลัยอีวา
เสร็จจากอีวาก็นั่งบัสต่อไปที่ City hall ถ่ายรูปกับป้าย I SEOUL U แล้วเดินต่อไปจตุรัสควางฮวามุน เดินกันไปยาวๆ เลยค่ะ
เสร็จจากจตุรัสก็นั่งบัสต่อไปชมสวนลอยฟ้า Seoullo 7017 (ซึ่งไม่มีรูปสวนเลย 555)
ตกเย็นนั่งใต้ดินกลับมาซดเล้งต้มมันฝรั่ง (คัมจาทัง) แถวที่พัก ติดใจร้านนี้ตั้งแต่รอบแรกที่มาโซล..ต้องกลับมาซ้ำรอบสอง
วันที่สองหลังจากกินข้าวเช้าที่โรงแรม ออกเที่ยวกันตอนสายๆ ประมาณ 10 โมงได้ วันนี้ตั้งใจจะไปร้าน 89 Mansion (เพื่อนนางติ่งน้องเป็ด) เพราะยังเช้าเลยแวปไปเที่ยววัดบงอึนซาก่อน มีเทศกาลประดับโคมอยู่พอดี
จากวัดเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง ต่อกันที่ห้องสมุด Starfield Library
ได้เวลาไปหาน้องเป็ด(แต่แต้มบุญเพื่อนไม่ถึง เลยไม่ได้เจอเจ้าของร้าน)
เดินเล่นกันย่าน Garosu-gil พักใหญ่ ก่อนไปร้านยอดฮิตอย่าง Onion
คนเยอะมากกกกกก คนเกาหลีเองก็เกินครึ่งร้าน ขนาดว่าเรามาวันธรรมดาแล้วนะ จากตรงนี้เดินข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อถ่ายรูปสตรีทอาร์ตกันสักหน่อย
ไปต่อกันที่ Common Ground ถ่ายรูป เดินเล่น หามื้อเย็นกินแถวนั้น
เจอร้านไก่ทอด คนน้อยดีเลยลองสักหน่อย
สองคนกับจานนี้กินกันไม่หมดจ้าาาาา เยอะเหลือเกิน กินมากก็เลี่ยนมาก กินเสร็จก็นั่งใต้ดินต่อบัสไปสะพานบันโพ ดูโชว์น้ำพุกัน
ดูไปสองรอบ ยิ่งดึกยิ่งหนาวแถมต้องอดทนกับคู่รักเกาหลีที่นั่งสวีตกันหลายสิบคู่ สรุปวันนี้ไปหลายที่มากกกกกกกก จัดไปสองหมื่นห้าพันก้าวเบาๆ
วันที่สามเราไป National Museum of Korea ฟรีค่าเข้าค่ะ
เสร็จจากพิพิธพัณฑ์ก็นั่งบัสไปหินข้าวแถวอิเทวอน ตามมาจาก #รีวิวเกาหลี ในทวิตเตอร์ ของเราเป็นซุปทะเลใส่เต้าหู้ อร่อยจริงจังแถมเยอะด้วย
แล้วเดินเล่นย่านอิเทวอน ก่อนนั่งใต้ดินไปกินขนมอึที่อินซาดง
วันที่สี่เราไปเที่ยวนอกเมืองหน่อยๆ นั่งรถจากฮงแดประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงเมืองอันยาง ที่นี้ถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปเลยก็ว่าได้..หลีกหนีความวุ่นวายจากในเมือง ร่มรื่น เดินเพลินมากๆ
รูปนี้ถ่ายระหว่างรอรถบัสหน้าสถานีอังยาง
เบรคกันด้วยมื้อกลางวันที่สุ่มล้วนๆ เพราะไม่เคยมีรีวิวร้านอาหารแถวนี้ เลยดุ่มๆ เข้าร้านที่คนเยอะที่สุดตอนแรกลังเลที่จะเข้าเพราะกลัวไม่มีเมนูอังกฤษ แล้วก็ไม่มีจริงๆ แต่อาจุมม่าเปิดรูปในมือถือให้ดูว่ามีเมนูอะไรบ้าง ได้หมูสามชั้นต้มกิมจิมาหม้อนึง เยอะมากกกก กินสองคนไม่หมด แถมถูก มื้อนี้สองคน 15,000₩
จบค่ะ
เสร็จจากที่นี้เราก็ช้อปปิ้งกันยาวๆ จนวันที่ห้า ไปเที่ยวไหนไม่ได้เพราะฝนตกเลยเดินช้อปกันในห้างจนถึงเวลาบินกลับ
ปล.1 ทริปนี้เราไม่เที่ยววังเลยเพราะรอบแรกเราเที่ยวไปแล้วสองวังครึ่ง
ปล.2 มีร้านคาเฟ่ที่อยากไปเยอะมากกกกก แต่ไม่สามารถ
ปล.3 เราใช้แอพ Naver Map นำทางในการเที่ยวครั้งนี้เป็นหลัก (ดีมากค่ะ แนะนำ)
ขอบคุณที่ติดตามชมกันนะคะ