เรากับแฟนคนนี้คบกันมาสามปีกว่า
.
.
เริ่มแรกเลยคบกันแบบไม่ได้ตั้งใจเพราะก่อนหน้า เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน
อีกอย่างมันเหมือนกับความ สงสาร เลยคบไปแบบ ไม่ได้รู้สึกรักอะไรมากมาย
เรากับเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด จะไปๆมาๆสะมากกว่า คือว่างเสาร์-อาทิตย์ บ้านเขาอยู่แถวๆรังสิตห้องพักเราอยู่แถวๆบางนา
แต่ละเดือนคบกันแรกๆ เขาจะมาหาเราเกือบทุกอาทิตย์
สถานะระหว่างเรากับเขา เราไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะเลย ไม่ว่าจะเป็น สถานะfacebook หรือการอัพโซเชียล
.
เวลาเขามาหาเรา เขาจะมีเงินติดตัวมาประมาณ 500 บาท หรือไม่ถึง500
ค่ารถขามา (นั่งรถตู้ 60) ซื้อบุหรี่1ซอง 90 จะเหลือ350
เขามาถึงห้องเราซื้อของกินมื้อเที่ยง 100-150 บาท ระหว่างรอเรากลับมาจากที่ทำงานในตอนเย็นวันศุกร์
เราทิ้งกุญแจไว้ให้แถวๆหน้าห้อง ไขเข้ามาได้เลย
จะเหลือเงินประมาณ 200 บาท เรามาถึงตอนเย็น เขาก็จะยื่นเงินที่เหลือให้ 200มั่ง ไม่ถึง200 มั่งแล้วแต่ ในการซื้อข้าวเย็นทานกันในวันนั้น
.
.
แต่การมาอยู่แต่ละครั้งเราต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการซื้อของกินไม่ต่ำกว่า2 วัน ถึงเวลากลับเค้าจะกลับประมาณ เย็นของวันจันทร์ หรือไม่ก็วันอังคาร และทุกครั้งที่เป็นขากลับเราก็ต้องเป็นคนให้ค่ารถเค้ากลับต่อครั้ง ครั้งละ 100-150บาทแบบเผื่อซื้ออะไรกินด้วย
ทำอย่างนี้มาสามปีเกือบๆสี่ปีเต็ม!!!!!!!!!!!!!!!
ที่ผ่านมาถามว่าเราเคยทะเลาะกันไหมเรื่องนี้ เคยสองครั้งใหญ่ๆ ที่เคยไล่เขาแต่เขาไม่ยอมไป เคยบอกเลิกในครั้งนั้น แต่เขาก็ไม่ยอมเลิก ด้วยความที่เราไม่มีใครในตอนนั้นเราก็ปล่อยให้มันวนลูปกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทั้งๆที่เขาก็สัญญาว่าจะทำให้มันดีขั้น เราเคยบอกเขาว่าอย่างน้อยเลี้ยงตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องมาเบียดค่ากินค่ารถเรา ก็พอแล้ว จะทำแค่อาทิตย์สองอาทิตย์แรกที่หลังจากทะเลาะกัน พอเหมือนเราจะลืมๆเรื่องนี้ไปเขาก็กลับมาทำตัวแบบนั้นอีก คือการพกเงินมาหาเราไม่ถึงคราวละ500
พูดถึงในเรื่องของงาน เขาทำงานเป็นฟรีแลนด์ให้กับ บ.นึงย่านรังสิต เป็นการผลิตรายการทีวีต่างๆ เขาได้เงินเป็นสัปดาห์ หรือบางสัปดาห์ก็ไม่มีงานเข้ามาเลยก็ไม่ได้เงินเลย เราเคยบอกเขาหลายครั้งว่าลองเปลี่ยนดูงานดูไหม เผื่อจะมีอะไรดีขึ้นเขาไม่เคยกล้าบอกเราว่าเขาไม่มีวุฒิการศึกษา ระดับชั้นม.3 เขาเคยอ้างว่ามันจมหายไปกับน้ำในช่วงน้ำท่วม กทม.ปี54 จนจับเข่าคุยกันว่าทำไมถึงไม่ยอมสมัครงานที่อื่น เขาสารภาพว่าเขาเรียนไม่จบ ม.3 ตอนคบกันเป็นเพื่อนครั้งแรกรู้จักผ่านเพื่อนของเพื่อน เลยไม่ได้รู้ว่าเขาเรียนจบจากไหน ตอนนั้นเราก็เลยบอกกับเขาไปว่าไม่เป็นไร เรียน กศน.เอาก็ได้
เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมาก ตอนนี้เขาอายุ27/ แต่ไม่มีงานประจำ แม้แต่การเกณฑ์ทหารเขาผลัดแล้วผลัดอีก
จนเข้าปีที่สามที่คบกะเรา เราต้องใช้คำว่าไล่ ข่มขู่ ขู่เข็ญ ขอร้องว่า ไปทำเรื่องเกณฑ์ทหารให้จบๆไปเถอะ จะได้ไม่คาราคาซัง เหตุผลที่ไม่ไปเลือกสักทีก็เพราะว่าสำเนาทะเบียนบ้านพ่อมันอยู่ที่ ตจว. และบัตรประชาชนของพ่อหายมาหลายปีแล้ว!!!!!!!!! แต่ไม่คิดจะไปทำ เราไม่รู้ในเรื่องนี้ว่ามันต้องใช้หลักฐานอะไรยังไงบ้าง สุดท้าย เขาก็เพิ่งไปทำเรื่องเสร็จเมื่อเมษา ที่ผ่านมานี้เอง อะไรหลายๆอย่างในชีวิตเขา เรารู้สึกว่าเขาไม่เคยวางแผน ไม่เคยตั้งเป้าไว้กับชีวิต ไม่เคยเก็บออม ไม่เคยคิดว่าจะต้องสร้างอนาคตกับเราด้วยซ้ำ เขาบอกกับเราเสมอว่าให้ใจเย็นๆก่อนสิ จะรีบไปทำไม ให้ใจเย็นๆ เราคิดว่าเรื่องแบบนี้มันควรใจเย็นหรอ อายุก็มากขึ้นทุกวัน พ่อแม่เราก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลท่าน แต่ยังต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช กับคนที่มองไม่เห็นอนาคตตัวเองแบบนี้
จนล่าสุด...........เรามีคนใหม่ เรายอมรับว่าเราเห็นแก่ตัวเอง ที่เรายังปล่อยไว้ ไม่บอกเลิกเขาก่อนแล้วค่อยมาคบ
เราเจอกับน้องเขาเมื่อปลายปี 60 นองเขาอายุน้องกว่าเรา4ปี แรกๆ เราไม่คิดว่าความรู้สึกมันจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ เราคุยกับแบบพี่น้องกันในช่วงแรก
จนเมื่อเวลาผ่านไป เราต้องไปหาพี่ชายทุกๆปีในจว.นึงทางภาคเหนือ ซึ่งบ้านน้องเขาก็อยู่ที่นั่น เขาพาเราไปเที่ยวมีช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน จนเราก็แอบขึ้นมาหาน้องเขาอีก เป็น สองครั้ง เป็นสามครั้ง โดยที่แฟนของเราไม่รู้เลย แรกๆน้องเขาก็ไม่รู้ แต่ความมันมาแตก คือในโซเชียลมันก็สืบกันไม่ยาก น้องเขาก็จับได้ว่าจริงๆแล้วเรามีแฟนคนนี้อยู่ น้องเขาบอกกะเราว่า จริงๆ เขารู้มาตั้งนานแล้ว แต่เเค่น้องไม่อยากพูด อยากได้ยินจากปากเราเองมากกว่า สุดท้ายกลายเป็นว่าน้องเขาเสียความรู้สึกมาก ปากบอกว่ารับได้ๆ แต่การกระทำคือตีห่างออกไปจากเราแล้วล่ะ เราก็ยอมรับในผลการกระทำของเราในครั้งนี้นะ ว่ามันแย่
ก็สมควรแล้ว ที่น้องเขาไม่อะไรกับเราอีก
จนกลับมาในความรู้สึกของเราในตอนนี้ มันไม่ใช่ว่าเรามีคนอื่นถึงอยากจะเลิก ไม่ใช่ว่าเราคิดเรื่องนี้น้อยเกินไปถึงคิดมีคนอื่น และเราคิดมานานแล้วว่ายังไง เราก็ต้องเลิก ถึงจะมีใครหรือไม่มีใคร ความรู้สึกของเรามันอึดอัดมาตลอด มาสองสัปดาห์ให้หลังที่เราตัดขาดความสัมพันธ์กับน้องเขา ความรู้สึกเรามันแย่ลงมาเรื่อยๆ ทุกๆครั้งที่แฟนเราโทรมาหาว่าทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง คุยกันสองเวลาคือสองทุ่มกับสี่ทุ่มก่อนนอน มันเบื่อหน่ายจนคืนวันพุธ ที่16/5/2018 เราตัดสินใจว่าขอเลิก ด้วยเหตุผลนานา ที่เรากล่าวอ้างมาทั้งหมด ไม่รู้จะงัดไม้ไหน ร้องไห้ทุกวันตั้งแต่วันนั้น ยังไงๆ เขาก็ไม่ยอมเลิก
เขาบอกอยู่เสมอ ว่าให้โอกาสเขาหน่อย เขาเพิ่งจะได้งานใหม่ สมัครใหม่โดยไม่บอกเรา แถมยังไม่ได้เงินเดือนๆแรกด้วยซ้ำ รอเขาหน่อยได้ไหม เขาจะรีบสร้าง เขาจะทำทุกอย่าง เราบอกเลยตอนนี้ มันหมด หมดจริงๆ ไม่อยากให้ความสงสารว่าทำไมไม่ให้โอกาสเขามันกลับมาทำร้ายเราต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เราก็รู้เองอยู่แก่ใจว่า เราเคยทำอะไร เคยนอกใจเขาแล้วด้วย และบวกกับไม่รักเขาแล้วด้วยจริงๆ ไม่อยากฝืน ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย
มันเหมือนเราเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เราก็ยอมรับทุกอย่าง ขอแค่เขาไปจากเราก็พอ ตอนนี้เราไม่มีทางออกเลย เราพูดทุกอย่างแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน ที่เขาไม่ยอมเลิก
ขอเลิก แต่ผู้ชายไม่ยอมเลิก
.
.
เริ่มแรกเลยคบกันแบบไม่ได้ตั้งใจเพราะก่อนหน้า เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน
อีกอย่างมันเหมือนกับความ สงสาร เลยคบไปแบบ ไม่ได้รู้สึกรักอะไรมากมาย
เรากับเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด จะไปๆมาๆสะมากกว่า คือว่างเสาร์-อาทิตย์ บ้านเขาอยู่แถวๆรังสิตห้องพักเราอยู่แถวๆบางนา
แต่ละเดือนคบกันแรกๆ เขาจะมาหาเราเกือบทุกอาทิตย์
สถานะระหว่างเรากับเขา เราไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะเลย ไม่ว่าจะเป็น สถานะfacebook หรือการอัพโซเชียล
.
เวลาเขามาหาเรา เขาจะมีเงินติดตัวมาประมาณ 500 บาท หรือไม่ถึง500
ค่ารถขามา (นั่งรถตู้ 60) ซื้อบุหรี่1ซอง 90 จะเหลือ350
เขามาถึงห้องเราซื้อของกินมื้อเที่ยง 100-150 บาท ระหว่างรอเรากลับมาจากที่ทำงานในตอนเย็นวันศุกร์
เราทิ้งกุญแจไว้ให้แถวๆหน้าห้อง ไขเข้ามาได้เลย
จะเหลือเงินประมาณ 200 บาท เรามาถึงตอนเย็น เขาก็จะยื่นเงินที่เหลือให้ 200มั่ง ไม่ถึง200 มั่งแล้วแต่ ในการซื้อข้าวเย็นทานกันในวันนั้น
.
.
แต่การมาอยู่แต่ละครั้งเราต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการซื้อของกินไม่ต่ำกว่า2 วัน ถึงเวลากลับเค้าจะกลับประมาณ เย็นของวันจันทร์ หรือไม่ก็วันอังคาร และทุกครั้งที่เป็นขากลับเราก็ต้องเป็นคนให้ค่ารถเค้ากลับต่อครั้ง ครั้งละ 100-150บาทแบบเผื่อซื้ออะไรกินด้วย
ทำอย่างนี้มาสามปีเกือบๆสี่ปีเต็ม!!!!!!!!!!!!!!!
ที่ผ่านมาถามว่าเราเคยทะเลาะกันไหมเรื่องนี้ เคยสองครั้งใหญ่ๆ ที่เคยไล่เขาแต่เขาไม่ยอมไป เคยบอกเลิกในครั้งนั้น แต่เขาก็ไม่ยอมเลิก ด้วยความที่เราไม่มีใครในตอนนั้นเราก็ปล่อยให้มันวนลูปกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทั้งๆที่เขาก็สัญญาว่าจะทำให้มันดีขั้น เราเคยบอกเขาว่าอย่างน้อยเลี้ยงตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องมาเบียดค่ากินค่ารถเรา ก็พอแล้ว จะทำแค่อาทิตย์สองอาทิตย์แรกที่หลังจากทะเลาะกัน พอเหมือนเราจะลืมๆเรื่องนี้ไปเขาก็กลับมาทำตัวแบบนั้นอีก คือการพกเงินมาหาเราไม่ถึงคราวละ500
พูดถึงในเรื่องของงาน เขาทำงานเป็นฟรีแลนด์ให้กับ บ.นึงย่านรังสิต เป็นการผลิตรายการทีวีต่างๆ เขาได้เงินเป็นสัปดาห์ หรือบางสัปดาห์ก็ไม่มีงานเข้ามาเลยก็ไม่ได้เงินเลย เราเคยบอกเขาหลายครั้งว่าลองเปลี่ยนดูงานดูไหม เผื่อจะมีอะไรดีขึ้นเขาไม่เคยกล้าบอกเราว่าเขาไม่มีวุฒิการศึกษา ระดับชั้นม.3 เขาเคยอ้างว่ามันจมหายไปกับน้ำในช่วงน้ำท่วม กทม.ปี54 จนจับเข่าคุยกันว่าทำไมถึงไม่ยอมสมัครงานที่อื่น เขาสารภาพว่าเขาเรียนไม่จบ ม.3 ตอนคบกันเป็นเพื่อนครั้งแรกรู้จักผ่านเพื่อนของเพื่อน เลยไม่ได้รู้ว่าเขาเรียนจบจากไหน ตอนนั้นเราก็เลยบอกกับเขาไปว่าไม่เป็นไร เรียน กศน.เอาก็ได้
เขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมาก ตอนนี้เขาอายุ27/ แต่ไม่มีงานประจำ แม้แต่การเกณฑ์ทหารเขาผลัดแล้วผลัดอีก
จนเข้าปีที่สามที่คบกะเรา เราต้องใช้คำว่าไล่ ข่มขู่ ขู่เข็ญ ขอร้องว่า ไปทำเรื่องเกณฑ์ทหารให้จบๆไปเถอะ จะได้ไม่คาราคาซัง เหตุผลที่ไม่ไปเลือกสักทีก็เพราะว่าสำเนาทะเบียนบ้านพ่อมันอยู่ที่ ตจว. และบัตรประชาชนของพ่อหายมาหลายปีแล้ว!!!!!!!!! แต่ไม่คิดจะไปทำ เราไม่รู้ในเรื่องนี้ว่ามันต้องใช้หลักฐานอะไรยังไงบ้าง สุดท้าย เขาก็เพิ่งไปทำเรื่องเสร็จเมื่อเมษา ที่ผ่านมานี้เอง อะไรหลายๆอย่างในชีวิตเขา เรารู้สึกว่าเขาไม่เคยวางแผน ไม่เคยตั้งเป้าไว้กับชีวิต ไม่เคยเก็บออม ไม่เคยคิดว่าจะต้องสร้างอนาคตกับเราด้วยซ้ำ เขาบอกกับเราเสมอว่าให้ใจเย็นๆก่อนสิ จะรีบไปทำไม ให้ใจเย็นๆ เราคิดว่าเรื่องแบบนี้มันควรใจเย็นหรอ อายุก็มากขึ้นทุกวัน พ่อแม่เราก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลท่าน แต่ยังต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช กับคนที่มองไม่เห็นอนาคตตัวเองแบบนี้
จนล่าสุด...........เรามีคนใหม่ เรายอมรับว่าเราเห็นแก่ตัวเอง ที่เรายังปล่อยไว้ ไม่บอกเลิกเขาก่อนแล้วค่อยมาคบ
เราเจอกับน้องเขาเมื่อปลายปี 60 นองเขาอายุน้องกว่าเรา4ปี แรกๆ เราไม่คิดว่าความรู้สึกมันจะเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ เราคุยกับแบบพี่น้องกันในช่วงแรก
จนเมื่อเวลาผ่านไป เราต้องไปหาพี่ชายทุกๆปีในจว.นึงทางภาคเหนือ ซึ่งบ้านน้องเขาก็อยู่ที่นั่น เขาพาเราไปเที่ยวมีช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน จนเราก็แอบขึ้นมาหาน้องเขาอีก เป็น สองครั้ง เป็นสามครั้ง โดยที่แฟนของเราไม่รู้เลย แรกๆน้องเขาก็ไม่รู้ แต่ความมันมาแตก คือในโซเชียลมันก็สืบกันไม่ยาก น้องเขาก็จับได้ว่าจริงๆแล้วเรามีแฟนคนนี้อยู่ น้องเขาบอกกะเราว่า จริงๆ เขารู้มาตั้งนานแล้ว แต่เเค่น้องไม่อยากพูด อยากได้ยินจากปากเราเองมากกว่า สุดท้ายกลายเป็นว่าน้องเขาเสียความรู้สึกมาก ปากบอกว่ารับได้ๆ แต่การกระทำคือตีห่างออกไปจากเราแล้วล่ะ เราก็ยอมรับในผลการกระทำของเราในครั้งนี้นะ ว่ามันแย่
ก็สมควรแล้ว ที่น้องเขาไม่อะไรกับเราอีก
จนกลับมาในความรู้สึกของเราในตอนนี้ มันไม่ใช่ว่าเรามีคนอื่นถึงอยากจะเลิก ไม่ใช่ว่าเราคิดเรื่องนี้น้อยเกินไปถึงคิดมีคนอื่น และเราคิดมานานแล้วว่ายังไง เราก็ต้องเลิก ถึงจะมีใครหรือไม่มีใคร ความรู้สึกของเรามันอึดอัดมาตลอด มาสองสัปดาห์ให้หลังที่เราตัดขาดความสัมพันธ์กับน้องเขา ความรู้สึกเรามันแย่ลงมาเรื่อยๆ ทุกๆครั้งที่แฟนเราโทรมาหาว่าทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยัง คุยกันสองเวลาคือสองทุ่มกับสี่ทุ่มก่อนนอน มันเบื่อหน่ายจนคืนวันพุธ ที่16/5/2018 เราตัดสินใจว่าขอเลิก ด้วยเหตุผลนานา ที่เรากล่าวอ้างมาทั้งหมด ไม่รู้จะงัดไม้ไหน ร้องไห้ทุกวันตั้งแต่วันนั้น ยังไงๆ เขาก็ไม่ยอมเลิก
เขาบอกอยู่เสมอ ว่าให้โอกาสเขาหน่อย เขาเพิ่งจะได้งานใหม่ สมัครใหม่โดยไม่บอกเรา แถมยังไม่ได้เงินเดือนๆแรกด้วยซ้ำ รอเขาหน่อยได้ไหม เขาจะรีบสร้าง เขาจะทำทุกอย่าง เราบอกเลยตอนนี้ มันหมด หมดจริงๆ ไม่อยากให้ความสงสารว่าทำไมไม่ให้โอกาสเขามันกลับมาทำร้ายเราต่อไปเรื่อยๆ ทั้งๆที่เราก็รู้เองอยู่แก่ใจว่า เราเคยทำอะไร เคยนอกใจเขาแล้วด้วย และบวกกับไม่รักเขาแล้วด้วยจริงๆ ไม่อยากฝืน ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย
มันเหมือนเราเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่เราก็ยอมรับทุกอย่าง ขอแค่เขาไปจากเราก็พอ ตอนนี้เราไม่มีทางออกเลย เราพูดทุกอย่างแล้ว เหนื่อยเหลือเกิน ที่เขาไม่ยอมเลิก