รีวิว อักษร จุฬา ปี1 ของเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง

สวัสดีจ้าทุกคน กระทู้นี้คือสิ่งที่ฉันอยากจะตกตะกอน และรีวิว และแชร์ประสบการณ์ส่วนตัว ให้น้องๆ ม.6 หรือใครใดๆก็ตาม หรือฉันเองในอนาคตที่จะย้อนกลับมาอ่าน ช่วงชีวิตปี 1 ในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อื่อหือ เต็มยศมากมั้ยล่ะจ้ะ ในมุมมองของเด็กศิลป์ฝรั่งเศสคนหนึ่งจากโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังแห่งเดียวในเชียงใหม่ คือแบบ เด็กต่างจังหวัดนั่นแหละ อย่าว่างั้นว่างี้นะ คือใครก็ตามที่ไม่ใช่กรุงเทพและปริมณฑล จะถูกมองว่าเป็นเด็กต่างจังหวัดหมด แม้กระทั่งเชียงใหม่ของฉันเอง

เอาจริงๆ กระทู้นี้ฉันจะรวบรวมสิ่งที่ฉันเคยอยากรู้ตอนนั้นไว้ให้หมด คือช่วงนั้นว้าเหว่มาก ไม่มีเพื่อนมาด้วยสักคนเลย ไม่มีใครให้ปรึกษา มีก็รุ่นพี่ต่างคณะ ซึ่งคณะเขาก็ไม่เหมือนกัน ก็เลยต้องลองเสี่ยงดูทั้งหมด พวกกระทู้หรือบล็อกรีวิวต่างๆ ก็ไม่อัพเดต เชื่อถือไม่ได้สักเท่าไหร่ นี่จึงเป็นอะไรที่ฉันอยากบอกต่อ เพื่อให้น้องๆ ต่างจังหวัดเช่นฉันรู้ว่าไม่ได้สู้ไปคนเดียวเท่านั้นเอง ช่วยๆกันเลยทีนี้

มาจุฬาได้ยังไง

เล่าก่อนว่าการมาติดที่นี่ช่วงใหม่ๆ คือไม่พอใจมากๆ เอาจริงๆ ช่วงม.ปลายไม่เคยหวังความจุฬาใดๆเลย คือไม่มีในหัวเลยยย ก็อย่างว่าอ่ะเนาะ คนเชียงใหม่ก็ต้องเรียนมช.สิจ้ะ ฉันนี่คืออยากเรียนมช.ม้ากกกก คือติดแล้วด้วยตอนนั้นอ่ะ มนุษย์ฝรั่งมช. แล้วที่ยื่นรับตรงจุฬาเนี่ยคือเสียดายคะแนน gat/pat/9สามัญ ต่างๆที่ฉันเสียเงินสอบหลายร้อย ก็เลยเออยื่นไปก่อนละกัน ติดก็ดีไม่ติดก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนั้นอุ่นใจมีที่เรียนละ แต่เมื่อประกาศผลให้ไปสัมภาษณ์นี่คือ อึ้งมากจริงๆ เพราะคะแนนรวมของฉันมันน้อยม้ากก น้อยจนแบบถึงตอนนี้ฉันก็ไม่กล้าเอาไปเปิดเผยให้ใครรู้เลย นั่นคือ 20,850 คะแนนจ้า ฉันคือเด็ก 60 จ่ะ ซึ่งรับตรงปี 60 ต่ำสุดคือ 20,831 คะแนน

อื่อหือ สรุปว่าฉันคะแนนรองบ๊วยจ่ะ แต่ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะคะแนนแรกเข้ามากน้อยมันก็ไม่ได้เป็นตัวบอกว่าเราจะเรียนคณะนี้ไม่ไหว หรือจะรองบ๊วยตลอดไป แม้ว่ามันเกือบจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม แต่ก็นะ คนอะไรจะเลิศเลอ perfect ไปเสียทุกอย่าง ทุกคนล้วนมี story มาก่อนทั้งนั้นเนาะ

ย้อนกลับไปที่ความไม่พอใจ คือบอกได้เลยว่าเป็นคนที่ใจไม่ได้เริ่มจาก 100 จริงๆ คือเห็นเพื่อนๆ ในคณะบางคนที่ตั้งใจเข้าอักษรมากๆ ตอนอ่านหนังสือก็ฟังเพลงจุฬาเพื่อสร้างกำลังใจ อะไรแนวๆนี้ แต่ฉันคือเอาความ 100 นั้นไปให้มช. หมดแล้ว ตอน clearing house เลือกจุฬาก็คือเหมือนอกหักมากๆ ที่ฉันต้องตัดใจจากมช. ทำให้ตอนมาอยู่แรกๆ ไม่ค่อยมีความสุขเลย แอบเสียใจกับตนเองที่ทำไมไม่ภูมิใจสถาบันของเรา แต่ตอนนี้หายละนะ เพราะฉันได้ลองมาสัมผัสกับบรรยากาศที่นี่ก็เลยรู้สึกว่า มันมีอะไรให้เราภูมิใจเยอะมาก มากจริงๆ

ไม่เสียใจเลยที่เลือกที่นี่ แม้ว่าจะเป็นปีแรกอยู่ก็ตาม ก็เลยเหมือนพอเข้าใจอารมณ์พี่ๆ ศิษย์เก่ากันละว่าทำไมถึงรักจุฬาได้ขนาดนี้

จุดเปลี่ยนชีวิตเมื่อ clearing house
ตรงนี้จะบอกว่าทำไมถึงเลือกจุฬา อันนี้คือไม่ได้เหยียดมช.นะ และจะไม่มีวันเหยียดเลยด้วย เพราะมช.ยังอยู่ในใจฉันเสมอนะจ้ะ หัวใจ แหม่ มุ่งมั่นมาขนาดนั้นตั้งแต่ม.ไหนละล่ะ จะให้หายไปเลยนี้ก็บ้าแหล่ว ตอนนั้นคุยกับพี่จังหวัดคนหนึ่งอยู่รัฐศาสตร์ปี3 พี่เขาก็เชียร์จุฬามากๆเลย มีประโยคหนึ่งที่พี่เขาบอก และฉันคิดว่าประโยคนั้นทำให้ฉันเลือกจุฬา

“ที่นี่จะดึงศักยภาพน้องออกมาได้มากกว่า”

มันเป็นอะไรที่ตอนนั้นเราอาจจะเข้าใจได้ประมาณนึงนะ แต่พอตอนนี้ย้อนกลับไปคิดนี่คือ จริง รู้สึกขอบคุณพี่เขามากๆ ชีวิตของฉันที่เชียงใหม่นี่คือ อยู่กับพ่อแม่ ไปรับไปส่ง ใช้เงินพ่อแม่ กินข้าวที่บ้าน เอาจริงปี1 คือปีแรกที่ฉันไม่ได้นอนกับแม่ ทุกอย่างสบาย ไม่ต้องซักผ้ารีดผ้า แต่พอมาอยู่นี่ต้องอยู่หอ ซักผ้าเอง ประหยัดตังค์ โหนรถเมล์ไปกลับ ไปไหนมาไหนเอง นอนกับหมอนข้าง ไม่ได้กินข้าวฝีมือแม่ คือทั้งหมดนี้มันคือจุดพีคอันนึงในชีวิตฉันที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยนะ รู้สึกถึงความสู้ชีวิต แต่ด้วยความที่ตอนนั้นมีใจอยากจะไปเรียนต่างประเทศ ไปลองใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก มันก็ต้องหัดอยู่ด้วยตัวเองให้ได้ ก็เลยเออ นี่ก็คือบทฝึกอันหนึ่งละกัน ถ้ารอดที่นี่ ไปเมืองนอกก็คงรอดละ

รู้สึกได้ว่ามันยากมากๆ ที่เด็กแหง่ติดบ้านจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพเป็นครั้งแรกต้องทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวเองและต้องควบคู่ไปกับการเรียนที่แสนโหดด้วย คือดึงศักยภาพจริง ดึงมาใช้ทั้งในทักษะชีวิตและทักษะการเรียนด้วย ทำให้เราต้องทำเต็มที่ ไม่งั้นก็พังเลย ไม่รอดจ้า
พอมานึกย้อนตอนนี้จริงๆ ก็ดีใจที่สามารถก้าวข้าม comfort zone ออกมาได้ ทำให้ตอนนี้ฉันมั่นใจมากขึ้น กล้าคิดกล้าทำ กล้าตัดสินใจมากขึ้น จากเมื่อก่อนเป็นเด็กขี้อายมากๆ ถึงมากที่สุดเลยจริงๆ

เอ้อ ถึงกระนั้นก็ยังคิดถึงมช.สุดใจ สิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดคือ เป็นเฟรชชี่วิ่งขึ้นดอย อื่อหือพอช่วงเขาวิ่งจริงนี่ฉันไม่เข้าทั้งเฟสและไอจีอยู่ 3 วันเพราะไม่อยากเลื่อนฟีดไปเจอรูปเพื่อนๆและบรรยากาศอันแสนอบอุ่นของรับน้องขึ้นดอยมช. ฮือ รู้สึกอกหักจริงๆ นะ ใจร้าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่