กรณีที่เราเป็นนายจ้างและทำกิจการเกี่ยวกับการเพาะปลูก การประมง ป่าไม้และเลี้ยงสัตว์ เน้นว่า "ที่ไม่ได้จ้างตลอดทั้งปี " คือเดือนนึงมา สองเดือนมา หรือสามเดือนมาก็ว่ากันไป คือนาน ๆ มาที" ก็ไม่ต้องเข้าประกันสังคม
หรือกรณีที่เราเป็นนายจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ใช่รูปแบบนิติบุคคล รูปแบบบริษัท และเน้นว่า" ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ" คือไม่ได้ประกอบธุรกิจเพื่อการค้าใด ๆ เช่น รับจ้างในบ้าน คนสวนตามบ้านนายจ้าง พี่เลี้ยงเด็ก คนล้างรถ คนขับรถ คนสวน คนงานถอนหญ้า คนงานปลุกต้นไม้ เอาง่าย ๆ คือไม่ได้ทำงานยังสถานที่ประกอบธุรกิจใด ๆ หรือถึงนายจ้างจะเปิดบริษัทก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่นั่น เป็นคนจูงลูกนายจ้างเดินไปเดินมา 555 ประมาณนั้น
****************************************************************************************************************
เพราะการดูแลสุขภาพของแรงงานต่างด้าวมีสองแบบ คือ แบบขึ้นทะเบียนประกันสังคมกับแบบซื้อประกันสุขภาพ ซึ่งมีข้อดีข้อเสียต่างกันไปและสิทธิประโยชน์ก็แตกต่างกัน และบางครั้งอาจจะมีความแตกต่างในด้านยาที่ได้รับอยู่บ้างไม่มากก็น้อยแล้วแต่ รพ.จัดให้
*****************************************************************************************************************
ประกันสังคมมีหลักคิดเก็บเงินคือ 5 % (ลูกจ้าง) + 5% (นายจ้าง) + รัฐบาล 2.5 % จากเงินที่ได้รับในแต่ละเดือน ถ้าเป็นรายเดือนก็ง่ายหน่อยแต่ถ้าเป็นรายวันก็จะคิดเป็นรายวันไปซึ่งเดือนนึงจ้างกี่วัน และคนงานไม่ได้มาทำงานวันไหนบ้างอันนี้บางครั้งในแต่ละงวดก็ไม่เท่ากัน และประกันสังคมก็บังคับให้นายจ้างที่เข้าข่ายประกันสังคมต้องพาลูกจ้างไปขึ้นทะเบียน ถ้าไม่พาไปก็มีโทษปรับกันไป
ส่วนกระกันสุขภาพเสียปีละ 1600 บาท และมีกำหนดเป็นปี ๆ ไป ถ้าไม่ซื้อก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจก็เสียเงินค่ารักษาเองไปก็เท่านั้น
ซึ่งลูกจ้างที่เป็นต่างด้าวโดยมากจะมีเงินเก็บเพราะฉะนั้นจะไม่มีปัญหาในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ส่วนนึงต้องเก็บไว้ใช้ต่ออายุบัตรต่าง ๆของรัฐบาลไทยกำหนด
ตามหลัก MOU และโดยมากพวกนี้จะส่งเงินกลับไปให้ญาติที่ประเทศ นั่นคือสิ่งที่พวกเค้าคิด....และเหตุผลที่มาทำงานที่ประเทศไทย เพราะความจำเป็นที่ค่าจ้างที่ประเทศของเค้าเองน้อยกว่าประเทศไทยเลยต้องมาหาเงิน เหมือนกับคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศที่ค่าเงินแข็งกว่า แค่พนักงานเสิร์ฟบนเรือสำราญก็ได้เงินเทียบเท่ากับข้าราชการอาวุโสแล้ว ประมาณ 60000 บาทไทย ...มันก็เป็นเหตุจูงใจอย่างมากในการจะทำงานต่างประเทศ
***************************************************************************************************************
ส่วนสิทธิประโยชน์นั้น ประกันสังคมให้เทียบเท่ากับคนไทยทุกอย่าง ประกันสุขภาพก็อีกอย่าง
นายจ้างไทยที่มีแรงงานต่างด้าวในบ้าน กรณีใดบ้างที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียนประกันสังคม และสิทธิประกันสุขภาพมีอะไรบ้าง
หรือกรณีที่เราเป็นนายจ้างที่เป็นบุคคลธรรมดาไม่ใช่รูปแบบนิติบุคคล รูปแบบบริษัท และเน้นว่า" ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ" คือไม่ได้ประกอบธุรกิจเพื่อการค้าใด ๆ เช่น รับจ้างในบ้าน คนสวนตามบ้านนายจ้าง พี่เลี้ยงเด็ก คนล้างรถ คนขับรถ คนสวน คนงานถอนหญ้า คนงานปลุกต้นไม้ เอาง่าย ๆ คือไม่ได้ทำงานยังสถานที่ประกอบธุรกิจใด ๆ หรือถึงนายจ้างจะเปิดบริษัทก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับที่นั่น เป็นคนจูงลูกนายจ้างเดินไปเดินมา 555 ประมาณนั้น
****************************************************************************************************************
เพราะการดูแลสุขภาพของแรงงานต่างด้าวมีสองแบบ คือ แบบขึ้นทะเบียนประกันสังคมกับแบบซื้อประกันสุขภาพ ซึ่งมีข้อดีข้อเสียต่างกันไปและสิทธิประโยชน์ก็แตกต่างกัน และบางครั้งอาจจะมีความแตกต่างในด้านยาที่ได้รับอยู่บ้างไม่มากก็น้อยแล้วแต่ รพ.จัดให้
*****************************************************************************************************************
ประกันสังคมมีหลักคิดเก็บเงินคือ 5 % (ลูกจ้าง) + 5% (นายจ้าง) + รัฐบาล 2.5 % จากเงินที่ได้รับในแต่ละเดือน ถ้าเป็นรายเดือนก็ง่ายหน่อยแต่ถ้าเป็นรายวันก็จะคิดเป็นรายวันไปซึ่งเดือนนึงจ้างกี่วัน และคนงานไม่ได้มาทำงานวันไหนบ้างอันนี้บางครั้งในแต่ละงวดก็ไม่เท่ากัน และประกันสังคมก็บังคับให้นายจ้างที่เข้าข่ายประกันสังคมต้องพาลูกจ้างไปขึ้นทะเบียน ถ้าไม่พาไปก็มีโทษปรับกันไป
ส่วนกระกันสุขภาพเสียปีละ 1600 บาท และมีกำหนดเป็นปี ๆ ไป ถ้าไม่ซื้อก็ได้แล้วแต่ความสมัครใจก็เสียเงินค่ารักษาเองไปก็เท่านั้น
ซึ่งลูกจ้างที่เป็นต่างด้าวโดยมากจะมีเงินเก็บเพราะฉะนั้นจะไม่มีปัญหาในส่วนของค่าใช้จ่ายที่ส่วนนึงต้องเก็บไว้ใช้ต่ออายุบัตรต่าง ๆของรัฐบาลไทยกำหนด
ตามหลัก MOU และโดยมากพวกนี้จะส่งเงินกลับไปให้ญาติที่ประเทศ นั่นคือสิ่งที่พวกเค้าคิด....และเหตุผลที่มาทำงานที่ประเทศไทย เพราะความจำเป็นที่ค่าจ้างที่ประเทศของเค้าเองน้อยกว่าประเทศไทยเลยต้องมาหาเงิน เหมือนกับคนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศที่ค่าเงินแข็งกว่า แค่พนักงานเสิร์ฟบนเรือสำราญก็ได้เงินเทียบเท่ากับข้าราชการอาวุโสแล้ว ประมาณ 60000 บาทไทย ...มันก็เป็นเหตุจูงใจอย่างมากในการจะทำงานต่างประเทศ
***************************************************************************************************************
ส่วนสิทธิประโยชน์นั้น ประกันสังคมให้เทียบเท่ากับคนไทยทุกอย่าง ประกันสุขภาพก็อีกอย่าง