เกาหลีเหนือแห่งแอฟริกาดูจะเป็นคำที่คนใช้เปรียบเทียบประเทศนี้มากที่สุด เอริเทรียหรือรัฐเอริเทรียตกเป็นเมืองขึ้นของอิตาลีตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๒๓ มาจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก่อนที่จะถูกอังกฤษมายึดแทน อิตาลีตั้งใจพัฒนาเอริเทรียพอสมควร อิตาลีสร้างโรงงานผลิตอะไรหลายๆอย่างที่เอริเทรีย เช่น โรงงานผลิตกระดุม พาสต้า น้ำมันทำกับข้าว บุหรี่ ฯลฯ ซึ่งก็สร้างงานในโรงงานให้กับคนเอริเทรียเยอะเลยทีเดียว เพราะคาดว่ามีโรงงานเกิดใหม่ถึงสองพันกว่าแห่ง และคนอิตาลีเองก็ย้ายมาอยู่เอริเทรียเป็นจำนวนเจ็ดหมื่นกว่าคน ถึงแม้จะมีการแบ่งชนชั้นกันระหว่างคนอิตาลีกับคนเอริเทรียแต่ก็ถือได้ว่าเอริเทรียเป็นประเทศที่ได้รับการพัฒนามากที่สุดในจำนวนเมืองขึ้นของอิตาลีในแอฟริกาทั้งหมด จนกระทั่งอังกฤษเข้ามาแทรกแซงช่วงปีพ.ศ.๒๔๘๔ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองและได้ขับไล่อิตาลีออกไป ภายใต้การครอบครองของอังกฤษเอริเทรียไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่ปัญหาไม่รู้จบ จนในที่สุดก็ให้UNเข้ามาช่วยดูและได้มีการตกลงกันให้เอริเทรียกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเอธิโอเปียเมื่อปีพ.ศ.๒๔๙๓ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เอธิโอเปียเข้ามามีอำนาจเกินกว่าที่ได้ตกลงไว้ทำให้ตอนหลังคนเอริเทรียฮึดสู้ขึ้นมาต่อต้านกันอยู่นานถึงสามสิบปี ก่อนที่เอริเทรียจะได้รับเอกราชในที่สุดเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๖ ซึ่งถือว่าเป็นประเทศใหม่สุดอันดับสองในทวีปแอฟริการองจากเซาท์ซูดาน หลังจากที่ได้รับเอกราชรัฐบาลที่ปกครองในตอนแรกก็มีจัดประชุมคุยกันเรื่องการเลือกตั้ง แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเลย จึงกลายเป็นประเทศที่มีรัฐบาลที่มีพรรคเดียวปกครองมาตลอด หรือจะเรียกว่าเป็นเผด็จการก็ได้
ทริปนี้เราเดินทางกันสี่คนหลังจากที่เที่ยวในซูดานเสร็จแล้ว บนเครื่องบินจากซูดานมาเอริเทรียเครื่องเต็มแน่นทุกที่นั่ง โดยที่มีคนขึ้นจากคาร์ทูมไม่ถึงยี่สิบคน แต่ส่วนมากนั่งมาจากจูบ้าเมืองหลวงของเซาท์ซูดาน เป็นคนเอริเทรียที่ไปทำธุรกิจที่นั่น เที่ยวบินสั้นๆเพียงหนึ่งชั่วโมงแต่ก็ทำให้เราประทับใจพอสมควร หลังๆนี้เราไม่ค่อยจะเห็นสายการบินไหนแจกอาหารจริงจังกับเวลาบินสั้นๆแบบนี้ แต่ Sudan Airways นี่จัดเต็มแจกข้าวราดสตูว์เนื้อ สลัด ขนมปังและขนม แถมน้ำยังแจกน้ำเปล่าหนึ่งขวดและน้ำอัดลมอีกหนึ่งกระป๋องซึงเราขอเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าสองขวดแทน แจกแบบนี้ก็สะดวกดีเพราะไม่ต้องมารินน้ำเป็นแก้วๆซึ่งคงจะไม่ทันเวลา แถมหน้าตาสจ๊วตก็เหมือนดาราฮอลลีวู้ด Mekhi Phifer ทีเดียว เพื่อนร่วมเที่ยวบินก็เป็นกันเอง ฟิโลม่อนผู้ใหญ่ใจดีที่นั่งข้างๆเล่าว่าคนเอริเทรียจำนวนหนึ่งหนีไปอยู่ซูดานแล้วเปลี่ยนสัญชาติ พอผ่านไปห้าปีก็สามารถเดินทางกลับเข้าเอริเทรียได้โดยที่ไม่มีปัญหา ฟิโลม่อนเองก็หนีออกมาทำธุรกิจนำเข้าน้ำตาลจากประเทศแถบตะวันออกกลางไปเซาท์ซูดาน เอริเทรียมีส่วนคล้ายเกาหลีเหนือตรงที่คนไม่สามารถออกนอกประเทศได้อย่างเสรี มีแค่คนกลุ่มพิเศษที่ได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว แต่มีคนที่หนีออกจากประเทศประมาณเดือนละห้าพันคนทีเดียว สื่อก็ไม่มีอิสระในการทำข่าว แต่สิ่งที่ดีกว่าเกาหลีเหนือนิดนึงก็คือตามโรงแรมระดับดีๆหน่อยมีช่องข่าวต่างชาติให้ดูได้ และอินเตอร์เน็ตก็สามารถใช้ได้แต่ก็นั่นแหล่ะคนที่จะสามารถเข้าถึงสื่อพวกนี้ได้ก็ต้องเป็นคนที่มีฐานะพอสมควร ก่อนที่เราจะลงจากเครื่องบินฟิโลม่อนก็มาย้ำว่าเอริเทรียปลอดภัยมาก ไม่ต้องห่วงอะไรเลยนะ
และแน่นอนการที่ประเทศค่อนข้างปิดแบบนี้ก็ทำให้นักเดินทางเข้าไปค่อนข้างลำบาก เมืองที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเยือนได้มีไม่กี่ที่และก่อนไปจะต้องขออนุญาตจากกระทรวงการท่องเที่ยวก่อน การขอวีซ่ามาที่นี่ไม่ยากเท่าไหร่แค่ติดต่อให้บริษัททัวร์ทำให้ บริษัทจะดำเนินการให้และส่งเอกสารมาให้เราพิมพ์ออกมาใช้ยื่นที่สนามบิน บริษัททัวร์ไม่ยินดีรับทำเฉพาะแค่วีซ่าแต่ต้องซื้อบริการอย่างอื่นด้วย เราจึงตัดสินใจที่จะเช่ารถพร้อมคนขับจากบริษัทและให้เค้าจองโรงแรมให้ ในเอริเทรียนักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถขับเองได้แต่ก็ต้องดำเนินเรื่องอะไรหลายอย่าง เราเลยคิดว่าเช่าจากเค้าพร้อมคนขับเลยก็สะดวกดี หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเรามักจะเหลือเป็นคนสุดท้ายเสมอ เรานึกว่าจะเจอคนขับมารอรับได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจ แต่ไม่มีใครมารับเลย มีก็แต่ฟิโลม่อนที่เจอกันบนเครื่องบินยังคงรออยู่ ฟิโลม่อนคือฮีโร่ของเราเลย ฟิโลม่อนเรียกแท๊กซี่ให้พร้อมจ่ายเงินให้เสร็จสรรพและบอกว่าถ้าวันไหนว่างไปทานข้าวบ้านเค้าได้นะและให้เบอร์โทรมา แท๊กซี่พาเราไปส่งโรงแรมที่เราบอกให้บริษัททัวร์จองให้ แต่ก็อย่างที่คิด ไม่มีการจองอะไรไว้ในชื่อเราเลย เราจึงให้พนักงานโรงแรมโทรไปหาบริษัททัวร์แล้วบอกให้มาเจอที่โรงแรมหน่อย สรุปแล้วทัวร์ไม่ได้ทำอะไรให้เลยเค้าบอกว่าส่งอีเมล์มาถามคอนเฟิร์มว่าตกลงมาไหม แต่เราไม่ตอบ ก็จะตอบได้ยังไงในเมื่อเราเองไม่เห็นได้อีเมล์จากเค้าเลย แล้วการที่ทำวีซ่าอะไรให้เรียบร้อยนั้นไม่ได้แปลว่าเราจะไปแน่นอนรึไง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็งงกับบริษัทนี้ไปรอบนึงแล้ว เค้าต้องการให้เราโอนเงินค่าบริการทั้งหมดไปก่อน หลังจากที่โอนเรียบร้อยเค้ามาบอกว่าบัญชีที่บอกมานั้นปิดไปแล้ว ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าจะบอกบัญชีที่ปิดไปแล้วมาทำไม บริษัทนี้ช่างน่างงจริงๆ หลังจากที่เคลียร์กันพักใหญ่พนักงานก็บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยตามที่เคยบอกไป แต่การเดินทางออกไปนอกเมืองอาจจะต้องล่าช้าหน่อยเพราะยังไม่ได้ขออนุญาตให้
[CR] Eritrea, The North Korea of Africa
เกาหลีเหนือแห่งแอฟริกาดูจะเป็นคำที่คนใช้เปรียบเทียบประเทศนี้มากที่สุด เอริเทรียหรือรัฐเอริเทรียตกเป็นเมืองขึ้นของอิตาลีตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๒๓ มาจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก่อนที่จะถูกอังกฤษมายึดแทน อิตาลีตั้งใจพัฒนาเอริเทรียพอสมควร อิตาลีสร้างโรงงานผลิตอะไรหลายๆอย่างที่เอริเทรีย เช่น โรงงานผลิตกระดุม พาสต้า น้ำมันทำกับข้าว บุหรี่ ฯลฯ ซึ่งก็สร้างงานในโรงงานให้กับคนเอริเทรียเยอะเลยทีเดียว เพราะคาดว่ามีโรงงานเกิดใหม่ถึงสองพันกว่าแห่ง และคนอิตาลีเองก็ย้ายมาอยู่เอริเทรียเป็นจำนวนเจ็ดหมื่นกว่าคน ถึงแม้จะมีการแบ่งชนชั้นกันระหว่างคนอิตาลีกับคนเอริเทรียแต่ก็ถือได้ว่าเอริเทรียเป็นประเทศที่ได้รับการพัฒนามากที่สุดในจำนวนเมืองขึ้นของอิตาลีในแอฟริกาทั้งหมด จนกระทั่งอังกฤษเข้ามาแทรกแซงช่วงปีพ.ศ.๒๔๘๔ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองและได้ขับไล่อิตาลีออกไป ภายใต้การครอบครองของอังกฤษเอริเทรียไม่มีอะไรดีขึ้นเลย มีแต่ปัญหาไม่รู้จบ จนในที่สุดก็ให้UNเข้ามาช่วยดูและได้มีการตกลงกันให้เอริเทรียกลายไปเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเอธิโอเปียเมื่อปีพ.ศ.๒๔๙๓ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เอธิโอเปียเข้ามามีอำนาจเกินกว่าที่ได้ตกลงไว้ทำให้ตอนหลังคนเอริเทรียฮึดสู้ขึ้นมาต่อต้านกันอยู่นานถึงสามสิบปี ก่อนที่เอริเทรียจะได้รับเอกราชในที่สุดเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๖ ซึ่งถือว่าเป็นประเทศใหม่สุดอันดับสองในทวีปแอฟริการองจากเซาท์ซูดาน หลังจากที่ได้รับเอกราชรัฐบาลที่ปกครองในตอนแรกก็มีจัดประชุมคุยกันเรื่องการเลือกตั้ง แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่เคยมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเลย จึงกลายเป็นประเทศที่มีรัฐบาลที่มีพรรคเดียวปกครองมาตลอด หรือจะเรียกว่าเป็นเผด็จการก็ได้
ทริปนี้เราเดินทางกันสี่คนหลังจากที่เที่ยวในซูดานเสร็จแล้ว บนเครื่องบินจากซูดานมาเอริเทรียเครื่องเต็มแน่นทุกที่นั่ง โดยที่มีคนขึ้นจากคาร์ทูมไม่ถึงยี่สิบคน แต่ส่วนมากนั่งมาจากจูบ้าเมืองหลวงของเซาท์ซูดาน เป็นคนเอริเทรียที่ไปทำธุรกิจที่นั่น เที่ยวบินสั้นๆเพียงหนึ่งชั่วโมงแต่ก็ทำให้เราประทับใจพอสมควร หลังๆนี้เราไม่ค่อยจะเห็นสายการบินไหนแจกอาหารจริงจังกับเวลาบินสั้นๆแบบนี้ แต่ Sudan Airways นี่จัดเต็มแจกข้าวราดสตูว์เนื้อ สลัด ขนมปังและขนม แถมน้ำยังแจกน้ำเปล่าหนึ่งขวดและน้ำอัดลมอีกหนึ่งกระป๋องซึงเราขอเปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าสองขวดแทน แจกแบบนี้ก็สะดวกดีเพราะไม่ต้องมารินน้ำเป็นแก้วๆซึ่งคงจะไม่ทันเวลา แถมหน้าตาสจ๊วตก็เหมือนดาราฮอลลีวู้ด Mekhi Phifer ทีเดียว เพื่อนร่วมเที่ยวบินก็เป็นกันเอง ฟิโลม่อนผู้ใหญ่ใจดีที่นั่งข้างๆเล่าว่าคนเอริเทรียจำนวนหนึ่งหนีไปอยู่ซูดานแล้วเปลี่ยนสัญชาติ พอผ่านไปห้าปีก็สามารถเดินทางกลับเข้าเอริเทรียได้โดยที่ไม่มีปัญหา ฟิโลม่อนเองก็หนีออกมาทำธุรกิจนำเข้าน้ำตาลจากประเทศแถบตะวันออกกลางไปเซาท์ซูดาน เอริเทรียมีส่วนคล้ายเกาหลีเหนือตรงที่คนไม่สามารถออกนอกประเทศได้อย่างเสรี มีแค่คนกลุ่มพิเศษที่ได้ผ่านการคัดเลือกมาแล้ว แต่มีคนที่หนีออกจากประเทศประมาณเดือนละห้าพันคนทีเดียว สื่อก็ไม่มีอิสระในการทำข่าว แต่สิ่งที่ดีกว่าเกาหลีเหนือนิดนึงก็คือตามโรงแรมระดับดีๆหน่อยมีช่องข่าวต่างชาติให้ดูได้ และอินเตอร์เน็ตก็สามารถใช้ได้แต่ก็นั่นแหล่ะคนที่จะสามารถเข้าถึงสื่อพวกนี้ได้ก็ต้องเป็นคนที่มีฐานะพอสมควร ก่อนที่เราจะลงจากเครื่องบินฟิโลม่อนก็มาย้ำว่าเอริเทรียปลอดภัยมาก ไม่ต้องห่วงอะไรเลยนะ
และแน่นอนการที่ประเทศค่อนข้างปิดแบบนี้ก็ทำให้นักเดินทางเข้าไปค่อนข้างลำบาก เมืองที่นักท่องเที่ยวสามารถไปเยือนได้มีไม่กี่ที่และก่อนไปจะต้องขออนุญาตจากกระทรวงการท่องเที่ยวก่อน การขอวีซ่ามาที่นี่ไม่ยากเท่าไหร่แค่ติดต่อให้บริษัททัวร์ทำให้ บริษัทจะดำเนินการให้และส่งเอกสารมาให้เราพิมพ์ออกมาใช้ยื่นที่สนามบิน บริษัททัวร์ไม่ยินดีรับทำเฉพาะแค่วีซ่าแต่ต้องซื้อบริการอย่างอื่นด้วย เราจึงตัดสินใจที่จะเช่ารถพร้อมคนขับจากบริษัทและให้เค้าจองโรงแรมให้ ในเอริเทรียนักท่องเที่ยวสามารถเช่ารถขับเองได้แต่ก็ต้องดำเนินเรื่องอะไรหลายอย่าง เราเลยคิดว่าเช่าจากเค้าพร้อมคนขับเลยก็สะดวกดี หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองซึ่งเรามักจะเหลือเป็นคนสุดท้ายเสมอ เรานึกว่าจะเจอคนขับมารอรับได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจ แต่ไม่มีใครมารับเลย มีก็แต่ฟิโลม่อนที่เจอกันบนเครื่องบินยังคงรออยู่ ฟิโลม่อนคือฮีโร่ของเราเลย ฟิโลม่อนเรียกแท๊กซี่ให้พร้อมจ่ายเงินให้เสร็จสรรพและบอกว่าถ้าวันไหนว่างไปทานข้าวบ้านเค้าได้นะและให้เบอร์โทรมา แท๊กซี่พาเราไปส่งโรงแรมที่เราบอกให้บริษัททัวร์จองให้ แต่ก็อย่างที่คิด ไม่มีการจองอะไรไว้ในชื่อเราเลย เราจึงให้พนักงานโรงแรมโทรไปหาบริษัททัวร์แล้วบอกให้มาเจอที่โรงแรมหน่อย สรุปแล้วทัวร์ไม่ได้ทำอะไรให้เลยเค้าบอกว่าส่งอีเมล์มาถามคอนเฟิร์มว่าตกลงมาไหม แต่เราไม่ตอบ ก็จะตอบได้ยังไงในเมื่อเราเองไม่เห็นได้อีเมล์จากเค้าเลย แล้วการที่ทำวีซ่าอะไรให้เรียบร้อยนั้นไม่ได้แปลว่าเราจะไปแน่นอนรึไง ซึ่งก่อนหน้านี้ก็งงกับบริษัทนี้ไปรอบนึงแล้ว เค้าต้องการให้เราโอนเงินค่าบริการทั้งหมดไปก่อน หลังจากที่โอนเรียบร้อยเค้ามาบอกว่าบัญชีที่บอกมานั้นปิดไปแล้ว ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าจะบอกบัญชีที่ปิดไปแล้วมาทำไม บริษัทนี้ช่างน่างงจริงๆ หลังจากที่เคลียร์กันพักใหญ่พนักงานก็บอกว่าเดี๋ยวจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยตามที่เคยบอกไป แต่การเดินทางออกไปนอกเมืองอาจจะต้องล่าช้าหน่อยเพราะยังไม่ได้ขออนุญาตให้