[หนังโรงเรื่องที่ 227] Deadpool 2 - โอ๊ยย ขำจนปวดท้องแล้วโว้ย ; (David Leitch, 2018)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)
*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ: เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากภาคแรก เมื่อ "เวด วิลสัน/เดดพูล" (Ryan Reynolds) ได้ดำเนินชีวิตต่อไปในฐานะนักล่าค่าหัวฟรีแลนซ์ที่ตระเวนไปทั่วโลก แต่แล้วก็มีภารกิจหนึ่งที่เขาดันต้องมาประมือกับสุดยอดทหาร "เคเบิล" (Josh Brolin) ที่มาพร้อมอาวุธที่โคตรสุดแสนล้ำสมัย ... ทำไมเคเบิลถึงกลายเป็นศัตรูกับเขา? แล้วความฮาความเกรียนจากภาคแรกจะยังอยู่หรือไม่? ต้องติดตามดูกันในหนังตัวจริง
.
.
บอกได้เลยว่านี่เป็นหนังไม่กี้เรื่องที่ให้ความรู้สึก "ดีเกินคาดโคตรๆ " กับผู้เขียน คือด้วยความที่เราเป็นแฟนบอยมาจากภาคแรกเราก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องดีมันต้องฮาแน่ๆ -- แต่ที่ไหนได้ ไอ้ที่เก็งเอาไว้มันพีคทะลุความคาดหวังไปเลย กลายเป็นประสบการณ์ดูหนังบันเทิงที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต คือ
มันฮามาก ยิ่งช่วงต้นเรื่องกับท้ายเรื่องที่เป็นคอมโบมุกรัวๆ นี่คือหายใจแทบไม่ทัน หนังก็เหมือนซาดิสต์นะ เหมือนรู้ว่าเรายังขำกับมุกเดิมไม่เสร็จมันก็ยิงอันต่อไปมาแล้ว โอย เหนื่อยหายใจแท้
.
"ความฮา" คือสิ่งที่ให้ Deadpool สมกับเป็น Deadpool ซึ่งมาในภาคนี้หนังก็ยกระดับความฮาของตัวเองไปอีกขั้น จากเดิมที่เคยแขวะนิดแซวหน่อยกับฮีโร่ในค่ายเดียวกันก็เปลี่ยนไปเป็น "แซวทุกอย่างบนโลกแม่มเลย" จนแทบจะกลายเป็น Scary Movie ของยุคนี้ไปแล้ว ทั้งวงการเพลง วงการหนัง
หรือกระทั่งประเด็นทางการเมืองและ Social Movement ต่างๆ พี่แกเอามาขยี้หมด โดยเฉพาะการเปิดตัวโดยเพลง Ashes ของ Celine Dion นี่ก็ถือว่าเป็นการวอร์มต่อมฮาตั้งแต่เริ่มเรื่องได้ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
แน่นอนว่ามุกเสื่อม มุกสัปดน มุกทะลึ่งตึงตัง หนังเรื่องนี้มีไม่ขาดอยู่แล้ว ในหลายๆ ฉากมันจะเป็นโมเม้นต์ที่ว่า "วอทเดอะฟัก" มากๆ คือไม่คิดว่ามันจะกล้าเล่น คือในบรรดามุกเพี้ยนๆ ทั้งหมดมันทำให้ผู้เขียนสัมผัสได้ถึง "ความสด" ของทีมผู้สร้างและนักแสดงจริงๆ เหมือนมันเป็นผลงานชิ้นใหญ่ที่
ทุกคนนึกอยากจะทำอะไรก็ทำ "เฮ้ย อันนี้น่าฮานะ โอเค เดี๋ยวเขียนบทให้" มันเป็นฟีลลิ่งแบบนี้ ซึ่งมันเป็นความตลกแบบธรรมชาติมากๆ (organic) คือบรรยากาศมันไม่ต้องปั้นให้เราขำเลย แค่จังหวะของนักแสดงและไดอะล็อกก็ฮาครืนแล้ว ฮาแบบเสียสติกันไปข้างนึง
แต่ก็เหมือนกับภาคก่อนที่ว่ามุกตลกของหนังเรื่องนี้มัน "เฉพาะกลุ่ม" พอสมควร คือนอกจากคุณจะต้องมีพื้นฐานความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควรแล้ว คุณก็จะต้องเป็นคนที่ชอบกับมุกถ่อยเถื่อนแบบนี้ด้วย ซึ่งโทนของมันจะต่างจาก "จังหวะตึงโป๊ะ" ของหนังเครือ Marvel พอสมควร แล้วยิ่งตัวละครมัน
พูดแบบน้ำไหลไฟดับ เผลอๆ บางท่านอาจจะอ่านซับไตเติ้ลแล้วคิดตามไม่ทันด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าผู้เขียนไม่กล้ารับประกันจริงๆ ว่าคุณจะฮาครืนได้เหมือนผมหรือเปล่า แต่โดยส่วนมันคือ "เดอะเบสต์" ของผู้เขียนครับ (หัวเราะ)
.
.
"เนื้อเรื่อง" อันนี้ขอบอกเลยว่า "เล่าไม่ได้จริงๆ " เพราะเนื้อหาของหนังจริงๆ มันมีความฉีกจากตัวอย่างที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้มาก เรียกได้ว่าสับขาหลอกได้อย่างสวยงามก็ว่าได้ แต่ถึงแม้หนังจะขายตัวเองออกมาในลักษณะ "หนังแอคชั่น-ตลก" แต่การออกแบบแรงจูงใจของตัวละครก็ทำออกมาได้ดี ทั้งฝั่งตัวเอกและตัวร้าย
โดยเฉพาะตัวร้ายอย่างเคเบิล ที่หนังนำเสนอเรื่องราวออกมาได้ค่อนข้างกินใจและเข้าถึงได้ผ่านทางการแสดงที่ยอดเยี่ยมของธานอส เอ๊ย จอช โบรลิน ที่ถึงแม้จะต้องเล่นเป็นตัวละครนักฆ่าสุดโหดหน้าตายตลอดแต่ก็สามารถสื่ออารมณ์ผ่านแววตาได้ดี ... ผิดกับพ่อยอดขมองอิ่มเดดพูลของเราที่ดูเหมือนว่าปมหลักในภาคนี้จะดูดรอปๆ ลงไปหน่อย แต่ก็ยังดีในส่วนของความฮาที่ยังครบเครื่องจนสามารถกลบเกลื่อนข้อด้อยตรงนี้ไปได้
.
.
"ฉากแอคชั่น" ก็ยังคงมาตรฐานเดิม คือมีความดุดัน จริงจัง รุนแรง รวดเร็ว และใช้ความเป็นอมตะของตัวเอกได้คุ้มค่ามากๆ จะแขนขาด ขาขาด ไส้ไหล โอ๊ย ครบ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องย้ำกันอีกครั้งว่า "หนังมันเรต R นะโว้ยคุณ อย่าเผลอพาบุตรหลานเข้าไปดูเชียว" ... แต่เอาจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้น่าจดจำขนาดนั้นหรอก เพราะขนาดตอนต่อสู้กันดุเดือดก็ยังมีฉากปล่อยมุกออกมาดึงความสนใจเราเลย มันเลยอยู่ในระดับที่ "พอถูไถรักษามาตรฐานไว้ได้"
.
.
Deadpool 2 เป็นหนังที่บรรลุเป้าหมายของตัวเองได้อย่างดงามอีกครั้ง ด้วยความที่หนังรู้ว่าตัวเองมาเพื่อฮา มันเลยวางองค์ประกอบทุกอย่างไว้เพื่อความฮาล้วนๆ ไม่หลงทางเป๋ไปทางไหน และการที่ได้รับชมและร่วมขำกับคนดูคอเดียวกันในโรงหนังเดียวกัน มันก็เป็นความรู้สึกที่สุดยอดเลยล่ะ ขอแนะนำให้ไปดูในโรงอย่างยิ่งยวดครับ
#ตั๋วหนังมันแพง
ติดตามรีวิวและแสดงความคิดเห็นได้ที่เพจ "ตั๋วหนังมันแพง" ครับผม
https://www.facebook.com/expensivemovie/
[หนังโรงเรื่องที่ 227] Deadpool 2 - โอ๊ยย ขำจนปวดท้องแล้วโว้ย by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 227] Deadpool 2 - โอ๊ยย ขำจนปวดท้องแล้วโว้ย ; (David Leitch, 2018)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+++ (จากสเกล D-A)
*ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ: เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากภาคแรก เมื่อ "เวด วิลสัน/เดดพูล" (Ryan Reynolds) ได้ดำเนินชีวิตต่อไปในฐานะนักล่าค่าหัวฟรีแลนซ์ที่ตระเวนไปทั่วโลก แต่แล้วก็มีภารกิจหนึ่งที่เขาดันต้องมาประมือกับสุดยอดทหาร "เคเบิล" (Josh Brolin) ที่มาพร้อมอาวุธที่โคตรสุดแสนล้ำสมัย ... ทำไมเคเบิลถึงกลายเป็นศัตรูกับเขา? แล้วความฮาความเกรียนจากภาคแรกจะยังอยู่หรือไม่? ต้องติดตามดูกันในหนังตัวจริง
.
บอกได้เลยว่านี่เป็นหนังไม่กี้เรื่องที่ให้ความรู้สึก "ดีเกินคาดโคตรๆ " กับผู้เขียน คือด้วยความที่เราเป็นแฟนบอยมาจากภาคแรกเราก็คิดไว้อยู่แล้วว่ามันต้องดีมันต้องฮาแน่ๆ -- แต่ที่ไหนได้ ไอ้ที่เก็งเอาไว้มันพีคทะลุความคาดหวังไปเลย กลายเป็นประสบการณ์ดูหนังบันเทิงที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต คือ
มันฮามาก ยิ่งช่วงต้นเรื่องกับท้ายเรื่องที่เป็นคอมโบมุกรัวๆ นี่คือหายใจแทบไม่ทัน หนังก็เหมือนซาดิสต์นะ เหมือนรู้ว่าเรายังขำกับมุกเดิมไม่เสร็จมันก็ยิงอันต่อไปมาแล้ว โอย เหนื่อยหายใจแท้
"ความฮา" คือสิ่งที่ให้ Deadpool สมกับเป็น Deadpool ซึ่งมาในภาคนี้หนังก็ยกระดับความฮาของตัวเองไปอีกขั้น จากเดิมที่เคยแขวะนิดแซวหน่อยกับฮีโร่ในค่ายเดียวกันก็เปลี่ยนไปเป็น "แซวทุกอย่างบนโลกแม่มเลย" จนแทบจะกลายเป็น Scary Movie ของยุคนี้ไปแล้ว ทั้งวงการเพลง วงการหนัง
หรือกระทั่งประเด็นทางการเมืองและ Social Movement ต่างๆ พี่แกเอามาขยี้หมด โดยเฉพาะการเปิดตัวโดยเพลง Ashes ของ Celine Dion นี่ก็ถือว่าเป็นการวอร์มต่อมฮาตั้งแต่เริ่มเรื่องได้ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
แน่นอนว่ามุกเสื่อม มุกสัปดน มุกทะลึ่งตึงตัง หนังเรื่องนี้มีไม่ขาดอยู่แล้ว ในหลายๆ ฉากมันจะเป็นโมเม้นต์ที่ว่า "วอทเดอะฟัก" มากๆ คือไม่คิดว่ามันจะกล้าเล่น คือในบรรดามุกเพี้ยนๆ ทั้งหมดมันทำให้ผู้เขียนสัมผัสได้ถึง "ความสด" ของทีมผู้สร้างและนักแสดงจริงๆ เหมือนมันเป็นผลงานชิ้นใหญ่ที่
ทุกคนนึกอยากจะทำอะไรก็ทำ "เฮ้ย อันนี้น่าฮานะ โอเค เดี๋ยวเขียนบทให้" มันเป็นฟีลลิ่งแบบนี้ ซึ่งมันเป็นความตลกแบบธรรมชาติมากๆ (organic) คือบรรยากาศมันไม่ต้องปั้นให้เราขำเลย แค่จังหวะของนักแสดงและไดอะล็อกก็ฮาครืนแล้ว ฮาแบบเสียสติกันไปข้างนึง
แต่ก็เหมือนกับภาคก่อนที่ว่ามุกตลกของหนังเรื่องนี้มัน "เฉพาะกลุ่ม" พอสมควร คือนอกจากคุณจะต้องมีพื้นฐานความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควรแล้ว คุณก็จะต้องเป็นคนที่ชอบกับมุกถ่อยเถื่อนแบบนี้ด้วย ซึ่งโทนของมันจะต่างจาก "จังหวะตึงโป๊ะ" ของหนังเครือ Marvel พอสมควร แล้วยิ่งตัวละครมัน
พูดแบบน้ำไหลไฟดับ เผลอๆ บางท่านอาจจะอ่านซับไตเติ้ลแล้วคิดตามไม่ทันด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าผู้เขียนไม่กล้ารับประกันจริงๆ ว่าคุณจะฮาครืนได้เหมือนผมหรือเปล่า แต่โดยส่วนมันคือ "เดอะเบสต์" ของผู้เขียนครับ (หัวเราะ)
.
"เนื้อเรื่อง" อันนี้ขอบอกเลยว่า "เล่าไม่ได้จริงๆ " เพราะเนื้อหาของหนังจริงๆ มันมีความฉีกจากตัวอย่างที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้มาก เรียกได้ว่าสับขาหลอกได้อย่างสวยงามก็ว่าได้ แต่ถึงแม้หนังจะขายตัวเองออกมาในลักษณะ "หนังแอคชั่น-ตลก" แต่การออกแบบแรงจูงใจของตัวละครก็ทำออกมาได้ดี ทั้งฝั่งตัวเอกและตัวร้าย
โดยเฉพาะตัวร้ายอย่างเคเบิล ที่หนังนำเสนอเรื่องราวออกมาได้ค่อนข้างกินใจและเข้าถึงได้ผ่านทางการแสดงที่ยอดเยี่ยมของธานอส เอ๊ย จอช โบรลิน ที่ถึงแม้จะต้องเล่นเป็นตัวละครนักฆ่าสุดโหดหน้าตายตลอดแต่ก็สามารถสื่ออารมณ์ผ่านแววตาได้ดี ... ผิดกับพ่อยอดขมองอิ่มเดดพูลของเราที่ดูเหมือนว่าปมหลักในภาคนี้จะดูดรอปๆ ลงไปหน่อย แต่ก็ยังดีในส่วนของความฮาที่ยังครบเครื่องจนสามารถกลบเกลื่อนข้อด้อยตรงนี้ไปได้
.
"ฉากแอคชั่น" ก็ยังคงมาตรฐานเดิม คือมีความดุดัน จริงจัง รุนแรง รวดเร็ว และใช้ความเป็นอมตะของตัวเอกได้คุ้มค่ามากๆ จะแขนขาด ขาขาด ไส้ไหล โอ๊ย ครบ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ต้องย้ำกันอีกครั้งว่า "หนังมันเรต R นะโว้ยคุณ อย่าเผลอพาบุตรหลานเข้าไปดูเชียว" ... แต่เอาจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้น่าจดจำขนาดนั้นหรอก เพราะขนาดตอนต่อสู้กันดุเดือดก็ยังมีฉากปล่อยมุกออกมาดึงความสนใจเราเลย มันเลยอยู่ในระดับที่ "พอถูไถรักษามาตรฐานไว้ได้"
.
Deadpool 2 เป็นหนังที่บรรลุเป้าหมายของตัวเองได้อย่างดงามอีกครั้ง ด้วยความที่หนังรู้ว่าตัวเองมาเพื่อฮา มันเลยวางองค์ประกอบทุกอย่างไว้เพื่อความฮาล้วนๆ ไม่หลงทางเป๋ไปทางไหน และการที่ได้รับชมและร่วมขำกับคนดูคอเดียวกันในโรงหนังเดียวกัน มันก็เป็นความรู้สึกที่สุดยอดเลยล่ะ ขอแนะนำให้ไปดูในโรงอย่างยิ่งยวดครับ
#ตั๋วหนังมันแพง
ติดตามรีวิวและแสดงความคิดเห็นได้ที่เพจ "ตั๋วหนังมันแพง" ครับผม https://www.facebook.com/expensivemovie/