สวัสดีทุกคนอีกครั้งค่ะ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้รีวิวทริปที่แอฟริกาค้างไว้
https://ppantip.com/topic/37649674 กระทู้นี้จึงตั้งใจว่าจะต่อให้จบว่าถึงการผจญภัยในทวีปแอฟริกา ทวีปที่น้อยคนนักจะมีโอกาสไป เราเคยคิดมาตลอดว่าเราคงไม่มีโอกาสได้ไปหร๊อก เคนยง เคนย่าเนี่ย วันดีคืนดีอย่างที่ได้เอ่ยไปเมื่อกระทู้ที่แล้วว่าด้วยความฟลุ๊คหรืออะไรไม่รู้ที่ได้ตั๋วราคาประหยัด 18,000 สำหรับ 2 ประเทศ ไปแอฟริกาใต้ ขากลับแวะเคนย่าอีก 3 วัน ราคาขนาดนี้หาไม่ง่ายนัก
ค้างไว้เมื่อตอนที่แล้ว หลังจากที่เราขึ้นเครื่องมาจากเคปทาวน์ เพื่อที่จะมาลงกรุงไนโรบี ประเทศเคนย่านั่นเอง เราได้มีโอกาสแวะอีกประเทศนึง (แวะบนฟ้า)นั่นเอง อิอิ เครื่องบินได้แวะพัก เติมน้ำมันที่สนามบิน livingstone เราก็ได้สัมผัสกลิ่นอายของฟากฟ้าประเทศ Zambia นั่นเอง
แม้ไม่ได้ลง ถ่ายบนฟ้าก็เอา ที่เห็นนั่น คาดว่าน่าจะเป็นฟุ้งๆของ “น้ำตกวิคตอเรีย” แบบนี้เรียกว่ามาถึงแล้วได้ไหมคะ???
Day 8 13 Apr 2018
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินไนโรบี ในเวลาเกือบๆ 5 ทุ่มได้ ใช้เวลาบินจากเคปทาวน์ประมาณ 6 ชม. โดยสายการบินเคนย่า แอร์เวย์ กินอิ่ม หลับไม่ค่อยสบายเท่าไร นั่งนาน เมื่อยมาก
ออกมาจากสนามบิน ทำการแลกเงินจาก ZAR ไปเป็น Shilling ติดตัวไว้ซักหน่อย เพราะต่อไปนี้อีก 3 วัน น่าจะไม่ต้องใช้เงินแล้ว เนื่องจากเราได้จองซาฟารีจากเมืองไทยไป และน่าจะจ่ายเป็น US แพคเกจก็ได้รวมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เว้นแต่ใครอยากจะช้อปปิ้งเพิ่ม เรานี่อดไม่ได้อีกเช่นเคย
ออกมาจากสนามบิน ตั้งใจจะหารถไปที่พัก เดินออกมาคนพลุกพล่านมา taxi เดินเข้ามาประชั้นชิดเสนอราคาอันแสนโหดร้ายต่อเรา คิดในใจ ไม่ได้ซิ เราจะมาโดนหลอกที่เคนย่าไม่ได้นะ วิธีการเช็คราคาก็ง่ายๆค่ะ เอาราคาใน uber มาเทียบ ให้ก็ให้ ไม่ได้ฉันก็ไป uber จบนะ (ถามว่าจบไหม เออ ได้ผลแฮะ มันเอาราคาตามนั้นจริงๆ)
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที รถตู้ 1 คันที่ขนลูกหมู 9 ตัวพร้อมกระเป๋า 9 ใบ (สงสัยมากว่านั่งอัดกันได้ไง) ก็มาถึงโรงแรมที่จองไว้ชื่อ The Clarion Hotel Nairobi มาถึงห้องที่จองไว้ 3 คนไม่มี reception ก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ เลยได้ห้องเพิ่มมาอีก 1 ห้องไป
ถ่ายรูปออกมาดูดีมาก ราคาประมาณ 1,500 บาท แอร์ไม่มี ฝุ่นเยอะมาก ทนเอาหน่อยนะพวกเรา อีกไม่กี่ชม. ก็เช้าแล้ว เราจะได้ไปส่องสัตว์กันแล้ว
Day 9 14 Apr 2018
บรรยากาศยามเช้าในไนโรบี (คิดในใจทำไมรู้สึกว่าอยู่อินเดีย) ตึกรามบ้านช่องเค้าดูเก่าๆ ไม่โมเดิร์น ถนนหนทางยังสกปรกอยู่ กรุงเทพเราน่าจะเจริญกว่านะ
แฟชั่นสไตล์
วันนี้เรานัดทัวร์ที่จะพาเราไป Safari ให้มารับตอน 8 โมงเช้า ขอโฆษณานิดนึงนะคะ ประทับใจในการบริการและอยากส่งต่อ
เราใช้บริการของ Baboon Safari ติดต่อ Dennis
Mobile phone :+254733764667
WhatsApp phone : +254724652354
http://www.baboonbudgetsafaris.com
Mail: baboonbudgetsafaris@gmail.com
ตอบเร็วค่ะ แพคเกจของเรา 3 วัน 2 คืนราคา 300 US เนื่องจากเราไปกัน 9 คน เลยได้ราคาพิเศษมาราคา 280 US แต่ต้องโอนมัดจำ 20% ไปให้ก่อนนะคะ ราคานี้รวมอะไรบ้าง รวมที่พัก รถ ค่าเข้าอุทยานมาไซมาร่า อาหารหมดทุกมื้อระหว่างอยู่ที่นั่น เสมือนว่าไปนู่นแทบจะไม่ต้องใช้เงิน ยกเว้นค่าเข้าหมู่บ้านมาไซคนละ 20 US
Safari ที่เคนย่ามีหลายเจ้าค่ะ ราคาก็ประมาณ 300 us ขึ้นไป ราคาสูงกว่านี้ก็มี จะแตกต่างกันก็เรื่องที่พัก อาหารการกินอะไรประมาณนี้ แต่สำหรับคนมีตังอย่างเราแล้ว ก็ต้องนอนเต้นท์สิคะ จะรออะไร โอเคมาต่อกันเลยดีกว่า
ระยะทางจากไนโรบีไปมาไซมาร่านั้น ใช้เวลาเดินทางโดนรถอย่างต่ำ 6 ชม. นั่งกันตูดแฉะกันเลยทีเดียว ดีหน่อยที่วิวระหว่างทางชุ่มชื้นหัวใจ
และนี่คือรถที่จะพาพวกเราไปมาไซมาร่า มันมีความแข็งแกร่งมาก ตกหลุมหลายหลุมก็แล้ว ยังวิ่งต่อได้ คนขับบอกไม่เคยพัง
นั่งไปสักพัก คนขับก็จอดบอก land spit land spit ถึงกับงงว่าอะไร ทุกคนก็ลงไป มันคือแผ่นดินแยกค่ะ เกิดจากภูเขาไประเบิด ทีนี้ระหว่างทางเราจะเจอแผ่นดินแยกเยอะมาก คนก็ลงไปสำรวจกันเต็มเลย เราก็เป็น 1 ในนั้น
ขับไปได้อีกหน่อย คนขับก็แวะข้างทางให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสาย ที่ร้านขายของที่ระลึกนั่นเอง (ตามสเต็ป)
เราชอบวิวข้างทางมาก รู้สึกสดชื่น อยากสูดอากาศเข้าไปให้เต็มๆปอด
ของที่นี่ก็จะมีความคล้ายๆที่แอฟริกาใต้ แต่ราคาแพงกว่า งงเหมือนกัน ต่อเท่าไรก็ไม่ให้ ไม่ให้เราก็เดินไป ไม่ง้อด้วยนะ
จากแปดโมงเช้าออกเดินทาง 4 ชั่วโมงผ่านไป เวลาอาหารกลางวันของเราก็มา มื้อนี้เราได้การต้อนรับเป็นอาหารอินเดียสไตล์ แอบงงๆ ว่านี่เรามาอยู่ที่ไหนกันแน่นะ
17.00 ก็แล้ว อีกนิดเดียวก็จะถึงมาไซมาร่าแล้ว เกิดเหตุการ์ณถนนปิด น้ำป่าไหลหลาก ทำให้เราไม่สามารถเดินทางเส้นทางนั้นได้
ระหว่างระก็จะมีชาวบ้านแถวนั้น มาป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณรถ ขอตังบ้าง ขายของบ้าง
และสุดท้าย คนขับก็ตัดสินใจกลับรถแล้วอ้อมไปอีกทาง ซึ่งไกลกว่าและใช้เวลาเยอะกว่า และแล้วเราก็ไปถึงที่แคมป์ของเราประมาณ 19.30 หนาวมาก ฝนก็ตกด้วย รีบกินข้าว อาบน้ำนอน
Day 10 15 Apr 2018
ที่พักของเราชื่อ Miti Mingi Eco Camp ซึ่งราคา+อาหารได้รวมอยู่ใน 280 ดอลล่าที่จ่ายไปแล้ว หน้าตาก็จะเหมือนนอนเต้นท์บนปูน คิดถึงบรรยากาศเข้าค่ายลูกเสือเสียจริงค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ ที่นี่ีน้ำอุ่นนะคะแต่ไม่ค่อยจะร้อนเท่าไร ส่วนไฟก็เปิดเป็นเวลาค่ะคือ 18.30-22.00 เท่านั้น ในเต้นท์ไม่มีที่ชาร์จ เฉพาะฉะนั้นทุกคนจะมารุมชาร์จทุกอย่างเวลาเดียวกัน ควรจะเตรียมปลั๊กต่อไปค่ะ ปลั๊กเป็นแบบหัวกลม 2 หัวนะคะ
ข้างในก็จะมีเตียงให้ ห้องน้ำอยู่ข้างหลัง เป็นห้องน้ำในตัวนะคะ
หน้าตาอาหารค่ะ ณ จุดๆนี้คือกินเพื่ออยู่จริงๆค่ะ เราเป็นคนไม่กินเนื้อแต่มานี่คือเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เนื้อวัวทุกมื้อ ไม่กินเนื้อก็ต้องกินแกงถั่วค่ะ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ แปดโมงก็ได้เวลาล้อหมุน ออกไปซาฟารีกันแล้วค่ะ หน้าตาของรถค่ะ ที่นี่รถทุกคันจะทำหลังคาที่เปิดได้ เอาไว้ดูสัตว์ค่ะ
[CR] ไปไหน...ไปเคนย่า...ไปทำไม...ไปตามล่าหา BIG 5 ฉบับ 2018
สวัสดีทุกคนอีกครั้งค่ะ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้รีวิวทริปที่แอฟริกาค้างไว้ https://ppantip.com/topic/37649674 กระทู้นี้จึงตั้งใจว่าจะต่อให้จบว่าถึงการผจญภัยในทวีปแอฟริกา ทวีปที่น้อยคนนักจะมีโอกาสไป เราเคยคิดมาตลอดว่าเราคงไม่มีโอกาสได้ไปหร๊อก เคนยง เคนย่าเนี่ย วันดีคืนดีอย่างที่ได้เอ่ยไปเมื่อกระทู้ที่แล้วว่าด้วยความฟลุ๊คหรืออะไรไม่รู้ที่ได้ตั๋วราคาประหยัด 18,000 สำหรับ 2 ประเทศ ไปแอฟริกาใต้ ขากลับแวะเคนย่าอีก 3 วัน ราคาขนาดนี้หาไม่ง่ายนัก
ค้างไว้เมื่อตอนที่แล้ว หลังจากที่เราขึ้นเครื่องมาจากเคปทาวน์ เพื่อที่จะมาลงกรุงไนโรบี ประเทศเคนย่านั่นเอง เราได้มีโอกาสแวะอีกประเทศนึง (แวะบนฟ้า)นั่นเอง อิอิ เครื่องบินได้แวะพัก เติมน้ำมันที่สนามบิน livingstone เราก็ได้สัมผัสกลิ่นอายของฟากฟ้าประเทศ Zambia นั่นเอง
แม้ไม่ได้ลง ถ่ายบนฟ้าก็เอา ที่เห็นนั่น คาดว่าน่าจะเป็นฟุ้งๆของ “น้ำตกวิคตอเรีย” แบบนี้เรียกว่ามาถึงแล้วได้ไหมคะ???
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินไนโรบี ในเวลาเกือบๆ 5 ทุ่มได้ ใช้เวลาบินจากเคปทาวน์ประมาณ 6 ชม. โดยสายการบินเคนย่า แอร์เวย์ กินอิ่ม หลับไม่ค่อยสบายเท่าไร นั่งนาน เมื่อยมาก
ออกมาจากสนามบิน ทำการแลกเงินจาก ZAR ไปเป็น Shilling ติดตัวไว้ซักหน่อย เพราะต่อไปนี้อีก 3 วัน น่าจะไม่ต้องใช้เงินแล้ว เนื่องจากเราได้จองซาฟารีจากเมืองไทยไป และน่าจะจ่ายเป็น US แพคเกจก็ได้รวมทุกอย่างไว้หมดแล้ว เว้นแต่ใครอยากจะช้อปปิ้งเพิ่ม เรานี่อดไม่ได้อีกเช่นเคย
ออกมาจากสนามบิน ตั้งใจจะหารถไปที่พัก เดินออกมาคนพลุกพล่านมา taxi เดินเข้ามาประชั้นชิดเสนอราคาอันแสนโหดร้ายต่อเรา คิดในใจ ไม่ได้ซิ เราจะมาโดนหลอกที่เคนย่าไม่ได้นะ วิธีการเช็คราคาก็ง่ายๆค่ะ เอาราคาใน uber มาเทียบ ให้ก็ให้ ไม่ได้ฉันก็ไป uber จบนะ (ถามว่าจบไหม เออ ได้ผลแฮะ มันเอาราคาตามนั้นจริงๆ)
ใช้เวลาประมาณ 30 นาที รถตู้ 1 คันที่ขนลูกหมู 9 ตัวพร้อมกระเป๋า 9 ใบ (สงสัยมากว่านั่งอัดกันได้ไง) ก็มาถึงโรงแรมที่จองไว้ชื่อ The Clarion Hotel Nairobi มาถึงห้องที่จองไว้ 3 คนไม่มี reception ก็พูดอังกฤษไม่ค่อยได้ เลยได้ห้องเพิ่มมาอีก 1 ห้องไป
ถ่ายรูปออกมาดูดีมาก ราคาประมาณ 1,500 บาท แอร์ไม่มี ฝุ่นเยอะมาก ทนเอาหน่อยนะพวกเรา อีกไม่กี่ชม. ก็เช้าแล้ว เราจะได้ไปส่องสัตว์กันแล้ว
บรรยากาศยามเช้าในไนโรบี (คิดในใจทำไมรู้สึกว่าอยู่อินเดีย) ตึกรามบ้านช่องเค้าดูเก่าๆ ไม่โมเดิร์น ถนนหนทางยังสกปรกอยู่ กรุงเทพเราน่าจะเจริญกว่านะ
แฟชั่นสไตล์
วันนี้เรานัดทัวร์ที่จะพาเราไป Safari ให้มารับตอน 8 โมงเช้า ขอโฆษณานิดนึงนะคะ ประทับใจในการบริการและอยากส่งต่อ
เราใช้บริการของ Baboon Safari ติดต่อ Dennis
Mobile phone :+254733764667
WhatsApp phone : +254724652354
http://www.baboonbudgetsafaris.com
Mail: baboonbudgetsafaris@gmail.com
ตอบเร็วค่ะ แพคเกจของเรา 3 วัน 2 คืนราคา 300 US เนื่องจากเราไปกัน 9 คน เลยได้ราคาพิเศษมาราคา 280 US แต่ต้องโอนมัดจำ 20% ไปให้ก่อนนะคะ ราคานี้รวมอะไรบ้าง รวมที่พัก รถ ค่าเข้าอุทยานมาไซมาร่า อาหารหมดทุกมื้อระหว่างอยู่ที่นั่น เสมือนว่าไปนู่นแทบจะไม่ต้องใช้เงิน ยกเว้นค่าเข้าหมู่บ้านมาไซคนละ 20 US
Safari ที่เคนย่ามีหลายเจ้าค่ะ ราคาก็ประมาณ 300 us ขึ้นไป ราคาสูงกว่านี้ก็มี จะแตกต่างกันก็เรื่องที่พัก อาหารการกินอะไรประมาณนี้ แต่สำหรับคนมีตังอย่างเราแล้ว ก็ต้องนอนเต้นท์สิคะ จะรออะไร โอเคมาต่อกันเลยดีกว่า
ระยะทางจากไนโรบีไปมาไซมาร่านั้น ใช้เวลาเดินทางโดนรถอย่างต่ำ 6 ชม. นั่งกันตูดแฉะกันเลยทีเดียว ดีหน่อยที่วิวระหว่างทางชุ่มชื้นหัวใจ
และนี่คือรถที่จะพาพวกเราไปมาไซมาร่า มันมีความแข็งแกร่งมาก ตกหลุมหลายหลุมก็แล้ว ยังวิ่งต่อได้ คนขับบอกไม่เคยพัง
นั่งไปสักพัก คนขับก็จอดบอก land spit land spit ถึงกับงงว่าอะไร ทุกคนก็ลงไป มันคือแผ่นดินแยกค่ะ เกิดจากภูเขาไประเบิด ทีนี้ระหว่างทางเราจะเจอแผ่นดินแยกเยอะมาก คนก็ลงไปสำรวจกันเต็มเลย เราก็เป็น 1 ในนั้น
ขับไปได้อีกหน่อย คนขับก็แวะข้างทางให้ทุกคนลงไปเข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสาย ที่ร้านขายของที่ระลึกนั่นเอง (ตามสเต็ป)
เราชอบวิวข้างทางมาก รู้สึกสดชื่น อยากสูดอากาศเข้าไปให้เต็มๆปอด
ของที่นี่ก็จะมีความคล้ายๆที่แอฟริกาใต้ แต่ราคาแพงกว่า งงเหมือนกัน ต่อเท่าไรก็ไม่ให้ ไม่ให้เราก็เดินไป ไม่ง้อด้วยนะ
จากแปดโมงเช้าออกเดินทาง 4 ชั่วโมงผ่านไป เวลาอาหารกลางวันของเราก็มา มื้อนี้เราได้การต้อนรับเป็นอาหารอินเดียสไตล์ แอบงงๆ ว่านี่เรามาอยู่ที่ไหนกันแน่นะ
17.00 ก็แล้ว อีกนิดเดียวก็จะถึงมาไซมาร่าแล้ว เกิดเหตุการ์ณถนนปิด น้ำป่าไหลหลาก ทำให้เราไม่สามารถเดินทางเส้นทางนั้นได้
ระหว่างระก็จะมีชาวบ้านแถวนั้น มาป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณรถ ขอตังบ้าง ขายของบ้าง
และสุดท้าย คนขับก็ตัดสินใจกลับรถแล้วอ้อมไปอีกทาง ซึ่งไกลกว่าและใช้เวลาเยอะกว่า และแล้วเราก็ไปถึงที่แคมป์ของเราประมาณ 19.30 หนาวมาก ฝนก็ตกด้วย รีบกินข้าว อาบน้ำนอน
ที่พักของเราชื่อ Miti Mingi Eco Camp ซึ่งราคา+อาหารได้รวมอยู่ใน 280 ดอลล่าที่จ่ายไปแล้ว หน้าตาก็จะเหมือนนอนเต้นท์บนปูน คิดถึงบรรยากาศเข้าค่ายลูกเสือเสียจริงค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ ที่นี่ีน้ำอุ่นนะคะแต่ไม่ค่อยจะร้อนเท่าไร ส่วนไฟก็เปิดเป็นเวลาค่ะคือ 18.30-22.00 เท่านั้น ในเต้นท์ไม่มีที่ชาร์จ เฉพาะฉะนั้นทุกคนจะมารุมชาร์จทุกอย่างเวลาเดียวกัน ควรจะเตรียมปลั๊กต่อไปค่ะ ปลั๊กเป็นแบบหัวกลม 2 หัวนะคะ
ข้างในก็จะมีเตียงให้ ห้องน้ำอยู่ข้างหลัง เป็นห้องน้ำในตัวนะคะ
หน้าตาอาหารค่ะ ณ จุดๆนี้คือกินเพื่ออยู่จริงๆค่ะ เราเป็นคนไม่กินเนื้อแต่มานี่คือเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เนื้อวัวทุกมื้อ ไม่กินเนื้อก็ต้องกินแกงถั่วค่ะ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ แปดโมงก็ได้เวลาล้อหมุน ออกไปซาฟารีกันแล้วค่ะ หน้าตาของรถค่ะ ที่นี่รถทุกคันจะทำหลังคาที่เปิดได้ เอาไว้ดูสัตว์ค่ะ