ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19
มีไวน์ชนิดใหม่ที่อ้างว่าสามารถดื่มเพิ่มภูมิคุ้มกัน
และช่วยเสริมเพิ่มพลังงานที่จำเป็นสำหรับร่างกาย
เหมาะกับคนวัยทำงานหนักทุก ๆ วัน
ไวน์ยี่ห้อนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ในประเทศสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในยุโรป
มีกลุ่มผู้นิยมดื่มไวน์ยี่ห้อนี้ ที่มีชื่อเสียงมาก คือ
Thomas Edison Ulysses S. Grant
Queen Victoria และแม้กระทั่งพระสันตะปาปา
" อย่าดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว แต่จงดื่มเหล้าองุ่นด้วยเพียงเล็กน้อย
เพื่อป้องกันโรคกระเพาะอาหารและโรคประจำตัวของเจ้า " - 1 ทิโมธี 5:23
โฆษณาที่ Pope Leo XIII ให้การรับรองสรรพคุณ Vin Mariani
Ange-François Mariani
ในปี 1863 นักเคมีชาวฝรั่งเศส
Angelo Mariani
รู้สึกทึ่งกับใบของต้นโคคาและอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค
ทั้งยังเกิดแนวคิดเชิงพาณิชย์ด้านศักยภาพทางเศรษฐกิจ(Demand/Supply)
ในการค้าขายไวน์ชนิดนี้สู่ท้องตลาด
ท่านจึงได้ผลิตไวน์
Vin Mariani
ที่มีส่วนผสมของไวน์บอร์โดซ์
Bordeaux wine กับใบโคคา
Coca
โดย
แอลกอฮอล์ในไวน์จะทำหน้าที่เป็นสารทำละลาย
ช่วยในการสกัดโคเคนออกจากใบโคคา
ทำให้เครื่องดื่มนี้ที่มีส่วนผสมของโคเคนสูงสุด 7.2 มิลลิกรัมต่อออนซ์
น่าจะแช่ใบโคคาในไวน์ก่อนนำมากรอง
เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมหลักในกระบวนการผลิต
แบบเหล้ายาสมุนไพรที่ขายกันในท้องตลาดไทย
ที่มีทั้งแบบแช่ในเหล้าหรือกรองจากหัวเชื้อมาผสมเหล้าแบ่งขาย
เพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไวน์ชนิดใหม่
ท่านจึงได้ตีพิมพ์โฆษณาลงในหน้าหนังสือพิมพ์หลายประเทศ
หลังจากที่ได้ส่งเครื่องดื่มตัวอย่างไปให้บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน
เท่าที่ท่านสามารถติดต่อและส่งตัวอย่างไปให้ได้
เพื่อให้ช่วยกันเชียร์ไวน์นี้ทางอ้อมแบบปากต่อปาก (Viral Marketing)
แม้ว่าการให้คนมีชื่อเสียงรับรองสรรพคุณสินค้า
จะถูกมองว่าเป็นเทคนิคการค้าอย่างหนึ่ง
ที่มีการทำกันอย่างดาษดื่นในทุกวันนี้
แต่ท่านคือ เจ้าแรกที่ริเริ่มแนวคิดนี้ในช่วงเวลานั้น
มีคนมีชื่อเสียงหลายคนยกย่องสรรพคุณเครื่องดื่มยึ่ห้อนี้
แต่คนที่รับรองสรรพคุณที่โด่งดังและรู้จักกันมากที่สุด
คือ สมเด็จพระสันตะปาปา
Leo XIII
Vatican gold medal ที่มอบให้กับ Angelo Mariani สำหรับ Vin Mariani
พระสันตะปาปา Leo XIII
ทรงชื่นชอบกับรสชาติของไวน์ยึ่ห้อนี่
ที่มีส่วนผสมจากใบโคคามาก
พระองค์ยกย่อง Vin Mariani ไว้เป็นอย่างมากว่า
"
ช่วยกระตุ้นให้มีแรงกายแรงใจในการปฏิบัติวัตรทางศาสนา
และการสวดมนตร์ประจำวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย "
ทั้งนี้ พระสันตะปาปา Leo XIII ก็ยังปรากฏภาพของพระองค์
บนพื้นที่โฆษณา Vin Mariani ในหน้าหนังสือพิมพ์
ทั้งยังพระราชทานเหรียญทองคำวาติกัน Vatican gold medal
ให้กับผู้ผลิต Vin Mariani ยิ่งทำให้สินค้ายิ่งขายดียิ่งติดตลาด
Vin Mariani อาจจะไม่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเลยก็เป็นได้
ถ้าไม่ได้รับการรับรองสรรพคุณอย่างเป็นทางการจากพระสันตะปาปา
และชาวโลกอาจจะไม่รู้จักเครื่องดื่มน้ำอัดลม
Coca Cola
ในปี 1885
John Pemberton
เภสัชกรหรือนักปรุงยาที่เปิดร้านอยู่ที่ Atlanta รัฐ Georgia
ได้ผลิตเครื่องดื่มชื่อว่า
Pemberton’s French Wine Coca
เพื่อออกมาชนตลาด/แย่งส่วนแบ่งตลาดของ Vin Mariani
แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก มีการรณรงค์เรื่องการดื่มสุราเป็นบาป
จากพวกคลั่งศาสนาคริสต์อย่างสุดโต่ง
จนนำไปสู่การออกกฎหมายห้ามขายสุราในหลายรัฐมาก
เขตปกครองท้องถิ่น Atlanta รัฐ Georgia
ก็ได้ออกกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราด้วยเช่นกัน
John Pemberton จึงผลิตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
ในรูปเครื่องดื่มน้ำอัดลม Coca Cola
เพื่อมาทดแทนคนที่อยากดื่มของมึนเมา
ที่มาของ Vin Mariani
ในปี 1859 นายแพทย์ชาวอิตาลี Paolo Mantegazza
ได้เดินทางกลับจาก Peru สถานที่ซึ่งท่านเห็นเป็นประจักษ์พยาน
เห็นคนพื้นเมืองต่างใช้ Coca โก๊ะก่า (สะกดตาม จันท์อำไพ สตรีไทยในเอกวาดอร์)
ท่านจึงได้ทดลองใช้โคคาด้วยตนเองด้วย
และเมื่อท่านกลับมาที่ Milan ก็ได้ตีพิมพ์เรื่องนี้เกี่ยวกับอาการข้างเคียงต่าง ๆ
ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับ coca และ cocaine (ในยุคนั้นเข้าใจว่าเป็นแบบเดียวกัน)
และการใช้งานทางการแพทย์ได้ เช่น
การขูดฝ้าขาวบนลิ้นทุกเช้า แก้ท้องอิด และทำให้ฟันขาว
นักเคมีชาวฝรังเศส Angelo Mariani ได้อ่านเอกสารของ Paolo Mantegazza
เกิดความสนใจและทึ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของ coca กับศักยภาพทางเศรษฐกิจของพืชชนิดนี้
ในปี 1863 Angelo Mariani จึงเริ่มทำตลาดด้วยไวน์ชื่อว่า Vin Mariani
ซึ่งใช้ในการบำบัดรักษาและบำรุงร่างกายด้วยใบ coca กับ coca wine
เอทานอล ethanol ในไวน์จะทำปฏิกิริยาเป็นสารทำละลายและสกัด cocaine ออกจากใบ coca
ปรับปรุงรสชาติและผลลัพธ์ในการดื่มไวน์ชนิดนี้
โดยในไวน์จะมีปริมาณโคเคน 6 มิลลิกรัมต่อออนซ์
แต่ Vin Mariani ที่ส่งออกไปสหรัฐอเมริกา
จะมีปริมาณโคเคน 7.2 มิลลิกรัมต่อออนซ์
ทั้งนี้เพื่อให้เหนือกว่าเครื่องดื่มแบบเดียวกันในสหรัฐอเมริกา
ในปี 1885 John Styth Pemberton ซึ่งเป็นพวกชื่นชอบใบโคคาด้วย
ก็ได้ผลิตเครื่องดื่มไวน์ผสมโคเคน Pemberton’s French Wine Coca
ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลม Coca-Cola ภายหลัง
เพราะมีกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราออกมา
ในปี 1906 เมื่อกฎหมาย Pure Food and Drug Act มีผลบังคับ
Coca Cola ก็ต้องเลิกใช้สารสกัดจากใบโคคา ไปใช้สารอื่นแทน
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/2rHl3eB
http://bit.ly/2rKbUSG
เรื่องเล่าไร้สาระ
Don Veto Corleone ใน The Godfather
“
เหล้าและการพนัน คือ ความผิดบาปเล็กน้อย
ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยได้เสมอ “
แก้งค์มาเฟียสหรัฐในยุคหนึ่งจึงมีรายได้มหาศาล
จากการขายเหล้าเถื่อน/เหล้าหนีภาษี
ในยุคที่พวกคลั่งศาสนาคริสต์มีบทบาทอย่างแรง
จนมีผลทำให้หลายรัฐในสหรัฐอเมริกาออกกฎหมายห้ามจำหน่ายสุรา
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เหล้าเถื่อน/เหล้าหนีภาษี ยิ่งขายดีมากยิ่งขึ้นในตลาดมืด
รวมทั้งมีการลักลอบนำเข้าเหล้าเถื่อน/เหล้าหนีภาษี
จากรัฐอื่นในสหรัฐ จากแคนาดาและจากเม็กซิโก
แต่เรื่องแบบนี้ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
กับยิ่งอันตรายจากเหล้าปลอม/เหล้าเจือปน
รวมทั้งทำให้รัฐขาดรายได้จากภาษีอากร
ครอบครัวชาวบ้านบางคนต้องเดือดร้อนจากเหล้าปลอม/เหล้าหนีภาษี
จนในที่สุด ชาวบ้านหลายคนต่างทนไม่ไหวกับเรื่องนี้
ต้องออกมาโต้แย้ง/สาปส่งพวกบ้าคลั่งศาสนาคริสต์
ที่กดดันต่าง ๆ นานาผ่านทางกลไกอำนาจรัฐ
จนชาวบ้านบางส่วนต้องโง่งมงาย/ไร้เสรีภาพในการดื่มสุรา
กับต้องยอมทนทำตามหลักการแนวคิดสุดโต่งของพวกมัน
จนมีการยกเลิกกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราไปในที่สุด
แต่ยังคงกฎหมายบางส่วนไว้ เช่น มีเวลาขาย ห้ามขายเยาวชน
มีเขตพื้นที่ขาย ห้ามขายใกล้บริเวณใดบ้าง มีอัตราภาษีเรียกเก็บ เป็นต้น
ในพื้นที่ภาคใต้บางแห่ง/บางชุมชนของไทย
พวกวัยรุ่นในท้องถิ่นแถวนั้นมักนิยมผลิตเครื่องดื่ม 4X100
ที่มีส่วนผสมหลัก 3-4 อย่าง (ขอไม่เปิดเผย)
นำมาเติม Coca Cola แล้วต้มให้เดือดก่อนดื่มกัน
จนสายตำรวจ/ตำรวจมักจะสอดส่องวัยรุ่นต้องสงสัย
ถ้าเดินเข้าไปซื้อ Coke(CocaCola) หลายขวด
ใน 7-11 หรือร้านชำท้องถิ่น ในปริมาณถี่ ๆ บ่อย ๆ
หรือวางขวด Coke ไว้หน้าตะกร้ารถจักรยานยนต์
ขับขึ่ไปมาในตอนกลางค่ำกลางคืน
ถ้าสะกดรอยตามจนถึงบ้านพักวัยรุ่นต้องสงสัย
รัอยละ 90 มักจะเจอสมัครพรรคพวกนั่งรอต้ม 4X100
และจับผู้ต้องสงสัยกับพวกได้โดยละม่อมเป็นประจำ
จนวัยรุ่นเซ็ง มักพูดประชดว่า ถ้าอยากให้ตำรวจคุ้มกัน
ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์โชว์ขวดน้ำอัดลม Coke ให้สายตรวจตำรวจดู
รับรองมีตำรวจคอยสะกดรอยติดตามและคุ้มกันจนถึงบ้านพัก
ไวน์ผสมโคเคนครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องดื่มของพระสันตปาปา
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19
มีไวน์ชนิดใหม่ที่อ้างว่าสามารถดื่มเพิ่มภูมิคุ้มกัน
และช่วยเสริมเพิ่มพลังงานที่จำเป็นสำหรับร่างกาย
เหมาะกับคนวัยทำงานหนักทุก ๆ วัน
ไวน์ยี่ห้อนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ในประเทศสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในยุโรป
มีกลุ่มผู้นิยมดื่มไวน์ยี่ห้อนี้ ที่มีชื่อเสียงมาก คือ
Thomas Edison Ulysses S. Grant
Queen Victoria และแม้กระทั่งพระสันตะปาปา
" อย่าดื่มน้ำเพียงอย่างเดียว แต่จงดื่มเหล้าองุ่นด้วยเพียงเล็กน้อย
เพื่อป้องกันโรคกระเพาะอาหารและโรคประจำตัวของเจ้า " - 1 ทิโมธี 5:23
โฆษณาที่ Pope Leo XIII ให้การรับรองสรรพคุณ Vin Mariani
Ange-François Mariani
ในปี 1863 นักเคมีชาวฝรั่งเศส Angelo Mariani
รู้สึกทึ่งกับใบของต้นโคคาและอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภค
ทั้งยังเกิดแนวคิดเชิงพาณิชย์ด้านศักยภาพทางเศรษฐกิจ(Demand/Supply)
ในการค้าขายไวน์ชนิดนี้สู่ท้องตลาด
ท่านจึงได้ผลิตไวน์ Vin Mariani
ที่มีส่วนผสมของไวน์บอร์โดซ์ Bordeaux wine กับใบโคคา Coca
โดยแอลกอฮอล์ในไวน์จะทำหน้าที่เป็นสารทำละลาย
ช่วยในการสกัดโคเคนออกจากใบโคคา
ทำให้เครื่องดื่มนี้ที่มีส่วนผสมของโคเคนสูงสุด 7.2 มิลลิกรัมต่อออนซ์
น่าจะแช่ใบโคคาในไวน์ก่อนนำมากรอง
เพื่อนำมาเป็นส่วนผสมหลักในกระบวนการผลิต
แบบเหล้ายาสมุนไพรที่ขายกันในท้องตลาดไทย
ที่มีทั้งแบบแช่ในเหล้าหรือกรองจากหัวเชื้อมาผสมเหล้าแบ่งขาย
เพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไวน์ชนิดใหม่
ท่านจึงได้ตีพิมพ์โฆษณาลงในหน้าหนังสือพิมพ์หลายประเทศ
หลังจากที่ได้ส่งเครื่องดื่มตัวอย่างไปให้บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคน
เท่าที่ท่านสามารถติดต่อและส่งตัวอย่างไปให้ได้
เพื่อให้ช่วยกันเชียร์ไวน์นี้ทางอ้อมแบบปากต่อปาก (Viral Marketing)
แม้ว่าการให้คนมีชื่อเสียงรับรองสรรพคุณสินค้า
จะถูกมองว่าเป็นเทคนิคการค้าอย่างหนึ่ง
ที่มีการทำกันอย่างดาษดื่นในทุกวันนี้
แต่ท่านคือ เจ้าแรกที่ริเริ่มแนวคิดนี้ในช่วงเวลานั้น
มีคนมีชื่อเสียงหลายคนยกย่องสรรพคุณเครื่องดื่มยึ่ห้อนี้
แต่คนที่รับรองสรรพคุณที่โด่งดังและรู้จักกันมากที่สุด
คือ สมเด็จพระสันตะปาปา Leo XIII
Vatican gold medal ที่มอบให้กับ Angelo Mariani สำหรับ Vin Mariani
พระสันตะปาปา Leo XIII
ทรงชื่นชอบกับรสชาติของไวน์ยึ่ห้อนี่
ที่มีส่วนผสมจากใบโคคามาก
พระองค์ยกย่อง Vin Mariani ไว้เป็นอย่างมากว่า
" ช่วยกระตุ้นให้มีแรงกายแรงใจในการปฏิบัติวัตรทางศาสนา
และการสวดมนตร์ประจำวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย "
ทั้งนี้ พระสันตะปาปา Leo XIII ก็ยังปรากฏภาพของพระองค์
บนพื้นที่โฆษณา Vin Mariani ในหน้าหนังสือพิมพ์
ทั้งยังพระราชทานเหรียญทองคำวาติกัน Vatican gold medal
ให้กับผู้ผลิต Vin Mariani ยิ่งทำให้สินค้ายิ่งขายดียิ่งติดตลาด
Pope Saint Pius X ก็ทรงชื่นชอบและดื่มด่ำกับ Vin Mariani
Vin Mariani อาจจะไม่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเลยก็เป็นได้
ถ้าไม่ได้รับการรับรองสรรพคุณอย่างเป็นทางการจากพระสันตะปาปา
และชาวโลกอาจจะไม่รู้จักเครื่องดื่มน้ำอัดลม Coca Cola
ในปี 1885 John Pemberton
เภสัชกรหรือนักปรุงยาที่เปิดร้านอยู่ที่ Atlanta รัฐ Georgia
ได้ผลิตเครื่องดื่มชื่อว่า Pemberton’s French Wine Coca
เพื่อออกมาชนตลาด/แย่งส่วนแบ่งตลาดของ Vin Mariani
แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก มีการรณรงค์เรื่องการดื่มสุราเป็นบาป
จากพวกคลั่งศาสนาคริสต์อย่างสุดโต่ง
จนนำไปสู่การออกกฎหมายห้ามขายสุราในหลายรัฐมาก
เขตปกครองท้องถิ่น Atlanta รัฐ Georgia
ก็ได้ออกกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราด้วยเช่นกัน
John Pemberton จึงผลิตเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
ในรูปเครื่องดื่มน้ำอัดลม Coca Cola
เพื่อมาทดแทนคนที่อยากดื่มของมึนเมา
ที่มาของ Vin Mariani
ในปี 1859 นายแพทย์ชาวอิตาลี Paolo Mantegazza
ได้เดินทางกลับจาก Peru สถานที่ซึ่งท่านเห็นเป็นประจักษ์พยาน
เห็นคนพื้นเมืองต่างใช้ Coca โก๊ะก่า (สะกดตาม จันท์อำไพ สตรีไทยในเอกวาดอร์)
ท่านจึงได้ทดลองใช้โคคาด้วยตนเองด้วย
และเมื่อท่านกลับมาที่ Milan ก็ได้ตีพิมพ์เรื่องนี้เกี่ยวกับอาการข้างเคียงต่าง ๆ
ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับ coca และ cocaine (ในยุคนั้นเข้าใจว่าเป็นแบบเดียวกัน)
และการใช้งานทางการแพทย์ได้ เช่น การขูดฝ้าขาวบนลิ้นทุกเช้า แก้ท้องอิด และทำให้ฟันขาว
นักเคมีชาวฝรังเศส Angelo Mariani ได้อ่านเอกสารของ Paolo Mantegazza
เกิดความสนใจและทึ่งเกี่ยวกับเรื่องราวของ coca กับศักยภาพทางเศรษฐกิจของพืชชนิดนี้
ในปี 1863 Angelo Mariani จึงเริ่มทำตลาดด้วยไวน์ชื่อว่า Vin Mariani
ซึ่งใช้ในการบำบัดรักษาและบำรุงร่างกายด้วยใบ coca กับ coca wine
เอทานอล ethanol ในไวน์จะทำปฏิกิริยาเป็นสารทำละลายและสกัด cocaine ออกจากใบ coca
ปรับปรุงรสชาติและผลลัพธ์ในการดื่มไวน์ชนิดนี้
โดยในไวน์จะมีปริมาณโคเคน 6 มิลลิกรัมต่อออนซ์
แต่ Vin Mariani ที่ส่งออกไปสหรัฐอเมริกา
จะมีปริมาณโคเคน 7.2 มิลลิกรัมต่อออนซ์
ทั้งนี้เพื่อให้เหนือกว่าเครื่องดื่มแบบเดียวกันในสหรัฐอเมริกา
ในปี 1885 John Styth Pemberton ซึ่งเป็นพวกชื่นชอบใบโคคาด้วย
ก็ได้ผลิตเครื่องดื่มไวน์ผสมโคเคน Pemberton’s French Wine Coca
ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นน้ำอัดลม Coca-Cola ภายหลัง
เพราะมีกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราออกมา
ในปี 1906 เมื่อกฎหมาย Pure Food and Drug Act มีผลบังคับ
Coca Cola ก็ต้องเลิกใช้สารสกัดจากใบโคคา ไปใช้สารอื่นแทน
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/2rHl3eB
http://bit.ly/2rKbUSG
เรื่องเล่าไร้สาระ
Don Veto Corleone ใน The Godfather
“ เหล้าและการพนัน คือ ความผิดบาปเล็กน้อย
ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยได้เสมอ “
แก้งค์มาเฟียสหรัฐในยุคหนึ่งจึงมีรายได้มหาศาล
จากการขายเหล้าเถื่อน/เหล้าหนีภาษี
ในยุคที่พวกคลั่งศาสนาคริสต์มีบทบาทอย่างแรง
จนมีผลทำให้หลายรัฐในสหรัฐอเมริกาออกกฎหมายห้ามจำหน่ายสุรา
เรื่องนี้ยิ่งทำให้เหล้าเถื่อน/เหล้าหนีภาษี ยิ่งขายดีมากยิ่งขึ้นในตลาดมืด
รวมทั้งมีการลักลอบนำเข้าเหล้าเถื่อน/เหล้าหนีภาษี
จากรัฐอื่นในสหรัฐ จากแคนาดาและจากเม็กซิโก
แต่เรื่องแบบนี้ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
กับยิ่งอันตรายจากเหล้าปลอม/เหล้าเจือปน
รวมทั้งทำให้รัฐขาดรายได้จากภาษีอากร
ครอบครัวชาวบ้านบางคนต้องเดือดร้อนจากเหล้าปลอม/เหล้าหนีภาษี
จนในที่สุด ชาวบ้านหลายคนต่างทนไม่ไหวกับเรื่องนี้
ต้องออกมาโต้แย้ง/สาปส่งพวกบ้าคลั่งศาสนาคริสต์
ที่กดดันต่าง ๆ นานาผ่านทางกลไกอำนาจรัฐ
จนชาวบ้านบางส่วนต้องโง่งมงาย/ไร้เสรีภาพในการดื่มสุรา
กับต้องยอมทนทำตามหลักการแนวคิดสุดโต่งของพวกมัน
จนมีการยกเลิกกฎหมายห้ามจำหน่ายสุราไปในที่สุด
แต่ยังคงกฎหมายบางส่วนไว้ เช่น มีเวลาขาย ห้ามขายเยาวชน
มีเขตพื้นที่ขาย ห้ามขายใกล้บริเวณใดบ้าง มีอัตราภาษีเรียกเก็บ เป็นต้น
ในพื้นที่ภาคใต้บางแห่ง/บางชุมชนของไทย
พวกวัยรุ่นในท้องถิ่นแถวนั้นมักนิยมผลิตเครื่องดื่ม 4X100
ที่มีส่วนผสมหลัก 3-4 อย่าง (ขอไม่เปิดเผย)
นำมาเติม Coca Cola แล้วต้มให้เดือดก่อนดื่มกัน
จนสายตำรวจ/ตำรวจมักจะสอดส่องวัยรุ่นต้องสงสัย
ถ้าเดินเข้าไปซื้อ Coke(CocaCola) หลายขวด
ใน 7-11 หรือร้านชำท้องถิ่น ในปริมาณถี่ ๆ บ่อย ๆ
หรือวางขวด Coke ไว้หน้าตะกร้ารถจักรยานยนต์
ขับขึ่ไปมาในตอนกลางค่ำกลางคืน
ถ้าสะกดรอยตามจนถึงบ้านพักวัยรุ่นต้องสงสัย
รัอยละ 90 มักจะเจอสมัครพรรคพวกนั่งรอต้ม 4X100
และจับผู้ต้องสงสัยกับพวกได้โดยละม่อมเป็นประจำ
จนวัยรุ่นเซ็ง มักพูดประชดว่า ถ้าอยากให้ตำรวจคุ้มกัน
ให้ขับขี่รถจักรยานยนต์โชว์ขวดน้ำอัดลม Coke ให้สายตรวจตำรวจดู
รับรองมีตำรวจคอยสะกดรอยติดตามและคุ้มกันจนถึงบ้านพัก
Lamborghini ของ Pope Francis
เหล้าและใบโคคาใช้มอมเมาเด็กก่อนบูชายัญ