ความสำราญที่มีอยู่จริง กับเรือสำราญที่ใหญ่ทีสุดในโลก Symphony of the Seas (2018)

” ไปเที่ยวเรือสำราญกันมั๊ย "
...แวปแรกที่เราได้ยินคำชวนนี้ ถึงกับหันไปมองหน้าคนถาม หืมมมม....
เที่ยวเรือสำราญ เนี่ยนะ...แพงแน่ๆ น่าเบื่อแน่ๆ เมาเรือชัวร์ แล้วอาหารจะอร่อยรึเปล่าก็ไม่รู้ -- ไม่สนใจอ่า ไม่เห็นน่าไปตรงไหนเลย

" เรือลำนี้ ชื่อ Symphony of the Seas ใหญ่ทีสุดในโลกเลยนะ เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ เดินเรือครั้งแรกคือเดือนเมษานี้นะ "
..หืมม? อะไรนะ..ใหญ่สุดเลยหรอ ใหญ่กว่าไททานิคด้วยอ่ะนะ งี้ก็ต้องมีนู่นนี่เยอะแยะเลยดิ่
แล้วเป็นเรือลำใหม่ด้วย แบบนี้หมายความว่าจะได้นอนเตียงที่ยังไม่เคยมีใครนอนงี้หรอ (55 ก็ใช่ดิ่) ความคิดวิ๊งๆเริ่มปะทุในหัว
..จะสนใจก็ตรงความใหม่นี่แหล่ะ ไหนๆถ้าจะเที่ยวเรือครั้งแรก ไปเรือลำที่ใหม่สุด ใหญ่สุดก็น่าถูกต้องละ

" แถมเรือลำนี้ขึ้นที่บาร์เซโลน่าด้วยนะ ตอนลงจากเรือก็แวะเที่ยวบาร์เซกันไง บาร์เซสวยนะ tapas อร่อยๆเต็มเลย "
" แวะเมือง Provence ฝรั่งเศสด้วยนะ แล้วก็อิตาลี อีกตั้ง 3 เมือง (La Spezia, Rome, Naples)  เด๋วพาไปกินพิซซ่าอร่อยๆที่เนเปิ้ล "
...เหยย!! บาร์เซโลน่าหรอ อยากไปๆๆ จะไปกินไวน์สเปน 55 (ราคาถูกและอร่อยมาก) ไปอิตาลีอีกแล้วหรอ เพิ่งไปมาเมื่อปีที่แล้วเองนะ ..แต่มีโพรวองส์นี่นา  งี้ก็ได้ไปเที่ยวทุ่งลาเวนเดอร์สวยๆ อ่ะดิ่ (คิดไปแล้วแบบยังไม่ได้มีข้อมูลเลยว่าลาเวนเดอร์จะบานตอนมิถุนา 55) -- อร๊ายยย เริ่มสนุกละ จินตนาการความสนุกเริ่มมา ความคิดแบบฝันเฟื่องเริ่มบรรเจิด..


ทีนี้ก็เริ่มหาข้อมูลเรือลำนี้ละ (จากเวปไซด์ royalcaribbean.com) เริ่มอ่านกระทู้ล่องเรือสำราญว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
เริ่มหาที่เที่ยวในแต่ละพอร์ทเที่เรือไปจอด เริ่มคำนวณเงินในกระเป๋า เริ่มไปคุยกับบริษัทเรื่องขอวันลาหยุด (ทั้งทริป 13 วัน)
คือเริ่มไปตั้งขนาดนี้แล้ว จะไม่ไปก็ไม่ได้แล้วอ่ะ (หาเหตุผลเข้าข้างตัวเองสุดๆ 55)

  >> จัดการซื้อตั๋วเรือ ที่รวมค่าห้อง + อาหาร (บุฟเฟ่) เครื่องดื่ม (แบบมาตรฐาน) 3 มื้อ สำหรับทริป 8 วัน 7 คืน
  >> จัดการซื้อตั๋วเครื่องบิน กรุงเทพ - บาร์เซโลน่า (เรานั่ง Finair ค่ะ คือต่อเครื่องไปสเปนที่ฟินแลนด์)
  >> จัดการจอง รร. สำหรับวันก่อนขึ้นเรือ แล้วก็วันหลังลงจากเรือ (แนะนำให้เดินทางไปถึงสเปนก่อนล่วงหน้าวันเรือออก
จะได้ไม่ฉุกละหุก) ซึ่งทั้งหมดที่เราจอง เราจองล่วงหน้า ก่อนกำหนดวันเดินเรือ ประมาณ 5 เดือน (ยิ่งจองตั๋วเรือเร็ว จะยิ่งได้ราคาดี)

จากนั้น....ก็นับถอยหลัง รอวันไปเที่ยวทริปนี้สุดๆ
อยากรู้ละว่า สิ่งที่จะไปเจอบนเรือจะมีอะไรบ้าง จะใหญ่โตแค่ไหนนะ
จะสำราญสมชื่อมั๊ย....โอ๊ยย..อยากไปๆๆๆแล้ว..

งั้นจะรออะไรละ...ตามมาสำราญด้วยกันเลย....
( Cr. www.cruisecritic.com สำหรับรูปบางรูป )



>>อย่างแรกเลยนะ....สำราญตา พาเพลินมากๆ<<
...เอาเป็นว่าแค่เห็นลำเรือจากภายนอกก็ร้องโอ้โหหหห กับความใหญ่โตอลังการแล้ว ก็เรือลำนี้สูงตั้ง 18 ชั้น  
(ภาษาบนเรือแต่ละชั้นเรียกว่า Deck) แถมความยาวตั้งแต่หัวเรือถึงท้ายเรือ คือ 300 เมตรกว่าๆ ถ้าจับเรือตั้งตรงนี่สูงกว่าหอไอเฟลอีก
เดินไปกลับหัวเรือท้ายเรือทุกวันนี่ผอม หุ่นดีกันแน่ๆ^^


ก้าวแรกที่เข้ามาในเรือ...มันคือ ว้าวววววววว...เฮ้ยย....สวยอ่าาา นี่มันโรงแรมห้าดาวๆเคลื่อนที่ชัดๆ..
เราตื่นเต้นกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วย ความรื่นเริง สนุกสนาน มีวงดนตรีสดมาเล่นเพลงจังหวะคึกคัก สร้างสีสัน
ไหนจะการตกแต่งที่สวยงาม ดูหรูหรา ดูมีราคา (มีราคาจริงๆนี่นา) มีลิฟท์แก้ว มีบันไดแก้ว มีชั้นลอย มีนู่นนี่เต็มไปหมด
ยิ่งพอได้เดินสำรวจ ขึ้นไปชั้นโน้น ลงมาชั้นนี้ ไปต่อชั้นนั้น ยิ่งตื่นตาตื่นใจ กับองค์ประกอบของเรือ ทีมีครบทุกอย่าง ทั้งร้านอาหาร (หลายสิบร้าน) ผับ บาร์ คาสิโน สระว่ายน้ำ สวนสนุก ห้องพักเป็นพันๆห้อง...โอ๊ยคือกรี๊ดดดจริงๆ ..ตื่นตาตื่นใจมากๆ



ไฮไลท์อีกอย่างของเรือลำนี้คือ มีสวนสาธารณะเล็กๆ ที่เรียกว่า Central Park  จัดแบบ Open Air อยู่กลางเรือเลย
ใครที่คิดว่าอยู๋บนเรือแล้วจะต้องเห็นแต่ ท้องฟ้า มหาสมุทรเท่านั้นคือเปลี่ยความคิดเดี๋ยวนี้ เพราะถ้าอยากเห็นสีเขียวๆ
อยากได้รับความสดชื่นจากกลิ่นดิน กลิ่นดอกไม้ เมื่อไหร่ ก็แวะมาเดินเล่น นั่งชิวดื่มชา กาแฟ ได้ตลอดเวลา (แต่ถ้าฝนตกก็เปียกนะ 55)



...แต่ที่เราชอบมอง ชอบดูที่สุดของการมาเที่ยวเรือสำราญครั้งนี้คือ..เวลาที่เรือออกจากท่า แล้วเรามองกลับไปที่ฝั่ง เราจะเห็นความสวยงามของเมืองนั้นๆ ในมุมที่ปกติแล้วเราจะไม่ได้เห็นง่ายๆ .. มันช่างสำราญตา จริงๆ.



สำราญที่ 2  สำราญกายสบ๊าย สบาย
....มาเที่ยวเรือแบบนี้เนี่ย สบายกายที่สุดแล้วนะ จริงๆ...ลองคิดดูซิว่าการที่ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ ไม่ต้องเก็บกระเป๋าทุกครั้งที่ย้ายเมือง แค่นอนหลับฝันดี ตื่นมมาอีกที ก็แต่งตัวสวยๆลงไปเที่ยวต่อได้เลย..มันจะสบายสุดๆแค่ไหน..

ห้องพักบนเรือก็มีหลายแบบ หลายราคา ให้ได้เลือกตามใจชอบ
ส่วนของห้องพักเราอยู่ชั้น 11 เป็นห้อง Ocean View Balcony ที่มีระเบียงไว้นั่งชิว (แต่ไม่ค่อยได้นั่งหรอก เพราะว่าอากาศมันหนาวอยู่มากเลย 55)  ตำแหน่งของห้องคืออยู่กลางเรือพอดิบพอดี (ด้วยความที่ลิฟท์จะอยู่ด้านหัวเรือกับท้ายเรือ การเลือกห้องตรงกลางเรือ ก็ทำให้ไม่ต้องเดินไกลมากๆ เวลาจะไปแต่ละฝั่ง)


...ขนาดห้องแค่ 17 ตรม. แต่อาจจะด้วย lay out หรือโทนสีการแต่งห้อง มันเลยทำให้ห้องดูโปร่ง กว้าง แล้วก็ Relax กว่าที่คิดไว้เยอะ
ยิ่งมีระเบียงให้เราออกไปรับลม มองทะเล ดูฟ้า ดูดาว ยิ่งทำให้เรารุ้สึกผ่อนคลายที่จะพักอยู่ในห้องจริงๆค่ะ

>> ในห้องมี ตู้เซฟ ตู้เสื้อผ้า ลิ้นชัก เพียงพอให้เรารื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าทั้งหมด (แนะนำว่าอย่าเปิดกระเป๋ากางไว้เลย ไหนจะแคบแล้ว ยังไม่สะดวก เวลาเมดมาทำความสะอาดด้วย) เตียงก็น่านอน โดยเฉพาะเป็นเตียงใหม่เอี่ยม เรานอนฝันดีทุกคืนเลย

แล้วแต่ละห้องจะมี Room Attendant ส่วนตัว ที่เค้าจะคอยดูแลทำความสะอาดห้องให้ตลอดทริป วันละ 2 รอบ..ใช่แล้ววันละ 2 รอบเลยคือ หลังเราตื่นนอน และ ก่อนเรากลับมาจากดินเนอร์ (ส่วนตัวเราชอบมากนะ กลับมาเห็นห้องสะอาดตลอดเวลา) แต่ถ้าใครไม่อยากให้ทำความสะอาดก็ติดป้ายไว้ได้เหมือนโรงแรมปกติ


ห้องน้ำก็ไม่แคบไปจนอึดอัด มีชั้นให้วางอุปกรณ์นู่นนี่พอสมควร น้ำแรงและร้อนสมใจมาก  Amenity ในห้องน้ำก็มีเหมือนโรงแรมทั่วไป แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องไดร์เป่าผม บนเรือมีเตรียมไว้ให้พร้อม..เอาเป็นว่าเราให้คะแนนห้องพัก 10/10 เลยเพราะมันทำให้เราสำราญกายได้เกินคาดจริงๆ (เรือลำใหม่ อะไรๆก็ดีไปหมด ^^)


ไม่รู้เป็นเพราะว่าครั้งนี้เป็นการเดินเรือครั้งแรกของเรือลำนี้รึเปล่า แต่เราได้รับของแจกแบบนี้ทุกคืนเลย โดยที่เมดจะเอามาวางพร้อมกับ Cruise Compass (เป็นเหมือนจดหมายข่าวแจ้งข้อมูลของเมืองต่อไปที่จะไปจอด รวมถึงตารางเวลากิจกรมมากมายบนเรือ) แล้วก็ตุ๊กตาน่ารักๆที่ทำจากผ้าเช็ดตัว..ประทับใจไปอี๊กกก..

                                                                                                                               
>>> ไปต่อสำราญที่ 3 กันเลย..
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่