ย้อนอ่าน EP.5 : ธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ Yosemite - Tioga Pass
https://ppantip.com/topic/37650889
วันนี้เป็นวันที่ 8 ของการท่องเที่ยวแล้วค่ะ
เป็นวันที่มันส์ และหฤโหดมากค่ะ เราจะไป Death Valley กัน
Death Valley เป็นอุทยานที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอเมริกา มีชื่อที่ฟังดูน่ากลัวแต่ก็มีประวัติที่น่าสนใจ ซึ่งในอดีตยุคตื่นทอง ปี ค.ศ.1849 มีกลุ่มผู้บุกเบิกที่พยามยามจะเดินลัดเลาะหรือสำรวจเส้นทางเพื่อไปยัง California ได้เร็วขึ้น แต่ก็อย่างว่าพอได้หลงเข้ามาในพื้นที่หุบเขานี้แล้วล่ะก็ ความยิ่งใหญ่ เวิ้งว้าง อากาศและสภาพแวดล้อม ทำให้ในใจพวกเขาตอนนั้นคิดว่าเราจะต้องตายที่นี่กันแน่ๆ แต่แล้วก็ถูกช่วยชีวิตให้รอด หนึ่งในนั้นจึงหันกลับไปมองหุบเขาแห่งความตายนี้ แล้วเอ่ยว่า “ Goodbye Death Valley “
เป็นอุทยานที่เคยมีการบันทึกว่าร้อนที่สุดในโลก มีพื้นที่จุดที่ต่ำที่สุดในพื้นที่อเมริกาเหนือ แต่ก็มีพืชพันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้ในพื้นที่แห้งแล้ง และมีสัตว์ร้ายจำพวกที่อยู่ในทะเลทรายอย่างเช่น งู แมงมุม แมงป่อง
เคยเป็นจุดที่ทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่และเหมืองบอแรกซ์ ซึ่งปัจจุบันต่างกลายเป็นที่รกร้างเปลี่ยนเป็นซากปรักหักพัง ให้เราได้ชมและจินตนาการถึงความรุ่งเรื่องในอดีต
จาก Bishop ไป Death Valley
เราออกจากที่พักในเมือง Bishop ประมาณ 8 โมงกว่าๆ โดยใช้ Google map คำนวณเวลา ซึ่งน่าจะใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่าจะถึง Death Valley แต่เอาจริงๆแล้ว ใช้เวลาเยอะกว่านั้นค่ะ เพราะทางค่อนข้างไกลและมีช่วงคดเคี้ยวเหมือนกัน
ในช่วงแรกๆจะเป็นทางตรง เห็นวิวทุ่งหญ้า และเทือกเขา Sierra ข้างทางสวยมากค่ะ ขับได้ไม่ยาก ขับตามทางหลวงหมายเลข 395 เราจะผ่านเมือง Independence และ Lone Pine
วิวเทือกเขา Sierra สวยมากค่ะ
เราได้มาแวะซื้ออาหารเที่ยงกันที่เมือง Lone Pine เมืองแถบนี้ก็จะเล็กๆ เหงาๆ มีปั๊มน้ำมันบริการ เราก็ดันขี้เกียจเติม คิดว่าค่อยไปเติมเอาข้างหน้าก็ได้
เมือง Lone Pine
จากนั้นก็แยกเข้าสู่เส้น 136 เราเริ่มเข้าโซน Dolomite เป็นทางราบเรียบยาวสุดลูกหูลูกตา ด้านข้างและด้านหน้าเป็นภูเขาลูกใหญ่อยู่ไกลๆ เหมือนภาพในโปสการ์ด แม้ว่ารถจะเคลื่อนที่ไปเป็นสิบนาที ภาพวิวก็ยังคงไม่เปลี่ยน จะว่าสวยก็สวย จะว่าเหงาก็เหงา เราตะลึงกับความกว้างใหญ่มากค่ะ
วิวเส้นทาง Hwy136 , Dolomite
ขับต่อเรื่อยมาจนเข้าสู่เส้นทางหลวง 190 สักพักก็เข้าสู่โซนอุทยาน จะมีป้าย Death Valley National Park ให้เห็นอยู่ข้างทาง จากนั้นทางก็จะเริ่มคดเคี้ยวตามไหล่ทางภูเขา มีทางชันบ้าง เสียวบ้างเวลาโค้งตามภูเขาในบางจุด ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ ขับเร็วมากก็ไม่ได้ วิวที่เห็นจะดูกว้างและแห้งแล้ง เป็นภูเขาสลับกัน สวยแปลกตาค่ะ
เริ่มเข้าสู่โซนอุทยาน Death Valley National Park
ดูเวิ้งว้างมากค่ะ
ระหว่างทาง เราเห็นจุดหนึ่ง ที่รถจอดเรียงราย เลยคิดว่าจุดนี้อาจจะมีอะไรที่น่าสนใจ เราจึงจอดตามและเดินไปชม ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องเขา โชคดีมากที่สักพักเราก็ได้เห็นเครื่องบินเจ็ทที่บินซ้อมรบกัน ผ่านเราไปในระยะใกล้ ตื่นเต้นมากค่ะ เพิ่งมารู้ทีหลังว่ามันคือจุด
Father Crowley Overlook
Father Crowley Overlook : นักท่องเที่ยวกำลังเก็บภาพเครื่องบินเจ็ทบินผ่าน
จากนั้นเราขับมาเรื่อยๆ ผ่านทางที่กว้างสุดลูกหูลูกตาอีกรอบ
เห็นป้ายบอกทางแล้ว แต่ต้องขับไปเรื่อยๆ แค่อยากจะไปให้ถึงภูเขาลูกนั้นก็รู้สึกว่า ทำไมมันไกล๊ไกล
ขับมาจนผ่านช่องหุบเขา จากที่เราเห็นภูเขามันอยู่ไกลๆ
เรามาแวะที่จุด Panamint Spring จุดนี้จะมีร้านอาหาร ปั๊มน้ำมันและร้านขายของ เราแวะเติมน้ำมัน ปรากฏว่าราคาแพงมาก น้ำก็แพง เป็นเพราะความขี้เกียจของเราเองที่ไม่ยอมเติมน้ำมันมาก่อนก็เลยต้องยอมจำนน เรานั่งทานอาหารเที่ยงใต้ร่มหน้าร้านของชำ มองวิวไปข้างหน้าสุดลูกหูลูกตากับแดดที่แรงมาก จนคิดว่าถ้าเราไม่ได้นั่งกินตรงนี้ก็คงไม่รู้จะไปนั่งตรงไหนแล้ว
Panamint Spring : จุดที่เราแวะเติมน้ำมันกัน
หลังจากทานเสร็จ เราก็มุ่งไปจุดแรกที่เราอยากจะเห็น คือ
Mosaic Canyon ใช้เวลาขับจากจุด Panamint Spring ไปอีก 42 นาที กว่าจะถึงแต่ละที่นั้นไกลกันมาก เป็นทางตรงสลับกับทางคดเคี้ยว แล้วพอไปถึง ก็ต้องขับแยกจากทางหลักเข้าไปตามทางดินลูกรังอีกกว่า 15 นาทีค่ะ แล้วจากจุดที่จอดรถ เราก็ต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 5-10 นาที ลุยมากค่ะ เพื่อเข้าไปชมจุดที่มีชั้นหินเป็นลายริ้ว และร่องสลับซึ่งเกิดจากทางน้ำไหลเวลาน้ำท่วม สวยงามค่ะ
Mosaic Canyon : ทางเข้าด้านหน้า บรรยากาศแบบร้อนระอุมาก
Mosaic Canyon : โพสท่ารับแสงแดดและไอร้อนค่ะ (^0^)
Mosaic Canyon : กำลังเดินกลับค่ะ ตรงนี้เป็นช่วงกลางๆทางเดินที่เราเดินไปชมร่องหินอ่อน ใช้เวลาเดินก็ประมาณ 10 นาทีค่ะ
ลานจอดรถ Mosaic Canyon ตรงนี้จะเห็นวิวเวิ้งว้าง และที่สำคัญคือร้อนมากค่ะ เราใช้เวลาตั้งแต่เข้ามาจากถนนใหญ่ และเที่ยวจนขับกลับออกไปก็ประมาณ 1 ชั่วโมงนะคะ
เราคงต้องรีบมุ่งหน้าไปยังจุดอื่นๆกันต่อ ด้วยความที่ว่าเราวางแผนกันคร่าวๆว่าจะไปจุดไหนบ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะไกลขนาดนี้ ทำให้เราวางแผนเวลาและจัดลำดับตำแหน่งในการเที่ยวได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือ..มีแต่ความพยายามจะเที่ยวให้ครบ (ข้อมูลจุดท่องเที่ยวจะใส่ให้ใน Paragraph สุดท้ายนะคะ) แต่พอมาถึงสถานที่จริงมันทั้งกว้างและใหญ่มากแถมไกลกันมากด้วย อินเตอร์เน็ตก็อ่อน ดีที่มีแผนที่อยู่ตรงลานจอด Mosaic Canyon เราเลยถ่ายรูปมา ทำให้เราเห็นภาพแต่จุดมากขึ้นค่ะ
แผนที่บอกตำแหน่งจุดท่องเที่ยว หน้า Mosaic Canyon นะคะ แผนที่นี้มีอยู่ในเวปไซต์ค่ะ (ใส่ให้ใน Paragraph สุดท้ายนะคะ)
จากนั้นเราขับไปแวะเข้าห้องน้ำ และซื้อของที่ระลึกกันที่
Stovepipe Well ซึ่งเป็นจุดที่มีปั๊มน้ำมัน ที่พัก บริการ ห่างกันไม่ไกลมากค่ะ
Stovepipe Well : ตรงจุด Stovepipe Well มีปั๊มน้ำมัน และสโตร์นะคะ เราแวะเข้าห้องน้ำ และซื้อพวงกุญแจกับ Magnets กันนิดหน่อยค่ะ
ตอนนี้บ่ายสองแล้ว เราคิดว่าจะมุ่งหน้าไป
Badwater Basin เลยเพราะกลัวเวลาจะไม่พอ แต่โชคดีที่ว่า เส้นทางไปนั้น มีที่เที่ยวให้เราได้ชมกันอีก 3-4 จุด (รายละเอียดข้อมูลสถานที่เพิ่มเติม อยู่ย่อหน้าสุดท้าย)
ก่อนแยกเข้าทาง Badwater Basin
ทาง Badwater Basin แถบนี้ภูเขาลูกใหญ่มาก
จุดแรกที่เราแวะคือ
Golden Canyon Trail ลานจอดรถอยู่ติดกับถนนเลย แต่ต้องเดินเท้าเข้าไปชมข้างในสัก 15 นาที เหือดแห้งมากค่ะ แต่พอเข้าไปถึงเราก็จะได้เห็นความสวยงามและความใหญ่ของภูเขาหิน
Golden Canyon : ทางเข้าด้านหน้า
Golden Canyon : เดินได้ครึ่งทางอยู่เลยค่ะ
Golden Canyon : เราเดินมาจนถึงจุดนี้ประมาณสิบกว่านาทีแล้วค่ะ ที่จริงมันเดินเข้าไปได้เรื่อยๆ แต่แบบคอแห้งและเหงื่อแตกมาก เอาน้ำไปขวดเดียวยังไม่พอเลยค่ะ ก็เลยเดินกลับค่ะ
Golden Canyon : ใหญ่มากจริงๆ
Golden Canyon : กำลังเดินกลับ เห็นมุมนี้ทำให้รู้ว่าภูเขาหินที่นี่ใหญ่มากจริงๆค่ะ
Golden Canyon : วิวตอนเดินกลับ เหมือนอยู่ในหนังสำรวจดาวอังคารอะไรสักอย่าง (*O*)
เราขับไปอีกประมาณ 30 นาที เพื่อไป
Badwater Basin
Badwater Basin : .ใกล้ถึงแล้วค่ะ เขาลูกใหญ่มากค่ะ เทียบได้จากตัวรถ
เมื่อมาถึง เราก็จะเห็นว่านักท่องเที่ยวจุดนี้ค่อนข้างเยอะ คงเป็นจุดที่เที่ยวง่ายที่สุดก็ว่าได้ ตรงนี้เป็นจุดที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลที่สุด จนทำให้น้ำเป็นกรดเกลือเกาะตัวกันเป็นผลึก กินพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เราเดินดูกันสักพัก ไม่ได้ไกลมาก เพราะแดดแรงและมีเวลาน้อยค่ะ ตอนนี้ก็สี่โมงกว่าแล้ว กว่าจะขับไปที่พักคืนนี้อีก ซึ่งต้องใช้เวลาขับกลับอีก 3 ชม.กว่าค่ะ
Badwater Basin : ป้ายบอกระดับที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
Badwater Basin : จุดนี้จะเห็นนักท่องเที่ยวเยอะมากกว่าจุดอื่นๆ
[CR] ขับรถเที่ยวตะลุยอเมริกา USA West Coast Road Trip 14 วัน 3,500 km : [EP.6] ท่องไปในความเวิ้งว้างที่ Death Valley
ย้อนอ่าน EP.5 : ธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ Yosemite - Tioga Pass https://ppantip.com/topic/37650889
เป็นวันที่มันส์ และหฤโหดมากค่ะ เราจะไป Death Valley กัน
Death Valley เป็นอุทยานที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอเมริกา มีชื่อที่ฟังดูน่ากลัวแต่ก็มีประวัติที่น่าสนใจ ซึ่งในอดีตยุคตื่นทอง ปี ค.ศ.1849 มีกลุ่มผู้บุกเบิกที่พยามยามจะเดินลัดเลาะหรือสำรวจเส้นทางเพื่อไปยัง California ได้เร็วขึ้น แต่ก็อย่างว่าพอได้หลงเข้ามาในพื้นที่หุบเขานี้แล้วล่ะก็ ความยิ่งใหญ่ เวิ้งว้าง อากาศและสภาพแวดล้อม ทำให้ในใจพวกเขาตอนนั้นคิดว่าเราจะต้องตายที่นี่กันแน่ๆ แต่แล้วก็ถูกช่วยชีวิตให้รอด หนึ่งในนั้นจึงหันกลับไปมองหุบเขาแห่งความตายนี้ แล้วเอ่ยว่า “ Goodbye Death Valley “
เป็นอุทยานที่เคยมีการบันทึกว่าร้อนที่สุดในโลก มีพื้นที่จุดที่ต่ำที่สุดในพื้นที่อเมริกาเหนือ แต่ก็มีพืชพันธุ์ไม้ที่ขึ้นได้ในพื้นที่แห้งแล้ง และมีสัตว์ร้ายจำพวกที่อยู่ในทะเลทรายอย่างเช่น งู แมงมุม แมงป่อง
เคยเป็นจุดที่ทำอุตสาหกรรมเหมืองแร่และเหมืองบอแรกซ์ ซึ่งปัจจุบันต่างกลายเป็นที่รกร้างเปลี่ยนเป็นซากปรักหักพัง ให้เราได้ชมและจินตนาการถึงความรุ่งเรื่องในอดีต
เราออกจากที่พักในเมือง Bishop ประมาณ 8 โมงกว่าๆ โดยใช้ Google map คำนวณเวลา ซึ่งน่าจะใช้เวลา 3 ชั่วโมงกว่าจะถึง Death Valley แต่เอาจริงๆแล้ว ใช้เวลาเยอะกว่านั้นค่ะ เพราะทางค่อนข้างไกลและมีช่วงคดเคี้ยวเหมือนกัน
ในช่วงแรกๆจะเป็นทางตรง เห็นวิวทุ่งหญ้า และเทือกเขา Sierra ข้างทางสวยมากค่ะ ขับได้ไม่ยาก ขับตามทางหลวงหมายเลข 395 เราจะผ่านเมือง Independence และ Lone Pine
เราได้มาแวะซื้ออาหารเที่ยงกันที่เมือง Lone Pine เมืองแถบนี้ก็จะเล็กๆ เหงาๆ มีปั๊มน้ำมันบริการ เราก็ดันขี้เกียจเติม คิดว่าค่อยไปเติมเอาข้างหน้าก็ได้
จากนั้นก็แยกเข้าสู่เส้น 136 เราเริ่มเข้าโซน Dolomite เป็นทางราบเรียบยาวสุดลูกหูลูกตา ด้านข้างและด้านหน้าเป็นภูเขาลูกใหญ่อยู่ไกลๆ เหมือนภาพในโปสการ์ด แม้ว่ารถจะเคลื่อนที่ไปเป็นสิบนาที ภาพวิวก็ยังคงไม่เปลี่ยน จะว่าสวยก็สวย จะว่าเหงาก็เหงา เราตะลึงกับความกว้างใหญ่มากค่ะ
ขับต่อเรื่อยมาจนเข้าสู่เส้นทางหลวง 190 สักพักก็เข้าสู่โซนอุทยาน จะมีป้าย Death Valley National Park ให้เห็นอยู่ข้างทาง จากนั้นทางก็จะเริ่มคดเคี้ยวตามไหล่ทางภูเขา มีทางชันบ้าง เสียวบ้างเวลาโค้งตามภูเขาในบางจุด ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ ขับเร็วมากก็ไม่ได้ วิวที่เห็นจะดูกว้างและแห้งแล้ง เป็นภูเขาสลับกัน สวยแปลกตาค่ะ
ระหว่างทาง เราเห็นจุดหนึ่ง ที่รถจอดเรียงราย เลยคิดว่าจุดนี้อาจจะมีอะไรที่น่าสนใจ เราจึงจอดตามและเดินไปชม ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องเขา โชคดีมากที่สักพักเราก็ได้เห็นเครื่องบินเจ็ทที่บินซ้อมรบกัน ผ่านเราไปในระยะใกล้ ตื่นเต้นมากค่ะ เพิ่งมารู้ทีหลังว่ามันคือจุด Father Crowley Overlook
จากนั้นเราขับมาเรื่อยๆ ผ่านทางที่กว้างสุดลูกหูลูกตาอีกรอบ
เรามาแวะที่จุด Panamint Spring จุดนี้จะมีร้านอาหาร ปั๊มน้ำมันและร้านขายของ เราแวะเติมน้ำมัน ปรากฏว่าราคาแพงมาก น้ำก็แพง เป็นเพราะความขี้เกียจของเราเองที่ไม่ยอมเติมน้ำมันมาก่อนก็เลยต้องยอมจำนน เรานั่งทานอาหารเที่ยงใต้ร่มหน้าร้านของชำ มองวิวไปข้างหน้าสุดลูกหูลูกตากับแดดที่แรงมาก จนคิดว่าถ้าเราไม่ได้นั่งกินตรงนี้ก็คงไม่รู้จะไปนั่งตรงไหนแล้ว
หลังจากทานเสร็จ เราก็มุ่งไปจุดแรกที่เราอยากจะเห็น คือ Mosaic Canyon ใช้เวลาขับจากจุด Panamint Spring ไปอีก 42 นาที กว่าจะถึงแต่ละที่นั้นไกลกันมาก เป็นทางตรงสลับกับทางคดเคี้ยว แล้วพอไปถึง ก็ต้องขับแยกจากทางหลักเข้าไปตามทางดินลูกรังอีกกว่า 15 นาทีค่ะ แล้วจากจุดที่จอดรถ เราก็ต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 5-10 นาที ลุยมากค่ะ เพื่อเข้าไปชมจุดที่มีชั้นหินเป็นลายริ้ว และร่องสลับซึ่งเกิดจากทางน้ำไหลเวลาน้ำท่วม สวยงามค่ะ
เราคงต้องรีบมุ่งหน้าไปยังจุดอื่นๆกันต่อ ด้วยความที่ว่าเราวางแผนกันคร่าวๆว่าจะไปจุดไหนบ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะไกลขนาดนี้ ทำให้เราวางแผนเวลาและจัดลำดับตำแหน่งในการเที่ยวได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือ..มีแต่ความพยายามจะเที่ยวให้ครบ (ข้อมูลจุดท่องเที่ยวจะใส่ให้ใน Paragraph สุดท้ายนะคะ) แต่พอมาถึงสถานที่จริงมันทั้งกว้างและใหญ่มากแถมไกลกันมากด้วย อินเตอร์เน็ตก็อ่อน ดีที่มีแผนที่อยู่ตรงลานจอด Mosaic Canyon เราเลยถ่ายรูปมา ทำให้เราเห็นภาพแต่จุดมากขึ้นค่ะ
จากนั้นเราขับไปแวะเข้าห้องน้ำ และซื้อของที่ระลึกกันที่ Stovepipe Well ซึ่งเป็นจุดที่มีปั๊มน้ำมัน ที่พัก บริการ ห่างกันไม่ไกลมากค่ะ
ตอนนี้บ่ายสองแล้ว เราคิดว่าจะมุ่งหน้าไป Badwater Basin เลยเพราะกลัวเวลาจะไม่พอ แต่โชคดีที่ว่า เส้นทางไปนั้น มีที่เที่ยวให้เราได้ชมกันอีก 3-4 จุด (รายละเอียดข้อมูลสถานที่เพิ่มเติม อยู่ย่อหน้าสุดท้าย)
จุดแรกที่เราแวะคือ Golden Canyon Trail ลานจอดรถอยู่ติดกับถนนเลย แต่ต้องเดินเท้าเข้าไปชมข้างในสัก 15 นาที เหือดแห้งมากค่ะ แต่พอเข้าไปถึงเราก็จะได้เห็นความสวยงามและความใหญ่ของภูเขาหิน
เราขับไปอีกประมาณ 30 นาที เพื่อไป Badwater Basin
เมื่อมาถึง เราก็จะเห็นว่านักท่องเที่ยวจุดนี้ค่อนข้างเยอะ คงเป็นจุดที่เที่ยวง่ายที่สุดก็ว่าได้ ตรงนี้เป็นจุดที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลที่สุด จนทำให้น้ำเป็นกรดเกลือเกาะตัวกันเป็นผลึก กินพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา เราเดินดูกันสักพัก ไม่ได้ไกลมาก เพราะแดดแรงและมีเวลาน้อยค่ะ ตอนนี้ก็สี่โมงกว่าแล้ว กว่าจะขับไปที่พักคืนนี้อีก ซึ่งต้องใช้เวลาขับกลับอีก 3 ชม.กว่าค่ะ