#ที่สุดของแจ้# มโนศาสตร์กับตลาดหุ้น....บทที่ 2

กระทู้สนทนา
มาแล้วบทที่ 2 ในสภาวะตลาดน่าเบื่อเหมือนเดิม   เหมือนเซตไม่อยากไป 1,800  มโนว่าเกิดจาก

  ตาทรัมป์ป่วนโลก(ตามตารางป่วนที่ตาทรัมป์เตรียมไว้ )  

เริ่มจาก ตบเด็กท่านคิมน้อย>>เอาหินปาหลังคาบ้านซีเรีย>>ขู่จีนเรื่องการค้า>>คว่ำบาตรอิหร่าน>>ออกกฎหมายอภัยโทษไม่เก็บภาษี
ถ้าบริษัทสหรัฐเอาเงินเข้าประเทศ >>ทำให้หรั่งเทขายหุ้นกันเหมือนหย่ากับเมีย ขนเงินออกจากประเทศเรา>>>ต่อไปตาทรัมป์จะ ?????


ผมชักจะเอนเอียงไปแนวทาง คุณสาวลาวบ่าวไทย กับ เฮียอนาคอนด้า และสำนักแช่งอื่นๆ เพราะช่วงนี้ตาทรัมป์ขยันก่อเรื่องเหลือเกิน

  มาครับชีวิตยังคงดำเนินต่อไป....มาเข้ามโนศาสตร์ บทที่ 2 กันครับ

                                    บทที่ 2  หลักการมโนโหงวเฮ้งบริษัทที่ใช่และไม่ใช่ตามเงื่อนไขมโนศาสตร์

              พี่แจ้ลงทุนในหุ้น จะให้ความสำคัญกับการเลือกบริษัทเป็นอันดับ 1 โดยจะใช้เงื่อนไขในการพิจารณา 5 ข้อดังนี้                    
  เนื่องจากบริษัทไม่มีชีวิตครับเป็นแค่องค์กร เราจะดูว่าบริษัทนั้นน่าคบไหม ต้องใช้การมโนจากปัจจัยรอบด้าน
  นอกจากตัวเลขทางการเงิน อัตราส่วนทางการเงิน บัญชี งบดุล ที่ต้องดูละเอียด  ต้องใช้วิชามโนศาสตร์เสริม
  
   1.มโนประธานและCEO ของบริษัท เดี๋ยวมาเจาะกันในบทที่ 3 (บริษัทจะรุ่งหรือร่วงขึ้นอยู่กับเขา)
      ยกตัวอย่าง แจ็ค หม่า คือ อาลีบาบาๆ คือ แจ๊คหม่า  แยกกันไม่ออก พฤติกรรมเจ้าของสะท้อนถึงพฤติกรรมบริษัท


  


    หรือ  มีบางบริษัท เจ้าของชอบเพลง   วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า ก็ทำบริษัทเดี้ยงได้ทางชื่อเลียง

>>>พี่แจ้ชอบ    ผู้บริหารแบบไนกี้(Just do it) พูดน้อยต่อยหนัก   ไม่ชอบผู้บริหารองค์การนาโต้  No Action Talk Only<<<

2.มโนจาก โครงสร้างการบริหาร  ก่อนอื่นต้องแยกว่าเป็นบริษัทมหาชนแท้  มหาชนลูกครึ่ง  มหาชนคนกันเอง

    บริษัทมหาชนแท้ >>>เป็นบริษัทที่ทุกคนเป็นเจ้าของ  บริหารโดยลูกจ้างมืออาชีพไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ พร้อมไปหากบริหารผิดพลาด
                                  เช่น เครือ ปตท  บางจาก ปูนใหญ่ อื่นๆลองหาดูนะครัช

   บริษัทมหาชนลูกครึ่ง>>> อันนี้เถ้าแก่อินเตอร์ เห็นช่องทางการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอาไปต่อยอด เถ้าแก่อาจบริหารเอง
                                      หรือลูกหลาน อันนี้ก็ต้องระวังชีวิตเราอยู่ในมือเถ้าแก่และญาติ ดีขึ้นมาหน่อยก็ให้ลูกหม้อบริหาร แต่
                                      นโยบายก็มาจากเถ้าแก่ อาจมีดราม่าทะเลาะแย่งอำนาจในหมู่ญาติมิตร  (เราต้องติดตามข่าวและผล
                                       ดำเนินงานให้ดี ถ้างบไม่ดีติดต่อกันควร อำลาไม่อาลัย)
  
  บริษัทมหาชนคนกันเอง>>> บริหารแบบกงสี หลงจู้แต่มีชื่อมหาชนห้อยท้ายเท่ห์ๆ การบริหารยังบ้านๆอันนี้  แยกออกเป็นสองกลุ่ม
                                         กลุ่มที่อยู่มานาน กิจการไม่ค่อยทำทำแต่ เพิ่มทุน ออกวอร์แร้น มาไถตังเม่า
                                         กลุ่มน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ เอากิจการมาออกตัว IPO ให้เม่าที่หวังรวยจากหุ้นIPO นับว่าเป็นหุ้นที่ดีทีเดียว
                                         (ดีเฉพาะวันแรก) หลังจากนั้น........
  
>>> พี่แจ้ชอบ บริษัทแบบ บริษัทมหาชนแท้  วัดกันที่ผลงานและกำไร  ดีคุณได้ไปต่อ แย่เปลี่ยนตัว ทำให้บริษัทอยู่รอด เราซื้อหุ้นก็รอดด้วย<<<<



   มาชมทะเลหมอก บ้านสาแพะ อ.แจ้ห่ม กันครับ เครดิตจากยูทูป  ลุงกานต์ป้ารัตน์


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

3.มโนจากตำแหน่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน พี่แจ้ชอบบริษัทผู้ท้าชิง มากกว่าบริษัทเจ้าตลาด พี่แจ้เชื่อว่า
   เจ้าตลาดส่วนใหญ่จะอิ่มตัวในการทำงานเพราะต่อสู้มาเยอะล้าเหมือนชายวัยกลางคน พร้อมทุกอย่าง ขาดแต่เมียน้อย5555
   ขอพักบ้างอะไรบ้าง  ผู้ท้าชิงเหมือนวัยรุ่นสร้างตัวยังอยากรวยอยู่ แต่ยอดขายไม่ห่างกันมาก สวยๆก็ห่างไม่เกินเท่าตัว ยังพอตะกายได้
    ยกตัวอย่างเช่น

    บริษัทเจ้าตลาด


  

บริษัทผู้ท้าชิง




>>>พี่แจ้ชอบบริษัทผู้ท้าชิง หรือ ชอบหุ้น Growth นั่นเอง <<<<

4.มโนจากโครงการในอนาคต ภายใน 1-2 ปี  อันนี้ดูจากรายงานประจำปี การออก oppday
    จากหุ้นไฟฟ้าหลายตัวที่พี่แจ้ถือ ลองไปอ่านแผนของบริษัท มีไทม์ไลด์ระยะสั้น-ระยะยาวที่จับต้องได้
    และติดตามผลเขาทำได้จริงไม่ได้โม้ อันนี้พี่แจ้ทะยอยเก็บแม้ราคาจะผันผวน
    
>>>แต่บางบริษัทบอกจะทำไม่บอกเวลาเริ่ม แหล่งเงินกู้  มีแต่ MOU เอามาหลอกเม่า ทุนหมื่นล้าน ทำโปรเจค 5 หมื่นล้าน
            สุดท้ายเม่าฝันสลายโครงการพับ หุ้นร่วง  หรือจะทำรถยนต์ไฟฟ้าภายใน 2 ปี เฮียอีลอน มัส เทพๆ กว่าจะทำรถเทสล่าได้ ยังหอบเลย

>>> พี่แจ้ชอบบริษัทที่มีโครงการจริงไม่อิงนิยาย โครงการมีทั้งระยะสั้น-ยาว เปิดเผยชัดเจน
        ไม่อ้ำอึ้ง ไม่เกินจริง ไม่ขายฝัน ไม่ใหญ่เกินความสามารถของบริษัท<<<

5. มโนจากข้อสังเกตเล็กๆน้อย ที่ไม่ควรละเลย

>>เวปไซด์ของบริษัท ดูน่าสนใจ อ่านง่าย ให้ข้อมูลครบไหม แสดงถึงความใส่ใจ และชอบดูกิจกรรมของบริษัท
      ต่อพนักงาน  ผู้เกื่ยวข้อง และชุมชน มีความเคลื่อนไหวไหม และการสมัครงาน มีรับเข้าเพิ่มไหม มีตำแหน่งใหม่ไหม

>> ผู้สอบบัญชี พี่แจ้ชอบ สตง  รองลงมาก็ Big 4 แต่ก็นะบางบริษัทก็ใช้บิ๊กโฟร์ ก็ทำให้เม่าติด SP NP ได้ลองไปหาดูครับ

>> นโยบายปันผล พี่แจ้ชอบปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไร (พี่แจ้สะสมหุ้นหวังปันผลเดือนละ 50,000บาท เอาไว้เป็นเสบียงเดินทัพยามเกษียน)

>>กรรมการตรวจสอบ ต้องดูให้ดีว่ามีซื่อซ้ำกับ บริษัทเน่าๆหรือบริษัทมีปัญหาหรือเปล่า บริษัทดีๆเขาจะค่อนข้างคัดเลือก

>> % FF อันนี้พี่แจ้ก็จะดูเป็นหลัก ถ้าสวยๆก็ไม่เกิน 30%  เพราะบริษัทต้องมีผู้ถือหุ้นใหญ่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหาร
      ถ้ามากๆเกิน 80 % ไม่มีอำนาจบริหาร หรือต้องไปประสานงานหลายๆกลุ่ม บริษัทแนวนี้ไม่ทำงานหรอก แค่ผู้ถือหุ้นทะเลาะกันก็หมดเวลา

>>บริษัทที่งบการเงินแย่ แล้วส่งงบช้า  นั่นแสดงถึงการพยามคิด ตกแต่ง ผ่าตัด เสริมโน่นเสริมนี้ในงบดุล อันนี้หลีกเลี่ยง

>>บริษัทที่งบการเงินแย่ต่อเนื่อง แล้วทำกิจกรรม เพิ่มทุน ออกวอร์  เลื่อนจ่ายตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือ ตัดแต่งพันธุ์กรรมทางบัญชี
    เหมือนมาเรี่ยไรผู้ถือหุ้นเอาไปต่อลมหายใจบริษัท อันนี้เลี่ยง

   แบบฝึกหัดบทที่ 2 ลองใช้มโนที่ได้เรียนมาจากบทนี้

   ตอบคำถามว่าถ้าท่านเหล่านี้เป็นหุ้น จะเป็นหุ้นชนิดไหน  เช่น หุ้นปันผล หุ้นเติบโต....

ข้อ 1 หุ้นแบบ.............................




  ข้อ 2 หุ้นแบบ.............................


ข้อ 3 หุ้นแบบ.............................


ข้อ 4 หุ้นแบบ.............................


  ข้อ 5 หุ้นแบบ.............................    
    
    

  พบกับบทที่ 3 เร็วๆ นี้  เมื่อตลาดไซด์เวร

บทที่ 3 หลักการมโนโหงวเฮ้งผู้บริหาร

๑๑๑๑ ขอพลังมโนแจ่ม  สถิตอยู่กับท่าน ๑๑๑๑๑

แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่