สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันที่ 8 พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของผม MC แอ๊ด (WANG JIE หรือ ชื่อดั้งเดิม "พฤษภเสารี" สมาชิกเก่าห้อง รดน.ช่วงปี 2546-2550) จึงมาประจำการเป็นกรณีพิเศษครับ ^^

เมื่อเป็นวาระพิเศษเช่นนี้ ก็ขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับ "การจัดงานวันเกิด" และ "การฉลองวันเกิดสำหรับตัวเอง" มาฝากครับ



งานฉลองวันเกิดนั้น อาจจะกล่าวได้ว่ามีความเป็นมาเก่าแก่ยาวนานมาก ตั้งแต่ 3 พันปีมาแล้ว ดังปรากฏในพระคัมภีร์เก่าว่า ฟาโรห์อียิปต์ซึ่งโจเซฟได้รับใช้นั้นได้จัดงานฉลองวันเกิดของพระองค์

อย่างไรก็ตาม มีผู้แสดงความเห็นว่า น่าจะหมายถึงงานฉลองในวันขึ้นครองราชย์ฟาโรห์มากกว่า แต่ที่บันทึกเป็นวันเกิดเพราะถือกันว่า การขึ้นครองราชย์เป็นฟาโรห์ก็คือการเกิดใหม่ในฐานะเทพเจ้าองค์หนึ่งนั่นเอง

ต่อมาในสมัยกรีก ก็มีการฉลองวันเกิดให้กับเทพเจ้าองค์ต่าง ๆ ของกรีก ซึ่งนอกจากเป็นงานรื่นเริงแล้วก็ยังเชื่อมโยงกับโหราศาสตร์ โดยมีการทำนายโชคชะตาอนาคตด้วย

ส่วนงานฉลองวันเกิดของคนทั่วไปนั้น เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยโรมัน

ชาวโรมันจะนิยมจัดงานฉลองวันเกิดให้กับเพื่อนหรือคนในครอบครัว มีบันทึกว่า ในการฉลองวันเกิดครบ 50 ปี จะเลี้ยงกันด้วยเค้กที่ทำจากแป้งข้าวสาลี น้ำมันมะกอก น้ำผึ้ง และชีส อย่างไรก็ตาม ในยุคโรมัน ผู้หญิงจะไม่ได้รับอนุญาตให้จัดงานฉลองวันเกิดแต่อย่างใด (ในรูปเป็นการฉลองวันเกิดของกรุงโรม)

ในยุคกลาง ชาวคริสต์มีความเชื่อว่า คนเราเกิดมาพร้อมกับบาปติดตัว ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่นิยมจัดงานวันเกิดให้กับตัวเองหรือคนในครอบครัว มีเฉพาะการจัดงานคริสต์มาส ซึ่งถือเป็นวันประสูติของพระเยซูเท่านั้น

จนกระทั่งเมื่อสิ้นสุดยุคกลาง ประเพณีการฉลองวันเกิดจึงเริ่มกลับมาอีกครั้ง โดยเริ่มจากดินแดนที่จะเป็นประเทศเยอรมัน ซึ่งพ่อแม่จะทำเค้กวันเกิดให้กับลูกของตน ต่อมาจึงกลายเป็นความนิยมทั่วไป

ส่วนในเมืองจีนนั้น ก็มีการจัดงานฉลองวันเกิดกันมานานเช่นเดียวกัน โดยมักจะทำกันในปีครบรอบนักษัตร 12 ปี โดยถือเป็นการทำบุญเพื่อสืบอายุของตัวเอง อาหารที่จัดเลี้ยงจึงมักจะมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับความมีอายุยืน เช่น หมี่ซั่ว เป็นต้น

สำหรับในเมืองไทยนั้นมีบันทึกเกี่ยวกับการฉลองวันเกิดครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า รัชกาลที่ 4 ครั้งเมื่อยังทรงผนวชอยู่ ได้จัดงานทำบุญวันเกิดขึ้น

โดยมีพระราชดำริว่า การที่มีอายุล่วงผ่านมาได้ถึงวันเกิดอีกครั้งนั้นถือเป็นลาภอันประเสริฐ จึงสมควรทำบุญบำเพ็ญกุศลเพื่อประโยชน์ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ต่อเมื่อพระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ จึงโปรดฯ มีการจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาขึ้นเป็นครั้งแรก และในเวลาเดียวกันนั้นเป็นช่วงที่สยามเริ่มเปิดประเทศรับอารยธรรมจากต่างประเทศเข้ามา จึงทำให้ผู้คนเริ่มนิยมจัดงานทำบุญฉลองวันเกิดให้กับตัวเองกันบ้าง โดยเริ่มจากชนชั้นสูงก่อนที่จะแพร่หลายลงมาถึงคนทั่วไป

ต่อไป เป็น วิธีการ ฉลองวันเกิดคนเดียว

เชื่อว่าหลายคนคงจำความรู้สึกสมัยเด็กได้ ว่าคืนก่อนหน้าวันเกิดของตัวเองทีไรละตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ทั้งอยากรู้ว่างานวันเกิดจะเป็นยังไง ใครมาบ้าง จะได้ของขวัญอะไร และอื่นๆ ที่แค่คิดก็อยากลุกไปกระโดดโลดเต้น แต่พอโตเป็นผู้ใหญ่ วันเกิดก็แค่อีกวันที่ผ่านไป โดยเฉพาะถ้าต้องฉลองวันเกิดคนเดียวเปลี่ยวดาย แต่บอกเลยว่าฉลองวันเกิดคนเดียวก็เฟี้ยวได้ (ไม่ว่าจะเลือกเองหรือถูกใครเทก็ตาม) บทความจาก วิกิฮาว นี้จะแนะนำกิจกรรมสนุกๆ แบบทำคนเดียวได้ให้คุณเอง ไม่ว่าจะฉลองที่บ้านหรือหนีความวุ่นวายไปที่ไหนก็สนุกสนานสบายใจ

1. เตรียมฉลอง

คุณมีเวลาฉลองแค่ไหน ? ไม่มีใครอยากทำงานในวันเกิดตัวเอง (ถึงงานจะเด่นเพื่อนร่วมงานจะดี๊ดีก็เถอะ) แต่พอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความรับผิดชอบก็คงต้องมาก่อน เพราะงั้นถึงวันเกิดแล้วก็ยังต้องฝืนตื่นแล้วตั้งหน้าตั้งตาไปทำงาน เวลาวางแผนจัดงานวันเกิดให้ตัวเอง เลยแนะนำให้กางสมุดนัดดูตารางชีวิตตัวเอง แล้วไล่เรียงออกมาเลยว่าคุณมีเวลาฉลองแค่ไหน จะได้เตรียมการถูก สุดท้ายคุณก็อาจยังต้องใช้วันเกิดแทบทั้งวันในที่ทำงาน แต่อย่างน้อยถ้าเช็คตารางตัวเองแล้วจะได้รู้ว่าแวบออกไปฉลองเล็กๆ ช่วงไหนได้บ้าง เช่น แวะกินเค้กร้านที่อยากลองมานาน หรือนั่งแช่กินอาหารเช้าจัดเต็มแบบชิลๆ ได้ ิแต่ถ้าคุณเป็นประเภทให้ตื่นเช้าแล้วฆ่ากันดีกว่า โดยเฉพาะเช้าวันเกิด แบบนี้ต้องเช็คว่าพักเที่ยงลากยาวขึ้น หรือขอออกจากออฟฟิศเร็วขึ้นได้ไหม แต่ถ้ามีวันหยุดเหลือ ลาพักร้อนได้ ก็เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ซะเลย

2. หนีความวุ่นวายไปฉลองวันเกิด

ถ้ามีโอกาสก็ลองออกต่างจังหวัดหรือไปเมืองนอกฉลองวันเกิดคนเดียวแบบเฟี้ยวๆ ซะเลย เท่ากับได้ทำอะไรตามใจตัวเอง อยากกินอะไรก็กิน อยากทำอะไรก็ทำ สำหรับบางคนอาจเป็นเวลาที่หาได้ยากน่าดู เที่ยวคนเดียวดีตรงที่ไม่ต้องรอว่างตรงกัน ไม่ต้องตามใจใคร ถ้าปกติคุณถูกเพื่อนลากไปถ่ายรูปรัวๆ ทั้งที่อยากนอนแผ่โชว์พุงที่ชายหาดละก็ นี่แหละวันของคุณแล้ว ถ้าเป็นไปได้ควรซื้อตั๋วหรือจองโรงแรมก่อนวันจริงสัก 2 - 3 อาทิตย์ ราคาจะได้สบายกระเป๋า รวมถึงหาซื้อของใช้ที่จำเป็นแต่เนิ่นๆ ตอนแพ็คกระเป๋าจะได้ไม่หน้าตาตื่น เวลาได้กลับไปใช้เวลาดีๆ ในที่เดิมๆ มักประทับใจเสมอ แต่อย่าปิดโอกาสตัวเอง ลองทำอะไรใหม่ๆ หรือไปที่ใหม่ๆ บ้าง จะได้เปิดหูเปิดตา

3. หลายที่มีโปรวันเกิด

อย่าเพิ่งเบ้ปากว่าที่เคยเจอมามีแต่คูปองลด 50 - 100 บาท ของแบบนี้ตาดีได้ตาร้ายเสีย ต้องออกตามล่าหาโปรเด็ดๆ โดนๆ ในเน็ตดู นอกจากลดราคาแล้วบางที่ก็มีแจกแถมหรือมาเป็นแพ็คเกจเลย แต่ก่อนอาจจะต้องเลียบๆ เคียงๆ บอกเด็กเสิร์ฟว่า "คือแบบ...วันนี้วันเกิดอะค่ะ" แล้วหวังว่าเขาจะแถมเค้กจิ๋วหรือเครื่องดื่มฟรี (อาจมีเช็คบัตรประชาชน) แต่เดี๋ยวนี้เขามีให้เข้าเว็บลงทะเบียนเลยจ้า อย่าลืมแจ้งพนักงานล่วงหน้าด้วยล่ะว่าจะใช้โปร  หลายวันหรือดีกว่านั้นคือหลายอาทิตย์ก่อนถึงวันจริง อย่าลืมเข้าเว็บหรือเพจ Facebook ของร้านอาหารและช็อปต่างๆ ที่คุณอยากตามล่าหาโปรวันเกิด จะได้ลงทะเบียนทัน (ถ้ามี) ทีนี้ก็ดาวน์โหลดโค้ด, e-coupon หรือทำตามขั้นตอนได้เลย  สุดท้ายแล้วก็ลองถามพนักงานในร้านไปตรงๆ สวยๆ เลย ว่าพอดีวันนี้วันเกิด มีโปรอะไรบอกเจ้รีบสารภาพมาให้หมด!  ร้านกาแฟและร้านอาหารส่วนใหญ่มีโปรวันเกิดและเดือนเกิดอยู่แล้วล่ะ แต่อย่าลืมตามเพจของบริการอื่นๆ ที่เป็นขาประจำไว้ จะได้ไม่พลาดเวลามีโปร เช่น ร้านทำผม ทำเล็บ หรือสปา

4. อยากได้อะไรเป็นของขวัญ ?

ถึงจะฉลองวันเกิดคนเดียว ของขวัญมันก็ต้องมี! อย่าไปคิดว่าเป็นวันเกิด คิดซะว่าเป็นวันให้ได้ปลดปล่อย เอาอกเอาใจตัวเอง เพราะงั้นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายก่อนวันนี้จะสมบูรณ์ ก็คือของขวัญหรืออะไรที่คุณอยากได้นั่นเอง หลายคนเลิฟนักเวลาถูกเซอร์ไพรซ์ด้วยของขวัญของฝาก แต่ถ้าเกิดได้ของไม่ถูกใจขึ้นมาล่ะ วันเกิดแท้ๆ ยังต้องมาปั้นหน้าว่าดีใจซะอย่างนั้น (นึกถึงเพื่อนที่ให้คุกกี้กล่องแดงมันทุกโอกาสเข้าไว้) เพราะงั้นข้อดีแบบเห็นๆ ของการซื้อหาของขวัญให้ตัวเอง ก็คือสนุกทั้งตอนเลือกและตอนได้ของถูกใจเลย อาจจะเก็บไว้ซื้อวันจริงเลยก็ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณเอ็นจอยกับการได้เดินช้อปปิ้งเป็นพิเศษ จนอยากรวมไว้ในกิจกรรมฉลองวันเกิดของคุณ แต่ถ้าไม่มีเวลาไปช้อปปิ้งในวันจริง หรือไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าไปกับการนั่งในรถติดยาวเป็นวากว่าจะถึงห้าง ก็ต้องซื้อไว้ล่วงหน้า พอวันเกิดก็พร้อมฉลองพอดี  ถ้าไปซื้อของที่ร้าน ลองถามพนักงานดูว่ามีบริการห่อของขวัญไหม อาจจะฟังดูมึนๆ หน่อย (เพราะรู้ๆ อยู่ว่าในห่อคืออะไร ก็ซื้อเองกับมือนี่นะ) แต่มันได้ฟีลกว่าเยอะเวลาค่อยๆ บรรจงแกะกล่องจนเจอของขวัญข้างใน  อีกทีคือซื้อของขวัญออนไลน์ แล้วเลือกให้จัดส่งมาถึงวันพิเศษของคุณพอดี (หรือก่อนหน้าก็ตามสะดวก)  พยายามซื้อของขวัญอย่าเกินงบ แต่ก็อย่างกหรือคิดเยอะจนทำลายความรู้สึกดีๆ ในวันพิเศษไป เลือกอะไรที่อยากได้จริงๆ ได้แล้วมีความสุขสนุกสนาน ถึงจะเป็นของที่ใช้จริงไม่ค่อยได้ก็ไม่เห็นต้องแคร์ ลองนึกดูว่ามีอะไรที่อยากได้มาตลอดแต่ไม่กล้าซื้อเอง แล้วแอบหวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะมีใครบังเอิญซื้อมาให้ นี่แหละโอกาสพิเศษที่ได้ตามใจตัวเองแบบไม่แคร์สื่อแล้ว!

5. จัดเตรียมทุกอย่างให้เสร็จในคืนก่อนหน้า

ลองจินตนาการดูว่าตัวเองเป็นดาราที่ต้องให้สัมภาษณ์กับสื่อ หรือไฮโซที่กำลังจะจัดงานช้าง แน่นอนว่าต้องจัดบ้าน หาซื้อของ เลือกชุด และอื่นๆ ก่อนวันจริง วันเกิดคุณก็ต้องเว่อร์วังอลังการไม่แพ้กัน ก็อีเวนต์สุดชิลแบบ "ตามใจฉัน" ไงล่ะ  จัดบ้านก่อนวันเกิด 1 - 2 วัน ไม่ว่าใครก็คงชิลไม่ออกถ้าบ้านรกเป็นรังหนู โดยเฉพาะคนที่อยาก "ฉลองวันเกิดคนเดียวก็เฟี้ยวได้" ที่บ้านตัวเอง  ตกแต่งบ้านให้เหมือนงานวันเกิด จะจัดเต็มสายรุ้งกับลูกโป่ง หรือแค่จุดเทียน จัดดอกไม้ใส่แจกันให้สดชื่นก็ตามสะดวก (แต่คิดดู จะมีโอกาสแต่งบ้านแบบจัดเต็มบ่อยแค่ไหนกัน)  เตรียมชุดที่จะใส่ในวันเกิดตั้งแต่คืนก่อนหน้า ชุดไหนก็ได้ที่ใส่สบายแต่ก็ใส่แล้วปัง ความมั่นใจมาเต็ม  ถ้าจะกินข้าวเช้าที่บ้าน และ/หรือเอาข้าวกลางวันไปกินที่ทำงานด้วย ก็ต้องทำเตรียมไว้ตั้งแต่คืนก่อนหน้า จะได้ไม่ต้องรีบจนขาขวิดในวันรุ่งขึ้น

6. ถึงวันจริง อาหารเช้าสุดพิเศษ

วันเกิดทั้งที จะกินโจ๊กหรือหมูปิ้งแบบเดิมๆ ได้ยังไง อยากกินอะไรก็จัดไป ตามใจตัวเองหน่อย ถึงวันนั้นจะยังต้องไปทำงาน ก็ขอให้หาเวลามาทำเมนูพิเศษ เช่น เฟรนช์โทสต์หรือขนมปังชุบไข่แบบฝรั่งเศส ถ้าเตรียมวัตถุดิบไว้ตั้งแต่กลางคืน พอเช้ามาเมนูโปรดก็เสร็จง่ายเหมือนดีดนิ้ว  หรือถ้าปกติเช้าๆ กินแค่กาแฟกับขนมปังปิ้ง ก็ให้เพิ่มสีสันและรสชาติชีวิต โดยชงกาแฟดีๆ ดื่มแบบละเมียดละไม

7. ดื่มด่ำกับบรรยากาศของวันเกิด

พยายามทำอะไรแปลกใหม่ ให้แตกต่างจากวันเดิมๆ เท่าที่จะทำได้ หนึ่งในนั้นคือเดินทอดน่องชมวิวทิวทัศน์และธรรมชาติแสนสวยงาม การออกกำลังกายกับอากาศบริสุทธิ์นี่แหละที่ทำให้ร่างกายสดชื่นฟื้นคืนพลัง แถมเป็นโอกาสให้ได้ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา   ไปเดินเล่นในละแวกบ้านหรือในเมืองซะเลย หรือถ้าเวลาอำนวยก็ออกต่างจังหวัดไปเดินป่าขึ้นเขาอะไรก็ตามใจ รับรองสวยเพลินตาเพลินใจ ยิ่งถ้าเป็นที่ใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปยิ่งสนุก  หรือจะไปขี่จักรยาน ไม่ต้องจริงจัง แค่ขี่เล่นแถวๆ บ้านหรือในสถานที่ท่องเที่ยวที่เอื้ออำนวยก็ได้เปลี่ยนบรรยากาศแล้ว ถ้าไม่มีจักรยานแถมเป็นคนเมือง ก็ลองไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือตามสวนสาธารณะใหญ่ๆ เขาจะมีจักรยานให้เช่ากี่นาทีกี่ชั่วโมงก็ว่าไป เป็นวิธีเที่ยวชมเมืองที่สนุกไปอีกแบบ

(มีต่อครับ)