สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาแชร์ความรู้สึกของการต้องหาสมัครงานครั้งแรกแบบจริงจังค่ะ
เพื่อนสามารถให้คำแนะนำ หรือให้กำลังใจกันได้เลยนะคะ ^^
-ดิฉันเป็นสาวอ้วนวัย 29 ปี สูง 152 น้ำหนัก 78
-เรียนจบด้วยวุฒิ ปวส. อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
-มีงานประจำที่คิดว่ามั่นคงทำมาแล้ว 9 ปี ตั้งแต่อายุ 21 ปี
*คือหลังจากเรียนจบก็ได้ทำงานเลย แต่งานไม่ได้ตรงสายงานที่เรียนมา เข้ามาทำในตำแหน่ง Sale&Service เป็น รร.สอนเต้นแห่งหนึ่ง
ด้วยความที่เราพูดเก่ง เข้ากับคนง่าย ก็เลยไม่มีปัญหาในการทำงานสักเท่าไหร่
เพราะตอนเรียนท่องเที่ยวเราก็ฝึกพูดการเป็นไกด์อยู่แล้ว
งานเหมือนจะไม่มีอะไรยุ่งยาก ก็ยากตรงที่ต้องขายให้ได้ตามเป้านี่แระค่ะ 555
วางแผนขาย/ขาย/ปิดจบ/ตามขายต่อ/ดูแลลูกค้า/จัดคิดครูสอน/จัดตารางสอน/ทำpr ชีวิตวนเวียนอยู่ในลูปนี้แระค่ะ
เงินเดือนเริ่ม 10,000/12,000/13,000/15,000/17,000/18,000/20,000 นี่คือการขึ้นเงินเดือนในระยะเวลาม 9 ปี
(โบนัสได้บ้างไม่ได้บ้าง)
งานเหมือนดูไม่มีอะไร แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ดูสวยเหมือนหน้าฉากเสมอไป พูดได้ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นการทำงานของดิฉัน
ทุกคนจะพูดว่า พี่ทำงานเหมือนได้เงิน 3-4 หมื่นเนอะ และทุกคนตกใจที่รู้ว่าดิฉันทำงานได้เงินเดือนเท่านี้กับงานที่รับผิดชอบอยู่
บางทีก็มีแอบคิดน้อยใจเวลาเหนื่อยเหมือนกันนะคะ กว่าดิฉันจะไต่เต้ามาถึง 20,000 ได้ กับเวลา 9 ปี
กับบางทีเด็กใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาด้วยวุฒิปริญญาตรี ก็ได้ 15,000 บาทเลย แต่ฉันก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจ
จนเมื่อเมษาปีที่แล้ว ดิฉันได้รับตำแหน่งเพิ่มขึ้น เพราะน้องที่ทำอยู๋ลาออก แต่เงินเดือนได้เท่าเดิม
เพราะเค้าจะลดงานทางส่วนเดิมที่ฉันทำอยู่ลดลง ดิฉันไม่มีปัญหา
จนถึงสิงหาปีที่แล้ว ดิฉันได้รับหน้าที่เพิ่มขึ้น เพราะพี่ที่ทำอยู่ลาออก แต่เงินเดือนเได้เท่าเดิม ดิฉันไม่มีปัญหา
และกันยาปีที่แล้ว ดิฉันก็ได้หน้าที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหน้าที่ เพราะน้องที่ทำอยู่หมดสัญญา แต่อันนี้ได้เงินเดือนเพิ่มอีก 5,000 บาท
เท่ากับว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดิฉันได้เงินเดือน 25,000 บาท กับงานที่รับผิดชอบอยู่ทั้งหมด
ดิฉันเป็นคนไม่ได้เก่งอะไรค่ะ แต่ด้วยความที่อยู่ที่นี่มานาน และรู้ว่าตรงไหนทำงานยังงัย เลยสามารถไปช้อนงานต่อได้
ความมีน้ำใจและจงรักภักดี นี่คือสิ่งที่ฉันได้รับการกล่าวชมจากหัวหน้า เราอยู่กับแบบเป็นครอบครัวมาก
เรื่องงานเราว่ากล่าวกันรุนแรง จนเสียความรู้สึก ท้อแท้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่พอได้พัก สุดท้ายก็มาตั้งหน้าตั้งตาทำต่อ
เคยคิดและพูดลาออก 3 ครั้ง เพราะรู้สึกพ่ายแพ้ต่อความผิดพลาดของตัวเอง แต่ด้วยความผูกพันทำให้ตัดกันไม่ขาด
และคิดว่าก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ
จนวันที่พีคที่สุดก็เกิดขึ้น เมื่อไม่นานนี้ ดิฉันทำงานผิดพลาดไม่ได้ดั่งใจหัวหน้า 2 เรื่อง
- เรื่องแรก ดิฉันต้องไปโกหกมดเท็จบางสิ่งอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งอย่างที่หัวหน้าต้องการ
- เรื่องสอง ดิฉันต้องทำร้ายความรู้สึกของ 1 ครอบครัว เพื่อให้ได้มาของความต้องการหัวหน้า
ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันจงใจไม่ทำ
คำติดปากของหัวหน้าฉันที่ไว้พูดเสมอเวลางานผิดพลาด คือดิฉันจะรับผิดชอบยังงัย ความเสียหายที่เกิดขึ้นมูลค่าเท่าไหร่
สามารถชดใช้ได้หรือป่าว
ซึ่งบางครั้งงานที่ผิดพลาด ดิฉันยอมรับว่าแก้ปัญหาด้วยเงินเลยค่ะ หัวหน้าต้องการให้ชดใช้เท่าไหร่ว่ามาเลยค่ะ
แล้วดิฉันก็ให้หักเงินเดือนไปเลย แต่เคสแบบนี้ก็มีไม่บ่อยค่ะ
ทุกคนที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานที่นี่และออกไป ถามหนึ่งคำถามกับดิฉันก่อนออกไปทุกคนว่า
"ดิฉัน ทนอยู่ที่นี่ได้ยังงัย"
แต่เรื่องสองเรื่องที่เกิดขึ้นด้านบน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันก้าวเท้าออกมาจากที่ที่ฉันรักมากหรอกนะคะ
แต่มันแค่มีความคิดพูดขึ้นมาว่า "ไปเถอะ" คืนนั้นฉันใช้เวลาทั้งคืนท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม
ที่จัดงานอยู่ด้านหน้าสำนักงาน เคลียร์งานที่ค้างอยู่วางไว้ให้ แล้วพอถึงตอนเช้าก็นั่งรถกลับบ้าน
ต้องบอกว่าที่บ้านดิฉัน กับที่ทำงาน อยู่ไกลกันมากค่ะ ถ้าเดินทางด้วยรถสาธารณะก็กว่าจะถึงก็ได้หลายตื่น
แรกๆฉันเลยเดินทางด้วย มอไซต่อบีทีเอสแล้วก็ต่อมอไซ ค่ารถอย่าได้พูดถึง แพงกว่าค่ากินในแต่ละวัน
ฉันเลยโกงการเดินทางโดย อาศัยอยู่ทีทำงานนอนบนโซฟาบ้างในบางวัน เพราะมีที่อาบน้ำเรียบร้อย
งานเข้า 10 โมงเช้า ดูว่าเข้าสายได้ใช่มั้ยคะ แต่เวลาเลิกไม่แน่นอนนะคะ 555
เพราะดิฉันมีหน้าที่ดูแลพื้นที่เปิดปิดด้วย เค้าเลิกกันดึกแค่ไหน ก็ต้องอยู่ตามนั้นแระค่ะ บางวันถึงได้นอนไงคะ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้วค่ะ ที่ดิฉันก้าวออกมา ไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่ตามหลังจากที่ออกค่ะ
จะมีการฟ้องร้องอะไรก็แล้วแต่ใจ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ดิฉันต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่สักทีแระ
เพราะรายจ่ายก็มีมารออยู่ทุกเดือน ยังต้องเป็นลูกสาวที่ดีในการดูแลแม่
ตอนนี้ก็เลยว่าจะหางานที่ค่อนข้างใกล้บ้าน เพราะเอาตรงๆเหนื่อยกับการเดินทางมามากค่ะ
ที่คิดอยู่เงินเดือน 12,000-15,000 ก็คงอยู่แระ ขอเวลาทำงานเป็นเวลา มีวันหยุดที่แน่นอน
ได้หยุดตามวันสำคัญกับเค้าบ้าง วันนี้ก็เพิ่งไปถ่ายรูปเพื่อใช้สมัครงานมาค่ะ
บอกตรงๆ ว่าตื่นเต้น ไม่เคยต้องทำม เรซูเม่ ในการสมัครงานเลย นี่ก็นั่งหาข้อมูลทั้งคืน
ว่าควรทำแบบไหน เวลาไปสัมภาษณ์งานควรทำอย่างไร แต่งตัวแบบไหน
เพราะที่ทำงานเก่า อิสระเรื่องแบบนี้มาก เพราะอยู่กับแฟชั่น ความทันสมัย
เอาจริงๆ ตอนนี้เหมือนมาเปิดโลกใหม่เลยค่ะ ก็รู้สึกว่าช้าไปนะ จะ 30 แระ เพิ่งมาหางานใหม่ทำ
แต่ดิฉันก็เชื่อในศักยภาพตัวเอง ว่าถึงวุฒิจะแค่ปวส. แต่ประสบการณ์การทำงานฉันปริญญาแน่นอน
ยังไง ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ ท่านไหนต้องการให้กำลังใจเม้นกันมาได้เลยนะคะ
หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานอะไรอยากแชร์ ก็เข้ามาพูดคุยไว้กันได้นะคะ
หรือใครมีตำแหน่งงานที่หน้าสนใจแนะนำ ก็แนะนำไว้ได้เลยนะคะ
ตื่นเต้นค่ะ ต้องหาสม้ครงานครั้งแรกแบบจริงจัง หลังจากทำงานมาแล้ว 9 ปี
เพื่อนสามารถให้คำแนะนำ หรือให้กำลังใจกันได้เลยนะคะ ^^
-ดิฉันเป็นสาวอ้วนวัย 29 ปี สูง 152 น้ำหนัก 78
-เรียนจบด้วยวุฒิ ปวส. อุตสาหกรรมท่องเที่ยว
-มีงานประจำที่คิดว่ามั่นคงทำมาแล้ว 9 ปี ตั้งแต่อายุ 21 ปี
*คือหลังจากเรียนจบก็ได้ทำงานเลย แต่งานไม่ได้ตรงสายงานที่เรียนมา เข้ามาทำในตำแหน่ง Sale&Service เป็น รร.สอนเต้นแห่งหนึ่ง
ด้วยความที่เราพูดเก่ง เข้ากับคนง่าย ก็เลยไม่มีปัญหาในการทำงานสักเท่าไหร่
เพราะตอนเรียนท่องเที่ยวเราก็ฝึกพูดการเป็นไกด์อยู่แล้ว
งานเหมือนจะไม่มีอะไรยุ่งยาก ก็ยากตรงที่ต้องขายให้ได้ตามเป้านี่แระค่ะ 555
วางแผนขาย/ขาย/ปิดจบ/ตามขายต่อ/ดูแลลูกค้า/จัดคิดครูสอน/จัดตารางสอน/ทำpr ชีวิตวนเวียนอยู่ในลูปนี้แระค่ะ
เงินเดือนเริ่ม 10,000/12,000/13,000/15,000/17,000/18,000/20,000 นี่คือการขึ้นเงินเดือนในระยะเวลาม 9 ปี
(โบนัสได้บ้างไม่ได้บ้าง)
งานเหมือนดูไม่มีอะไร แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ดูสวยเหมือนหน้าฉากเสมอไป พูดได้ว่าใครก็ตามที่ได้เห็นการทำงานของดิฉัน
ทุกคนจะพูดว่า พี่ทำงานเหมือนได้เงิน 3-4 หมื่นเนอะ และทุกคนตกใจที่รู้ว่าดิฉันทำงานได้เงินเดือนเท่านี้กับงานที่รับผิดชอบอยู่
บางทีก็มีแอบคิดน้อยใจเวลาเหนื่อยเหมือนกันนะคะ กว่าดิฉันจะไต่เต้ามาถึง 20,000 ได้ กับเวลา 9 ปี
กับบางทีเด็กใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาด้วยวุฒิปริญญาตรี ก็ได้ 15,000 บาทเลย แต่ฉันก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจ
จนเมื่อเมษาปีที่แล้ว ดิฉันได้รับตำแหน่งเพิ่มขึ้น เพราะน้องที่ทำอยู๋ลาออก แต่เงินเดือนได้เท่าเดิม
เพราะเค้าจะลดงานทางส่วนเดิมที่ฉันทำอยู่ลดลง ดิฉันไม่มีปัญหา
จนถึงสิงหาปีที่แล้ว ดิฉันได้รับหน้าที่เพิ่มขึ้น เพราะพี่ที่ทำอยู่ลาออก แต่เงินเดือนเได้เท่าเดิม ดิฉันไม่มีปัญหา
และกันยาปีที่แล้ว ดิฉันก็ได้หน้าที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหน้าที่ เพราะน้องที่ทำอยู่หมดสัญญา แต่อันนี้ได้เงินเดือนเพิ่มอีก 5,000 บาท
เท่ากับว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ดิฉันได้เงินเดือน 25,000 บาท กับงานที่รับผิดชอบอยู่ทั้งหมด
ดิฉันเป็นคนไม่ได้เก่งอะไรค่ะ แต่ด้วยความที่อยู่ที่นี่มานาน และรู้ว่าตรงไหนทำงานยังงัย เลยสามารถไปช้อนงานต่อได้
ความมีน้ำใจและจงรักภักดี นี่คือสิ่งที่ฉันได้รับการกล่าวชมจากหัวหน้า เราอยู่กับแบบเป็นครอบครัวมาก
เรื่องงานเราว่ากล่าวกันรุนแรง จนเสียความรู้สึก ท้อแท้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่พอได้พัก สุดท้ายก็มาตั้งหน้าตั้งตาทำต่อ
เคยคิดและพูดลาออก 3 ครั้ง เพราะรู้สึกพ่ายแพ้ต่อความผิดพลาดของตัวเอง แต่ด้วยความผูกพันทำให้ตัดกันไม่ขาด
และคิดว่าก็คงทำต่อไปเรื่อยๆ
จนวันที่พีคที่สุดก็เกิดขึ้น เมื่อไม่นานนี้ ดิฉันทำงานผิดพลาดไม่ได้ดั่งใจหัวหน้า 2 เรื่อง
- เรื่องแรก ดิฉันต้องไปโกหกมดเท็จบางสิ่งอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งอย่างที่หัวหน้าต้องการ
- เรื่องสอง ดิฉันต้องทำร้ายความรู้สึกของ 1 ครอบครัว เพื่อให้ได้มาของความต้องการหัวหน้า
ซึ่งเรื่องนี้ดิฉันจงใจไม่ทำ
คำติดปากของหัวหน้าฉันที่ไว้พูดเสมอเวลางานผิดพลาด คือดิฉันจะรับผิดชอบยังงัย ความเสียหายที่เกิดขึ้นมูลค่าเท่าไหร่
สามารถชดใช้ได้หรือป่าว
ซึ่งบางครั้งงานที่ผิดพลาด ดิฉันยอมรับว่าแก้ปัญหาด้วยเงินเลยค่ะ หัวหน้าต้องการให้ชดใช้เท่าไหร่ว่ามาเลยค่ะ
แล้วดิฉันก็ให้หักเงินเดือนไปเลย แต่เคสแบบนี้ก็มีไม่บ่อยค่ะ
ทุกคนที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานที่นี่และออกไป ถามหนึ่งคำถามกับดิฉันก่อนออกไปทุกคนว่า
"ดิฉัน ทนอยู่ที่นี่ได้ยังงัย"
แต่เรื่องสองเรื่องที่เกิดขึ้นด้านบน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ฉันก้าวเท้าออกมาจากที่ที่ฉันรักมากหรอกนะคะ
แต่มันแค่มีความคิดพูดขึ้นมาว่า "ไปเถอะ" คืนนั้นฉันใช้เวลาทั้งคืนท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม
ที่จัดงานอยู่ด้านหน้าสำนักงาน เคลียร์งานที่ค้างอยู่วางไว้ให้ แล้วพอถึงตอนเช้าก็นั่งรถกลับบ้าน
ต้องบอกว่าที่บ้านดิฉัน กับที่ทำงาน อยู่ไกลกันมากค่ะ ถ้าเดินทางด้วยรถสาธารณะก็กว่าจะถึงก็ได้หลายตื่น
แรกๆฉันเลยเดินทางด้วย มอไซต่อบีทีเอสแล้วก็ต่อมอไซ ค่ารถอย่าได้พูดถึง แพงกว่าค่ากินในแต่ละวัน
ฉันเลยโกงการเดินทางโดย อาศัยอยู่ทีทำงานนอนบนโซฟาบ้างในบางวัน เพราะมีที่อาบน้ำเรียบร้อย
งานเข้า 10 โมงเช้า ดูว่าเข้าสายได้ใช่มั้ยคะ แต่เวลาเลิกไม่แน่นอนนะคะ 555
เพราะดิฉันมีหน้าที่ดูแลพื้นที่เปิดปิดด้วย เค้าเลิกกันดึกแค่ไหน ก็ต้องอยู่ตามนั้นแระค่ะ บางวันถึงได้นอนไงคะ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้วค่ะ ที่ดิฉันก้าวออกมา ไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่ตามหลังจากที่ออกค่ะ
จะมีการฟ้องร้องอะไรก็แล้วแต่ใจ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ดิฉันต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่สักทีแระ
เพราะรายจ่ายก็มีมารออยู่ทุกเดือน ยังต้องเป็นลูกสาวที่ดีในการดูแลแม่
ตอนนี้ก็เลยว่าจะหางานที่ค่อนข้างใกล้บ้าน เพราะเอาตรงๆเหนื่อยกับการเดินทางมามากค่ะ
ที่คิดอยู่เงินเดือน 12,000-15,000 ก็คงอยู่แระ ขอเวลาทำงานเป็นเวลา มีวันหยุดที่แน่นอน
ได้หยุดตามวันสำคัญกับเค้าบ้าง วันนี้ก็เพิ่งไปถ่ายรูปเพื่อใช้สมัครงานมาค่ะ
บอกตรงๆ ว่าตื่นเต้น ไม่เคยต้องทำม เรซูเม่ ในการสมัครงานเลย นี่ก็นั่งหาข้อมูลทั้งคืน
ว่าควรทำแบบไหน เวลาไปสัมภาษณ์งานควรทำอย่างไร แต่งตัวแบบไหน
เพราะที่ทำงานเก่า อิสระเรื่องแบบนี้มาก เพราะอยู่กับแฟชั่น ความทันสมัย
เอาจริงๆ ตอนนี้เหมือนมาเปิดโลกใหม่เลยค่ะ ก็รู้สึกว่าช้าไปนะ จะ 30 แระ เพิ่งมาหางานใหม่ทำ
แต่ดิฉันก็เชื่อในศักยภาพตัวเอง ว่าถึงวุฒิจะแค่ปวส. แต่ประสบการณ์การทำงานฉันปริญญาแน่นอน
ยังไง ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจนจบนะคะ ท่านไหนต้องการให้กำลังใจเม้นกันมาได้เลยนะคะ
หรือมีประสบการณ์เกี่ยวกับงานอะไรอยากแชร์ ก็เข้ามาพูดคุยไว้กันได้นะคะ
หรือใครมีตำแหน่งงานที่หน้าสนใจแนะนำ ก็แนะนำไว้ได้เลยนะคะ