สวัสดีครับ ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง ก่อนอื่น ผมอยากบอกทุกคนว่า "ผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำครับ"
ปล.หลายเรื่องอาจจะฟังดูไร้สาระ แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันคืออาการของโรคนี้ครับ ที่รู้ตัวว่าบางเรื่องที่ตัวเองคิดนั้นไม่สมเหตุสมผล แต่หยุดไม่ได้
...............................
ผมจำได้ว่า ผมมีอาการวิตกกังวล ชอบคิดว่าอะไรที่ทำไปแล้ว แต่คิดว่าไม่ได้ทำ จนต้องกลับไปทำซ้ำไม่ต่ำกว่า 3 รอบ เริ่มตอนผมอยู่ม.3 แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเพราะไม่รู้ว่ามีโรคนี้อยู่บนโลก และยังคิดว่าอาการนี้เป็นผลดีกับผม เนื่องจากว่าผมขี้ลืมมากๆ พอตอนใกล้จบม.ปลาย จนขึ้นมหาลัย (ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 1) ผมก็รู้ว่ามีโรคย้ำคิดย้ำทำอยู่บนโลกนี้ด้วย แต่ก็อย่างที่ผมบอกไป ว่าคิดว่าอาการนี้เป็นผลดีกับตัวผม ก็เลยไม่รักษาสักที
ทีนี้อาการมันมาพีคตอนประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ช่วงนั้นข่าวพิษสุนัขบ้ากำลังระบาดกำลังบูม ผมไปเล่นกับแมวแถวมหาลัยแล้วไปจับหน้ามัน แต่ผมไปหลอนว่ามันเลียแผลที่มือผมด้วย (ทั้งที่จริงๆมันไม่ได้เลีย) แต่ผมก็ไปคิดย้ำจนวิตกมาก ก็เลยไปฉีดวัคซีน แต่ความวิตกมันไม่ได้หยุดแค่นี้ คือตอนนั้นผมคิดเลยเถิดไปไกลว่าเชื้อจะติดมาถึงคนในบ้าน ก็เลยไปลองคุยกับพ่อแม่ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้สนใจและคิดว่าไร้สาระ (ตรงนี้ผมพอเข้าใจ ว่ามันเป็นความคิดของคนต่างสมัยกัน และพ่อแม่ผมท่านเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย ตรงข้ามกับผมที่หาเรื่องมาวิตกได้ตลอดเวลา) จะไปปรึกษาพี่ พี่ก็มีความคิดค่อนข้างแนวเดียวกับแม่ ก็เลยไม่ปรึกษาดีกว่า จนผมไปลองถามป้าเจ้าของแมวที่ผมไปเล่นด้วย (ตอนนั้นคือ โดนด่ากลับมากรูก็ไม่สนละ ขอแค่ได้ถาม) ว่าแมวป้าฉีดวัคซีนมั้ย ป้าเค้าก็บอกว่าฉีดแล้ว ทำหมันแล้ว ความวิตกผมค่อยๆน้อยไปเรื่อยๆจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม (แต่ก็ยังไปฉีดวัคซีนต่อจนครบ) "แต่"ความวิตกมันไม่ได้หมดแค่นั้น
ประมาณอีก 2 อาทิตย์ต่อมา ผมไปดูหอใหม่ (จะย้ายหอตอนขี้นปี 2) ทีนี้ในซอยนั้นมีหมาเยอะมาก ผมก็ตัดสินใจไม่เปลี่ยนแล้ว อยู่หอเดิม ทีนี้ความวิตกมันกลับมา หมาที่ผมไปเห็นในซอยนั้น ทำให้ผมนึกถึงเมื่อตอนอยู่ม.6 ว่าเคยมีหมามาดมตอนผมกินข้าว คราวนี้ผม"หลอน"ไปไกลมากว่า หมาตัวนั้นน้ำลายยืดใส่ข้าวและเป็นหมาบ้า กลายเป็นว่ากลับมาวิตกกว่าเดิมหลายเท่าตัว ทุกเช้าตอนตื่น ผมต้องทุรนทุรายจากการเจ็บหัวเหมือนมีเข็มมาทิ่มทั่วหัว แล้วพอลืมตาขึ้นมาก็ลุกจากเตียงยากมาก แล้วตอนนั้นผมทรมานที่ต้องมาคิดซ้ำเรื่องเดิมๆทั้งที่มันควรจะจบตั้งแต่ไปฉีดวัคซีนแล้ว แต่ว่าหยุดความคิดนั้นไม่ได้ซะที ผมต้องทรมานจากการคิดซ้ำเรื่องไร้สาระ ทีนี้ผมก็ไม่รู้จะไประบายหรือคุยกับใคร เพราะคิดว่าคุยกับครอบครัวแล้วคงได้คำตอบเดิมมา และแถวหอพักหรือว่ามหาลัยของผมก็ไม่มีคลีนิกจิตแพทย์เลย แล้วตอนนั้นผมทรมานมากแล้ว ผมเลยตัดสินใจที่จะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โดดระเบียงหอ คือแว้บแรกที่ตัดสินใจจะทำอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะว่าน้อยใจครอบครัวหรือเรียกร้องความสนใจจากใคร แต่ว่ามันทรมานแล้วไประบายให้ใครฟังไม่ได้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องที่ตัวเองวิตกอยู่มันไม่มีอะไรแล้ว เราฉีดยาแล้ว แต่ก็ห้ามให้ตัวเองคิดไม่ได้ แล้วตอนนั้นผมคิดแค่ว่า กรูยอมทำทุกอย่าง จะด่าว่ากรูโง่ก็ได้ ขอแค่ได้หลุดจากวงจรทรมานนี่ก็พอ คือตอนนั้นรู้เลยว่าเวลาคนมันคิดสั้นมันเป็นยังไง แต่ก็ไม่ใจแข็งพอที่จะกระโดด ผมก็เลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กรีดแขนตัวเอง
จนผมกลับบ้านเสาร์-อาทิตย์ ผมก็พยายามแอบรอยกรีดที่แขนไม่ให้ใครเห็น แต่ก็โดนแม่เห็น แม่ก็ถามผมว่าไปโดนอะไรมา ผมไม่ตอบ ท่านก็เลยถามต่อว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กรีดแขนมาเหรอ ผมก็ตอบแบบ เอ้อ ยอมรับละกัน โดนจับได้แล้วนี่ แม่ก็เลยเข้าใจผมทุกอย่างและพาไปหาจิตแพทย์ ตอนนั้นผมร้องไห้เลย เพราะอย่างน้อยก็ได้ปลดปล่อยความทรมานได้บางส่วนแล้ว แต่ว่าหลังจากวันที่อาการมันพีคสุดคือ ไม่มีวันไหนไม่ร้องไห้ เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่าแถวหอหรือมหาลัยผมไม่มีคลีนิกจิตแพทย์แถวนั้นเลย แต่หลังจากวันที่กลับบ้านวันนั้นจนกลับไปเรียน ผมร้องไห้เกือบตลอดเวลาประมาณเกือบอาทิตย์ได้ (แอบไปร้องคนเดียว)
ผมก็ยังคงวิตกและหวาดระแวงมาถึงทุกวันนี้ แต่ว่าเริ่มคุมมันได้บ้างแล้ว จากเดิมที่คุมไม่ได้เลย ผมก็พยายามตั้งสติ ล่าสุดระแวงว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฉีดวัคซีนไม่ครบ แต่ผมเริ่มคุมสติตัวเองได้แล้ว แต่ว่ามันก็ยังวิตกอยู่บ้าง พอไปหาหมอ หมอก็บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เป็นย้ำคิดย้ำทำ ปัจจุบันผมก็กินยาทุกคืน แล้วก็ใช้สติสู้กับโรคนี้ แต่ก็ยังมีความทรมานอยู่ มันเหมือนคนติดเฮโรอีนแล้วไม่ได้เสพ แต่ผมก็ต้องฝืนถ้าอยากหายจากโรคนี้
สุดท้ายก็ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ
[แชร์ประสบการณ์] ทุกข์ทรมานจากโรคย้ำคิดย้ำทำ จนเคยคิดจะฆ่าตัวตาย
ปล.หลายเรื่องอาจจะฟังดูไร้สาระ แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันคืออาการของโรคนี้ครับ ที่รู้ตัวว่าบางเรื่องที่ตัวเองคิดนั้นไม่สมเหตุสมผล แต่หยุดไม่ได้
...............................
ผมจำได้ว่า ผมมีอาการวิตกกังวล ชอบคิดว่าอะไรที่ทำไปแล้ว แต่คิดว่าไม่ได้ทำ จนต้องกลับไปทำซ้ำไม่ต่ำกว่า 3 รอบ เริ่มตอนผมอยู่ม.3 แต่ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมากเพราะไม่รู้ว่ามีโรคนี้อยู่บนโลก และยังคิดว่าอาการนี้เป็นผลดีกับผม เนื่องจากว่าผมขี้ลืมมากๆ พอตอนใกล้จบม.ปลาย จนขึ้นมหาลัย (ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 1) ผมก็รู้ว่ามีโรคย้ำคิดย้ำทำอยู่บนโลกนี้ด้วย แต่ก็อย่างที่ผมบอกไป ว่าคิดว่าอาการนี้เป็นผลดีกับตัวผม ก็เลยไม่รักษาสักที
ทีนี้อาการมันมาพีคตอนประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ช่วงนั้นข่าวพิษสุนัขบ้ากำลังระบาดกำลังบูม ผมไปเล่นกับแมวแถวมหาลัยแล้วไปจับหน้ามัน แต่ผมไปหลอนว่ามันเลียแผลที่มือผมด้วย (ทั้งที่จริงๆมันไม่ได้เลีย) แต่ผมก็ไปคิดย้ำจนวิตกมาก ก็เลยไปฉีดวัคซีน แต่ความวิตกมันไม่ได้หยุดแค่นี้ คือตอนนั้นผมคิดเลยเถิดไปไกลว่าเชื้อจะติดมาถึงคนในบ้าน ก็เลยไปลองคุยกับพ่อแม่ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้สนใจและคิดว่าไร้สาระ (ตรงนี้ผมพอเข้าใจ ว่ามันเป็นความคิดของคนต่างสมัยกัน และพ่อแม่ผมท่านเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มง่าย ตรงข้ามกับผมที่หาเรื่องมาวิตกได้ตลอดเวลา) จะไปปรึกษาพี่ พี่ก็มีความคิดค่อนข้างแนวเดียวกับแม่ ก็เลยไม่ปรึกษาดีกว่า จนผมไปลองถามป้าเจ้าของแมวที่ผมไปเล่นด้วย (ตอนนั้นคือ โดนด่ากลับมากรูก็ไม่สนละ ขอแค่ได้ถาม) ว่าแมวป้าฉีดวัคซีนมั้ย ป้าเค้าก็บอกว่าฉีดแล้ว ทำหมันแล้ว ความวิตกผมค่อยๆน้อยไปเรื่อยๆจนกลับมาเป็นเหมือนเดิม (แต่ก็ยังไปฉีดวัคซีนต่อจนครบ) "แต่"ความวิตกมันไม่ได้หมดแค่นั้น
ประมาณอีก 2 อาทิตย์ต่อมา ผมไปดูหอใหม่ (จะย้ายหอตอนขี้นปี 2) ทีนี้ในซอยนั้นมีหมาเยอะมาก ผมก็ตัดสินใจไม่เปลี่ยนแล้ว อยู่หอเดิม ทีนี้ความวิตกมันกลับมา หมาที่ผมไปเห็นในซอยนั้น ทำให้ผมนึกถึงเมื่อตอนอยู่ม.6 ว่าเคยมีหมามาดมตอนผมกินข้าว คราวนี้ผม"หลอน"ไปไกลมากว่า หมาตัวนั้นน้ำลายยืดใส่ข้าวและเป็นหมาบ้า กลายเป็นว่ากลับมาวิตกกว่าเดิมหลายเท่าตัว ทุกเช้าตอนตื่น ผมต้องทุรนทุรายจากการเจ็บหัวเหมือนมีเข็มมาทิ่มทั่วหัว แล้วพอลืมตาขึ้นมาก็ลุกจากเตียงยากมาก แล้วตอนนั้นผมทรมานที่ต้องมาคิดซ้ำเรื่องเดิมๆทั้งที่มันควรจะจบตั้งแต่ไปฉีดวัคซีนแล้ว แต่ว่าหยุดความคิดนั้นไม่ได้ซะที ผมต้องทรมานจากการคิดซ้ำเรื่องไร้สาระ ทีนี้ผมก็ไม่รู้จะไประบายหรือคุยกับใคร เพราะคิดว่าคุยกับครอบครัวแล้วคงได้คำตอบเดิมมา และแถวหอพักหรือว่ามหาลัยของผมก็ไม่มีคลีนิกจิตแพทย์เลย แล้วตอนนั้นผมทรมานมากแล้ว ผมเลยตัดสินใจที่จะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ คือแว้บแรกที่ตัดสินใจจะทำอย่างนี้ ไม่ใช่เพราะว่าน้อยใจครอบครัวหรือเรียกร้องความสนใจจากใคร แต่ว่ามันทรมานแล้วไประบายให้ใครฟังไม่ได้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องที่ตัวเองวิตกอยู่มันไม่มีอะไรแล้ว เราฉีดยาแล้ว แต่ก็ห้ามให้ตัวเองคิดไม่ได้ แล้วตอนนั้นผมคิดแค่ว่า กรูยอมทำทุกอย่าง จะด่าว่ากรูโง่ก็ได้ ขอแค่ได้หลุดจากวงจรทรมานนี่ก็พอ คือตอนนั้นรู้เลยว่าเวลาคนมันคิดสั้นมันเป็นยังไง แต่ก็ไม่ใจแข็งพอที่จะกระโดด ผมก็เลย[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนผมกลับบ้านเสาร์-อาทิตย์ ผมก็พยายามแอบรอยกรีดที่แขนไม่ให้ใครเห็น แต่ก็โดนแม่เห็น แม่ก็ถามผมว่าไปโดนอะไรมา ผมไม่ตอบ ท่านก็เลยถามต่อว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ผมก็ตอบแบบ เอ้อ ยอมรับละกัน โดนจับได้แล้วนี่ แม่ก็เลยเข้าใจผมทุกอย่างและพาไปหาจิตแพทย์ ตอนนั้นผมร้องไห้เลย เพราะอย่างน้อยก็ได้ปลดปล่อยความทรมานได้บางส่วนแล้ว แต่ว่าหลังจากวันที่อาการมันพีคสุดคือ ไม่มีวันไหนไม่ร้องไห้ เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่าแถวหอหรือมหาลัยผมไม่มีคลีนิกจิตแพทย์แถวนั้นเลย แต่หลังจากวันที่กลับบ้านวันนั้นจนกลับไปเรียน ผมร้องไห้เกือบตลอดเวลาประมาณเกือบอาทิตย์ได้ (แอบไปร้องคนเดียว)
ผมก็ยังคงวิตกและหวาดระแวงมาถึงทุกวันนี้ แต่ว่าเริ่มคุมมันได้บ้างแล้ว จากเดิมที่คุมไม่ได้เลย ผมก็พยายามตั้งสติ ล่าสุดระแวงว่า[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่ผมเริ่มคุมสติตัวเองได้แล้ว แต่ว่ามันก็ยังวิตกอยู่บ้าง พอไปหาหมอ หมอก็บอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เป็นย้ำคิดย้ำทำ ปัจจุบันผมก็กินยาทุกคืน แล้วก็ใช้สติสู้กับโรคนี้ แต่ก็ยังมีความทรมานอยู่ มันเหมือนคนติดเฮโรอีนแล้วไม่ได้เสพ แต่ผมก็ต้องฝืนถ้าอยากหายจากโรคนี้
สุดท้ายก็ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ