ข้อคิดผู้นำ (leadership thinking) : Roy Keane และ Manchester United 6/5/2561 สรายุทธ กันหลง

กระทู้สนทนา
ข้อคิดผู้นำ (leadership thinking) : Roy Keane และ Manchester United 6/5/2561
https://ppantip.com/topic/37636801
  อ่านแล้วติดใจได้ความคิดดี Cr: วิเคราะห์บอลจริงจัง  ครับ

แม้จะเป็นผู้นำ แม้จะเป็นกัปตัน แม้จะอาวุโส
แม้มีคนเคารพ แต่ถ้าไม่เคารพคนอื่น
มันก็ต้องจบ จบแบบเจ็บๆ

วิเคราะห์บอลจริงจังLike Page
May 1 at 10:55am ·
ตลอดชีวิตการคุมทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขาตัดสินใจขายนักเตะได้ง่ายมาก

เฟอร์กี้ ไม่สนใจว่านักเตะคนนั้นเป็นใคร ถ้าเขาคิดว่าสมควรขาย ก็ต้องขาย ไม่มีการลังเลใจใดๆ

ยาป สตัม วิจารณ์เฟอร์กี้ผ่านหนังสือ แม้จะเพิ่งช่วยทีมได้แชมป์ยุโรป ก็โดนสั่งขายให้ลาซิโอในพริบตา

เดวิด เบ็คแฮม ต่อให้เป็นสตาร์ก้องโลก แต่เมื่อเฟอร์กี้คิดว่า เบ็คส์จะเริ่มใหญ่กว่าทีม ก็ปล่อยทิ้งให้เรอัล มาดริด

หรือคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขายได้ราคาสถิติโลก 80 ล้านปอนด์ เฟอร์กี้ก็พูดว่า "นักเตะทุกคนมีราคาของตัวเอง" เขารู้ว่าโรนัลโด้อยากไปมาดริด และก็ไม่รั้งไว้ เสียโรนัลโด้ไป ก็หาคนใหม่มาทดแทน

แต่ตลอดช่วงชีวิตการคุมทีมของเฟอร์กี้ มีนักเตะอยู่หนึ่งคนที่ เขาเครียดที่สุด และใช้เวลาในการตัดสินใจนานมากจริงๆ กว่าจะตัดสินใจปล่อยออกจากทีม

นักเตะคนนั้น ชื่อ รอย คีน

--------------------------------------

รอย คีน เป็นนักเตะที่มีอิทธิพลกับแมนฯยูไนเต็ดมากจริงๆ

เขาคือสุดยอดผู้นำในสนาม เป็นคนกระตุ้นให้ทุกคนมีพลังในการฮึดสู้

เขาสั่งการทุกคนได้อย่างเฉียบขาด และมีมาตรฐานที่สูงลิ่ว นักเตะหน้าใหม่ จะมาเหลาะแหละไม่ได้ ไม่งั้นโดนคีนด่ากระจุยหมด

เขามีทุกอย่างที่กัปตันควรจะมี เขาเกิดมาเพื่อเป็นผู้นำ จนถึงวันนี้ก็ยังมีหลายคนบอกว่า เขาเป็นกัปตันที่ดีที่สุดตลอดกาลของทีมปีศาจแดงเลยด้วยซ้ำ

เราคงจำภาพตอนปาทริก วิเอร่า ไปไซโคแกรี่ เนวิลล์ได้ ในเกมที่ไฮบิวรี่ ที่อุโมงค์ ซึ่งคีน เดินมาชี้หน้าด่าวิเอร่า แล้วบอกว่า มาเจอกูนี่ แถมก่อนเกมจะเริ่มก็ยังไม่จับมือวิเอร่าอีก

ส่วนเรื่องฝีเท้า ก็ไม่มีใครสงสัย ในปี 1999 คีน ต่อสัญญาใหม่กับแมนฯยูไนเต็ด ด้วยค่าเหนื่อย 52,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ซึ่ง ทำให้เขาเป็นนักเตะค่าเหนื่อยแพงที่สุดในพรีเมียร์ลีกขณะนั้น

นอกจากนั้น ยังคว้ารางวัล นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ และสมาคมนักข่าวได้อีกต่างหาก ในฤดูกาล 1999-00

รอย คีน เป็นผู้เล่นที่ครบเครื่อง ทั้งในและนอกสนาม เป็นคนที่ทุกทีมอยากมีเก็บไว้

"รอย คีน คือสุดยอดนักเตะ เขาจะวิ่งไปทั่วสนาม สัมผัสหญ้าทุกต้น เขายอมวิ่งจนเหนื่อยตาย ดีกว่ายอมแพ้" อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอมรับรอย คีนจากใจ

"ทุกคนรอบตัวได้แรงบันดาลใจมาจากเขา ผมเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับนักเตะคนนี้"

ดังนั้นเมื่อ มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นในปี 2005 เฟอร์กี้ จึงเครียดหนักมาก เขาไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร

ในฐานะผู้จัดการทีม นี่คือการตัดสินใจที่ยากที่สุดของเขาเลยทีเดียว

--------------------------------------

รอย คีน เป็นกัปตัน เป็นผู้อาวุโส และอยู่กับทีมมานาน นั่นทำให้ไม่มีนักเตะคนไหนกล้าแหยม

รวมถึงสตาฟฟ์โค้ช และเฟอร์กูสันเองด้วย อะไรนิดๆหน่อยก็ยอมปล่อยไป ไม่อยากจะไปเอาเรื่องเอาราวอะไรคีนมากนัก

ในฤดูกาล 2004-05 เฟอร์กี้ สังเกตเห็นว่า รอย คีน เริ่มเล่นดร็อปลงไปจากเดิม คีนในวัย 33 ปี มีพละกำลังน้อยลง และมีสปีดที่ช้าลง ซึ่งแทนที่ เฟอร์กี้จะต่อว่าคีน เขากลับปรับแผนการเล่นของทีม

ตามปกติแผนของแมนฯยูไนเต็ด นักเตะเอาต์ฟิลด์ทั้ง 10 คน ต้องเคลื่อนที่ตลอด แต่เฟอร์กี้ ยืนยันว่า คีน ไม่ต้องเคลื่อนที่ไปทั่วสนามก็ได้ ให้เขาคอนโทรลเกมอยู่ตรงกลาง และให้เพื่อนร่วมทีมคอยเคลื่อนที่เพื่อช่วยเขาแทน

ซึ่งมันแสดงให้เห็นเลยว่า เฟอร์กูสัน ให้เกียรติคีนมากแค่ไหน

จุดแตกหัก ของเฟอร์กี้ กับ คีน เกิดขึ้นในช่วงก่อนฤดูกาล 2005-06

2 ซีซั่นที่ผ่านมา ทีมปีศาจแดงพลาดแชมป์ลีก นั่นทำให้นักเตะในทีมมีความเครียด คาร์ลอส เคยรอซ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม จึงจัดการ จองโรงแรมเล็กๆ ในโปรตุเกส ซึ่งเป็นเมืองที่สงบเงียบ หวังว่าบรรยากาศเมืองที่อบอุ่น จะช่วยให้นักเตะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

อย่างไรก็ตามคนที่มีปัญหามากที่สุด คือ คีโน่ เพราะการเป็นเมืองเล็กๆ โรงแรมมันก็ไม่ได้มีเครื่องอำนวยความสะดวกอะไรมาก ต่างกับเวลาไปทัวร์สหรัฐ หรือทัวร์เอเชีย

รอย คีน ขอเปลี่ยนห้องในโรงแรมถึง 3 ครั้ง เขาไม่พอใจที่พักเอาซะเลย

หลังจากผ่านไปคืนแรก คีน เดินไปบอกเฟอร์กี้ ว่าห้องพักมันห่วยไม่ได้เรื่อง จะมาเก็บตัวโง่ๆ ที่โปรตุเกสทำไม ถ้าไม่ได้ทัวร์สหรัฐ หรือเอเชีย ก็อยู่ที่อังกฤษยังจะดีซะกว่า

จากนั้นก็โจมตี คาร์ลอส เคยรอซ คนจัดการทริปนี้ ว่าเลือกสถานที่เก็บตัวได้กระจอก คุณภาพต่ำมาก

เฟอร์กี้ สั่งให้รอย คีน ขอโทษเคยรอซซะ เพราะเคยรอซ ตั้งใจจะทำให้ทริปนี้ เป็นทริปที่ดีสำหรับนักเตะทุกคน และคนอื่นก็ไม่เห็นจะบ่นอะไรเลย

แต่ รอย คีน ไม่สน เขาไม่มีวันเอ่ยปากขอโทษ เขาคิดแบบนี้ ก็พูดไปแบบนี้

นี่เป็นความขัดแย้งครั้งสำคัญที่เกิดขึ้น มันทำให้เฟอร์กี้คิดว่า รอย คีน มีความแข็งกร้าวมากเกินไป ใช่ เขาเป็นผู้นำที่น่าเกรงขาม แต่ผู้นำที่ไม่คิดจะฟังใคร หรือขอโทษใคร อาจไม่ต่างอะไรกับเผด็จการ

--------------------------------------

ปมในใจเรื่องทริปที่โปรตุเกส ยังไม่ทันหายไปจากความรู้สึก รอย คีน ได้ทำเรื่องอย่างที่ 2 ที่คราวนี้ ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับแมนฯยูไนเต็ดจบลง

เดือนตุลาคม 2005 แมนฯยูไนเต็ด ไปเยือนริเวอร์ไซด์ ของมิดเดิลสโบรห์ ปรากฎว่า โดนโบโร่ ถล่ม 4-1 แพ้เละตุ้มเป๊ะ จนอันดับร่วงลงมาอยู่ที่ 7 ของตารางคะแนน

ตอนนั้น คีน มีอาการเจ็บเล็กน้อย จึงไม่ได้ลงสนาม แต่เขาก็ดูเกมตลอด 90 นาที และในใจเต็มไปด้วยความโมโห "พวกทำอะไรกัน ทำไมทีมเละเทะได้ขนาดนี้"

หลังจบเกม คีน ให้สัมภาษณ์กับ MUTV สถานีโทรทัศน์ของสโมสร ระเบิดอารมณ์โมโหอย่างรุนแรง เขาด่ากราดไม่ไว้หน้า

"คีแรน ริชาร์ดสัน เป็นกองหลังที่โคตรขี้เกียจ"

"สงสัยเหลือเกิน ว่าคนในสกอตแลนด์จะชื่นชมฝีเท้าของดาร์เรน เฟล็ตเชอร์อะไรนักหนา"

"ริโอ เฟอร์ดินานด์ แกได้เงินสัปดาห์ละ 120,000 ปอนด์ แต่ยิ้มเล่นดีแค่ 20 นาทีในเกมกับสเปอร์ส แล้วคงคิดว่าตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์งั้นสิ"

ยังไม่นับที่ด่า อลัน สมิธ และ จอห์น โอเช แบบไม่มีชิ้นดีอีก

ก่อนที่เทป จะแพร่ภาพ เดวิด กิลล์ ซีอีโอสโมสรได้ยับยั้งเอาไว้ก่อน แล้วโทรหาเฟอร์กี้ทันที ถ้าเทปนี้หลุดออกไป สื่อมวลชนได้มีเรื่องเล่นกันสนุกแน่

ตามปกติ ถ้ามีคนกล้าฉีกหน้าเพื่อนร่วมทีมแบบนี้ เฟอร์กูสัน คงกำจัดนักเตะคนนั้นทันทีอย่างไม่ยั้งคิด แต่กับคีน เขายังลังเลใจ เขาเลือกจะคุยก่อน

"ฉันรู้แล้วนะว่าเกิดอะไรขึ้น" เฟอร์กี้บอกคีน "ที่แกสัมภาษณ์แบบนี้ มันคือเรื่องโจ๊กชัดๆ มันน่าอับอาย วิจารณ์เพื่อนร่วมทีมเนี่ยะนะ แกหวังจะให้คำพูดพวกนี้หลุดออกไปจริงๆรึไง!"

คีน สวนเฟอร์กี้ "ถ้าคิดว่าที่ผมทำมันผิด ลองเปิดวีดีโอนี้ ให้ทุกคนในทีมดูไหมล่ะ ให้ทุกคนช่วยตัดสินใจ"

เฟอร์กูสันเห็นด้วย บางทีในสายตาของนักเตะอาจจะไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เขาอาจคิดมากไปเอง

เฟอร์กูสัน เรียกนักเตะทุกคนเข้ามารวมกัน รวมถึงทีมงานสตาฟฟ์โค้ช และเปิดวีดีโอ ที่คีน ให้สัมภาษณ์กับ MUTV ให้ทุกคนดูอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อดูจบ คีน ถามว่าคิดยังไงกัน เขาพูดผิดตรงไหนหรือเปล่า

นักเตะส่วนใหญ่เงียบ ไม่มีใครกล้าหือกับคีน แต่ทว่า เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ซึ่งก็มีความอาวุโสใกล้เคียงกัน พูดขึ้นมาว่า "นายล้ำเส้นเกินไปนะรอย ที่วิจารณ์เพื่อนร่วมทีมตัวเองแบบนี้"

"เป็นใครวะ รู้จักแมนฯยูไนเต็ดดีแค่ไหน!" คีน ด่าฟาน เดอ ซาร์ทันที

เมื่อฟาน เดอ ซาร์ โดนด่า รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็ออกมาปกป้อง และด่าตอบโต้กันไปมา

บรรยากาศในทีมตอนนั้นเละเทะมาก ไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอีกแล้ว พอล สโคลส์ และ ควินตัน ฟอร์จูน เดินหนีออกจากที่ประชุมไปเลย นักเตะหลายคนอยู่ข้างคีน บางคนอยู่ข้างฟาน เดอ ซาร์

ถึงนาทีนั้น สิ่งที่เฟอร์กูสันรู้ชัดเจนในใจ คือ มันจบแล้ว เขาคุยกับเดวิด กิลล์ทันที

"ผมต้องการให้รอย คีน ย้ายออกไปจากทีมเราเดี๋ยวนี้"

"เราจะตอบแทนเขาด้วยการจ่ายค่าจ้างให้จนครบสัญญา และจัดเทสติโมเนียลแมตช์ให้ แต่เขาต้องย้ายออกจากทีมทันที"

เมื่อเฟอร์กี้ตัดสินใจแล้ว แม้แต่เดวิด กิลล์ หรือ เจ้าของทีมตระกูลเกลเซอร์ส ก็ไม่มีใครทัดทานได้ 18 พฤศจิกายน 2005 คีน ถูกยกเลิกสัญญากับสโมสร

แมนฯยูไนเต็ด ไม่เคยยกเลิกสัญญานักเตะชุดใหญ่กลางฤดูกาลแบบนี้มาก่อน อีกตั้ง 2 เดือนกว่าตลาดจะเปิด แต่เฟอร์กูสัน รอไม่ได้แล้ว เขาปล่อยให้ทีมแตกแยกแบบนี้ต่อไปไม่ได้จริงๆ

"นี่คือกองกลางที่เก่งที่สุด ในยุคของเขา เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แมนฯยูไนเต็ดมีวันนี้" เฟอร์กูสัน ให้สัมภาษณ์ในแถลงการณ์สโมสร

"รอย คือหัวใจของความสำเร็จของสโมสรนี้ ในรอบ 12 ปีครึ่งที่ผ่านมา ผมขออวยพรให้ชีวิตเขาประสบความสำเร็จต่อไปในอาชีพ"

จากยอดกัปตัน ที่ไม่มีใครกล้าแตะ และดูเหมือนจะแขวนสตั๊ดกับทีมแน่ๆ

สุดท้ายก็ปิดฉากตำนานกับทีมปีศาจแดง เพียงแค่นี้

--------------------------------------

สิ่งที่เราเห็นจากเรื่องนี้ คือบางครั้ง การตัดสินใจ มันอาจทำให้เราเจ็บปวด แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะทำ

เฟอร์กี้ กับคีน อยู่ด้วยกันมา 12 ปีครึ่ง ไล่ล่าความสำเร็จมาด้วยกัน ยกระดับแมนฯยูไนเต็ด จากทีมชั้นดี กลายเป็นทีมระดับโลก ใจจริงเขาไม่อยากทำแบบนี้หรอก

แต่พฤติกรรมของคีน มันกำลังจะทำลายสโมสรแล้ว ถ้าปล่อยไว้มันจะระบาด ลุกลามจนเขาแก้ไขอะไรไม่ได้อีก

เมื่อหักลบเหตุผลแล้ว เขาก็ต้องตัดสินใจเลือก

และ เขาจำเป็นต้องเลือกทางที่สโมสรจะบาดเจ็บน้อยที่สุด

แน่นอน ทุกการตัดสินใจของเรา มันไม่มีทางทำให้ทุกคนแฮปปี้ได้อยู่แล้ว ต้องมีคนมีความสุข และมีคนผิดหวัง ในเวลาเดียวกัน

แต่ที่เลวร้ายกว่าการตัดสินใจ คือการ "ไม่ตัดสินใจสักที" ปล่อยให้ยืดเยื้อไปเรื่อยๆ คือถ้าแบบนั้น มันจะยิ่งเลวร้ายกันไปหมด ไม่มีใครมีความสุขเลยสักคน

ยอมเจ็บปวดวันนี้ ดีกว่าทุกอย่างมันลุกลาม จนไม่มีวันรักษาหาย

ในชีวิตเรา บางครั้งต้องยอมสละอวัยวะที่ติดเชื้อ เพื่อรักษาชีวิต

ถ้าไม่กล้าที่จะตัดสินใจ ปล่อยให้เวลาผ่านไป โดยไม่ทำอะไร

สิ่งที่คุณต้องเสีย อาจไม่ใช่แค่อวัยวะ แต่อาจเป็นชีวิต ...

#MUFC #ManUTD #Keane #Ferguson
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่