Forbes ประกาศผลบริษัทยอดเยี่ยมที่มีผลงาน CSR ที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2017
อันดับ 1 ของโลกนั้นตกเป็นของ Lego บริษัทของเล่นอันโด่งดัง
ที่ไต่อันดับขึ้นมาจากที่ 5 ในปีที่แล้ว โดย Lego เอาชนะทุกองค์กรด้วยการเป็นองค์กรที่ “บริหารงานอย่างโปร่งใส”
“มีธรรมภิบาล” “รักษาสิ่งแวดล้อม” และ “แข่งขันเชิงธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา”
ทั้งนี้ Lego ยังได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ World Wildlife Fund หรือองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลอีกด้วย
เป็นองค์กรที่ทำการกุศลเพื่อสาธารณะสมกับตำแหน่งแชมป์ อันดับ 1 จริงๆ
ในฝั่งฟากของแบรนด์ในไทยก็มีกิจกรรม CSR ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ที่กำลังมาแรงสูสีกันในตอนนี้เห็นจะเป็นกลุ่มปตท. บริษัทในเครือเอสซีจีธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด
และบริษัทคิงพาวเวอร์ดิวตี้ฟรี
วันนี้เราเลยมาลองไล่เรียงเอาเท่าที่ผ่านหูผ่านตาและจำได้ว่ามีโครงการ CSR อะไรบ้างที่ประทับใจเรา
เริ่มที่ ปตท.โครงการ CSR ที่โดดเด่นได้แก่ โครงการบางกระเจ้า และศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุงที่มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับชุนชนและระบบนิเวศน์อีกทั้งยังเปิดให้เป็นแหล่งศึกษาทางธรรมชาติที่เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และอีกโครงการที่น่าสนใจนั่นคือ “โครงการปลูกป่า
ถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)”เป็นโครงการที่จัดขึ้น เพิ่มพื้นที่ป่าให้กับประเทศอีก 1 ล้านไร่ และดำเนินการอนุรักษ์ และฟื้นฟูพื้นที่ป่า 1 ล้านไร่ ของ ปตท. ตั้งเป้าหมายให้ป่าสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 21 ล้านต้นต่อปีตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
โครงการบางกระเจ้า cr:
http://www.nejutravel.com/thaitrip/bang-kachao/
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง
โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
บริษัทเอสซีจีนั้น ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นโครงการเอสซีจีรักษ์น้ำเพื่ออนาคต
ที่เข้าไปทำฝายชะลอน้ำตามเขตอนุรักษ์ป่าเพื่อพัฒนาแหล่งต้นน้ำและแก้ปัญหาไฟป่าไปพร้อมๆ กัน
นับว่าเป็นการบูรณาการป่าอย่างยั่งยืนแท้จริง
ในขณะเดียวกันก็ต่อยอดสร้างศูนย์ความรู้ที่มีชื่อ“สถานีปลุกคิดปันสุข”
เพื่อพัฒนาและต่อยอดความรู้ให้กับคนในชุมชนนั้นๆเพิ่มมากขึ้นและพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
โดยมี“สถานีปลูกคิดปันสุข บ้านเตย” (อ.พิมาย จ.นครราชสีมา) เป็นสถานีแห่งแรก
และประสบความสำเร็จไปอย่างมาก
ที่ช่วยแก้ปัญหาดินเค็มจนกลายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์พร้อมที่จะทำการเกษตรต่อไป
ซึ่งทำให้คนในชุมชนบ้านเตยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจริง และสามารถสร้างรายได้มาจุนเจือคนในครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ
ประสบความสำเร็จแบบนี้คงมีที่ต่อไปตามมาแน่นอน
โครงการเอสซีจีรักษ์น้ำเพื่ออนาคต
สถานีปลุกคิดปันสุข
ธนาคารไทยพาณิชย์นั้นแหล่งเห็นถึงคุณค่าของการเรียนรู้จึงจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย
แหล่งเรียนรู้เพื่อสังคมเพื่อเป็นสถานที่ในการจัดแสดงสิ่งของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ด้านการเงินการธนาคารของชาติ
เป็นแหล่งค้นคว้าด้านวิชาการอันเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง และยังทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านอื่นๆ ในสังคม
ผ่านการจัดนิทรรศการหมุนเวียนตลอดทั้งปี และจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเยาวชนและบุคคลทั่วไปในหลายแขนง
อาทิ ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยเปิดให้เข้าเยี่ยมชมฟรี
CR:
http://blog.lib.kmitl.ac.th/?p=3748
และ
โครงการชุมชนวิถีชีวิตเป็นมิตรกับผืนป่า คุ้มครอง 129 ชุมชน ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในผืนป่าตะวันตก
สามารถที่จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างปกติสุข โดยไม่เป็นอันตรายต่อผืนป่าและสัตว์ป่า ไม่ขยายที่ดินทำกินออกไป
และชุมชนแนวขอบป่ากันชน 135 ชุมชน มี การจัดทำกิจกรรมเพื่อลดปัญหาภัยคุกคาม
และลดการพึ่งพิงผืนป่าในพื้นที่คุ้มครอง พร้อมขยายผลไปสู่ชุมชน รอบผืนป่าตะวันตกชุมชนอื่นๆ ต่อไป
ทำให้คนสามารถดำเนินวิถีชีวิตกับป่าโดยใช้พื้นที่ในรูปแบบของการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
ส่วนหนึ่งของโครงการได้มีการสนับสนุนการปรับอาชีพที่ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่าต้นน้ำและสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน
เช่น กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองต้นทะเล กลุ่มสมุนไพรอินทรีย์ในผืนป่าตะวันตก กลุ่มเกษตรกรรมธรรมชาติที่ผลิตผักปลอดสารพิษ เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันสินค้าเหล่านี้ได้เริ่มสร้างรายได้กลับคืนสู่ผู้เข้าร่วมโครงการในชุมชนผ่าน
“ร้านสินค้าชุมชนวิถีชีวิตเป็นมิตรกับผืนป่าตะวันตก”
ซึ่งธนาคารได้สนับสนุนต่อยอดโครงการด้วยการมอบพื้นที่ให้มูลนิธิฯ เปิดร้านจำหน่ายสินค้า ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทยสำนักงานใหญ่อีกด้วย
ร้านสินค้าชุมชนวิถีชีวิตเป็นมิตรกับผืนป่าตะวันตก
และสุดท้ายคิงเพาเวอร์ฯ นั้น นับเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกิจกรรม CSR คืนกำไรให้สังคมอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี
ที่มาแรงเป็นกระแสไปเมื่อตอนเดือนธันวาคมที่ผ่านมาคือร่วมบริจาคให้กับโครงการ “ก้าว”
ทั้งในนามคิงเพาเวอร์ และในนามส่วนตัว
รวมยอดแล้วน่าจะเกิน 100 ล้านบาท (บริจาคเป็นเงินสดและเงินที่สนับสนุนตลอดโครงการก้าว)
รวมทั้งบริจาคลูกฟุตบอลให้กับโรงเรียนต่างๆ กว่า 1ล้านลูก
สร้างสนามฟุตบอลให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนและมีการสร้างอะคาเดมี
สร้างนักฟุตบอลรุ่นใหม่ไปเก็บตัวกับทีมเลสเตอร์ซิตี้ภายใต้โครงการ FOX Hunt
แถมฝึกเสร็จมีหลายคนได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพค้าแข้งอยู่ต่างประเทศเลยด้วย เจ๋งปะล่ะ
นอกจากนี้ยังมีโครงการมอบทุนการศึกษต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษอีกด้วย
(อันนี้เราก็อยากสมัครนะแต่เกรดไม่ถึง 555)
ล่าสุดก็มีโครงการสร้างห้องน้ำให้กับชุมชนหรือแหล่งท่องเที่ยวที่ขาดแคลน
ซึ่งห้องน้ำนี่ดูจากโมเดลแล้วเค้าสร้างแบบเอื้อประโยชน์ต่อคนใช้วีลแชร์และผู้สูงอายุ
ซึ่งห้องน้ำแบบนี้จะมีตามปั๊มน้ำมันที่สร้างใหม่ๆเท่านั้น สังเกตได้จากป้ายด้านบน
จะมีป้ายโลโก้รูปวีลแชร์ (ใครผ่านปั๊มลองสังเกตดูนะ ถ้ามีโลโก้แปลว่าเค้ามีทางลาดสำหรับวีลแชร์และมีห้องน้ำเฉพาะ)
นี่ยังไม่นับรวมโครงการสาธราณณะกุศลอื่นๆ
ซึ่งทุกกิจกรรมนั้นดำเนินการภายใต้โครงการ
King Power, Thai Power พลังคนไทย
เห็นข้อมูลแบบนี้แล้วต้องบอกว่าองค์กรระดับประเทศที่ได้กำไรปีละหลายๆ พันล้าน
เค้าก็ยังไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคมกลับมาเหมือนกัน
เราเองก็ขอใช้โอกาสนี้ช่วยบอกต่อ และสนับสนุนทุกองค์กรในการทำความดีเพื่อตอบแทนสังคมต่อไป
ถ้าทุกองค์กรช่วยร่วมแรงร่วมมือกันแบบนี้ อยากให้ช่วยเหลือคนที่มีรายได้โดยเข้าไปบริหารจัดการให้เค้าช่วยเหลือดูแลตัวเอง รวมถึงองค์กรใหญ่ที่มีเทคโนโลยีเจ๋งๆ ก้อยากให้นำมาประยุกต์ให้เข้ากับพื้นที่นั้นๆ หากทำได้เชื่อว่าอนาคตของประเทศเราต้องสดใสอย่างแน่นอน
Give a Man a Fish, and You Feed Him for a Day. Teach a Man To Fish, and You Feed Him for a Lifetime
จับตาดู CSR ของธุรกิจยักษ์ใหญ่ คืนกำไรให้สังคมมูลค่านับ1,000 ล้าน
อันดับ 1 ของโลกนั้นตกเป็นของ Lego บริษัทของเล่นอันโด่งดัง
ที่ไต่อันดับขึ้นมาจากที่ 5 ในปีที่แล้ว โดย Lego เอาชนะทุกองค์กรด้วยการเป็นองค์กรที่ “บริหารงานอย่างโปร่งใส”
“มีธรรมภิบาล” “รักษาสิ่งแวดล้อม” และ “แข่งขันเชิงธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา”
ทั้งนี้ Lego ยังได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ World Wildlife Fund หรือองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากลอีกด้วย
เป็นองค์กรที่ทำการกุศลเพื่อสาธารณะสมกับตำแหน่งแชมป์ อันดับ 1 จริงๆ
ในฝั่งฟากของแบรนด์ในไทยก็มีกิจกรรม CSR ที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ที่กำลังมาแรงสูสีกันในตอนนี้เห็นจะเป็นกลุ่มปตท. บริษัทในเครือเอสซีจีธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด
และบริษัทคิงพาวเวอร์ดิวตี้ฟรี
วันนี้เราเลยมาลองไล่เรียงเอาเท่าที่ผ่านหูผ่านตาและจำได้ว่ามีโครงการ CSR อะไรบ้างที่ประทับใจเรา
เริ่มที่ ปตท.โครงการ CSR ที่โดดเด่นได้แก่ โครงการบางกระเจ้า และศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุงที่มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่สีเขียวให้กับชุนชนและระบบนิเวศน์อีกทั้งยังเปิดให้เป็นแหล่งศึกษาทางธรรมชาติที่เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และอีกโครงการที่น่าสนใจนั่นคือ “โครงการปลูกป่า
ถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)”เป็นโครงการที่จัดขึ้น เพิ่มพื้นที่ป่าให้กับประเทศอีก 1 ล้านไร่ และดำเนินการอนุรักษ์ และฟื้นฟูพื้นที่ป่า 1 ล้านไร่ ของ ปตท. ตั้งเป้าหมายให้ป่าสามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 21 ล้านต้นต่อปีตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
โครงการบางกระเจ้า cr: http://www.nejutravel.com/thaitrip/bang-kachao/
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง
โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
บริษัทเอสซีจีนั้น ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นโครงการเอสซีจีรักษ์น้ำเพื่ออนาคต
ที่เข้าไปทำฝายชะลอน้ำตามเขตอนุรักษ์ป่าเพื่อพัฒนาแหล่งต้นน้ำและแก้ปัญหาไฟป่าไปพร้อมๆ กัน
นับว่าเป็นการบูรณาการป่าอย่างยั่งยืนแท้จริง
ในขณะเดียวกันก็ต่อยอดสร้างศูนย์ความรู้ที่มีชื่อ“สถานีปลุกคิดปันสุข”
เพื่อพัฒนาและต่อยอดความรู้ให้กับคนในชุมชนนั้นๆเพิ่มมากขึ้นและพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
โดยมี“สถานีปลูกคิดปันสุข บ้านเตย” (อ.พิมาย จ.นครราชสีมา) เป็นสถานีแห่งแรก
และประสบความสำเร็จไปอย่างมาก
ที่ช่วยแก้ปัญหาดินเค็มจนกลายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์พร้อมที่จะทำการเกษตรต่อไป
ซึ่งทำให้คนในชุมชนบ้านเตยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจริง และสามารถสร้างรายได้มาจุนเจือคนในครอบครัวได้อย่างภาคภูมิใจ
ประสบความสำเร็จแบบนี้คงมีที่ต่อไปตามมาแน่นอน
โครงการเอสซีจีรักษ์น้ำเพื่ออนาคต
สถานีปลุกคิดปันสุข
ธนาคารไทยพาณิชย์นั้นแหล่งเห็นถึงคุณค่าของการเรียนรู้จึงจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย
แหล่งเรียนรู้เพื่อสังคมเพื่อเป็นสถานที่ในการจัดแสดงสิ่งของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ด้านการเงินการธนาคารของชาติ
เป็นแหล่งค้นคว้าด้านวิชาการอันเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง และยังทำหน้าที่เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านอื่นๆ ในสังคม
ผ่านการจัดนิทรรศการหมุนเวียนตลอดทั้งปี และจัดกิจกรรมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเยาวชนและบุคคลทั่วไปในหลายแขนง
อาทิ ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยเปิดให้เข้าเยี่ยมชมฟรี
CR: http://blog.lib.kmitl.ac.th/?p=3748
และโครงการชุมชนวิถีชีวิตเป็นมิตรกับผืนป่า คุ้มครอง 129 ชุมชน ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในผืนป่าตะวันตก
สามารถที่จะดำเนินชีวิตอยู่อย่างปกติสุข โดยไม่เป็นอันตรายต่อผืนป่าและสัตว์ป่า ไม่ขยายที่ดินทำกินออกไป
และชุมชนแนวขอบป่ากันชน 135 ชุมชน มี การจัดทำกิจกรรมเพื่อลดปัญหาภัยคุกคาม
และลดการพึ่งพิงผืนป่าในพื้นที่คุ้มครอง พร้อมขยายผลไปสู่ชุมชน รอบผืนป่าตะวันตกชุมชนอื่นๆ ต่อไป
ทำให้คนสามารถดำเนินวิถีชีวิตกับป่าโดยใช้พื้นที่ในรูปแบบของการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน
ส่วนหนึ่งของโครงการได้มีการสนับสนุนการปรับอาชีพที่ไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่าต้นน้ำและสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืน
เช่น กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองต้นทะเล กลุ่มสมุนไพรอินทรีย์ในผืนป่าตะวันตก กลุ่มเกษตรกรรมธรรมชาติที่ผลิตผักปลอดสารพิษ เป็นต้น
ซึ่งปัจจุบันสินค้าเหล่านี้ได้เริ่มสร้างรายได้กลับคืนสู่ผู้เข้าร่วมโครงการในชุมชนผ่าน
“ร้านสินค้าชุมชนวิถีชีวิตเป็นมิตรกับผืนป่าตะวันตก”
ซึ่งธนาคารได้สนับสนุนต่อยอดโครงการด้วยการมอบพื้นที่ให้มูลนิธิฯ เปิดร้านจำหน่ายสินค้า ณ พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทยสำนักงานใหญ่อีกด้วย
ร้านสินค้าชุมชนวิถีชีวิตเป็นมิตรกับผืนป่าตะวันตก
และสุดท้ายคิงเพาเวอร์ฯ นั้น นับเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีกิจกรรม CSR คืนกำไรให้สังคมอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายปี
ที่มาแรงเป็นกระแสไปเมื่อตอนเดือนธันวาคมที่ผ่านมาคือร่วมบริจาคให้กับโครงการ “ก้าว”
ทั้งในนามคิงเพาเวอร์ และในนามส่วนตัว
รวมยอดแล้วน่าจะเกิน 100 ล้านบาท (บริจาคเป็นเงินสดและเงินที่สนับสนุนตลอดโครงการก้าว)
รวมทั้งบริจาคลูกฟุตบอลให้กับโรงเรียนต่างๆ กว่า 1ล้านลูก
สร้างสนามฟุตบอลให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนและมีการสร้างอะคาเดมี
สร้างนักฟุตบอลรุ่นใหม่ไปเก็บตัวกับทีมเลสเตอร์ซิตี้ภายใต้โครงการ FOX Hunt
แถมฝึกเสร็จมีหลายคนได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพค้าแข้งอยู่ต่างประเทศเลยด้วย เจ๋งปะล่ะ
นอกจากนี้ยังมีโครงการมอบทุนการศึกษต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษอีกด้วย
(อันนี้เราก็อยากสมัครนะแต่เกรดไม่ถึง 555)
ล่าสุดก็มีโครงการสร้างห้องน้ำให้กับชุมชนหรือแหล่งท่องเที่ยวที่ขาดแคลน
ซึ่งห้องน้ำนี่ดูจากโมเดลแล้วเค้าสร้างแบบเอื้อประโยชน์ต่อคนใช้วีลแชร์และผู้สูงอายุ
ซึ่งห้องน้ำแบบนี้จะมีตามปั๊มน้ำมันที่สร้างใหม่ๆเท่านั้น สังเกตได้จากป้ายด้านบน
จะมีป้ายโลโก้รูปวีลแชร์ (ใครผ่านปั๊มลองสังเกตดูนะ ถ้ามีโลโก้แปลว่าเค้ามีทางลาดสำหรับวีลแชร์และมีห้องน้ำเฉพาะ)
นี่ยังไม่นับรวมโครงการสาธราณณะกุศลอื่นๆ
ซึ่งทุกกิจกรรมนั้นดำเนินการภายใต้โครงการ King Power, Thai Power พลังคนไทย
เห็นข้อมูลแบบนี้แล้วต้องบอกว่าองค์กรระดับประเทศที่ได้กำไรปีละหลายๆ พันล้าน
เค้าก็ยังไม่ลืมที่จะตอบแทนสังคมกลับมาเหมือนกัน
เราเองก็ขอใช้โอกาสนี้ช่วยบอกต่อ และสนับสนุนทุกองค์กรในการทำความดีเพื่อตอบแทนสังคมต่อไป
ถ้าทุกองค์กรช่วยร่วมแรงร่วมมือกันแบบนี้ อยากให้ช่วยเหลือคนที่มีรายได้โดยเข้าไปบริหารจัดการให้เค้าช่วยเหลือดูแลตัวเอง รวมถึงองค์กรใหญ่ที่มีเทคโนโลยีเจ๋งๆ ก้อยากให้นำมาประยุกต์ให้เข้ากับพื้นที่นั้นๆ หากทำได้เชื่อว่าอนาคตของประเทศเราต้องสดใสอย่างแน่นอน
Give a Man a Fish, and You Feed Him for a Day. Teach a Man To Fish, and You Feed Him for a Lifetime