อ.ส.ค. ยุค 4.0 ชูพัฒนาธุรกิจควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Corporate Social Responsibilities : CSR) แบบอย่างที่ดีของสังคม นับเป็นกิจกรรมที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญ เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กรและมุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโตควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีมูลค่าเพิ่มของสังคมไปจนถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจภายใต้สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีบทบาทหลักในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมและพัฒนาอุตสาหกรรมนมไทยที่ให้ความสำคัญและยึดมั่นในการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว

  นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ประธานคณะกรรมการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย(อ.ส.ค.) กล่าวว่า ตลอด 56 ปีที่ผ่านมา อ.ส.ค. ให้ความสำคัญต่อกระบวนการการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณอย่างต่อเนื่อง    ซึ่งที่ผ่านมา อ.ส.ค. มีการดำเนินงานด้านกิจการฟาร์มโคนมอย่างเข้มแข็ง เติบโต และเป็นที่หนึ่งในหลายๆด้านทั้งในประเทศและในเขตประเทศอาเซียน ฉะนั้นเพื่อต่อยอดไปสู่การเป็นองค์กรด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มีการพัฒนาองค์กรที่ยั่งยืน อ.ส.ค. จึงได้วางแนวทางการดำเนินงานด้าน CSR ขององค์กรให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นควบคู่กัน  เพื่อนำไปสู่การเป็นองค์กรที่มีการดำเนินงานด้าน CSR 4.0 ด้วยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรยกระดับมาตรฐานการผลิต คุณภาพผลผลิต และคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและชุมชนให้ได้รับประโยชน์สูงสุด
  ด้าน ดร.ณรงค์ฤทธิ์ วงศ์สุวรรณ  ผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า  อ.ส.ค. ได้วางแนวทางการดำเนินงานด้าน CSR ขององค์กรให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นนอกจากดูแลในเขตพื้นที่ที่ อ.ส.ค. ส่งเสริมการทำอาชีพการเลี้ยงโคนมแล้ว ยังขยายโอกาสไปยังพื้นที่อื่นๆอีกด้วย เพื่อนำไปสู่การเป็นองค์กรที่มีการดำเนินงานด้า CSR 4.0 ในอนาคต  โดย อ.ส.ค. มีคณะอนุกรรมการดูแลการดำเนินงานดูแลกิจกรรมดังกล่าวขึ้นโดยเฉพาะเพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ถูกทางและสอดคล้องกับสถานการณ์โดยผ่านกิจกรรมหลากหลายมิติ
อาทิ  ล่าสุดได้ขับเคลื่อนโครงการ Thai – Denmark Nature Camp ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8  โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ  ต้องการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้นอกห้องเรียนที่มีคุณค่าแก่เยาวชน  และให้เยาวชนได้สัมผัสธรรมชาติและมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน  ที่สำคัญคือต้องการปลูกฝังให้เยาวชนได้เห็นถึงประโยชน์ของนมโคสดแท้ ตลอดจนเห็นคุณค่าและความสำคัญของอาชีพการเลี้ยงโคนมอันเป็นอาชีพพระราชทาน” จากในหลวงรัชการที่ 9

“ โครงการ Thai – Denmark Nature Camp นับเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมากกับเยาวชน  ทำให้เยาชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รู้จักรักษ์ป่า น้ำ ดินและสิ่งแวดล้อม ผ่านกิจกรรมเดินป่า  ศึกษาพันธุ์ไม้  กิจกรรมนักสืบสายน้ำ  กิจกรรมฝ่ายชะลอน้ำ เป็นต้น  นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและฝึกการปฏิบัติ ณ ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ อ.ส.ค. จ.สระบุรี ซึ่งเมื่อเยาวชนได้รับการทำกิจกรรมนี้ไปแล้วจะสามารถเรียนรู้และเข้าใจในการเอาตัวรอดการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติได้โดยปราศจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และสามารถนำความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงโคนมไปถ่ายทอดให้แก่คนในครอบครัว เพื่อนที่โรงเรียน หรือเป็นข้อมูลที่สามารถจะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำอาชีพของตนเองในอนาคตได้ ดังนั้นสิ่งที่ อ.ส.ค. คาดหวังในการจัดโครงการนี้มากที่สุด คือ

การถ่ายทอดข้อมูลให้แก่เยาวชนรุ่นหลังให้ได้รู้จักโคนมอาชีพพระราชทาน เพื่อรักษาและช่วยกันธำรงค์อาชีพนี้ ให้อยู่คู่กับสังคมไทยไปตราบนานเท่านาน” นอกจากนั้น อ.ส.ค. ยังส่งเสริมกิจกรรม CSR อีกหลายด้าน เช่น  การรณรงค์ป้องกันยาเสพติด  ภายใต้โครงการ “รวมพลังคน อ.ส.ค. ต่อต้านคอรัปชั่น เพื่อสร้างจุดเปลี่ยน อ.ส.ค. ที่ยั่งยืน”, การปลูกฝังโคนมอาชีพพระราชทาน,  การสนับสนุนด้านกีฬาระดับชาติ   นอกจากนี้ ยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทางวิชาการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมกับวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อมาเป็นพี่เลี้ยงถ่ายทอดองค์ความรู้พัฒนาบุคลากรขององค์กร รวมถึงดำเนินงานให้สอดคล้องกับองค์กรด้วยการใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแนวทางในการดำเนินงาน ที่ผ่านมาภาพของ อ.ส.ค. ในการดำเนินงานด้าน CSR ที่คนส่วนใหญ่เห็นอาจจะเป็นเพียงภาพการสนับสนุนส่งเสริมผลิตภัณฑ์ และการดำเนินงานด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขององค์กร ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าการดำเนินงานดังกล่าวเป็นแค่เพียง CSR ขั้นเริ่มต้น แต่ด้วยพันธกิจหลักขององค์กรที่เน้นการดำเนินงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้บริโภค ทำให้การดำเนินงานด้าน CSR ต่อจากนี้ไปหรือการก้าวไปสู่การเป็น CSR 4.0 จะต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยให้ยึดประโยชน์ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้บริโภคสูงสุด ภายใต้การยกระดับมาตรฐานการผลิต ยกระดับคุณภาพผลผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งสื่อสารให้สังคมได้รับรู้ถึงการดำเนินงานในเรื่องดังกล่าว อันจะนำไปสู่ความรับผิดชอบต่อสังคมที่ยั่งยืนอย่างอย่างแท้จริงต่อไป
อ.ส.ค. ยังมีแผนในการทำประโยชน์อื่นๆ ให้เกิดขึ้นในชุมชนอีกด้วย โดยทีมงานได้วางแผนการลงพื้นที่มองหาสิ่งดีๆ ที่มีส่วนช่วยสนับสนุนคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในชุมชน สร้างรายได้ให้ชุมชนเพิ่มมากขึ้นนอกจากรายได้จากอาชีพหลักการเลี้ยงโคนม โดยให้การดำเนินงานทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่มีความยั่งยืน สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานขององค์กรที่เน้นการดำเนินกิจการที่ไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรสูงสุดทางธุรกิจ แต่หวังประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เพราะฉะนั้นเราดำเนินกิจการที่เล็งเห็นประโยชน์กับสังคมเป็นหลักโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐาน จึงจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในรูปแบบเฉพาะของ อ.ส.ค. ให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ต่อไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่