พล็อตหนังที่ได้จากความฝัน (อยากแบ่งปัน)

เรื่องมีอยู่ว่าผมนอนหลับอยู่บ้านครับ แล้วจากนั้นผมก็จำเกือบทุกอย่างที่ฝันได้ คือผมฝันว่าตัวเองได้มีโอกาสไปดูภาพยนตร์ดังที่ไหนไม่รู้แล้วก็ดูมันยาว ๆ จนจบเรื่องเลย และนี่ก็คือเรื่องคร่าว ๆ ของหนังในฝันที่ผมดูนะครับ (ไม่ได้โม้แต่อย่างใด คือมันจำได้จริง ๆ)

เนื้อเรื่องก็มีตัวละครอยู่ด้วยกัน 3 คนชาย 2 หญิง 1 และทั้งสามคนนี้ก็เป็นเพื่อนกันมาก่อนตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว แต่พอโตมาก็ต้องแยกกันอยู่ แล้วก็มีอยู่วันหนึ่งทั้งสามคนนี้ก็นัดมาเจอกันมาพูดคุยกันตรงสวนหญ้าลานว่างกลางเมืองตอน 5 ทุ่มกว่า ๆ (อันนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามาทำอะไรกันแน่) ซึ่งทั้งสามคนก็คุยสนุกปากกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข็มยาวของหอนาฬิกาตรงกลางลานนั่นแหละ มันขยับไปชี้อยู่ที่เลข 12 แล้วเสียงกระดิ่งนาฬิกาก็ดังขึ้น เป็นการบอกว่าตอนนั้นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่ว่าเรื่องมันก็เกิดขึ้นตรงนี้แหละ พอทั้งสามคนกะพริบตารู้สึกตัวอีกทีพวกเขาก็มาอยู่ในอีกสถานที่หนึ่งแล้วซึ่งสภาพแวดล้อมมันเหมือนกับทุ่งหญ้ากว้างในสมัยเด็กของพวกเขา (ตรงนี้ผมพอเดาได้ว่าพวกเขาน่าจะย้อนเวลากลับมาในสมัยเด็ก) แต่ว่าพวกเขาก็ยังอายุเท่าเดิม (ลืมบอกไปว่าตัวละครเป็นวัยรุ่นทุกคน) ทุกคนกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ดูทิวทัศน์ข้างกายตัวเองให้ชัด ๆ แล้วก็รู้ว่าที่นี่ต้องไม่ใช่ที่ที่ตัวเองอยู่เมื่อครู่แน่ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นเมืองรอบ ๆ ตัวพวกเขาหรือแม้แต่หอนาฬิกาเมื่อกี้ก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว พวกเขางงมากกับเหตุการณ์นี้ ทั้งสามจึงเดินข้ามทุ่งหญ้ากว้างไปเรื่อย ๆ (ตอนนี้เป็นตอนกลางวัน เหมือนอยู่คนละมิติกับโลกฝั่งโน้นซึ่งเป็นตอนกลางคืน) และพอพวกเขาเดินไปเรื่อย ๆ ก็ไปเจอกับกระท่อมกลังกะทัดรัดหลังนึ่งตั้งอยู่แถว ๆ ริมลำธารสายเล็ก พวกเขาเลยลองถือวิสาสะเข้าไปถามทางดูว่าที่นี่คือที่ไหน และก็ได้เจอเข้ากับคุณปู่คนหนึ่งหน้าตาดูใจดีออกมายิ้มให้แล้วก็เป็นบทสนทนากันพูดนู่นพูดนี่แล้วก็เชิญทั้งสามไปข้างในกระท่อม (ช่วงนี้จะเป็นฉากสนทนาและการขอร้องคุณปู่ในการให้ที่พักพวกเขาด้วย ซึ่งฉากตอนนี้เท่าที่ผมเห็นคือเขาทำได้ดูสงบสุขและสวยมากถึงจะไม่ค่อยมีอะไรก็เถอะ) คุณปู่ก็จะคอยสอนวิถีชาวบ้านให้ระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นี่ จนสองในสามคนนี้ซึ่งก็มีเพื่อนพระเอกกับผู้หญิงเริ่มมีความคิดที่ไม่อยากกลับไปยังโลกเดิมแล้ว เนื่องจากว่าอยู่ที่นี่สบายกว่าเห็น ๆ ทั้งไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่ต้องมีพ่อแม่คอยดุด่าอยู่ทุกวัน แต่ก็ได้พระเอกช่วยเกลี้ยกล่อมเอาไว้ได้จนสุดท้ายทุกคนจึงรวมหัวกันคิดวิธีกลับโลกเดิม แล้วพระเอกก็เสนอให้ลองจำลองสถานการณ์ให้เหมือนตอนนั้นดู บางทีอาจจะได้ แล้วทั้งสามก็มายืนกลางทุ่งหญ้าจุดเดิมที่เคยยืนก่อนมาที่นี่แล้วก็ไม่ลืมที่จะขอยืมนาฬิกาพกพาของปู่มาด้วย จากนั้นทุกคนก็มองเข็มยาวของนาฬิกาที่กำลังขยับไปชี้เลข 12 ของเที่ยงวันแล้วก็พร้อมใจกันนับถอยหลัง 5 วินาที และมันก็ได้ผล ! ทุกคนกลับมายังโลกแห่งเดิมแล้ว เมืองรอบ ๆ อะไรก็ยังเป็นกลางคืนเช่นเดิมเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้หายไปจากที่ตรงนั้นเลย แต่ว่าเหตุการณ์มันได้มีแค่นั้น เพราะว่านาฬิกาพกของคุณปู่นั้น พระเอกเผลอทำตกเอาไว้หน้าหอนาฬิกาซะนี่ (จากนั้นฉากก็ตัดไปเป็นรุ่งเช้าวันถัดมา) พระเอกนั่งโต๊ะกินข้าวเช้าพร้อมกับดูข่าวในทีวีไปด้วย ซึ่งก็ได้มีข่าวบอกมาว่ามีสัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนไดโนเสาร์ออกอาละวาดไปทั่วเมืองแต่ยังดีอยู่ที่เป็นประเภทตัวเล็กเท่าขาคน นั่นจึงทำให้พระเอกต้องโทรถามอาการที่บ้านของเพื่อนทั้งสองเลย และทั้งสามก็นัดมาเจอกันอีกรอบเพราะคิดเป็นอย่างเดียวกันว่าน่าจะเกิดมาจากหอนาฬิกาที่ลานหญ้านี่แหละ เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ สรุปแล้วก็ใช่จริง ๆ คือหอนาฬิกานั้นเดินตามเข็มเหมือนเดิมนะแต่ว่านาฬิกาพกที่พระเอกเพิ่งหยิบขึ้นมาเมื่อกี้ดันเดินทวนเข็มซะนี่ เพื่อนพระเอกจึงคิดได้ว่าน่าจะเป็นเพราะมิติเวลามันทับซ้อนกันจึงทำให้ประตูมิติเปิดขึ้น ซึ่งตอนนี้เข็มสั้นของนาฬิกาพกก็หมุนทวนเข็มเร็ว ๆ แบบที่ตามองไม่ทันเลย พวกเขาสังหรณ์ใจไม่ดีจึงตัดสินใจจะกลับไปหาท่านปู่อีกครั้ง เผื่อว่าเขาจะช่วยอะไรได้กับนาฬิกาพกบ้านี่ และพอหอนาฬิกาตีเวลาบอกว่าเป็นตอนเที่ยงตรงแล้ว พวกเขาก็หายไปจากที่ตรงนั้นอีกครั้ง ไปโผล่ที่มิติของท่านปู่คนเดิมแต่ที่นั่นเป็นเวลาเที่ยงคืน ท่านปู่เลยต้องจำใจตื่นขึ้นมาฟังสถานการณ์จากปากของทุกคน ซึ่งท่านปู่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าพวกเขามาจากอีกโลกหนึ่ง แต่ว่าท่านปู่ก็ยอมบอกเบาะแสอะไรบางอย่างให้ หรือก็คือตำนานคำเล่าขานที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษนั่นเอง ปู่เล่าว่าเมื่อถึงเวลาที่...บลา...บลา...จะมาเยือน เหล่าสหายทั้งสามจักปรากฎตัวขึ้นเพื่อนำหัวใจแห่งอดีตและอนาคตกลับไปยังที่ที่มันเคยอยู่ และก็แหงล่ะที่ทั้งสามจะงงเป็นไก่ตาแตก แต่พวกเขาเชื่อว่าคำพูดของปู่น่าจะมีประโยชน์บ้างจึงบอกลาท่านปู่จากนั้นก็กลับมาแก้ไขปัญหาที่โลกจริงต่อ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่านาฬิกาพกของท่านปู่นั้นเดินย้อนไปถึงยุคจูแรสสิกแล้วจึงทำให้มิติที่ยังเปิดอยู่ มีไทแรนโนซอรัสโผล่ออกมาจนได้ (แล้วฉากมันวิ่งป่วนเมืองก็เริ่มขึ้น) แล้วจากนั้นก็เป็นฉากสืบสวน (ตรงนี้รายละเอียดจำไม่ได้) เพื่อจะหาหัวใจแห่งอดีตก่อนและระหว่างสืบสวนอยู่นั้น จู่ ๆ หอนาฬิกาก็เริ่มหยุดเดินแล้วเปลี่ยนเป็นเดินทวนเข็มแทนนาฬิกาพก สาวนนาฬิกาพกก็กลับกัน มันก็เดินตามเข็มแทนหอนาฬิกา นั่นจึงทำให้มิติเริ่มผันกลับมา ทั้งสามตัวเอกของเราก็นึกว่ามันจะกลับเป็นปกติแล้วแต่ว่ามันก็ไม่ใช่ นาฬิกาพกมันก็ดันเดินอนาคตเกินไปอีกจึงทำให้มิติเปิดออกแล้วก็มีเหล่าฝูงหุ่นยนต์หิ่งห้อยบินออกมาเป็นฝูงใหญ่เลย (เนื่องจากในอนาคตพื้นที่ตรงนั้นจะเป็นป่า) นั่งจึงทำให้ทั้งสามคนต้องรีบสืบหาโดยด่วยเลยว่าหัวใจแห่งอดีตและอนาคตคืออะไร (ตอนนี้มาถึงกลางเรื่องละ) สุดท้ายพวกเขาก็รู้อีกว่าหัวใจแห่งอดีตก็คือไทแรนโนซอรัสตัวนั้นแหละ ถ้าเกิดว่าสามรถนำมันกลับไปยังยุคของมันได้ละก็ ตัวอื่นก็น่าจะหายตามไปเหมือนกัน เหล่าพระเอกอละผองเพื่อนก็เริ่มเดินทางไปหาไทแรนโนซอรัสตัวนั้นและก็บลา...บลา...พระเอกสามารถเกลี้ยกล่อมมันได้สำเร็จจนได้มันมาเป็นพวก แล้วทุกคนก็ขี่หลังมันวิ่งไปในเมืองโดยอ้อมไปทางลัดเพื่อที่จะได้ถึงลานหญ้าที่มีประตูมิติเปิดรออยู่ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างนั้น มันก็จะมีหน่วยทหารและ SWAT อีกหน่อย ๆ มาป้องกันเอาไว้และไล่เอาปืนยิงไล่หลัง ทั้งที่พระเอกจะพูดยังไงพวกเขาก็ไม่ฟังและเอาแต่ยิงจนมีรถถังมาเพิ่มอีก ไทแรนโนซอรัสจึงรำคาญร้องคำรามออกมาทีหนึ่งก่อนจะเลี้ยวขวาโดดเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่งซึ่งพอดีว่าอาคารนั่นเป็นโรงภาพยนตร์สามมิติพอดี และคนในโรงก็กำลังดูหนังเรื่องเกี่ยวกับไดโนเสาร์อยู่พอดี ความฮาจึงบังเกิดเมื่อไทแรนโนซอรัสของพวกพระเอกมันโดดทะลุจอออกมา ผู้คนโหกันยกใหญ่ให้กับความเสมือนจริงของมัน (-^-) จากนั้นมันก็วิ่งถล่มอาคารออกมาจนถึงประตูหน้าโรงภาพยนตร์จากนั้นก็วิ่งต่อไป บลา...บลา...จนส่งมันกลับเข้ามิติได้สำเร็จ (ลืมบอกไปอีกแล้วว่ามีประตูมิติสองประตูนะ อดีตและอนาคตเปิดรออยู่) จากนั้นก็มาถึงการค้นหาหัวใจแห่งอนาคตกันบ้าง และก็ บลา...บลา... ทั้งสามก็หาเจอสักทีว่ามันคืออะไร ซึ่งมันก็คือตะเกียงแบบยุคโบาณที่ใครไม่รู้มาติดไว้ในป่านั่นเอง แล้วพอพวกพระเอกไปถึงจุดที่คาดว่าจะมีตะเกียงนั้นก็ต้องเจอกับฝูงหุ่นยนต์หิ่งห้อยจำนวนมากที่กำลังตอมตะเกียงเพียงอันเดียวอยู่จนแสงของตะเกียงเกือบจะถูกกลืนหายไปจนมองไม่เห็นแน่ะ (ตอนนี้เป็นฉากตอนกลางคืนที่เวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่า ๆ แล้ว ซึ่งตอนนี้ทุกคนต้องเร่งมือที่จะต้องเอาหิ่งห้อยทั้งหมดกลับไปให้ได้ ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่มีโอกาสอีก (ฉากนี้ขอบอกเลยว่าสวยจริง คือต้องไปเห็นด้วยตาของตัวเองถึงจะรู้ ฉากที่อยู่ในป่ามีลานว่างเล็ก ๆ และตรงกลางนั้นก็มีต้นโอ๊คต้นหนึ่งที่มีตะเกียงแบบโบราณติดเอาไว้อยู่สูงประมาณ 3 เมตร ตอนกลางคืนที่มีหิ่งห้อยส่องสว่างจำนวนมากบินอยู่รอบ ๆ พวกเขา) แต่ว่าการที่จะนำเอาตะเกียงนั่นออกมามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะว่ามันทั้งอยู่สูง และก็มีหิ่งห้อยบินรบกวนอยู่เต็มไปหมด ทั้งสามจึงใช้ความรู้และความสามารถของวิถีขาวบ้านที่ได้เรียนรู้มาจากท่านปู่ออกมาใช้อย่างเต็มที่ จึงสามารถไล่พวกมันไปได้ระยะหนึ่ง ซึ่งระยะหนึ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับพวกเขา ตัวเอกทั้งสามจึงนำเอาตะเกียงออกมาแล้ววิ่งหนีฝูงหิ่งห้อยได้อย่างน่าตื่นเต้นก่อนจะโยนเอาตะเกียงนั่นเข้าไปในประตูมิติ แล้วพวกฝูงหิ่งห้อยก็บินตามเข้าไปก็เป็นอันเรียบร้อย (ตอนนั้นลุ้นมากว่าจะทันหรือเปล่า เพราะว่าเป็นฉากที่นาฬิกาของคนทั่วเมืองกำลังจะชี้บอกเวลาเที่ยงคืน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำสำเร็จ เมื่อทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติทั้งสามก็นั่งหอบเอาหลังชนกันพร้อมกับเอามือชนหมัดกันแล้วหัวเราะให้กันก่อนทุกคนจะเดินกลับบ้าน... แต่ว่าฉากก็ค่อย ๆ เลื่อนลงมาตรงพื้นหญ้าตรงหน้าหอนาฬิกานั่นแหละ แล้วก็พบว่าตรงนั้นมีหุ่ยนต์หิ่งห้อยยังคงหลงเหลืออยู่ตัวหนึ่ง (สงสัยจะบินกลับเข้าประตูมิติไม่ทัน) (จากนั้นฉากก็ตัดไปเป็นตอนรุ่งเช้า) พระเอกเราก็นั่งกินข้างดูข่าวในทีวีเหมือนเดิมแล้วก็พบว่ามีข่าวช่วงหนึ่งบอกมาว่ามีการค้นพบวิทยาการจักรกลใหม่ ซึ่งมีต้นแบบเป็นหุ่นยนต์หิ่งห้อยนี่แหละ ถือได้ว่าเป็นการค้นพบครั้งใหญ่เลยทีเดียว (จากนั้นฉากก็ซูมเข้าไปที่หน้าพระเอกที่ทำหน้าเหวอให้ทีวีอย่างช้า ๆ ก่อนจะ จบ !)

----------------------------------------------------------------------------- แล้วผมก็ตื่น ---------------------------------------------------------------------------

- ถ้ามีใครอ่านจบถือว่าคุณมีความอดทนขั้นสุดยอดครับ ผมนี่นับถือเลย
- และก็ที่เอามาเล่าให้ฟังนี่คือไม่อยากเก็บเอาไว้คนเดียว เนื้อเรื่องมันก็ใช้ได้อยู่นะครับในความคิดผม จะเอาไว้ทำพล็อตนิยาย พล็อตหนังของตัวเองก็ไม่มีปัญญา ผมคิดว่าการที่เอามาเล่าให้คนอื่นฟัง เผื่อว่าคนที่เขาจำเป็นจะต้องใช้มันหรือว่ากำลังหาพล็อตอะไรแบบนี้อยู่จริง ๆ ก็น่าจะมีประโยชน์มากกว่า
- สุดท้าย ถ้ามีหนังแนวแบบนี้ออกมาจริง ๆ ผมก็อยากจะดูเป็นคนแรกเลยล่ะครับ ว่าแต่... มีใครพอจะแนะนำได้ไหมครับว่ามีหนังเรื่องอะไรที่แนวคล้าย ๆ แบบนี้บ้างหรือเปล่า ผมว่าจะหาดูสักหน่อย ^v^ ขอบคุณทุกคนครับ

[ ถ้าแท็กผิดก็ขออภัยด้วยนะครับ ]
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่