ขอบอกก่อนว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเขียนลงพันทิปและเป็นครั้งแรกที่เจอเรื่องราวนีมากับตัว ต้องบอกก่อนว่า ตั้งแต่เกิดมา เป็นคนไม่เคยเจอผีจริงจังจะกลัวแบบหลอนๆ หลอกตัวเอง หบอนเอง แต่ก็ไม่เคยลบหลู่ และไม่ได้ขี้กลัวถึงขั้นสติแตก
มาเข้าเรื่อง เรื่องนี้เกิดขึ้นประมานปี 2559 ปกติเรากับแฟนอาศัยอยู่กับเพิ่อนและแฟนของเพิ่อนทีหอพักแห่งหนึ่งเส้นศรีด่าน กลางคืนก็นอนเรียงกัน เช้าก็แยกย้ายกันไปทำงาน วันนั้นเป็นวันพระใหญ่จำไม่ได้ว่าวันอะไรแต่เค้ามีเวียนเทียนกันที่วัด วัดนี้เป็นวัดในจราม2 มีให้คนไปเวียนเทียนได้ถึง 5 ทุ่มเที่ยงคืน แต่จะไม่ได้มีพระเดินนำเหมือนแถวต่างจังหวัด ถ้าคนแถวนี้จะรู้ดี บอกอีกอย่างนึงว่า เราเป็นแค่พนักงานห้างธรรมดาที่ต้องทำงานตามห้างเปิด-ปิด คือ 10 โมง 4 ทุ่ม เลยไม่เคยได้มีโอกาสไปเวียนเทียนตามช่วงเวลาปกติที่เค้าเวียนกัน พอช่วงเวลาประมาน 2 ทุ่มเราก็โทรหาแฟนเรา (ปัจจุบันเป็นแฟนเก่า) บอกว่า เดี๋ยวเลิกงานแล้วไปเวียนเทียนกันที่วัดเดิม แฟนก็ถามว่า แล้วพวกฝ้ายละกลับห้องยังเดี๋ยวเราเข้าห่องดึกแล้วมันหลับ (เรากับแฟนไม่มีคีย์การ์ดเปิดลิฟท์ต้องให้เพื่อนลงมาเปิด) เราเลยบอกว่าเดี๋ยวลองโทรชวนดู
สรุปฝ้ายตกลงว่าจะไปด้วย เราก็บอกงั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่หอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยออกมากัน พอเวลาประมาน 4 ทุ่มครึ่ง พวกเราก็ออกจากหอตรงไปวัดทันที ทางเข้าวัดก็จะแบบ เป็นซอยมืดๆ จนถึงด้านในถึงจะเห็นแสงไฟจากศาลาเราก็ขับเข้าไปหาที่จอดด้านในวัด โชคดีของเราที่มาตอนดึกๆ จะมีที่จอดให้เราเยอะแยะ เพราะคนทยอยกลับกันหมด เหลือแค่ไมกี่คนที่ยังเดินเวีนเทียนกับพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังทยอยเก็บของกลับบ้าน ณ ตอนนั้นวัดกำลังทำการก่อสร้างอะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจว่าเป็นกุฎิหรือศาลาอะไรมันมืดเพราะไม่มีไฟเราก็ขับไปจอดชิดกับกำแพงของศาลานึง ต่อท้ายกับรถกระบะคันหน้า ลักษณะการจอดเหมือนจอดเทียบข้างฟุตบาทประมานนี้ ทุกคนลงจากรถเพิ่อไปโบกรถให้เราเพราะที่มันแคบนิดนึงต้องค่อยๆโยกเข้า แล้วเจ้ากรรมก็จอดสะชิด เปิดประตูไปก็ติดต้นไม้พอดีแต่เราตัวเล็กเลยออกมาได้ จากนั้นก็เดินไปเวียนเทียน จุดหลอนเริ่มจากตรงนี้ ขณะที่เรากำลังเดิน ปกติ เราก็ต้องจุดธูปจุดเทียนแล้วเดินใช่ไหม แต่เดินได้ไม่ถึงไหน อยู่ๆเทียนก็ดับเหมือนมีลมมาพัดแล้วดับไป แต่ของแฟนเราไม่ดับนะ เราก็เลยคิดว่าสงสัยเราเดินเร็วไป เลยดับ ก็ขอต่อของแฟนใหม่ เดินไปได้แปปนึง ลมพัดมาอีก ดับคู่เลยทีนี แต่ของเพื่อนกับแฟนมันไม่ดับ แถมเดินไวกว่าเราอีก เราก็ไม่เอะใจ ก็เดินทั้งดับๆแบบนี้แหละ ระหว่างที่เดินรอบโบสถ์ เราก็รู้สึกอยู่ 2 อย่างคือ 1 มีคนเดินตามหลัง กับมีคนเดินอยู่นอกรั้วของโบสถ์ ตรงที่เราเดินมันเป็นปูน และต้องถอดรองเท้าเดิน ซึ่งมันไม่ควรได้ยินเสียงเท้าของใครลากกับพื้น ก็หันไปมองก็ไม่มีอะไร มีแต่คนเดินอยู่ข้างหลังแต่ไกลกันหลายสิบก้าวเลย ส่วนนอกรั้วจะเป็นหินเล็กๆ แบบถนนลูกลัง ที่หินเยอะๆ อันนี้ก็จะเดินกำลังโค้งพอดี ได้ยินเสียงหินโดนเหยียบ.ครึ่กก 1 ที ก็ตกใจแล้วหันไปมอง ไม่เห็นอะไรเลย เพราะมันมืดไฟมันไม่สว่าง. วัดติดไฟแบบเป็นสีๆ เลยสลัวๆไปหมด ได้ยินทั้ง 2 รอบที่วนมาถึง วนรอบแรกได้ยินเท้าคนเดินตาม จนครบก็รู้สึกหิวกันเพราะยังไม่ได้กินอะไรกันเลย มองนาฬิกาก็ปาไป 5 ทุ่มกว่าๆจะเที่ยงคืนแล้ว ก็ว่าจะแวะไปหาไรกินแถวโต้รุ่ง ก็เดินกลับรถกัน ตอนเดินเราก็ควักบุหรี่ขึ้นมาสูบกับเพื่อนคนละมวนแล้วเดินไปจนถึงรถ ก็ยืนคุยกันกับเพิ่อนแล้วก็แฟนเพื่อน แฟนเราขึ้นไปนั่งบนรถรอเรียบร้อย ตอนที่ดูดเราเห็นแฟนเพื่อนยืนอยู่ดีๆก็มาเกาะแขนเพื่อนเรา แล้วก็มองไปทางศาลาที่กำลังสร้าง พวกเราก็มองตาม ก็เห็นลุงคนนึงยืนหันหน้ามองมาทางเรามือคีบบุหรี่ยกมือขึ้นมาประมานหน้าอก แล้วก็พ่นควันแบบพวกเรา แต่ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนก็เดินขึ้นรถกันปกติ ด้วยความที่เราเห็นหน้าลุงแกไม่ชัด เห็นแต่ผมขาวๆกับเสื้อขาวๆ และแสงไฟจากบุหรี่ในความมืด พอสตาร์ทรถเสร็จ มือก็กำลังโยกเปลี่ยนเกียร์หน้าก็หันไปมองลุงอีก แต่... ลุงหายไป เราก็อุทานขึ้นมาว่า เอ้า แบบดังมาก แล้วทุกคนก็ตกใจ แฟนก็ตกใจนึกว่ารถเป็นอะไร แต่เราก็บอกทุกคนไปว่าเปล่าไม่มีไร อุทานเฉยๆ แล้วก็ไปกลับรถข้างในตอนขับออกมาก็ไม่วายที่จะหันไปมองมุมนั้นอีกเพิ่อความแน่ใจ แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น อยู่ดีๆก็รู้สึกเสียวหลัง ขนลุกแปลกๆ ยิ่งผ่านยิ่งมองยิ่งเสียว หันกลับมาได้ก็เหยียบคันเร่งออกซอยแล้วตรงไปถนนใหญ่ทันที ออกมาไม่ทันพ้นซอย แฟนเพื่อนพูดขึ้นว่า ขอพูดตรงนี้ได้ไหม เพิ่อนเลยบอก ไว้ค่อยคุยให้พ้นเขตวัดไปไกลๆก่อน แล้วทุกอย่างก็เงียบจนออกถนนใหญ่ แล้วก็ไม่ได้กินข้าวกัน เพราะเรารู้สึกไม่ดี ถึงห้องได้ก็ทอคออฟเดอะทาวเลยจ้า เหนเหมือนกันหมด แต่ที่ทำให้ตกใจ ในช่วงเวลา ไม่ถึง 10 วินาที ลุงหายไปไหน จากนั้นก็ถามกันอยู่ตลอด โดนเหรอ ใช่จริงๆเหรอ บางทีก็คิดว่าคน บางทีก็คิดว่าผี เวลานึกถึงแม้กระทั่งตอนพิมเรายังจำความรู้สึกเสียวสันหลังวันนั้นได้ดี แต่ก็คิด ว่าเราเพิ่งทำบุญมา ถ้าเป็นผีคงได้รับส่วนบุญนั้น และโชคดี ที่มาแบบดีๆ ไม่ใช่หันึอ ตาโบ๋ อะไรปีะมานนนี้ แต่ถ้าเป็นคนก็ขอโทษด้วยนะคะที่คิดว่าเป็นผี
แต่ปัจจุบันนี้ ศาลานั้นคงทำเสร็จแล้ว เพราะจากวันนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลย มันหลอนๆ อ่ะ
ขอบคุณนะคะที่อดทนอ่าน คนอ่านอาจจะไม่หลอน แต่เราเจอเอง มันเลยหลอนๆ หน่อย
ลุงไปไหน ?
มาเข้าเรื่อง เรื่องนี้เกิดขึ้นประมานปี 2559 ปกติเรากับแฟนอาศัยอยู่กับเพิ่อนและแฟนของเพิ่อนทีหอพักแห่งหนึ่งเส้นศรีด่าน กลางคืนก็นอนเรียงกัน เช้าก็แยกย้ายกันไปทำงาน วันนั้นเป็นวันพระใหญ่จำไม่ได้ว่าวันอะไรแต่เค้ามีเวียนเทียนกันที่วัด วัดนี้เป็นวัดในจราม2 มีให้คนไปเวียนเทียนได้ถึง 5 ทุ่มเที่ยงคืน แต่จะไม่ได้มีพระเดินนำเหมือนแถวต่างจังหวัด ถ้าคนแถวนี้จะรู้ดี บอกอีกอย่างนึงว่า เราเป็นแค่พนักงานห้างธรรมดาที่ต้องทำงานตามห้างเปิด-ปิด คือ 10 โมง 4 ทุ่ม เลยไม่เคยได้มีโอกาสไปเวียนเทียนตามช่วงเวลาปกติที่เค้าเวียนกัน พอช่วงเวลาประมาน 2 ทุ่มเราก็โทรหาแฟนเรา (ปัจจุบันเป็นแฟนเก่า) บอกว่า เดี๋ยวเลิกงานแล้วไปเวียนเทียนกันที่วัดเดิม แฟนก็ถามว่า แล้วพวกฝ้ายละกลับห้องยังเดี๋ยวเราเข้าห่องดึกแล้วมันหลับ (เรากับแฟนไม่มีคีย์การ์ดเปิดลิฟท์ต้องให้เพื่อนลงมาเปิด) เราเลยบอกว่าเดี๋ยวลองโทรชวนดู
สรุปฝ้ายตกลงว่าจะไปด้วย เราก็บอกงั้นเดี๋ยวไปเจอกันที่หอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยออกมากัน พอเวลาประมาน 4 ทุ่มครึ่ง พวกเราก็ออกจากหอตรงไปวัดทันที ทางเข้าวัดก็จะแบบ เป็นซอยมืดๆ จนถึงด้านในถึงจะเห็นแสงไฟจากศาลาเราก็ขับเข้าไปหาที่จอดด้านในวัด โชคดีของเราที่มาตอนดึกๆ จะมีที่จอดให้เราเยอะแยะ เพราะคนทยอยกลับกันหมด เหลือแค่ไมกี่คนที่ยังเดินเวีนเทียนกับพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังทยอยเก็บของกลับบ้าน ณ ตอนนั้นวัดกำลังทำการก่อสร้างอะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจว่าเป็นกุฎิหรือศาลาอะไรมันมืดเพราะไม่มีไฟเราก็ขับไปจอดชิดกับกำแพงของศาลานึง ต่อท้ายกับรถกระบะคันหน้า ลักษณะการจอดเหมือนจอดเทียบข้างฟุตบาทประมานนี้ ทุกคนลงจากรถเพิ่อไปโบกรถให้เราเพราะที่มันแคบนิดนึงต้องค่อยๆโยกเข้า แล้วเจ้ากรรมก็จอดสะชิด เปิดประตูไปก็ติดต้นไม้พอดีแต่เราตัวเล็กเลยออกมาได้ จากนั้นก็เดินไปเวียนเทียน จุดหลอนเริ่มจากตรงนี้ ขณะที่เรากำลังเดิน ปกติ เราก็ต้องจุดธูปจุดเทียนแล้วเดินใช่ไหม แต่เดินได้ไม่ถึงไหน อยู่ๆเทียนก็ดับเหมือนมีลมมาพัดแล้วดับไป แต่ของแฟนเราไม่ดับนะ เราก็เลยคิดว่าสงสัยเราเดินเร็วไป เลยดับ ก็ขอต่อของแฟนใหม่ เดินไปได้แปปนึง ลมพัดมาอีก ดับคู่เลยทีนี แต่ของเพื่อนกับแฟนมันไม่ดับ แถมเดินไวกว่าเราอีก เราก็ไม่เอะใจ ก็เดินทั้งดับๆแบบนี้แหละ ระหว่างที่เดินรอบโบสถ์ เราก็รู้สึกอยู่ 2 อย่างคือ 1 มีคนเดินตามหลัง กับมีคนเดินอยู่นอกรั้วของโบสถ์ ตรงที่เราเดินมันเป็นปูน และต้องถอดรองเท้าเดิน ซึ่งมันไม่ควรได้ยินเสียงเท้าของใครลากกับพื้น ก็หันไปมองก็ไม่มีอะไร มีแต่คนเดินอยู่ข้างหลังแต่ไกลกันหลายสิบก้าวเลย ส่วนนอกรั้วจะเป็นหินเล็กๆ แบบถนนลูกลัง ที่หินเยอะๆ อันนี้ก็จะเดินกำลังโค้งพอดี ได้ยินเสียงหินโดนเหยียบ.ครึ่กก 1 ที ก็ตกใจแล้วหันไปมอง ไม่เห็นอะไรเลย เพราะมันมืดไฟมันไม่สว่าง. วัดติดไฟแบบเป็นสีๆ เลยสลัวๆไปหมด ได้ยินทั้ง 2 รอบที่วนมาถึง วนรอบแรกได้ยินเท้าคนเดินตาม จนครบก็รู้สึกหิวกันเพราะยังไม่ได้กินอะไรกันเลย มองนาฬิกาก็ปาไป 5 ทุ่มกว่าๆจะเที่ยงคืนแล้ว ก็ว่าจะแวะไปหาไรกินแถวโต้รุ่ง ก็เดินกลับรถกัน ตอนเดินเราก็ควักบุหรี่ขึ้นมาสูบกับเพื่อนคนละมวนแล้วเดินไปจนถึงรถ ก็ยืนคุยกันกับเพิ่อนแล้วก็แฟนเพื่อน แฟนเราขึ้นไปนั่งบนรถรอเรียบร้อย ตอนที่ดูดเราเห็นแฟนเพื่อนยืนอยู่ดีๆก็มาเกาะแขนเพื่อนเรา แล้วก็มองไปทางศาลาที่กำลังสร้าง พวกเราก็มองตาม ก็เห็นลุงคนนึงยืนหันหน้ามองมาทางเรามือคีบบุหรี่ยกมือขึ้นมาประมานหน้าอก แล้วก็พ่นควันแบบพวกเรา แต่ไม่มีใครพูดอะไร ทุกคนก็เดินขึ้นรถกันปกติ ด้วยความที่เราเห็นหน้าลุงแกไม่ชัด เห็นแต่ผมขาวๆกับเสื้อขาวๆ และแสงไฟจากบุหรี่ในความมืด พอสตาร์ทรถเสร็จ มือก็กำลังโยกเปลี่ยนเกียร์หน้าก็หันไปมองลุงอีก แต่... ลุงหายไป เราก็อุทานขึ้นมาว่า เอ้า แบบดังมาก แล้วทุกคนก็ตกใจ แฟนก็ตกใจนึกว่ารถเป็นอะไร แต่เราก็บอกทุกคนไปว่าเปล่าไม่มีไร อุทานเฉยๆ แล้วก็ไปกลับรถข้างในตอนขับออกมาก็ไม่วายที่จะหันไปมองมุมนั้นอีกเพิ่อความแน่ใจ แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น อยู่ดีๆก็รู้สึกเสียวหลัง ขนลุกแปลกๆ ยิ่งผ่านยิ่งมองยิ่งเสียว หันกลับมาได้ก็เหยียบคันเร่งออกซอยแล้วตรงไปถนนใหญ่ทันที ออกมาไม่ทันพ้นซอย แฟนเพื่อนพูดขึ้นว่า ขอพูดตรงนี้ได้ไหม เพิ่อนเลยบอก ไว้ค่อยคุยให้พ้นเขตวัดไปไกลๆก่อน แล้วทุกอย่างก็เงียบจนออกถนนใหญ่ แล้วก็ไม่ได้กินข้าวกัน เพราะเรารู้สึกไม่ดี ถึงห้องได้ก็ทอคออฟเดอะทาวเลยจ้า เหนเหมือนกันหมด แต่ที่ทำให้ตกใจ ในช่วงเวลา ไม่ถึง 10 วินาที ลุงหายไปไหน จากนั้นก็ถามกันอยู่ตลอด โดนเหรอ ใช่จริงๆเหรอ บางทีก็คิดว่าคน บางทีก็คิดว่าผี เวลานึกถึงแม้กระทั่งตอนพิมเรายังจำความรู้สึกเสียวสันหลังวันนั้นได้ดี แต่ก็คิด ว่าเราเพิ่งทำบุญมา ถ้าเป็นผีคงได้รับส่วนบุญนั้น และโชคดี ที่มาแบบดีๆ ไม่ใช่หันึอ ตาโบ๋ อะไรปีะมานนนี้ แต่ถ้าเป็นคนก็ขอโทษด้วยนะคะที่คิดว่าเป็นผี
แต่ปัจจุบันนี้ ศาลานั้นคงทำเสร็จแล้ว เพราะจากวันนั้นก็ไม่ได้ไปอีกเลย มันหลอนๆ อ่ะ
ขอบคุณนะคะที่อดทนอ่าน คนอ่านอาจจะไม่หลอน แต่เราเจอเอง มันเลยหลอนๆ หน่อย