[CR] Yamadera วัดลับที่ซ่อนตัวจากผู้คนในขุนเขาที่เงียบสงบ ต้องลองไปค้นหาด้วยตัวเอง


ใครอยากหนีความวุ่นวายในตัวเมืองโตเกียว ไปหาความเงียบสงบ ย้ำ! เงียบจริงๆ เราขอแนะนำ ‘Yamadera’
วัดอายุกว่า 1,000 ปีที่ตั้งอยู่บนเขา ในเมืองแสนสงบทางตอนเหนือของโตเกียว อย่าง Yamagata ที่ใช้เวลานั่งรถไฟจากโตเกียวประมาณ 3 ชั่วโมง
ด้วยความเงียบสงบของที่นี่ ครั้งหนึ่งนักกวีชื่อดังอย่าง Basho ได้เดินทางท่องเที่ยวมาที่ Yamagata และได้หยุดพักที่ Yamadera เพื่อแต่งกลอดถึงความเงียบสงบของที่นี่ ปัจจุบันเราสามารถพบรูปปั้นของ Basho และกลอนบทสำคัญของเค้าสลักอยู่ที่หินภายในวัด Yamadera แห่งนี้
ปกติเรากับพี่ปุ่นชอบนั่งรถไฟออกไปเที่ยวต่างจังหวัดอยู่แล้ว มันอาจจะดูลำบากกว่าการเดินทางในโตเกียว แต่เชื่อเราเถอะ มันคุ้ม!
ปะ เราจะพาไปปีนวัดบนเขากัน

วันนี้เราตั้งต้นที่ Tokyo Station เพื่อนั่ง Shinkansen ไปลงที่ Yamagata Station แล้วต่อรถไฟ local ไปลงที่ Yamadera Station

พี่ปุ่น: “มันคันนี้แน่ใช่มั้ยไผ่”
ลูกไผ่: “ใช่สิคะ นี่ไงมันเขียนว่า Yamagata-Sendai”

นี่แหละ มีอยู่ขบวนเดียว เรานี่โคตรจะมั่นใจเลย
ระหว่างรอรถไฟ เราจะเห็นคุณลุงคนนึงยืนรออยู่ตรงประตู เหน็บดอกซากุระอยู่ที่หมวก ตอนแรกเราก็งงๆ แต่พอซักพักเห็นพนักงานคนอื่นทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เดินผ่านมา เค้าก็เหน็บดอกซากุระเหมือนกัน ก็เลยถึงบางอ้อว่า อ๋อ...ช่วงนี้มันช่วงซากุระนี่นา ญี่ปุ่นมักจะชอบมี gimmick อะไรเล็กๆน้อยๆ ที่สร้างความประทับให้ได้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว คุณลุงเป็นพนักงานทำความสะอาดและตรวจความเรียบร้อยของขบวนรถ Shinkansen เมื่อรถเทียบท่า คุณลุงจะโค้งให้รถและผู้โดยสาร เราจะต้องรอให้คุณลุงและพนักงานคนอื่นๆเข้าไปเคลียร์ความเรียบร้อยภายในรถก่อน การโค้งคำนับอย่างสุภาพและการเข้าไปทำงานอย่างตั้งใจของคุณลุง ก็เป็นอีกอย่างที่เรารู้สึกประทับใจมากๆ เอ๊ะ หรือเราเป็นคนประทับใจกับอะไรง่ายๆนะ 555


และแล้วเราก็มานั่งบน Shinkensen สาย Yamagata-Sendai นั่งๆ ไปพี่ปุ่นก็เริ่มเอะใจอีกว่า มันลงที่ที่เราจะไปแน่ใช่มั้ย จนถึงสถานีหนึ่งที่เหมือนเค้าจอดให้คนลงเพื่อเปลี่ยนขบวน พี่ปุ่นเริ่มไม่มั่นใจละ เลยถามคนญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ข้างหน้า

พี่ปุ่น: “รถขบวนนี้ไปจอดที่สถานี Yamagata ใช่มั้ยครับ”
คุณคนญี่ปุ่น: “อ๊ะ ไม่ใช่ครับ ขบวนนี้ไปจอดที่ Sendai ถ้า Yamagata ต้องนั่งขบวนด้านหน้า”

นั่นแงะ! วิ่งลงรถสิค้า รออะไร!
พอลงมาแล้วก็จะเห็นว่ารถไฟที่เรานั่งมา มันเป็นรถไฟ 2 ขบวนที่ลากกันมา และจะแยกกันที่สถานี Fukushima ไอเราก็วิ่งหน้าตั้งจนไปเจอนายสถานี

ลูกไผ่: “I take off from this train and I would like to go to Yamagata”
นายสถานี: “Yamagata?”
ลูกไผ่: “Yes”
นายสถานี: “Oh no no you have to get that train.”

พร้อมกับชี้นิ้วไปที่รถไฟที่จอดอยู่ข้างหน้าและกำลังเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ
เอาอีกแล้ว! ทริปนี้ว่าแพลนมาดีแล้วนะ แต่ก็ไม่วายตกรถ 5555
คือใน Google Map มันก็ไม่ได้บอกไงว่ารถไฟมันลากกันมาแล้วจะมาแยกกันที่นี่ ละมันก็ไม่ได้บอกไงว่าให้เรานั่งขบวนไหน ม๊ายยยย T^T
สรุปเราก็ถูกลอยแพเคว้งคว้างอยู่ที่ Fukushima Station 555


พอดูรอบถัดไปของชินคันเซ็นแล้ว เราต้องรออีก 1 ชั่วโมงกว่า โอ้ แม่เจ้า! แต่! เรายังมีทางเลือก เดี๋ยวจะมีรถไฟ JR ธรรมดา ให้นั่งไปเปลี่ยนขบวนที่ Yonezawa Station เพื่อไปต่อรถที่ Yamagata Station แล้วไปลงที่ Yamadera Station หลายต่อจนงงมั้ยล่ะ 555 แต่ก็เอาวะ เวลาการเดินทางไม่ต่างกัน แถมไม่ต้องเสียเวลาแกล่วอยู่ที่ Fukushima นี่อีกเป็นชั่วโมง ไปก็ไป!

และแล้วจากนั่งชินคันเซ็นสวยๆก็ต้องมานั่งหันหน้าชนกันใน JR 555


แถมนั่งนั่งไปซักพัก เฮ้ย หิมะตก! มารอบที่แล้วเราเคยเจอแต่หิมะที่ตกผ่านไปแล้ว กองๆอยู่บนพื้น แต่ตอนนี้เป็นหิมะตกสดๆเลยจ้า


และเป็นหิมะบนเขาด้วย! คือ JR ขบวนนี้มันวิ่งขึ้นเขาค่า!


คือแต่ละสถานีที่จอดบนเขานี่ ตัวสถานีเป็นแค่กำแพงสังกะสีเก่าๆ ที่เอาไว้กันลม และมืดมากกก แถมร้างสุดๆ จนเรามีคำถามผุดขึ้นมาในใจว่า “จอดรับใครวะ”
เรามัวตื่นเต้นกับเส้นทาง จนลืมถ่ายรูปสถานีอย่างที่บอกมาให้ดู มีแต่สถานีที่เริ่มลงจากเขามาแล้วให้ดู อันนี้ถือว่าสภาพดีกว่าข้างบนหลายเท่ามากๆนะคะ


พอลงเขามา เราก็เริ่มสัมผัสได้ถึงชนบทต่างจังหวัดของญี่ปุ่น


นั่งไปนั่งมา ต่อรถไฟขบวนนู้นขบวนนี้ เราก็มาถึงแล้ว Yamadera!


พอออกมาหน้าสถานี เราก็จะเจอความเงียบสงบของเมือง เรียกว่านอกจากนักท่องเที่ยวที่มาลงพร้อมเรา 4-5 คน ก็ไม่มีคนเลยดีกว่า และอากาศที่หนาวมากกก ที่นี่อยู่ที่ประมาณ 3 องศา แม่เจ้า! นึกว่ารอบนี้จะไม่เจออุณหภูมิขนาดนี้แล้ว


เดินไปซักพักจะเจอร้านขายของชำ ที่มีลูกกลมๆหน้าตาเหมือนลูกชิ้นต้ำอยู่ในหม้อ ขายไม้ละ 100 เยน (30 บาท)


พี่ปุ่นลองค่า รสชาติมันเป็นแป้งๆที่เด้งดึ๋งๆ น่าจะเหมือนโอเด้งมั้ง แปลกดี แต่ไม้เดียวก็พอละ 5555


พอเข้าไปในตัวเมือง ยิ่งเงียบกว่าเดิมอี๊ก! สังเกตว่าจะเห็นแค่นักท่องเที่ยวล้วนๆ ยืนยกกล้องถ่ายรูป


ตอนที่เราไปถึงนอกจากอากาศจะหนาวมากแล้ว ยังมีฝนปรอยๆนิดหน่อย วิวตรงสะพานนี้สวยมาก



เหนือสิ่งอื่นใด เราจะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบของที่นี่ได้เต็มๆ เหมือนหลุดเข้ามาอีกโลกนึงเลย เราว่ามันเป็นสน่ห์อย่างหนึ่งของชนบทในญี่ปุ่น
เดินมาสุดสะพาน เลี้ยวขวา เราจะเห็นป้ายเณรน้อยชี้ทางไปยังจุด start ขึ้นเขาของ Yamadera


เดินขึ้นบันไดชั้นแรกมา เราจะเจอตัววัด ที่เงียบสงบ ไร้ผู้คน


ตัววัดเรียกว่ากว้างเลย มีทางให้เดินเข้าไปข้างในเรื่อยๆ




มีร้านขายเครื่องราง แต่ก็ไม่ยักกะมีคนขายนะ เอ๊ะ หรือเรามาผิดวัน 555


จากชั้นนี้ มองออกไปไกลๆจะเห็นภูเขาหิมะ แถบนี้อยู่ทางเหนือ อากาศเลยยังหนาวเย็นกว่าโตเกียว


ร้านค้าก็ดูเหมือนว่าจะปิดกันหมด


และแล้วเราก็เดินมาเจอร้านขนม น่ารักร้านหนึง เดินเข้าไปดูหน้าร้าน ที่นี่เค้าขายขนมที่หน้าตาเหมือนโดรายากิ และชาเขียว


เราเดินเข้าไปในร้านทันที เลือกสั่งเป็นเซ็ตขนม 1 ชิ้นพร้อมชาเขียว ข้างในร้านอุ่นมาก อุ่นจนไม่อยากจะลุกออกไปข้างนอกเลย 555


ซักพักพนักงานก็ยื่นขนมและชาเขียวให้ที่เค้าท์เตอร์ กลิ่นขนมหอมมาก พอกัดเข้าไป เฮ้ย มันอร่อยมาก! ขนมร้อนๆที่เพิ่งทำเสร็จใหม่กับไส้ด้านในที่หวานกลมกล่อมเข้ากับแป้งกำลังดี พร้อมกับกลิ่นหอมที่แตะขึ้นจมูก มันดีอ่า....
ลูกไผ่: “เดี๋ยวขากลับไผ่จะแวะมาซื้ออีก”


ว่าแล้วก็ได้เวลาออกสู่ความหนาวเหน็บอีกครั้ง เดินผ่านหน้าร้านกาแฟไปอีกนิด เราจะมาถึงทางขึ้น Yamadera ของจริง ซึ่งจะต้องเสียค่าตั๋วเข้าไปคนละ 300 เยน (100 บาท) คุณป้าที่ขายตั๋วบอกว่า ที่นี่ปิด 5 โมงเย็นนะ เป็นการบอกเราในๆอย่าว่าเดินเพลิน เดินลงมาให้ทันล่ะ 555 ซึ่งตอนที่เราไปถึงก็ 4 โมงแล้ว
ลูกไผ่: “จะทันมั้ยคะนี่”
พี่ปุ่น: “ก็ขึ้นเท่าที่ได้ละกัน”


ตรงทางขึ้นนี้เราเจอเจ้าแมวอ้วนตัวนึง ขาสั้น พุงติดพื้น ตอนแรกเรานึกว่าจะเหมือนแมวทั่วไปที่พอเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วก็จะวิ่งหนี แต่ไม่แฮะ เจ้าแมวตัวนี้เดินเข้ามาต้อนรับ แถมเดินเข้ามานัวเนียๆ คุ้นคน น่ารักมากๆ อยากอุ้มกลับบ้านจริงๆ 555


ทีนี้เราจะเข้าสู่ช่วงปีนเขาขึ้นวัดของจริงละ พอเข้าสู่ทางขึ้นเราจะเจอกับต้นไม้สูงใหญ่โอบล้อมสองข้างทาง


ทางชึ้นเป็นบันได้เดินขึ้นง่ายค่ะ สองข้างทางจะมีตุ๊กตาเจ้าที่ตั้งอยู่ตลอดทาง



เดินๆไปเริ่มหอบแล้วหันกลับไปมองทางที่เราขึ้นมา เฮ้ย มันก็สูงอยู่นะ


แต่ทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก ยิ่งขึ้นมาเรื่อยๆ บันไดก็จะเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆเหมือนกัน


เราเดินมาจนถึงจุดพักชมวิว ตอนนั้นฟ้าเริ่มมืดแล้ว และลุงกับป้าอย่างเรา ขาก็เริ่มล้าแล้ว เราก็เลยคุยกันว่า เราจะขึ้นถึงจุดนี้ละกัน แล้วก็เดินลงนะ


จากจุดนี้มองขึ้นไปที่ยอดของ Yamadera ถ้าจะขึ้นไป เราคงต้องมีเวลามากกว่านี้ ทั้งเวลาเดินขึ้นไป และเวลาให้เราหยุดพัก 555


ได้เวลาเดินลงกันแล้ว


ขาเดินลง อยู่ๆฝนก็ตกลงมา เปียกสิค้า วันนี้นี่เจอมันทุกอย่างจริงๆ 555


พอเดินมาถึงสถานีหันไปดูป้าย อ้าว รถไฟที่จะไป Yamagata Station กำลังจะออกอีก 1 นาทีนี้นี่ อ้าว วิ่งอีกแล้วไง! พอขึ้นไปถึง รถไฟได้ออกตัวไปคาตาเลยจ้า 555 รอบถัดไปต้องรอกันอีกชั่วโมงนึงเลยทีเดียว แต่แล้วสายตาก็เหลือไปเห็นตารางของอีกสายนึง เป็นรถไฟไปลงที่ Sendai Station ซึ่งรถรอบถัดไปจะมาในอีก 20 นาที เอร้ยยย ไปสายนี้ก็ได้นี่นา แล้วค่อยไปต่อ Shinkansen ที่ Sendai แถมสถานีใหญ่กว่า รอบรถก็เยอะกว่า เอาเป็นว่าเราสามารถกลับโตเกียวได้โดยสวัสดิภาพ 555

ฝากติดตามการท่องเที่ยวตกรถตกราของเราด้วยนะค้า => https://www.facebook.com/wherewegopage/
ชื่อสินค้า:   Yamadera
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่