[CR] ตะลุยญี่ปุ่น 17 วัน 8 เมือง - EP.3 สถานที่ลับใน 'Nikko'

และแล้วเราก็เดินทางมาถึงเมืองที่ 3

สำหรับใครที่เปิดมาแล้วเพิ่งเคยอ่าน สามารถตามไปอ่านตั้งแต่การเตรียมตัว วางแผน และ EP ก่อนหน้านี้ได้ด้านล่างนี้เลยค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

มาต่อกันเลยดีกว่าค่ะ


Day 7:

เช้านี้ตื่นมา ฝนตกอีกแล้วจ้า โถ นิกโกะ ของช้านนนน
ไอร่มที่ซื้อที่โตเกียวก็ทิ้งไว้ที่บ้านพัก คือขี้เกียจแบกมาไง พอเปิดประตูห้องมา

พี่ปุ่น: “ที่นี่เค้ามีร่มให้ด้วยนะไผ่”
ลูกไผ่: “อ๊ะ จริงด้วย ว่าแต่เค้าเอาแขวนไว้ให้เราใช่มั้ยคะ ใช้ได้ใช่ป่าว”
พี่ปุ่น: “เฮ้ยยย ใช่ดิ แขวนอยู่หน้าห้องเรา”

ดีนะที่ที่พักที่นี่เค้ามีร่มแขวนไว้หน้าห้องให้ด้วย คงรู้ว่าที่นี่มันฝนตกบ่อยจริงๆ
เช้านี้เราก็พึ่งพี่ Google map เหมือนเดิม เดินฝ่าฝนกันออกไป เดินหาป้ายขึ้นรถเมล์กันแบบไร้ทิศทางมาก หันซ้าย หันขวาก็ไม่รู้จะถามใคร จนมีคุณป้าคนหนึ่งเดินมาพอดี

ลูกไผ่: “How can I go to the station?”
คุณป้ายิ้ม: “@(U(%&ร้องไห้@&$(@$#(%)”
ลูกไผ่ (ยังไม่ละความพยายาม): “Nikko station”
คุณป้า (พยายามช่วยเต็มที่): “#$(%($%$%)#%(&#)%”

ใครก็ได้ เอาวุ้นแปลภาษาให้เราที T^T
แต่คุณป้าก็ยังไม่ละความพยายามจะช่วยเรา แล้วแกก็ชี้ไปที่ข้างหน้า มองไปไกลๆลิบๆ เหมือนจะเป็นป้ายรถบัส
เฮ้ยยยย เอาวะ ลองเดินไปดู
แล้วคุณป้าแกก็เดินไปกับเราด้วยนะ ตลอดทางแกก็ชวนคุยนู้นนี่ แต่เป็นภาษาญี่ปุ่นแงะ!
จนมาถึงป้ายรถบัส เราก็ “อาริกาโตะโกไซมัส” แกใหญ่เลย คือแกน่ารักมาก ถึงแกจะสื่อสารกับเราลำบาก แต่แกก็พยายามและอยากจะช่วยอย่างเต็มที่ ประทับใจมากๆ ยังไม่หมดแค่นี้นะ

ระหว่างเรายืนรอรถ (ซึ่งพี่ปุ่นลอง Search ในเน็ตคร่าวๆ แล้วว่าต้องขึ้นรถหน้าตาแบบไหน) ก็มีคุณป้าอีกคนเดินผ่านหน้าป้ายรถบัส ใส่รองเท้าบูท กางร่มมา แล้วหันมายิ้ม ให้เรา

คุณป้า No.2: “@#(&%&$* samui ne $%#%#^#$%$”

นั่นไงเจอคุณป้าพ่นภาษาญี่ปุ่นอีกแล้ว ด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นเพียงหางอึ่งมด ฟังออกอยู่คำเดียวว่า ‘samui’
ลูกไผ่: “ไผ่ฟังรู้เรื่องแค่ว่า samui อ่ะค่ะ แปลว่า หนาว”

แล้วเราก็ได้แต่ยิ้มและพยักหน้าตอบคุณป้าไป คนที่ Nikko น่ารักมาก เค้ามีความเป็นคนชนบท เป็นมิตร เป็นกันเอง และพยายามช่วยเหลือ น่ารักมากจริงๆ

รอซักพักรถก็มา แล้วก็มาลงตรงหน้าร้าน ‘Cafe Restaurant Gasto’ ที่เราเล็งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนที่ออกจากสถานีมาเจอแดนสนทยาที่นี่ ร้านนี้เป็นร้านเดียวที่ให้แสงสว่างกับเราในคืนนั้น 555 และคิดว่า เดี๋ยวเราจะต้องมาทานซักมื้อ


แค่ได้เข้ามาในร้านก็ฟินแล้วสำหรับวันฝนตกและอากาศหนาวมากอย่างวันนี้ เพราะมันอุ่นสบายมาก
เมนูที่ร้านมีให้เลือกเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็น สเต๊ก แฮมเบิร์ก ข้าวแกงกระหรี่ ซึ่งน่าทานทุกเมนู และราคาไม่แพงมาก
อ้อ ร้านนี้เค้ามีราคาแบบรวม Bar Buffet Drink ด้วยนะคะ มีพวกชา กาแฟ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม ให้กดทานกันไม่อั้น คุ้มสุดๆ
มื้อนี้พี่ปุ่นเลือก แฮมเบิร์กไข่ดาว ส่วนเราเลือกข้าวแกงกระหรี่เนื้อใส่ไข่ จานละ 549 เยน เท่านั้น!


รสชาติอร่อยตามคาด เติมพลังเรียบร้อย เราก็นั่งเก็บความอุ่นอีกซักพัก แล้วก็เดินข้ามถนนไปที่สถานี Kosagoe เพื่อนั่งไปสถานี Nikko กัน
ที่สถานีวันนี้ก็ไม่ค่อยมีคนเหมือนเดิม


ที่นี่อากาศดีมาก มีความเป็นชนบทสูง ที่เราจะไม่ได้พบได้เจอที่โตเกียว ซึ่งเราชอบมาก ได้มาเห็น ได้มาอยู่อะไรแบบนี้ก็รู้สึกว่ามาเที่ยวคุ้มแล้ว


เรารอรถไฟกันอยู่นานเลย เพราะรอบก่อนหน้าเพิ่งออกไปก่อนที่เราจะมาถึงนิดเดียว แต่แล้ว รถไฟก็มา!!!!


รถไฟใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็มาถึงที่ Nikko พอโผล่ออกมาจากสถานีก็จะเจอร้านขายของฝากอยู่หลายร้านเลย



เอาจริงๆ เราเดินงงอยู่ในสถานีอยู่พักนึง เดินไปดู brochure อยู่นาน แล้วก็เจอ counter รถบัส เดินไปถามเลยน่าจะเวิร์กกว่า จริงๆแล้ว Nikko มีที่เที่ยวที่น่าไปเยอะมากกก แต่ส่วนใหญ่ก็จะต้องใช้เวลาเดินทางค่อนข้างเยอะ แถมราคาไปแต่ละจุดก็แพงใช่ย่อย ดูจากเวลาที่เรามีอยู่วันนี้ คงเก็บได้แค่ Shinkyo Bridge หรือสะพานแดงนั่นเอง และ Nikko National Park ที่อยู่ข้างๆ
ได้ความแล้วเราก็ไปต่อแถวขึ้นรสบัสซึ่งแถวยาวใช้ได้เลย ในที่สุดเราก็ได้ขึ้นรถ
สองข้างทาง Nikko ดูเป็นเมืองสมชื่อ World Herritage จริงๆ ร้านข้างทางจะเป็นไม้ๆ ให้ความรู้สึกเมืองโบราณนิดๆ
ประมาณ 10 นาที เราก็มาถึงสถานี Shinkyo bridge ค่ารถบัสเที่ยวละ 310 เยน


เราเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง เดินตรงมานิดเดียว ทางซ้ายมือก็จะเจอทางเดินเป็นเนินให้เดินขึ้นไป

ลูกไผ่: “เอ๊ะ มันต้องเดินไปทางไหนคะนี่”
พี่ปุ่น: “เดินขึ้นไปด้านบนนี่ไง”
ลูกไผ่​: “หืมมม ใช่เหรอคะ มันเหมือนต้องขับรถขึ้นไปรึเปล่า”
พูดยังไม่ทันขาดคำก็มีรถขับลง

พี่ปุ่น: “ท่าจะจริงแฮะ”



เราเลยเดินต่อไปข้างหน้าอีกนิดก็เจอกับสะพานแดง Shinkyo bridge
ตรงทางที่จะเดินไปข้ามสะพานแดง เค้ามีเชือกลากปิดทางไว้ แต่เราก็เห็นคนเดินอยู่ข้างในนะ

ลูกไผ่: “พี่ปุ่นคะ นี่เค้าห้ามเข้าเหรอ”
พี่ปุ่น: “นั่นสิ ไม่รู้แฮะ”
ลูกไผ่: “แต่มันก็มีคนเดินอยู่ข้างในนะคะ”

หันซ้าย หันขวา ก็เห็นเหมือนเป็นห้องขายตั๋วสำหรับเดินข้ามสะพานแดง

ลูกไผ่: “หรือว่ามันต้องซื้อตั๋วคะ”
พี่ปุ่น: “แต่ทางเดินแค่นี้เองนะ แค่เดินไปข้ามสะพานแดงเนี่ยนะ”

เมื่อลองอ่านพิจาณาดูดีๆ ใช่แล้ว ใครที่ต้องการจะเดินข้ามสะพานแดง ต้องซื้อตั๋วเข้าไปจ้า ค่าตั๋ว 300 เยน ซึ่งเราดูกันแล้ว แค่เดินเข้าไปข้าม ดูจะไม่คุ้มเลย อีกอย่างมุมที่ถ่ายรูปก็ต้องถ่ายจากระยะไกลถึงจะเก็บวิวได้หมด ก็เลยไม่รู้ว่าจะซื้อตั๋วเดินเข้าไปทำไม


เรายืนถ่ายรูปสะพานเดินกันอยู่พักนึง ก็เดินข้ามถนนไปที่ Nikko National Park ซึ่งอยู่ขวามือ


ทางเดินขึ้นไปจะเป็นบันไดและเนิน สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่ขนาบทั้งสองด้าน


พอเดินไปถึงจุดนึงเราก็เจอทางแยก

ลูกไผ่: “ไปทางไหนดีอ่ะคะพี่ปุ่น”
พี่ปุ่น: “เดี๋ยวเราเปิด map แปป”

พี่ Google พึ่งได้เสมอ ที่นี่ทางเดินจะเป็นวงกลม จะมีวัดและศาลเจ้าตั้งอยู่จุดๆ เราเลยเลือกเดินทวนเข็มนาฬิกา เดินไปทางขวาก่อนละกัน




เดินมาเรื่อยๆ เราก็เจอ Tosho-gu Shrine


จุดเด่นของที่นี่คงจะเป็นหอสีแดงสูง 5 ชั้นนี้


ด้านขวามือจะเป็นทางเข้าศาลเจ้า ซึ่งมีค่าบัตรเข้าชม 1,300 เยน สำหรับเราขอเดินชมแค่หน้าลาน ก็พอใจละ แล้วเราก็เดินต่อ


เดินไปเรื่อยๆ เราก็วนมาถึงทางแยกแรกที่เรามา ตรงทางแยกนี้จะมีร้านของชำเล็กๆ ที่เราเคยเดินผ่านไปเมื่อตอนแรก

พี่ปุ่น: “ไผ่ๆไปนั่งหน้าร้านสิ เดี๋ยวเราถ่ายให้รูปนึง”

ระหว่างที่ไปนั่ง act ท่าถ่ายหน้าร้าน ก็มองเข้าไปในร้าน

ลูกไผ่: “อ้าว พี่ปุ่น ร้านนี้เค้าขายของกินด้วยนี่”
พี่ปุ่น: “จริงด้วย เฮ้ย คลาสสิก เราชอบร้านงี้ ปะ กินกัน”
ลูกไผ่: เหหห??? (งง นานๆจะตัดสินใจเร็วมากงี้ 555)

ข้างในเป็นร้านของชำที่มีของวางอยู่เต็มไปหมด และมีโต๊ะให้แขกนั่งอยู่ประมาณ 3-4 โต๊ะ


ในร้านมีแค่คุณยายเจ้าของร้านเป็นพนักงานคนเดียวในร้าน คุณยายทำตั้งแต่เอาเมนูมาให้ รับ order ทำอาหาร เอามาเสิร์ฟ คิดตังค์ เก็บจาน สุดยอดมาก! คุณยายดูแข็งแรงมาก


ซักพักคุณยายก็เอาเมนูมาให้โต๊ะเรา ซึ่งมีเมนูเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ เห็นคุณยายอายุมากขนาดนี้ คุณยายสื่อสารภาษาอังกฤษกับเรารู้เรื่องนะค้าาาา
เมนูที่ร้านนี้จะเป็นโซบะ
เราทานโซบะใส่ไข่ดิบ ชามละ 700 เยน
พี่ปุ่นทานโซบะใส่ฟองเต้าหู้ ชามละ 1,200 เยน



ราคาไม่แพง แถมอร่อยมากๆ ใครไปต้องแวะไปให้ได้นะคะ คุณยายน่ารักมากๆ ร้านคุณยายอยู่เยื้องๆกับทางขึ้นวัด Rinnoji
จริงๆเราขอถ่ายรูปกับคุณยายด้วย แต่คุณยายเอามือปิดหน้า ยิ้มๆ บอกว่าเขิน 5555
อิ่มแล้ว เราก็เดินกลับมารอขึ้นรถบัส ใกล้จะเย็นแล้วด้วยเราขึ้นรถไฟกะกลับไปสถานี Kosagoe
วิวข้างทางรถไฟสวยมาก แล้วเราก็เห็นวิวนึงสวยมาก

พี่ปุ่น: “ไผ่ ดูวิวตรงนี้สิ สวยมากอ่ะ”
ลูกไผ่: “อ๊ะ จริงด้วย”
พี่ปุ่น: “ลงสถานีหน้ามั้ย แล้วเดินไป”
ลูกไผ่: “หะ? จริงอ่ะ”
พี่ปุ่น: “จริงดิ ไม่ไกลเลย เดินได้”
ลูกไผ่: “โอเค ลงก็ลงค่ะ”

และแล้วการเดินงมหาทางไปตามล่าหาทุ่งสีทองที่มีลำธารไหลผ่าน ที่เราเห็นจากหน้าต่างรถไฟก็เริ่มขึ้น

ออกจากสถานี เราเดินตามทางซอกซอยถนนเล็กๆ ที่สองข้างทางเป็นบ้านคน บ้านที่นี่เค้าปลูกผักทานเองกันเยอะเลย ส่วนใหญ่จะเป็นหัวไช้เท้า หัวใหญ่มาก พื้นที่สนามหญ้าโล่งๆ ตอนนี้หญ้าก็เป็นสีเหลืองสวยเลย ยัง ยัง นี่มันแค่หย่อมเล็กๆ ไม่ใช่ที่ที่ตามหา


เราเดินกันต่อไปเรื่อยๆ ข้ามถนนใหญ่ตาม google map ไปตามจุดที่เรากะกันว่าเป็นจุดที่เราเห็นจากตรงรถไฟ



หญ้าสีเหลืองก็เริ่มมา เราต้องมาถูกทางแล้วแน่ๆ


เดินไปเรื่อยๆ และเราก็เจอแล้วววว สนามโล่งกว้างที่มีหญ้าเป็นสีเหลืองไปหมด มีต้นไม้ที่ไม่มีใบเลยทั้งต้นปลูกอยู่ประปราย มันสวยมากกกก




จากที่เดินถ่ายรูปกันเพลิน เราก็นึกขึ้นมาได้ว่า เอ๊ะ ว่าแต่ลำธารที่เราเห็นล่ะ?
เราเดินเข้าไปด้านข้างอีกนิด แล้วเราก็เจอแล้วลำธารที่ว่า แต่…..
มันเป็นสุดทางเดิน และมีที่กั้นไม่ให้เราเดินต่อไปแล้ว แงงงง ลำธารอยู่แค่เอื้อม แต่เดินไปไม่ได้
คิดว่าตรงนั้นมันอาจจะอันตรายสำหรับการลงไปเดิน เราเลยได้แต่ยืนถ่ายรูปอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ

ชื่อสินค้า:   Nikko, Tochigi Prefecture
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่