เราชื่อภัทรค่ะ อายุ21ปี
เล่าคร่าวๆก่อนว่าตั้งแต่เล็กๆเราพยายามทำตัวให้เป็นคนในแบบที่ครอบครัวต้องการมาตลอด
ครอบครัวไม่ได้บังคับ เรารู้ว่าพวกเค้าหวังดีกับเรา
แต่เราไม่อยากให้พวกเค้ารู้สึกผิดหวังในตัวเรา
เราก็เลยทำตัวในแบบที่พวกเค้าอยากให้เราเป็น
โดยที่เราไม่เคยบอกพวกเค้าเลยว่า
สิ่งที่เค้าอยากให้เราเป็นเราชอบมันรึเปล่า
จะขอยกตัวอย่างในเหตุการณ์หลักๆในชีวิตนะคะ
เมื่อตอนเราอยู่ประถม เราจะอาศัยอยู่กับคุณย่า
คุณปู่กับคุณย่าคอยบอกกับเราเสมอว่า
คนที่เก่งภาษาอังกฤษ จะได้ดี มีงานการทำที่ดี
พวกเค้าดันให้เราตั้งใจเรียนภาษา เพื่ออนาคตที่ดี
เราทำตามที่พวกเค้าบอก ตั้งใจเรียน
ได้รับเลือกไปแข่งขันด้านภาษาบ่อยๆเลย
แต่แล้วเมื่อเราจบประถม เราย้ายมาอยู่กับคุณแม่
คุณตากับคุณยายบอกเราว่า เรียนวิทย์คณิตสิ่
เป็นหมอเงินเดือนเยอะนะ เลี้ยงครอบครัวสบายเลย
เป็นหมอที่เก่งภาษาอังกฤษด้วยแบบนี้อนาคตดีแน่นอน
สรุปม.ต้นเราเลือกเรียนวิทย์คณิต
พอขึ้นม.ปลาย ช่วงนั้นกระแส AEC กำลังแรง
พวกเค้าเชียร์ให้เราเรียนภาษาอีกครั้ง
ครั้งนี้เราเลือกเรียนอังกฤษจีน ซึ่งก็ทำได้ดีอย่างเคย
จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่
เมื่อเราต้องขึ้นมหาลัย ตอนนั้นเคว้งมาก
ไม่รู้จะไปต่อทางไหน แต่เราคิดว่าเราเก่งภาษา
เป็นครูน่าจะดี หรืออาจจะเป็นไกด์
แต่พ่อเลี้ยงบอกเราว่า โปรแกรมเมอร์ เงินเดือนเยอะ
ตลาดแรงงานกำลังต้องการนะ
สุดท้ายเราเลือกเรียนวิทยาการคอม
เพื่อจะเป็นโปรแกรมเมอร์แบบที่พวกเค้าต้องการ
แต่มีเหตุการณ์เกี่ยวกับสุขภาพทำให้เราต้องดรอปไป
ต้องกลับมาเรียนปี1ใหม่ ที่มหาลัยใหม่ ในสาขาเดิม
แต่ตอนนี้เรากลับมีคำถามในใจ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคำถามใดๆ
ในใจเราคิดว่าทุกสิ่งที่เราทำ มันเป็นสิ่งที่เราชอบหรอ
ตอนนี้เราชอบอะไรกันแน่ ทำไมสิ่งที่ทำอยู่เราต้องฝืน
ฝืนทำมันไปด้วยเหตุผลที่ว่า
ไม่อยากให้พวกเค้าต้องผิดหวังในตัวเรา
เราไม่อยากให้ทุกคนมองครอบครัวเราในแง่ลบนะคะ
แต่เราอยากถามความเห็นของใครหลายๆคน
ว่าเราจะอยู่กับสิ่งที่เราเลือกยังไง
ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ชอบสิ่งนั้นเลย
แต่ถ้าถามว่าเราชอบอะไร ก็ตอบไม่ได้
เพราะเราไม่เคยเดินออกจากเส้นทางที่วางไว้เลย
ไม่เคยลองอะไรในแบบที่ตัวเองอยากจะทำ
ตอนนี้เราเรียนช้ากว่าเพื่อนไป1ปีแล้ว
ถึงเราจะหาสิ่งที่เราชอบจนเจอ
แต่เราคิดว่าถึงเวลานั้นเราคงเลือกจะทิ้งมันอยู่ดี
เพราะแค่ว่าไม่อยากเป็นภาระของพวกเค้านานเกินไป
สิ่งที่เค้าเลือกมาให้มันคงดีอยู่แล้ว
ไม่กล้าแม่แต่จะเปลี่ยนความคิดเลยค่ะ
เราเก็บเอาคำพูดธรรมดาของคนในครอบครัว
มาเป็นความกดดันให้ตัวเองท้อ
อย่างคำพูดที่ว่า ตั้งใจเรียนนะ จะได้มีงานมีการทำที่ดี
มันเป็นประโยคทั่วๆไป แต่มันกลับทำให้เราคิดมาก
อยากรู้ว่ามีใครเป็นเหมือนเราบ้างไหมคะ
แล้วพวกคุณจัดการกับความคิดในหัวของคุณยังไง
ปล.ตั้งกระทู้ครั้งแรก
ถ้ามีข้อผิดพลาดต้องขอโทษด้วยค่ะ
เคยไหม พยายามเป็นคนแบบที่คนอื่นต้องการ จนลืมตัวตนของตัวเองไป
เล่าคร่าวๆก่อนว่าตั้งแต่เล็กๆเราพยายามทำตัวให้เป็นคนในแบบที่ครอบครัวต้องการมาตลอด
ครอบครัวไม่ได้บังคับ เรารู้ว่าพวกเค้าหวังดีกับเรา
แต่เราไม่อยากให้พวกเค้ารู้สึกผิดหวังในตัวเรา
เราก็เลยทำตัวในแบบที่พวกเค้าอยากให้เราเป็น
โดยที่เราไม่เคยบอกพวกเค้าเลยว่า
สิ่งที่เค้าอยากให้เราเป็นเราชอบมันรึเปล่า
จะขอยกตัวอย่างในเหตุการณ์หลักๆในชีวิตนะคะ
เมื่อตอนเราอยู่ประถม เราจะอาศัยอยู่กับคุณย่า
คุณปู่กับคุณย่าคอยบอกกับเราเสมอว่า
คนที่เก่งภาษาอังกฤษ จะได้ดี มีงานการทำที่ดี
พวกเค้าดันให้เราตั้งใจเรียนภาษา เพื่ออนาคตที่ดี
เราทำตามที่พวกเค้าบอก ตั้งใจเรียน
ได้รับเลือกไปแข่งขันด้านภาษาบ่อยๆเลย
แต่แล้วเมื่อเราจบประถม เราย้ายมาอยู่กับคุณแม่
คุณตากับคุณยายบอกเราว่า เรียนวิทย์คณิตสิ่
เป็นหมอเงินเดือนเยอะนะ เลี้ยงครอบครัวสบายเลย
เป็นหมอที่เก่งภาษาอังกฤษด้วยแบบนี้อนาคตดีแน่นอน
สรุปม.ต้นเราเลือกเรียนวิทย์คณิต
พอขึ้นม.ปลาย ช่วงนั้นกระแส AEC กำลังแรง
พวกเค้าเชียร์ให้เราเรียนภาษาอีกครั้ง
ครั้งนี้เราเลือกเรียนอังกฤษจีน ซึ่งก็ทำได้ดีอย่างเคย
จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่
เมื่อเราต้องขึ้นมหาลัย ตอนนั้นเคว้งมาก
ไม่รู้จะไปต่อทางไหน แต่เราคิดว่าเราเก่งภาษา
เป็นครูน่าจะดี หรืออาจจะเป็นไกด์
แต่พ่อเลี้ยงบอกเราว่า โปรแกรมเมอร์ เงินเดือนเยอะ
ตลาดแรงงานกำลังต้องการนะ
สุดท้ายเราเลือกเรียนวิทยาการคอม
เพื่อจะเป็นโปรแกรมเมอร์แบบที่พวกเค้าต้องการ
แต่มีเหตุการณ์เกี่ยวกับสุขภาพทำให้เราต้องดรอปไป
ต้องกลับมาเรียนปี1ใหม่ ที่มหาลัยใหม่ ในสาขาเดิม
แต่ตอนนี้เรากลับมีคำถามในใจ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีคำถามใดๆ
ในใจเราคิดว่าทุกสิ่งที่เราทำ มันเป็นสิ่งที่เราชอบหรอ
ตอนนี้เราชอบอะไรกันแน่ ทำไมสิ่งที่ทำอยู่เราต้องฝืน
ฝืนทำมันไปด้วยเหตุผลที่ว่า
ไม่อยากให้พวกเค้าต้องผิดหวังในตัวเรา
เราไม่อยากให้ทุกคนมองครอบครัวเราในแง่ลบนะคะ
แต่เราอยากถามความเห็นของใครหลายๆคน
ว่าเราจะอยู่กับสิ่งที่เราเลือกยังไง
ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ชอบสิ่งนั้นเลย
แต่ถ้าถามว่าเราชอบอะไร ก็ตอบไม่ได้
เพราะเราไม่เคยเดินออกจากเส้นทางที่วางไว้เลย
ไม่เคยลองอะไรในแบบที่ตัวเองอยากจะทำ
ตอนนี้เราเรียนช้ากว่าเพื่อนไป1ปีแล้ว
ถึงเราจะหาสิ่งที่เราชอบจนเจอ
แต่เราคิดว่าถึงเวลานั้นเราคงเลือกจะทิ้งมันอยู่ดี
เพราะแค่ว่าไม่อยากเป็นภาระของพวกเค้านานเกินไป
สิ่งที่เค้าเลือกมาให้มันคงดีอยู่แล้ว
ไม่กล้าแม่แต่จะเปลี่ยนความคิดเลยค่ะ
เราเก็บเอาคำพูดธรรมดาของคนในครอบครัว
มาเป็นความกดดันให้ตัวเองท้อ
อย่างคำพูดที่ว่า ตั้งใจเรียนนะ จะได้มีงานมีการทำที่ดี
มันเป็นประโยคทั่วๆไป แต่มันกลับทำให้เราคิดมาก
อยากรู้ว่ามีใครเป็นเหมือนเราบ้างไหมคะ
แล้วพวกคุณจัดการกับความคิดในหัวของคุณยังไง
ปล.ตั้งกระทู้ครั้งแรก
ถ้ามีข้อผิดพลาดต้องขอโทษด้วยค่ะ