เมื่อเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ผมเป็นคนหนี่งที่ชอบท่องเที่ยวแถบอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ชอบนั่งรถของป่าไม้ท่ามกลางอุณหภูมิเกือบศูนย์องศา ผ่านป่าสนขนาดใหญ่ไปยังร้านข้าวต้มโต้รุ่งที่มีตู้เพลงแผดเสียงดังในอำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ รวมทั้งมีโอกาสเดินผ่านป่าสนจากน้ำหนาว ข้ามลำห้วยพรมแล้งไปยังเขื่อนจุฬาภรณ์ ผมจึงรู้สึกว่าต้นสนภูเขาเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางท่องเที่ยว หลงรักแม้แต่กลิ่นสาบของป่าสนที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน
เพื่อนผมคนหนึ่งบอกว่าที่ภาคใต้มีสนภูเขาขึ้นกันเกลื่อนเมือง แต่ที่ไหน? ทั้งที่ผมเดินทางไปภาคใต้บ่อยกลับไม่เคยเจอเลย
ปีที่แล้วผมไปเบตง และพบว่าในสวนพฤกษศาสตร์ใกล้อุโมงค์เบตง มีต้นสนสามใบขึ้นเพียบ ตามในรูป
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นสนภูเขาในภาคใต้ แต่ยังไม่ใช่ในเมือง ที่ตัวเมืองเบตงมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งที่คล้ายต้นสน ขึ้นอยู่ตรงดับเพลิง ซึ่งจนบัดนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเป็นต้นอะไรเพราะในสามจังหวัดภาคใต้ การไปสอดส่องอะไรอย่างละเอียด ดูจะเป็นกริยาไม่งาม
ปีนี้ผมก็เลยลองไปสามจังหวัดภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง โดยกะว่าจะใช้เวลาสักสิบวัน และจะไม่ใช้เงินไม่เกินวันละ
1500 บาท (ค่าน้ำมัน 700 ค่าที่พัก 500 ค่ากิน 300)
วันแรกผมออกไปตอนบ่ายจึงไปถึงแค่ทับสะแก พักที่บัวชมพูรีสอร์ท ซึ่งเป็นโรงแรมเล็ก ๆ คนที่พักส่วนใหญ่เป็นคนทำงานเช่นเซลส์ ช่าง และคนแบบผม สภาพทั่วไปก็ดีทีเดียว คืนละ 500 บาท
วันต่อไปผมขับรถผ่านชุมพร และเลี้ยวไปยังระนอง ใช้เวลาไม่นานมากก็ถึง จากนั้นก็ตรงไปน้ำพุร้อน รักษะวาริน เอาขวดแก้วที่เตรียมมากรอกน้ำเป็นที่ระลึก ที่นั่นมีน้ำแร่ขายเหมือนกัน แต่มาจากแหล่งในค่ายทหาร ดังนั้นถ้าอยากได้น้ำพุที่ original ต้องกรอกเอง
อย่างไรก็ตามแถวนั้นไม่มีต้นสน
ผมเข้าพักที่ ‘แลระนองรีสอร์ต’ เป็นโรงแรมเล็ก ๆในตัวเมือง คืนละ 490 บาท สภาพดีมากเกินราคา ที่ดีสุดคือมีที่จอดรถแบบมีหลังคา มีกาแฟสดที่อร่อยมากและอยู่ใกล้ตลาด
รุ่งขึ้นผมขับรถออกจากระนองผ่านพังงา แต่ระหว่างที่ผมขับผ่านตะกั่วป่า ก็ได้พบต้นสนภูเขาในเมืองต้นแรก ผมถึงกับต้องกลับรถมาดูเลยทีเดียว มันแอบขึ้นอยุ่ในร้านรับซื้อปาล์มแห่งหนึ่ง เจ้าของบอกว่าซื้อมาสองต้นและรอดทั้งคู่ เคล็ดลับคือต้องปลูกบนเนินเล็ก ๆ (สูง 1.5 เมตร) มันเป็นสนสามใบ สภาพต้นดูสมบูรณ์ดี
จากนั้นผมก็ขับผ่านกระบี่ ไปยังตรัง หลังจากวนหาอยู่นานก็ได้ที่พักที่ จรูญศักดิ์แกรนด์ สภาพดีมาก แถมยังอยู่ใกล้ร้านอาหารเช้าแบบตรังคือพงษ์โอชา 2
รุ่งขึ้นผมก็ขับรถเข้าพัทลุง หาดใหญ่ ปัตตานี และนราธิวาส
จากปัตตานีเข้านราธิวาส ระยะทางประมาณ 100 กม.เศษ ไกลว่าจากปัตตานีเข้าเบตง ผมรู้สึกเครียดนิดๆ จนเส้นทางกลายเป็นสีเทาเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ระหว่างทางเต็มไปด้วยด่านของทหาร เกือบทุก 10 กิโล แต่ก็ดูเป็นมิตรมาก
มินิรีวิว: การตามหาสนภูเขาในเมืองที่ภาคใต้ และเที่ยวแบบชิลล์ ๆ เน้นนราธิวาส
เพื่อนผมคนหนึ่งบอกว่าที่ภาคใต้มีสนภูเขาขึ้นกันเกลื่อนเมือง แต่ที่ไหน? ทั้งที่ผมเดินทางไปภาคใต้บ่อยกลับไม่เคยเจอเลย
ปีที่แล้วผมไปเบตง และพบว่าในสวนพฤกษศาสตร์ใกล้อุโมงค์เบตง มีต้นสนสามใบขึ้นเพียบ ตามในรูป
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นสนภูเขาในภาคใต้ แต่ยังไม่ใช่ในเมือง ที่ตัวเมืองเบตงมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่งที่คล้ายต้นสน ขึ้นอยู่ตรงดับเพลิง ซึ่งจนบัดนี้ผมก็ไม่ทราบว่าเป็นต้นอะไรเพราะในสามจังหวัดภาคใต้ การไปสอดส่องอะไรอย่างละเอียด ดูจะเป็นกริยาไม่งาม
ปีนี้ผมก็เลยลองไปสามจังหวัดภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง โดยกะว่าจะใช้เวลาสักสิบวัน และจะไม่ใช้เงินไม่เกินวันละ
1500 บาท (ค่าน้ำมัน 700 ค่าที่พัก 500 ค่ากิน 300)
วันแรกผมออกไปตอนบ่ายจึงไปถึงแค่ทับสะแก พักที่บัวชมพูรีสอร์ท ซึ่งเป็นโรงแรมเล็ก ๆ คนที่พักส่วนใหญ่เป็นคนทำงานเช่นเซลส์ ช่าง และคนแบบผม สภาพทั่วไปก็ดีทีเดียว คืนละ 500 บาท
วันต่อไปผมขับรถผ่านชุมพร และเลี้ยวไปยังระนอง ใช้เวลาไม่นานมากก็ถึง จากนั้นก็ตรงไปน้ำพุร้อน รักษะวาริน เอาขวดแก้วที่เตรียมมากรอกน้ำเป็นที่ระลึก ที่นั่นมีน้ำแร่ขายเหมือนกัน แต่มาจากแหล่งในค่ายทหาร ดังนั้นถ้าอยากได้น้ำพุที่ original ต้องกรอกเอง
อย่างไรก็ตามแถวนั้นไม่มีต้นสน
ผมเข้าพักที่ ‘แลระนองรีสอร์ต’ เป็นโรงแรมเล็ก ๆในตัวเมือง คืนละ 490 บาท สภาพดีมากเกินราคา ที่ดีสุดคือมีที่จอดรถแบบมีหลังคา มีกาแฟสดที่อร่อยมากและอยู่ใกล้ตลาด
รุ่งขึ้นผมขับรถออกจากระนองผ่านพังงา แต่ระหว่างที่ผมขับผ่านตะกั่วป่า ก็ได้พบต้นสนภูเขาในเมืองต้นแรก ผมถึงกับต้องกลับรถมาดูเลยทีเดียว มันแอบขึ้นอยุ่ในร้านรับซื้อปาล์มแห่งหนึ่ง เจ้าของบอกว่าซื้อมาสองต้นและรอดทั้งคู่ เคล็ดลับคือต้องปลูกบนเนินเล็ก ๆ (สูง 1.5 เมตร) มันเป็นสนสามใบ สภาพต้นดูสมบูรณ์ดี
จากนั้นผมก็ขับผ่านกระบี่ ไปยังตรัง หลังจากวนหาอยู่นานก็ได้ที่พักที่ จรูญศักดิ์แกรนด์ สภาพดีมาก แถมยังอยู่ใกล้ร้านอาหารเช้าแบบตรังคือพงษ์โอชา 2
รุ่งขึ้นผมก็ขับรถเข้าพัทลุง หาดใหญ่ ปัตตานี และนราธิวาส
จากปัตตานีเข้านราธิวาส ระยะทางประมาณ 100 กม.เศษ ไกลว่าจากปัตตานีเข้าเบตง ผมรู้สึกเครียดนิดๆ จนเส้นทางกลายเป็นสีเทาเพราะไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ระหว่างทางเต็มไปด้วยด่านของทหาร เกือบทุก 10 กิโล แต่ก็ดูเป็นมิตรมาก