https://m.ppantip.com/topic/37494074?
จากที่เคยตั้งกระทู้ข้างต้น หลังจากซ่อมมีเพื่อนสมาชิกเข้ามาถามถึงผลการซ่อม ตั้งใจว่าจะปล่อยไว้1เดือนหลังซ่อมเพื่อให้แน่ใจว่าซ่อมสำเร็จจริง
ขอท้าวความแบบย่อๆ ผมขับมิตซูมิราจปี2012 ใช้มา5ปีกว่า วิ่งไปแสนกว่าโล ได้เกิดแอร์ไม่เย็น ปัญหาที่พบคือ ระหว่างวิ่ง ตอนแรกก็มีความเย็น สักพักก็มีแต่ลม วิ่งต่อสักพักความเย็นก็ออกมา ในรอบ2สัปดาห์เกิดปัญหาอย่างนี้3ครั้ง ครั้งสุดท้ายที่แสดงอาการมีลมออกมาอย่างเดียวเกือบสองชั่วโมง เมื่อความเย็นออกมาก็เย็น แต่เย็นแบบไม่สู้แดดร้อนและไม่เย็นฉ่ำเหมือนแต่ก่อน
ผมได้ค้นจากอินเตอร์เน็ทเป็นหลัก มีไทม์ไลน์การซ่อมกว่าจะสิ้นสุดแก้ไขจนเสร็จ ดังนี้
วันที่1 ขับรถไปหาช่างที่ซ่อมมิตซูอู่หนึ่ง ตอนขับไปแอร์เย็นตามปกติ ไม่เกิดอาการลมออกอย่างเดียว ช่างตรวจสอบไม่พบสาเหตุ(เพราะอาการไม่ออกต่อหน้าช่าง) ช่างบอกว่าน่าจะเกิดจากตู้แอร์สกปรก แนะนำให้ล้างตู้แอร์แบบถอด ต้องนัดล่วงหน้าเพราะต้องใช้ระยะเวลา จึงนัดและกลับ มาครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเสีย
วันต่อมา วันที่2 แอร์เย็นแบบไม่สู้แดดตอนกลางวัน คิดว่าตู้แอร์สกปรกตามที่ช่างวันแรกบอก ลองค้นความรู้ทางอินเตอร์เน็ทพบว่าการล้างตู้แอร์มี2แบบคือแบบถอดตู้และไม่ถอดตู้ และเจอเว็บนึงแนะนำร้านที่อยู่ใกล้ๆที่ทำงานและลองเข้าเว็บของร้านดูเหมือนว่ามีความชำนาญเรื่องการแก้ไขแอร์รถยนต์ไม่เย็นมากและมีการรับประกันงานซ่อม จึงแจ้งอู่ที่ไปวันแรกว่าไม่ล้างแบบถอดแล้ว(เพราะทนร้อนไปอีกหลายวันไม่ไหว จึงขับรถรถไปให้ร้านใกล้ที่ทำวาน พอไปถึงที่ร้านเล่าอาการปัญหาแอร์ไม่เย็นให้เฮียเจ้าของร้านฟัง เฮียเปิดกระโปรงตรวจเช็คบอกว่าให้ล้างตู้แอร์ ร้านเฮียเป็นร้านล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ ใช้เวลาประมาณ20นาทีก็ล้างเสร็จ ค่าใช้จ่าย คือ ล้างตู้แอร์500บาท+เปลี่ยนกรองแอร์200บาท รวม700บาท
หมายเหตุ : ร้านมันเปลี่ยนกรองอากาศให้เฉยเลย ทั้งๆที่กรองเก่าเพิ่งเปลี่ยนใช้มาครึ่งปีกว่าจากศูนย์ ทุกเดือนก็เอาออกมาล้าง คุณภาพกรองเก่าก็ยังดีอยู่ ซื้อศูนย์ราคาประมาณ160 แต่ร้านเฮีย200 พอดูภายนอกคุณภาพของกรอง กรองจากศูนย์ดูดีมีคุณภาพกว่ามาก
หลังจากกลับจากร้านล้างตู้แอร์ ก็คิดว่าปัญหาน่าจะจบ แต่ก็ไม่!
วันที่3 แอร์เกิดมีปัญหาอีกครั้ง แสดงว่าช่างอู่แรก และเฮียเจ้าของร้านซ่อมแอร์ยังไม่ค่อยโอเค เพราะรถยังมีปัญหา จึงได้ลองค้นหาข้อมูลในเน็ทว่าจะเอารถเข้าซ่อมแอร์ที่ไหนดี? ซ่อมศูนย์? หรือซ่อมอู่? และถ้าซ่อมอู่ อู่ไหนดี? เนื่องจากรถหมดประกันศูนย์แล้ว แล้วก็อยากจะซ่อมให้ขาดในร้านที่เรียกราคาค่าซ่อมยุติธรรม และซ่อมจนหายขาด ค้นหาข้อมูลหลายๆเว็บ ซ่อมศูนย์ก็เน้นเปลี่ยนไม่เน้นซ่อมราคาเป็นหมื่น ซ่อมอู่ช่างที่เก่งจนได้รับการยอมรับว่าเป็นช่างแอร์ตัวจริงก็ดันเสียซะแล้ว หลายอู่ก็มีรีวิวด่า สุดท้ายตัดสินใจขับรถไปเปรียบเทียบราคา3ที่ ดังนี้
ที่แรก กลับไปร้านเฮียที่เอารถไปล้างตู้แอร์ บอกว่าแอร์เกิดปัญหายังไม่หาย เฮียตรวจดูแล้วบอกว่าให้เปลี่ยนคอมแอร์ ค่าใช้จ่าย 3,500บาท รับประกัน1ปี
ร้านที่สองไปอู่ที่เน้นซ่อมแอร์แห่งหนึ่ง หลังจากช่างตรวจดูแล้ว ประเมินค่าซ่อมอยู่ที่ระหว่าง 2,000-3,000บาท
ร้านที่เชี่ยวชาญการซ่อมแอร์ร้านที่สาม ช่างตรวจดูคอมแอร์ ผมจึงถามช่างว่าต้องเปลี่ยนคอมแอร์ใหม่มั้ย?(ความคิดติดมาจากคำพูดเฮียร้านล้างตู้แอร์) ช่างร้านนี้บอกว่าจะเปลี่ยนไปทำไม คอมแอร์ไม่ได้เสีย เดี๋ยวจูนคอมแอร์ให้ จึงถามค่าใช้จ่าย ช่างบอกว่าไม่ถึงห้าร้อย จึงตัดสินใจทำที่นี่โดยทันที ใช้เวลาประมาณ4ชม. (3ชม.ช่างซ่อมรถที่รอซ่อมก่อนหน้า ซ่อมรถเราจริง1ชม.) ช่างคิดค่าใช้จ่าย350บาท แต่ผมให้400บาทเลย
วันต่อมา เมื่อคืนขับรถกลับแอร์มันเย็นเพราะมันเป็นเวลากลางคืน แต่วันต่อมานี้ในช่วงเวลากลางวันแดดเปรี้ยงแอร์มันเย็นแบบไม่สู้แดด จึงได้ขับรถกลับไปร้านนี้อีกครั้ง ช่างตรวจสอบและบอกว่า ตอนนี้คอมแอร์ทำงานตามปกติแล้ว แต่ที่แอร์มีความเย็นออกมาไม่เย็นพอเป็นเพราะตัวเลื่อนปรับความเย็นตรงปุ่มACที่มีชื่อว่าเทอร์โมสตัค แนะนำให้ไปเปลี่ยนตัวนี้ที่ศูนย์ เพราะร้านนอกหายาก
วันต่อมา นำรถเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวนี้ ราคาอุปกรณ์ตัวนี้ประมาณเกือบสองร้อยบาท แต่ค่าแรงช่างห้าร้อยกว่าบาท รวม700บาทนิดๆ คิดว่าปัญหามันจะจบ แต่มันก็ไม่จบ!
วันต่อมาขับรถตอนกลางวันก็ยังพบปัญหาแอร์ไม่สู้แดด โทรหาช่าง ช่างบอกว่าให้นำรถเข้ามาดูอีกครั้ง ผมขับรถไปที่อู่ ช่างก็ตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงเปลี่ยนถ่ายน้ำยาแอร์ หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำยาแอร์ แอร์ก็เย็นฉ่ำจนเป็นปกติเหมือนแต่ก่อน (แอร์เย็นฉ่ำคือเย็นหนาวจนไอน้ำเกาะกระจกภายนอกในเวลากลางวันที่แดดเปรี้ยง) เสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 500บาท
บทสรุป
- อู่ที่เน้นซ่อมมิซูอู่แรก วิเคราะห์ปัญหาผิด แต่ไม่มีค่าใช้จ่าย
- เฮียร้านที่เน้นซ่อมแอร์ ก็วิเคราะห์ปัญหาผิด เสียค่าล้างตู้แอร์แบบไม่ถอดและกรองอากาศไป700บาท ถึงแม้วิเคราะห์ปัญหาผิดแต่ก็ถือซะว่าล้างตู้แอร์)
- ร้านที่ซ่อมแอร์ให้กับรถผม วิเคราะห์ผิดตรงที่ตัวเทอร์โมสตัคตัวเดิมของรถผมไม่ได้เสีย ทำให้ผมเสียเงินเปลี่ยนตัวใหม่จากศูนย์ไป700บาท
- สรุปค่าใช้จ่ายกว่าจะแอร์เป็นปกติ
- ล้างตู้แอร์และกรอง 700บาท
- ค่าจูนคอมแอร์ 400บาท (รวมทิป50บาท)
- ค่าเปลี่ยนเทอร์โมสตัค 700บาท (ขอตีเป็นตัวเลขกลมๆ)
- ค่าเปลี่ยนน้ำยาแอร์ 500บาท
รวมเป็นเงิน 2,300บาท!!
นอกจากเงินที่เสียไปแล้ว ยังทีค่าเสียเวลาหลายวัน ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน เพราะแต่ละร้านแต่ละอู่ อยู่ไกลจากที่ผมอยู่มากๆ
ตอนนี้ผ่านมา1เดือนแล้วหลังจากซ่อม ไม่ปรากฎอาการผิดปกติแล้ว แต่ช่วงระหว่างซ่อมก็เล่นเอาซะเหนื่อย แต่ก็ถือเป็นความรู้ครับ
รายงานผลการซ่อมแอร์มิตซูมิราจไม่เย็น
จากที่เคยตั้งกระทู้ข้างต้น หลังจากซ่อมมีเพื่อนสมาชิกเข้ามาถามถึงผลการซ่อม ตั้งใจว่าจะปล่อยไว้1เดือนหลังซ่อมเพื่อให้แน่ใจว่าซ่อมสำเร็จจริง
ขอท้าวความแบบย่อๆ ผมขับมิตซูมิราจปี2012 ใช้มา5ปีกว่า วิ่งไปแสนกว่าโล ได้เกิดแอร์ไม่เย็น ปัญหาที่พบคือ ระหว่างวิ่ง ตอนแรกก็มีความเย็น สักพักก็มีแต่ลม วิ่งต่อสักพักความเย็นก็ออกมา ในรอบ2สัปดาห์เกิดปัญหาอย่างนี้3ครั้ง ครั้งสุดท้ายที่แสดงอาการมีลมออกมาอย่างเดียวเกือบสองชั่วโมง เมื่อความเย็นออกมาก็เย็น แต่เย็นแบบไม่สู้แดดร้อนและไม่เย็นฉ่ำเหมือนแต่ก่อน
ผมได้ค้นจากอินเตอร์เน็ทเป็นหลัก มีไทม์ไลน์การซ่อมกว่าจะสิ้นสุดแก้ไขจนเสร็จ ดังนี้
วันที่1 ขับรถไปหาช่างที่ซ่อมมิตซูอู่หนึ่ง ตอนขับไปแอร์เย็นตามปกติ ไม่เกิดอาการลมออกอย่างเดียว ช่างตรวจสอบไม่พบสาเหตุ(เพราะอาการไม่ออกต่อหน้าช่าง) ช่างบอกว่าน่าจะเกิดจากตู้แอร์สกปรก แนะนำให้ล้างตู้แอร์แบบถอด ต้องนัดล่วงหน้าเพราะต้องใช้ระยะเวลา จึงนัดและกลับ มาครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องเสีย
วันต่อมา วันที่2 แอร์เย็นแบบไม่สู้แดดตอนกลางวัน คิดว่าตู้แอร์สกปรกตามที่ช่างวันแรกบอก ลองค้นความรู้ทางอินเตอร์เน็ทพบว่าการล้างตู้แอร์มี2แบบคือแบบถอดตู้และไม่ถอดตู้ และเจอเว็บนึงแนะนำร้านที่อยู่ใกล้ๆที่ทำงานและลองเข้าเว็บของร้านดูเหมือนว่ามีความชำนาญเรื่องการแก้ไขแอร์รถยนต์ไม่เย็นมากและมีการรับประกันงานซ่อม จึงแจ้งอู่ที่ไปวันแรกว่าไม่ล้างแบบถอดแล้ว(เพราะทนร้อนไปอีกหลายวันไม่ไหว จึงขับรถรถไปให้ร้านใกล้ที่ทำวาน พอไปถึงที่ร้านเล่าอาการปัญหาแอร์ไม่เย็นให้เฮียเจ้าของร้านฟัง เฮียเปิดกระโปรงตรวจเช็คบอกว่าให้ล้างตู้แอร์ ร้านเฮียเป็นร้านล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ ใช้เวลาประมาณ20นาทีก็ล้างเสร็จ ค่าใช้จ่าย คือ ล้างตู้แอร์500บาท+เปลี่ยนกรองแอร์200บาท รวม700บาท
หมายเหตุ : ร้านมันเปลี่ยนกรองอากาศให้เฉยเลย ทั้งๆที่กรองเก่าเพิ่งเปลี่ยนใช้มาครึ่งปีกว่าจากศูนย์ ทุกเดือนก็เอาออกมาล้าง คุณภาพกรองเก่าก็ยังดีอยู่ ซื้อศูนย์ราคาประมาณ160 แต่ร้านเฮีย200 พอดูภายนอกคุณภาพของกรอง กรองจากศูนย์ดูดีมีคุณภาพกว่ามาก
หลังจากกลับจากร้านล้างตู้แอร์ ก็คิดว่าปัญหาน่าจะจบ แต่ก็ไม่!
วันที่3 แอร์เกิดมีปัญหาอีกครั้ง แสดงว่าช่างอู่แรก และเฮียเจ้าของร้านซ่อมแอร์ยังไม่ค่อยโอเค เพราะรถยังมีปัญหา จึงได้ลองค้นหาข้อมูลในเน็ทว่าจะเอารถเข้าซ่อมแอร์ที่ไหนดี? ซ่อมศูนย์? หรือซ่อมอู่? และถ้าซ่อมอู่ อู่ไหนดี? เนื่องจากรถหมดประกันศูนย์แล้ว แล้วก็อยากจะซ่อมให้ขาดในร้านที่เรียกราคาค่าซ่อมยุติธรรม และซ่อมจนหายขาด ค้นหาข้อมูลหลายๆเว็บ ซ่อมศูนย์ก็เน้นเปลี่ยนไม่เน้นซ่อมราคาเป็นหมื่น ซ่อมอู่ช่างที่เก่งจนได้รับการยอมรับว่าเป็นช่างแอร์ตัวจริงก็ดันเสียซะแล้ว หลายอู่ก็มีรีวิวด่า สุดท้ายตัดสินใจขับรถไปเปรียบเทียบราคา3ที่ ดังนี้
ที่แรก กลับไปร้านเฮียที่เอารถไปล้างตู้แอร์ บอกว่าแอร์เกิดปัญหายังไม่หาย เฮียตรวจดูแล้วบอกว่าให้เปลี่ยนคอมแอร์ ค่าใช้จ่าย 3,500บาท รับประกัน1ปี
ร้านที่สองไปอู่ที่เน้นซ่อมแอร์แห่งหนึ่ง หลังจากช่างตรวจดูแล้ว ประเมินค่าซ่อมอยู่ที่ระหว่าง 2,000-3,000บาท
ร้านที่เชี่ยวชาญการซ่อมแอร์ร้านที่สาม ช่างตรวจดูคอมแอร์ ผมจึงถามช่างว่าต้องเปลี่ยนคอมแอร์ใหม่มั้ย?(ความคิดติดมาจากคำพูดเฮียร้านล้างตู้แอร์) ช่างร้านนี้บอกว่าจะเปลี่ยนไปทำไม คอมแอร์ไม่ได้เสีย เดี๋ยวจูนคอมแอร์ให้ จึงถามค่าใช้จ่าย ช่างบอกว่าไม่ถึงห้าร้อย จึงตัดสินใจทำที่นี่โดยทันที ใช้เวลาประมาณ4ชม. (3ชม.ช่างซ่อมรถที่รอซ่อมก่อนหน้า ซ่อมรถเราจริง1ชม.) ช่างคิดค่าใช้จ่าย350บาท แต่ผมให้400บาทเลย
วันต่อมา เมื่อคืนขับรถกลับแอร์มันเย็นเพราะมันเป็นเวลากลางคืน แต่วันต่อมานี้ในช่วงเวลากลางวันแดดเปรี้ยงแอร์มันเย็นแบบไม่สู้แดด จึงได้ขับรถกลับไปร้านนี้อีกครั้ง ช่างตรวจสอบและบอกว่า ตอนนี้คอมแอร์ทำงานตามปกติแล้ว แต่ที่แอร์มีความเย็นออกมาไม่เย็นพอเป็นเพราะตัวเลื่อนปรับความเย็นตรงปุ่มACที่มีชื่อว่าเทอร์โมสตัค แนะนำให้ไปเปลี่ยนตัวนี้ที่ศูนย์ เพราะร้านนอกหายาก
วันต่อมา นำรถเข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวนี้ ราคาอุปกรณ์ตัวนี้ประมาณเกือบสองร้อยบาท แต่ค่าแรงช่างห้าร้อยกว่าบาท รวม700บาทนิดๆ คิดว่าปัญหามันจะจบ แต่มันก็ไม่จบ!
วันต่อมาขับรถตอนกลางวันก็ยังพบปัญหาแอร์ไม่สู้แดด โทรหาช่าง ช่างบอกว่าให้นำรถเข้ามาดูอีกครั้ง ผมขับรถไปที่อู่ ช่างก็ตรวจสอบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ จึงเปลี่ยนถ่ายน้ำยาแอร์ หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำยาแอร์ แอร์ก็เย็นฉ่ำจนเป็นปกติเหมือนแต่ก่อน (แอร์เย็นฉ่ำคือเย็นหนาวจนไอน้ำเกาะกระจกภายนอกในเวลากลางวันที่แดดเปรี้ยง) เสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 500บาท
บทสรุป
- อู่ที่เน้นซ่อมมิซูอู่แรก วิเคราะห์ปัญหาผิด แต่ไม่มีค่าใช้จ่าย
- เฮียร้านที่เน้นซ่อมแอร์ ก็วิเคราะห์ปัญหาผิด เสียค่าล้างตู้แอร์แบบไม่ถอดและกรองอากาศไป700บาท ถึงแม้วิเคราะห์ปัญหาผิดแต่ก็ถือซะว่าล้างตู้แอร์)
- ร้านที่ซ่อมแอร์ให้กับรถผม วิเคราะห์ผิดตรงที่ตัวเทอร์โมสตัคตัวเดิมของรถผมไม่ได้เสีย ทำให้ผมเสียเงินเปลี่ยนตัวใหม่จากศูนย์ไป700บาท
- สรุปค่าใช้จ่ายกว่าจะแอร์เป็นปกติ
- ล้างตู้แอร์และกรอง 700บาท
- ค่าจูนคอมแอร์ 400บาท (รวมทิป50บาท)
- ค่าเปลี่ยนเทอร์โมสตัค 700บาท (ขอตีเป็นตัวเลขกลมๆ)
- ค่าเปลี่ยนน้ำยาแอร์ 500บาท
รวมเป็นเงิน 2,300บาท!!
นอกจากเงินที่เสียไปแล้ว ยังทีค่าเสียเวลาหลายวัน ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน เพราะแต่ละร้านแต่ละอู่ อยู่ไกลจากที่ผมอยู่มากๆ
ตอนนี้ผ่านมา1เดือนแล้วหลังจากซ่อม ไม่ปรากฎอาการผิดปกติแล้ว แต่ช่วงระหว่างซ่อมก็เล่นเอาซะเหนื่อย แต่ก็ถือเป็นความรู้ครับ