กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่เคยรีวิวไปเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนนี้ทางบางกอร์แอร์ฯเค้าได้ย้ายเลานจ์จากโซน C ไป D แล้วนะครับ อยู่ตรงข้ามกับเกท D7
แต่ก่อนจะไปพูดถึงส่วนของการรีวิว ขอเกริ่นนิดนึงว่าครั้งนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกพรีเมียร์แล้ว แต่เข้าโดยใช้สิทธิ์ของ AIS Serenade Platinum ที่คราวก่อนใช้ไม่ได้เนื่องจากใช้สิทธิ์ Check-in Blue Ribbon (ที่ไม่คุ้มค่าอะไรเลย) ไปแล้วนั่นเอง คราวนี้ไม่พลาดครับ แล้วก็มีการอัพเดทในแอพแล้วด้วยว่าใช้ได้แค่สิทธิ์เดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทั้งสองได้ ซึ่งตอนแรกในแอพไม่ได้แจ้ง ก็ถือว่าทาง AIS รับเรื่องไปปรับปรุงตามที่ร้องเรียนแล้ว ต่อไปก็จะไม่มีใครเจอป้ัญหาแบบผมแล้วนะฮะ อิอิ
ขั้นตอนการแลกสิทธิ์ก็ไม่มีอะไรมากครับ เข้าแอพไป กด Redeem จะได้รหัสมา แต่มันจะมีอายุน่าจะ 30 นาที อย่ากดมาจากบ้านนะครับ เดี๋ยวหมดเวลาก่อน ก็ให้พนักงานดู พร้อมกับตั๋วเรา พนักงานก็จะให้รหัส Wi-Fi มา โดยห้องรับรองของ Blue Ribbon Club จะอยู่ซ้ายมือ ส่วนสำหรับผู้โดยสารทั่วไปอยู่ขวามือครับ
เดินเข้ามาก็เหมือนเดิมครับ จะมีพนักงานมาถามว่าจะรับอาหารอะไร มี 2 เมนูให้เลือกคือข้าวพะแนงไก่ กับเกี๊ยวกุ้ง เลยสั่งอย่างหลังไป แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีถามเครื่องดื่มแล้วนะครับ ตอนอยู่ฝั่ง C จะมีถามว่านอกจากอาหารแล้วจะรับเครื่องดื่มอะไร ซึ่งตอนแรกผมก็งง เพราะเข้ามาแล้วไม่เจอที่ให้ตักอาหาร หรือเครื่องดื่มใดๆ เลย ก็งงๆ นิดนึง ตอนนั้นมีผมคนเดียว สักพักถึงมีสุภาพบุรุษอีกท่านเข้ามา ผมก็เดินหารอบๆ ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีตรงไหนเป็นบาร์แบบเดิม เลยถือโอกาสถ่ายรูปก่อนก็แล้วกัน
ภายในจะแบ่งเป็น 4 มุมคือ เข้ามาแล้วฝั่งซ้ายจะอยู่ติดริมทางเดินด้านนอก มีกระจกขั้นอยู่ เดินเข้ามาหน่อยจะมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้งานได้สองเครื่อง ส่วนด้านในจะเป็นมุมเงียบๆ มีฝั่งด้านในเป็นกระจกเพื่อไม่ให้ดูตันๆ เกินไป ส่วนด้านขวาสุดก็มีมุมเก้าอี้นวดอยู่ น่าจะเป็นเก้าอี้ตัวเดิมจากฝั่ง C ย้ายมา
ในส่วนของห้องน้ำ มีแบ่งห้องน้ำชายหญิงตามปกติ ห้องน้ำค่อนข้างกว้างขวางดีครับ สามารถเข้าได้พร้อมกัน 3 คน และมีห้องอาบน้ำให้ด้วย แต่วันที่ผมไปนั้นไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากปรับปรุงอยู่
สักพักพอพนักงานรับออเดอร์จากสุภาพบุรุษอีกท่านไปแล้ว ผมเลยถือโอกาสถามว่าส่วนของบาร์อยู่ตรงไหน เค้าก็แจ้งว่าอยู่ฝั่งขวา ซึ่งตอนแรกผมก็งงๆ ว่าเค้าหมายถึงให้ไปหยิบมาจากฝั่งเลานจ์ปกติหรือเปล่า จริงๆ ไม่ใช่ครับ เดินไปอีกนิด หลังเคาน์เตอร์ด้านนอก จะมีบาร์อาหาร และเครื่องดื่มของ Blue Ribbon Club อยู่ อันนี้น่าจะเนื่องมาจากเลานจ์ใหม่ในฝั่ง D มีขนาดใหญ่กว่าที่เดิมมาก ทำให้แยกเป็นสองส่วนได้เลย ถ้าเดินดุ่มๆ เข้ามาอาจจะไม่ทันสังเกตว่ามีบาร์อาหาร และเครื่องดื่มอยู่อีกฝั่ง
เท่าที่ผมดู รู้สึกว่าพอย้ายมาแล้วออฟชั่นเยอะขึ้นมากครับ ของกินเล่นเพียบ ทั้งคาวหวาน รวมถึงผลไม้ต่างๆ ด้วย นอกจากนั้นหากท่านต้องการไวน์ หรือเบียร์ ท่านยังสามารถสั่งได้เพิ่มเติมจากพนักงานโดยตรง
ส่วนน้ำอื่นๆ มีให้เลือกเยอะมาก รวมถึงน้ำใบข้าว กาแฟเย็น ชามะนาว และช็อคโกแลตเย็น หรือจะใช้เครื่องทำกาแฟทำใหม่ก็ได้เช่นกัน
ส่วนของที่นั่งก็ค่อนข้างพอเพียง และออกจะเหลือเยอะเกินไปด้วยซ้ำในวันที่ผมไป เนื่องจากมีผู้ใช้บริการเพียง 2 คนรวมผม แต่ก็ดีแล้วครับจะได้ไม่ดูอึดอัดเวลาคนเยอะ (เอาจริงๆ เลานจ์เก่าตอนที่อยู่ฝั่ง C ผมไป 5-6 ครั้งก็ไม่เคยเจอคนใช้บริการพร้อมกันเกิน 6 คนเลยนะ)
ส่วนข้อตำหนิมีอย่างเดียวครับ พนักงานห้องครัวที่อยู่หลังบาร์ คุยกันเสียงดังฟังชัดมาก เหมือนกับไม่ทราบว่ามีผู้ใช้บริการด้านนอกอยู่ ซึ่งจะบอกว่าไม่ทราบก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะเค้าก็เตรียมอาหารออกมาให้ และเห็นตอนผมเดินไปตักอาหาร ยังไงก็ต้องรู้ว่ามีคนใช้บริการ แต่โชคดีหน่อยที่มีพื้นที่นั่งให้นั่งอีกฝั่ง เสียงรบกวนเลยดังไปไม่ถึงเท่าไหร่ ถ้าปรับปรุงได้จะเยี่ยมมากครับ
โดยสรุปรวมแล้วถือว่าการย้ายจาก C มา D ก็ค่อนข้างประทับใจเนื่องจากมีการปรับปรุง และเพิ่มอะไรๆ ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่กว้างขึ้น อาหาร และเครื่องดื่มที่มากขึ้น (ไม่เชื่อดูรีวิวเก่าได้ครับ เทียบกันไม่ได้เลย สายกินรู้ดี อิอิ) แต่ต้องเผื่อเวลาเดินนิดนึงเพราะจากเกท C มา D นั้น ขนาดคนที่เดินไวๆ อย่างผมก็เกือบ 8 นาทีเลย ถ้าเดินเรื่อยเปื่อยอาจจะมี 15 นาทีขึ้นได้ครับ ดังนั้นอย่านั่งเพลิน เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทันเอา
ขอจบการรีวิวเลานจ์ใหม่ของ Bangkok Airways Blue Ribbon Club ไว้เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณครับ
[CR] รีวิว Bangkok Airways: Blue Ribbon Club Lounge
แต่ก่อนจะไปพูดถึงส่วนของการรีวิว ขอเกริ่นนิดนึงว่าครั้งนี้ไม่ได้เป็นสมาชิกพรีเมียร์แล้ว แต่เข้าโดยใช้สิทธิ์ของ AIS Serenade Platinum ที่คราวก่อนใช้ไม่ได้เนื่องจากใช้สิทธิ์ Check-in Blue Ribbon (ที่ไม่คุ้มค่าอะไรเลย) ไปแล้วนั่นเอง คราวนี้ไม่พลาดครับ แล้วก็มีการอัพเดทในแอพแล้วด้วยว่าใช้ได้แค่สิทธิ์เดียวเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทั้งสองได้ ซึ่งตอนแรกในแอพไม่ได้แจ้ง ก็ถือว่าทาง AIS รับเรื่องไปปรับปรุงตามที่ร้องเรียนแล้ว ต่อไปก็จะไม่มีใครเจอป้ัญหาแบบผมแล้วนะฮะ อิอิ
ขั้นตอนการแลกสิทธิ์ก็ไม่มีอะไรมากครับ เข้าแอพไป กด Redeem จะได้รหัสมา แต่มันจะมีอายุน่าจะ 30 นาที อย่ากดมาจากบ้านนะครับ เดี๋ยวหมดเวลาก่อน ก็ให้พนักงานดู พร้อมกับตั๋วเรา พนักงานก็จะให้รหัส Wi-Fi มา โดยห้องรับรองของ Blue Ribbon Club จะอยู่ซ้ายมือ ส่วนสำหรับผู้โดยสารทั่วไปอยู่ขวามือครับ
เดินเข้ามาก็เหมือนเดิมครับ จะมีพนักงานมาถามว่าจะรับอาหารอะไร มี 2 เมนูให้เลือกคือข้าวพะแนงไก่ กับเกี๊ยวกุ้ง เลยสั่งอย่างหลังไป แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีถามเครื่องดื่มแล้วนะครับ ตอนอยู่ฝั่ง C จะมีถามว่านอกจากอาหารแล้วจะรับเครื่องดื่มอะไร ซึ่งตอนแรกผมก็งง เพราะเข้ามาแล้วไม่เจอที่ให้ตักอาหาร หรือเครื่องดื่มใดๆ เลย ก็งงๆ นิดนึง ตอนนั้นมีผมคนเดียว สักพักถึงมีสุภาพบุรุษอีกท่านเข้ามา ผมก็เดินหารอบๆ ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีตรงไหนเป็นบาร์แบบเดิม เลยถือโอกาสถ่ายรูปก่อนก็แล้วกัน
ภายในจะแบ่งเป็น 4 มุมคือ เข้ามาแล้วฝั่งซ้ายจะอยู่ติดริมทางเดินด้านนอก มีกระจกขั้นอยู่ เดินเข้ามาหน่อยจะมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้งานได้สองเครื่อง ส่วนด้านในจะเป็นมุมเงียบๆ มีฝั่งด้านในเป็นกระจกเพื่อไม่ให้ดูตันๆ เกินไป ส่วนด้านขวาสุดก็มีมุมเก้าอี้นวดอยู่ น่าจะเป็นเก้าอี้ตัวเดิมจากฝั่ง C ย้ายมา
ในส่วนของห้องน้ำ มีแบ่งห้องน้ำชายหญิงตามปกติ ห้องน้ำค่อนข้างกว้างขวางดีครับ สามารถเข้าได้พร้อมกัน 3 คน และมีห้องอาบน้ำให้ด้วย แต่วันที่ผมไปนั้นไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากปรับปรุงอยู่
สักพักพอพนักงานรับออเดอร์จากสุภาพบุรุษอีกท่านไปแล้ว ผมเลยถือโอกาสถามว่าส่วนของบาร์อยู่ตรงไหน เค้าก็แจ้งว่าอยู่ฝั่งขวา ซึ่งตอนแรกผมก็งงๆ ว่าเค้าหมายถึงให้ไปหยิบมาจากฝั่งเลานจ์ปกติหรือเปล่า จริงๆ ไม่ใช่ครับ เดินไปอีกนิด หลังเคาน์เตอร์ด้านนอก จะมีบาร์อาหาร และเครื่องดื่มของ Blue Ribbon Club อยู่ อันนี้น่าจะเนื่องมาจากเลานจ์ใหม่ในฝั่ง D มีขนาดใหญ่กว่าที่เดิมมาก ทำให้แยกเป็นสองส่วนได้เลย ถ้าเดินดุ่มๆ เข้ามาอาจจะไม่ทันสังเกตว่ามีบาร์อาหาร และเครื่องดื่มอยู่อีกฝั่ง
เท่าที่ผมดู รู้สึกว่าพอย้ายมาแล้วออฟชั่นเยอะขึ้นมากครับ ของกินเล่นเพียบ ทั้งคาวหวาน รวมถึงผลไม้ต่างๆ ด้วย นอกจากนั้นหากท่านต้องการไวน์ หรือเบียร์ ท่านยังสามารถสั่งได้เพิ่มเติมจากพนักงานโดยตรง
ส่วนน้ำอื่นๆ มีให้เลือกเยอะมาก รวมถึงน้ำใบข้าว กาแฟเย็น ชามะนาว และช็อคโกแลตเย็น หรือจะใช้เครื่องทำกาแฟทำใหม่ก็ได้เช่นกัน
ส่วนของที่นั่งก็ค่อนข้างพอเพียง และออกจะเหลือเยอะเกินไปด้วยซ้ำในวันที่ผมไป เนื่องจากมีผู้ใช้บริการเพียง 2 คนรวมผม แต่ก็ดีแล้วครับจะได้ไม่ดูอึดอัดเวลาคนเยอะ (เอาจริงๆ เลานจ์เก่าตอนที่อยู่ฝั่ง C ผมไป 5-6 ครั้งก็ไม่เคยเจอคนใช้บริการพร้อมกันเกิน 6 คนเลยนะ)
ส่วนข้อตำหนิมีอย่างเดียวครับ พนักงานห้องครัวที่อยู่หลังบาร์ คุยกันเสียงดังฟังชัดมาก เหมือนกับไม่ทราบว่ามีผู้ใช้บริการด้านนอกอยู่ ซึ่งจะบอกว่าไม่ทราบก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะเค้าก็เตรียมอาหารออกมาให้ และเห็นตอนผมเดินไปตักอาหาร ยังไงก็ต้องรู้ว่ามีคนใช้บริการ แต่โชคดีหน่อยที่มีพื้นที่นั่งให้นั่งอีกฝั่ง เสียงรบกวนเลยดังไปไม่ถึงเท่าไหร่ ถ้าปรับปรุงได้จะเยี่ยมมากครับ
โดยสรุปรวมแล้วถือว่าการย้ายจาก C มา D ก็ค่อนข้างประทับใจเนื่องจากมีการปรับปรุง และเพิ่มอะไรๆ ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่กว้างขึ้น อาหาร และเครื่องดื่มที่มากขึ้น (ไม่เชื่อดูรีวิวเก่าได้ครับ เทียบกันไม่ได้เลย สายกินรู้ดี อิอิ) แต่ต้องเผื่อเวลาเดินนิดนึงเพราะจากเกท C มา D นั้น ขนาดคนที่เดินไวๆ อย่างผมก็เกือบ 8 นาทีเลย ถ้าเดินเรื่อยเปื่อยอาจจะมี 15 นาทีขึ้นได้ครับ ดังนั้นอย่านั่งเพลิน เดี๋ยวไปขึ้นเครื่องไม่ทันเอา
ขอจบการรีวิวเลานจ์ใหม่ของ Bangkok Airways Blue Ribbon Club ไว้เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น