นโยบายไม่เอาตะวันตกโดยเฉพาะฝรั่งเศสหลังสมัยพระนารายณ์มีผลทำให้อยุธยาอ่อนแอ มีข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพียงใด

ฉากหนึ่งใน "หนึ่งด้าวฟ้าเดียว" แม่ทัพอะแซหวุ่นกี้ทูลพระเจ้ามังระว่ายังไม่ยกทัพใหญ่ลงมารุกรานอยุธยา เพราะศัตรูกำลังแพ้ภัยตัวเองหลังสมัยพระนารายณ์มีนโยบายไม่คบค้ากับชาติตะวันตก โดยเฉพาะฝรั่งเศส กีดกันการค้า ทำให้คนจีนและแขกมาค้าขายแทนซึ่งพวกนี้ซื้อถูกขายแพง ทำเศรษฐกิจอยุธยาไม่ดี ผิดกับอังวะ ซึ่งเปิดการค้ากับชาติตะวันตกเต็มที่ ทำให้เศรษฐกิจดีกว่าอยุธยามาก  

หากเชื่อตามละครเรื่องนี้แล้ว นโยบายไม่เอาฝรั่งหลังสมัยพระนารายณ์ส่งผลให้เกิดการเสียกรุงครั้งที่ 2

"หนึ่งด้าวฟ้าเดียว" ตีความประวัติศาสตร์ไทยอีกทาง ซึ่งตรงข้ามกับ "บุพเพสันนิวาส" เลย

อยากเห็นละครไทยเป็นเช่นนี้มานานแล้ว ซีรีย์เกาหลีก็เกาหลีเถอะ ละครทีวีไทยสู้ได้สบาย
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
กรุงแตกครั้งที่ 2 นี่จะว่าอยุธยาอ่อนแอลงมากก็บอกได้ไม่เต็มปากครับ     อ่อนแอลงน่ะอ่อนแอแน่เพราะสมัยราชวงศ์นี้เน้นค้าขายมากกว่าสงคราม      ทำให้ไพร่พลและทหารด้อยฝีมือลงไปมากส่งไปรบกับพม่ากี่ทีก็แตกกลับมาหมด      แต่ปัจจัยที่ทำให้อยุธยาถึงกาลอวสานจริงๆมันคือนโยบายของอยุธยาเองต่างหาก

หลังจากพระเพทราชายึดอำนาจตั้งราชวงศ์บ้านพลูหลวงขึ้นมานั้นบรรดาหัวเมืองต่างๆก็มีการต่อต้านกันหลายรอบ    ส่งผลให้พระเพทราชาต้องยกทัพไปปราบกบฎกันเกือบๆจะตลอดเวลาที่ครองราชย์เลย      ด้วยเหตุนี้ราชวงศ์บ้านพลูหลวงจึงตัดสินใจออกนโยบายลดอำนาจหัวเมืองลง      หัวเมืองต่างๆทำอะไรเองแทบไม่ได้เลยหากอยุธยาไม่ออกคำสั่งไป     จะเกณฑ์ไพร่พลรึแม้แต่ติดต่อกับหัวเมืองอื่นเองก็ยังทำไม่ได้ต้องขออนุญาตจากอยุธยาก่อน      และนี่เองคือจุดเริ่มต้นแห่งหายนะ

ดั้งเดิมอยุธยานั้นมียุทธศาสตร์ในการรับศึกคือเน้นตั้งรับในเมืองโดยจะมีปัจจัยสองอย่างมาช่วยรับศึกด้วย      หนึ่งคือน้ำหลากและสองคือทัพจากหัวเมืองที่ยกมาช่วยตีศัตรู     ลำพังอยุธยาเองเป็นเกาะเมืองยากที่ศัตรูจะข้ามน้ำเข้าไปตีเมืองตรงๆได้อยู่แล้ว     และยิ่งเมื่อมีกองทัพจากหัวเมืองมาช่วยอยุธยาตีกระหนาบศัตรูในนอกร่วมประสานเจอแบบนี้ศัตรูก็รับศึกหนัก     บวกกับน้ำหลากที่มาไล่อีกทำให้ไม่มีศัตรูรายไหนที่ล้อมอยุธยาเอาไว้ได้ยาวนานเลย      แต่เมื่อราชวงศ์บ้านพลูหลวงลดอำนาจหัวเมืองลงก็ส่งผลให้หัวเมืองต่างๆเกณฑ์ไพร่พลและส่งกองทัพมาช่วยอยุธยาตีกระหนาบข้าศึกไม่ได้      ทำให้พม่าสามารถตั้งค่ายล้อมอยุธยาได้อย่างสบายใจไม่ต้องคอยระวังหลัง    พม่าก็ค่อยๆบุกตีค่ายป้องกันของอยุธยาไปเรื่อยๆเด็ดกิ่งก้านไปทีละค่ายๆ     จนสุดท้ายเมื่อตีค่ายทางตอนใต้ได้ก็ทำให้อยุธยาสูญเสียเส้นทางลำเลียงเสบียงและอาวุธไป     เมื่ออยุธยาหายุทธปัจจัยต่างๆมาเสริมไม่ได้แล้วกองทัพพม่าก็แค่ล้อมไปเรื่อยๆรอวันที่เสบียงและกระสุนดินดำของอยุธยาร่อยหรอลง      พอน้ำหลากมาก็หลบไปหาที่ดอนตั้งมั่นรอน้ำหลากหมดไป      เมื่อน้ำหลากหมดไปคราวนี้ลางมรณะก็มาเยือนอยุธยาแล้วเพราะศัตรูก็ยังล้อมอยู่แถมเสบียงกับอาวุธก็ร่อยหรอ     แต่อยุธยาก็ยังกัดฟันต่อต้านป้องกันพม่าเอาไว้ได้เรื่อยๆอีกหลายเดือนโดยหวังว่ารอถึงน้ำหลากครั้งต่อไปยังไงพม่าก็ต้องล่าถอย     แต่กลับต้านไว้ได้ถึงแค่สงกรานต์ไม่ถึงช่วงน้ำหลากเพราะพม่าใช้กลวิธีขุดอุโมงค์มาเผารากกำแพง      บวกกับประชาชนในอยุธยาเห็นท่าไม่ดีเริ่มทยอยหลบหนีออกไปจากเมืองเป็นจำนวนมากแล้วทำให้ศักยภาพของอยุธยาลดลงไปอย่างมาก    เมื่อพม่าพังกำแพงเมืองเข้ามาได้ก็ถึงจุดวิกฤติทำได้แค่ต่อต้านไปเรื่อยๆและทยอยหนีออกจากเมืองไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่