[CR] [ เ ที่ ย ว ไ ห ม พี่ ] . . . มาเลเซีย อินเดีย 13 วัน ไม่ถึง 25,000 . . . { EP.1 กัวลาลัมเปอร์ สู่ นิวเดลี }

สวัสดีครับเพื่อนชาวห้องบลู วันนี้ได้ฤกษ์งามยามดี นั่งว่างๆไม่มีงานทำ
กลับไปอ่านกระทู้เก่าที่เคยรีวิว (ซึ่งรีวิวไม่จบด้วย)
ก็ได้ไอเดียอยากเขียนเก็บไว้เป็นไดอารี่ท่องเที่ยวของตัวเอง และครั้งนี้สัญญาว่าจะต้องเขียนให้จบ

คร่าวๆ เลยคือผมเพิ่งไปอินเดียทางตอนเหนือมา ถือเป็นการไปอินเดียครั้งที่ 2 ในชีวิต
เริ่มจากการนิมิตหาตั๋วถูกไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงสงกานต์ แล้วก็เปิดไปเจอตั๋วแอร์เอเซียบินไปเดลี
แต่ต้องไปรอต่อเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ 17 ชม.
อ่าว....อย่างนี้ผมก็ได้เที่ยวกัวลาลัมเปอร์ด้วยซิ ยังไม่ทันจะได้คิดวันลาเลย
มือก็กดจ่ายเงินไปเรียบร้อยแระ และนี่คือแผนการเดินทางคร่าวๆ ของทริปนี้


ที่หลักที่เราจะไปคืออินเดีย เริ่มตั้งแต่นั่งเครื่องไป "กัวลาลัมเปอร์" เที่ยว Petronas Twin Towers, Batu Caves
แล้วเปลี่ยนเครื่องไป "เดลี" เสร็จต่อเครื่องไป "ชิมลา" อยู่เเที่ยว Mall rd, The Ridge, Christ Church, Shimla railway
เสร็จนั่งบัสต่อไป "ดารัมซารา" เที่ยว Dalai Lama Temple,Tibet Museum  
จากนั้นเหมาแท๊กซี่ต่อไป "อมฤตสาร์" เที่ยว Golden Temple,Jallianwala Bagh,Wagah
ต่อด้วยการนั่งบัสนอนไป "จัมมู" และแชร์แท๊กซี่ไป "ศรีนาการ์" อยู่ที่ยว Mughal Gardens, Shalimar, Nishat, Chashmashahi, เล่นหิมะที่ Gulmarg
ตามด้วยแชร์แท๊กซี่ไป "เลห์" เที่ยว  Spituk ,Hall of Fame, Gurudwara,Magnetic Hill,Likir ,Alchi, Confluence of the Indus and Zanskar Rivers
เสร็จนั่งเครื่องกลับ "เดลี" แวะเที่ยว IndiaGate, Mughal Gardens, Gurudwara Bangla Sahib
สุดท้ายนั่งเครื่องไป "โกลกาตา" ต่อเครื่องกลับไทย 5555+ เบ็ดเสร็จ 13 วัน
ในงบ 25,000 บาท รวมทุกอย่างแล้ว ตอนแรกก็ไม่นึกว่าจะทำได้ แต่มันทำได้จริงๆครับ ท่านผู้ชม
รีวิวนี้เน้นข้อมูลหลักๆ เรื่องราคา และแผนการเที่ยวนะครับ สำหรับใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบสำหรับ Backpacker



สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนไปอินเดีย
1. E-Visa 51.25 USD *1,644 บาท   https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html  เข้าไปทำตามเวปนี้เลย
ของผมอนุมัติไม่เกิน 2 วัน ไปได้ยันเลห์เลยครับ วีซ่าอยู่ได้ 2 เดือน เข้าออกได้ 2 ครั้ง สะดวกกว่าไปยื่นแบบเก่าเยอะ


2. แลกเงินไป ตามสูตรของผมคือวันละ 1,000 และ บวกเพิ่มไปอีก 1,000 เผื่อฉุกเฉิน ผมไป 13 วัน ก็แบ่งแลกเป็นริงกิต 2,000 รูปี 11,000 เช็คเรตที่ https://www.superrich1965.com/  ควรแลกรูปีไปเลยครับ คุ้มกว่าเยอะ เพราะเรต USD กดราคามากที่สนามบิน 1 USD แลกได้ 60.75 รูปี ถ้าไปตามเมืองท่องเที่ยวที่ชิมลาแลกได้ 63 รูปี ดารัมซารากับเดลีได้ 64 รูปี ผมมาคำนวนดูแล้วแลกจากไทยไปเลยคุ้มกว่าครับ แต่บางท่านอาจคิดว่าแลก USD ไปใช้ไม่หมดเอากลับมาแลกคืนได้เรตดีกว่าเอารูปีมาแลกคืน อันนี้ก็จริงครับ แต่ทุกอย่างอยู่ที่ความพอดี พูดแบบนี้ดีกว่า

3. ยา Diamox เอาไว้แก้อาการ High Altitude Sickness พูดง่ายคือ โรคที่เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ในภาวะที่มีออกซิเจนน้อย อย่างวันแรกที่ผมบินจากเดลีไปชิมลา ลงเครื่องได้แปปเดียวอาการปวดหัวมาเลย ที่เลห์ก็เป็น บางคนหนักๆ นอนไม่หลับ เหนื่อยง่าย หายใจเร็ว ปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ เห็นภาพซ้อน บลาๆๆ ฉะนั้นยานี้สำคัญ ต่อไปก็ยาสามัญทั่วไป พารา แก้แพ้ พลาสเตอร์ยา ติดไปด้วยก็ดี

4. พาสปอต อย่าลืมเอาไปนะ ความจริงไม่ต้องบอกก็ได้ใช่ไหม แต่จะให้ดีพวก E-Visa / ใบจองโรงแรม / หลักฐานสำคัญต่างๆ โหลดเก็บไว้เป็น PDF ไว้ในมือถือด้วยก็ดีนะครับ

5. Google Maps โหลดเป็น Ofline ไว้เลยคุณได้ใช้แน่ ก็ดูว่าจะไปเมืองไหนบ้างโหลดเก็บไว้มันจะพาเราไปถึงที่หมายได้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้าคุณจองโรงแรมผ่าน Agoda นางจะมีฟังก์ชั่น Directions กดเข้าไปมันจะนำทางไม่ต่างจากที่เรา Online เลย อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่าแท๊กซี่จะพาเราอ้อมไหม พาเราออกนอกเส้นทางรึป่าว หรือเอาไว้ดูระยะทางเพื่อคำนวนความใกล้ไกล เวลาต่อราคาค่ารถก็ได้ หรือถ้าไม่ไกลมากแบบเดินได้ไม่เกินโล ก็เดินโลดครับ

6. ไดร์เป่าผม อันนี้ recommend เลยเพราะเจอมากับตัว ถ้าคุณมีก็ควรเอาไป เพราะผมเจอโรงแรมที่ไม่มีฮีทเตอร์ให้ ยิ่งถ้าเป็นที่เลห์ซึ่งเป็นเมืองที่หาความแน่นอนไม่ได้ เน็ตก็ติดๆดับๆ น้ำอุ่นก็ไม่ทันได้อุ่น การเอาไดร์เป่าผมเป่าเอาลมร้อนแล้วซุกตัวในผ้าห่มก็จะอาจจะช่วยทำให้คุณรอดตายได้

7.เสื้อกันหนาว อันนี้จำเป็นคุณอาจจะไปเห็นภาพผมจะไล่ลำดับจากร้อนสุดไปหนาวสุดละกัน ร้อนสุดคืออมฤตสาร์-เดลี-ชิมลา-ดารัมซารา-ศรีนาคาที่กุลมาร์คอันนี้หนาวจริงแต่ให้รองจากเลห์เพราะเราไม่ได้นอนบนนั้น ไม่ได้อยู่บนนั้นทั้งวันทั้งคืนนะจ๊ะ-เลห์อันนี้หนาวสุด หนาวแบบมีลม หนาวแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพสักคำ

8. ตัวแปลงไฟ เพราะบ้านเค้าใช้ปลั๊กไม่เหมือนบ้านเรา เอาตัวแปลงไปด้วยนะตัวเธอ


ร่ายมายาวเกินไปและเริ่มต้นการเดินทางกันดีกว่า

10 – 11 เมษายน 2018
เริ่มต้นวันแรกของการเดินทางด้วยเครื่องหางแดง ออกจากดอนเมืองไปกัวลาลัมเปอร์เที่ยว 5ทุ่ม10
ไปถึงกัวลาลัมเปอร์ ตี 2 หน่อยๆ เวลาบ้านเค้าจะเร็วกว่าเรา 1 ชม.
เวลานี้เป็นเป็นเวลาท้องถิ่นของที่นั่น ไปถึงกลางดึกขนาดนี้
จะนั่งรถไปโรงแรมเลยก็ใช่ที่ผมก็เลยหาที่นอน รอออกจากสนามบินซักตี 5
ให้ไปเช้าที่โรงแรมดีกว่าเพราะจองห้องไว้วันที่ 11
การเดินทางไป kl sentral ก็ไม่ได้ยาก ผ่าน ตม. ออกมาได้ก็เดินไปตามป้ายไปเรื่อยๆ เลยครับ
หาป้ายที่เขียนว่า Bus เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ จะเจอที่ขายตั๋ว เจอช่องที่ 3 ก็จัดได้เลยครับ



เรียกได้ว่ารถออกทุก 20 นาที มาไฟท์ไหนก็เข้าเมืองได้ด้วยราคาแสนถูกเพียง 12 ริงกิต/คน
ผมซื่อตั๋วเวลา 05.30 มองนาฬิกาตัวเอง เอ้ย นี่มันเพิ่งตี 3 เอง หาที่นอนรอเวลา
พอตี 04.45 ก็เดินไปขึ้นรถได้เลยครับ ทางออก 2 จำไว้เลย รถจอดหน้าประตูเลย




ใช้เวลาเดินทาง ชม. นิดๆก็ถึง kl sentral แล้วครับ รถจอดใต้สถานีเลย
การเดินทางไปโรงแรมก็ง่ายมากๆ เดินออกจากสถานีข้ามถนนมาสังเกตซอยที่มี 7-11
แล้วเลี้ยวซ้ายเข้ามาเลยโรงแรมอยู่ทางขวามือ โรงแรมชื่อ มาย โฮเทล เซ็นทรัล 2
ผมจองผ่านอโกดาในราคา 422 บาท แต่ความพิเศษของโรงแรมนี้
ถ้าเช็คอินก่อน 14.00 ต้องเสียเงินเพิ่ม 380 บาท
โอ้พระเจ้า เหมือนเราซื้อห้องใหม่เพิ่มอีกห้องเลย
เอาหล่ะไม่เป็นไรทำใจยอมรับสภาพ นอนเอาแรงแพพ อาบน้ำเสร็จ
เริ่มต้นการเที่ยวกัวลาลัมเปอร์เลย หลักๆที่จะไปมี 2 ที่คือ ตึกแฝดปิโตรนาสกับถ้ำบาตู
เพราะไปง่าย ใช้เวลาไม่นาน สำคัญคือเป็นเส้นทางตามรถไฟฟ้า
เริ่มที่แรกเลย ตึกแฝดปิโตรนาส เดินกลับไปที่สถานี kl sentral ครับ ขึ้นไปชั้น 2 ที่ขายตั๋ว
อาจจะเกิดอาการงงนิดหน่อย ทำไมมีหลายสายจัง ง่ายๆครับ หาสายที่เป็นสีชมพู


แล้วซื้อตัวลงที่สถานี KLCC


สถานนี้อยู่ใต้ตึกแฝดเลยครับ ราคา 2.40 ริงกิต


โผล่ขึ้นมาก็จะเจอตึกแฝดรอเราอยู่  


โอเคถ่ายรูปจนหน่ำใจก็นั่งกลับมาที่ kl sentral ต่อ เพื่อที่จะไปถ้ำบาตูกัน
แต่ถ้ำบาตูเราจะต้องนั่ง shuttle bus เพื่อไปที่สถานี kl sentul ก่อน เป็นรถฟรีครับ หาง่ายๆ
เดินลงจากสถานีมาชั้นล่างที่เราลงรถจากสนามบินมาเมื่อเช้านั่นแหละครับ วินรถจะอยู่หัวขบวนเลย
เค้าจะเขียนว่าไป kl sentul / batu caves ขึ้นไปนั่งได้เลย ไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งสิ้น
ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึง kl sentul แล้วครับ
จาก kl sentul เราก็ซื้อตั๋วรถไฟฟ้าไป สถานี batu caves ประมาณ 2 ริงกิตได้
ไม่ต้องกลัวนั่งเลยป้ายครับเพราะ batu caves เป็นสถานีสุดท้ายของสายนี้
หลักๆที่เที่ยวของถ้ำบาตูคือ รูปปั้นเทพของศาสนาฮินดูขนาดใหญ่




สถานที่ประกอบพิธีกรรมในศาสนาฮินดู ประมาณนี้ครับ ส่วนขากลับก็เหมือนเดิมครับ
มายังไงก็กลับอย่างนั้น พอถึง kl sentral ก็แวะดูตั๋วรถบัสไปสนามบินหน่อย
เพราะผมมีไฟท์ไปเดลีตอน 6 โมงเย็น


กลับโรงแรมอาบน้ำ หาไรกินนิดหน่อยก็ได้ซื้อตั๋วรถบัสแล้วเดินทางไปสนามบินกัน เผื่อเวลาซัก 2 – 3 ชม.ก่อนเครื่องออก
เพราะเราไม่รู้เวลาเร่งด่วนของเมืองนี้ เช็คอิน ผ่าน ตม. เรียบร้อยก็ขึ้นเครื่องไปเดลีกันต่อเลย
รอบนี้นั่งเครื่องใหญ่ Airbus A330 กิจกรรมบนเครื่องไม่มีอะไรนอกจากขายของอย่างกับตลาดนัด
แขกเดินกันให้วุ่น ผมก็เลยจัดการใช้เงินริงกิตให้หมด จำได้ว่าแลกไว้ใช้ 2000 บาท
ซื้อเบียร์กับขนมกินบนเครื่องก็หมดแล้วครับ จบเรียบร้อย 1 วันในกัวลาลัมเปอร์
ความจริงมีที่เที่ยวที่นั่งรถไฟฟ้าผ่าน ไม่ไกลจากที่พัก ทางผ่านที่จะไปตึกแฝด
เป็นสถานีรถไฟคล้ายๆ หัวลำโพงบ้านเรา
สวยดีครับ ดูอลังดี แต่เวลามีน้อย กลัวตกเครื่อง
จบไปหนึ่งวันในกัวลาลัมเปอร์ เจอกันต่อที่เดลีครับ

รวมค่าใช้จ่ายวันที่ 10- 11
ค่าตั๋วเครื่องบินแอร์เอเซีย ดอนเมือง-กัวลาลัมเปอร์-เดลี 3815
บัสไป-กลับ  kl sentral 24 ริงกิต *192 บาท
โรงแรม 422 บาท
Earlier check in 380 บาท
ไฟฟ้าไป-กลับ ตึกปิโตนาส 4.8 ริงกิต *39 บาท
บัสไป-กลับ kl sentul ฟรี
ไฟฟ้าไป-กลับ batu caves 4 ริงกิต *32 บาท
**อัตราแลกเปลี่ยน 1 ริงกิต ประมาณ 8 บาท

******รวม  4,889 บาท

ปล.รีวิวนี้ ผมไม่ได้ลงค่าอาหารนะครับ เพราะกินไปเยอะมาก รูปก็ไม่ได้ถ่าย ราคาก็จำไม่ได้
แต่อยู่ในงบ 25,000 นี่แหละ เด่วค่อยมาแจงกันทีหลังนะ
ชื่อสินค้า:   กัวลาลัมเปอร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่