คุณเคยเชื่อใจใครมากๆ ไว้ใจใครที่สุด มุ่นใจว่าคนๆนั้นจะไม่มีวันทำร้ายเรา แต่สุดท้ายไม่ใช่แบบที่เราคิดไหมค่ะ?
และถ้าคุณคิดว่าการเชื่อใจ ไว้ใจ จะใช้ได้กับทุกคน เราอยากให้คุณอ่านเรื่องราวของชีวิตฉันดูค่ะ
เราชื่อเอมค่ะ (นามสมมตินะ) อายุ23ปี เป็นสูกสาวคนเดียว ครอบครัวเราเป็นครอบครัวเดี่ยวๆสามคนพ่อแม่เรา ตั้งแต่เด็กเราก็เป็นเด็กที่ดื้อนิดนึงตามพาษาบูกคนเดียว เวลาอยู่โรงเรียนก็ซนบ้างเรียนร้อยบ้างผลการเรียนปานกลาง สมัยประถมก็มีเพื่อสนิทอยู่ 4 คน ชายหนึ่ง(น.) หญิงสี่(ข. ผ. ฟ.) ย้อนไปตอนนั้นเรามีความสุขมากเลย เด็กอ้ะนะ มันไม่มีอะไรให้คิดมากนักหรอก ใช้ชีวิตตามภาษาเด็กๆไป เพื่อนเราทั้งห้าคนสนิทมากนะถึงขั้นแม่อนุญาตให้ไปนอนค้างบ้านเพื่อนได้แต่ประถมอ่ะ เรื่องกเหมือนจะดีน่อ จนกระทั่งป.6 ช่วงชีวิตที่เด็กอย่างพวกเราต้องเรียนรู้ที่จะแข่งขันกัน เพื่อสอบเข้ามัธยม แต่อยู่ๆก็มีข่าวว่าเพื่อนเรา น. กับ ผ. คบกัน ตอนแรกได้ยินก็ตกใจนะ ไม่ใช่ไรหรอก เพื่อนชาย น.อ้ะ บุคลิกจะตุ้งติ้งหน่อย เอาจริงเรานึกว่าเป็นกะเทยด้วยซ้ำ เห็นเพื่อนคบกันเราก็ดีใจ จนเดือนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน เราก็เอาเฟรนชิพไปให้เพื่อนสนิทเขียน ระหว่างช่วงนั้นเราก็เหมือนรู้สึกถึงความสัมพันธ์ในกลุ่มมันทะ

ๆเหมือนเพื่อนทำตัวแปลจากเราไป พอถึงวันที่ น. เพื่อนชายเราเอาเฟรนชิพมาให้ เราก็เปิดดู ตกใจมากอ้ะ เพื่อนเขียนว่า /ฉันไม่ได้ชอบแก/ ตอนนั้นคืองงมาก ก็หน้าชาๆไป คืออยากรู้ว่าเพื่อนไปเอาความคิดนี้มาจากไหน ไปๆมาๆ เพื่อน ข. ดันไปบอก ผ. กับ น. ที่คบกันอยู่ ว่าเราแอบชอบ น. คือก็งงอ้ะแหละ แต่จุกมากกว่า มันไม่ใช่ความจริงเลยสักนิดที่เราสนิทก็เป็นเพื่อนกันมานานอีกทั้งเราคิดว่าเทอเป็นตุ๊ดด้วยซ้ำไป เจ็บใจวุดคือเพื่อน ข. ต้องการไรรึ วัยประถมของฉันก็จบลง
โตมาหน่อยวัยมัธยม ก็ยอมรับว่าค่อนข้างปิดกั้นตัวเอง ไม่ค่อยอยากมีเพื่อนหรอกกลัวการหักหลัง แต่ก้มีที่คบได้บ้าง อยู่เล็กน้อย
ชีวิตก็เหมือนจะดี ฉันอยู่ม.6 ตอนนั้นต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ผลสอบออกฉันติดคณะพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เด็กต่างจังหวัดอย่างฉันจึงต้องผัดแปรมาเป็นสาวชาวกรุ่ง นอนหอวิทลัย ย้ายมาตัวคนเดียว ตอนนั้นฉันทิ้งให้พ่อกัยแม่ต้องอยู่บ้านกันเองสองคน นึกสภาพบ้านหลังปานกลางสองชั้น ในซอยลึกๆหน่อยอ้ะ เรามาอยู่กรุงเทพสัดพัก นานๆกลับมาบ้าน เสาอาทิดที ก็เหมือนกลับทีการพูด การสนทนาน้อยลงแปลก เราก้ไม่คิดอะไร คงเพราะเรานานๆกลับ บางที พ่อกับแม่อาจเหนื่อยที่ต้องหาเงินเลี้ยงส่งเราเรียนด้วยมั้ง ระหว่างเรียนแม่ก็มักโทรหาเราบ่อยๆ บ่นว่าพ่อไม่กลับบ้านบ้าง นอยว่าเค้าไม่มีผู้หญิงอื่นบ้าง เราก็บอกไปว่าแม่คิดมาก มันไม่มีอะไรหรอก จนวันนึงเราได้รับโทรศัพท์ของแม่ เป็นเสียงของแม่ที่กำลังทะเลาะกับพ่อ....และดูเหมือนพ่อกำลังทำร้ายแม่ สักพักเป็นเสียงปิดประตูไป แม่ก็เอาแต่ร้องไห้ /บอกว่ารักหนูคนเดียว แม่ไม่เหลือใครแล้ว แม่อยากตาย/ใจเราอ๋อ ไม่รู้เหมือนกันชาไปหมด จุกพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าโกรธ หรือคิดอะไีอยู่ เราเคารพพวกท่านมาโดยตลอด คิดตลอดว่าตัวเองโขคดีแค่ไหนที่มีครอบครัวที่ดีอบบนี้ อีกแค่ปีเดียวก็จะจบ จะมีรูปถ่ายรับปริญญากับพ่อแม่แค่นี้ชีวิตก้ไม่ต้องการอะไรและ้ว เพราะไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัว ที่ผ่านมาจึงไม่เคบทะเยอทะยานมีแค่ไหนเอาแค่นั้น นึดเสมอมาฉันพอแล้ว ฉันมีความสุขแล้ว แม่เรากลายเป็นต้องอยู่คนเดียวที่บ้านในซอยลึกๆ บางวันท่านเหงามากๆก็จะโทรมาร้องไห้
ช่วงเวลาพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็เหมือนจะผ่านไปเรื่อยๆ เราใช้ชีวิตด้วยความนิ่งมากขึ้น ไว้ใจคนน้อยลง มีเพื่อนกลุ่มใหญ๋10กว่าคนแต่สนิทจริง2คน เป็นเพื่อสองคนที่เรารักมาก พวกเราผ่านอะไรมาเยอะสนิทมากจนเล่าทุกอย่างให้ฟังชื่อ อ. กับ ล. เราใช้ชีวิตกินนอนหอเดียวกันมาสี่ปีจนวีนนี้ อีกแค่สองงเดือนกับการจบปีสี่ เพื่อน ล. มาถามคิดเห็นเราเรื่องเพื่อนคนนึงสมมตชื่อ ป. อารมพูดลับหลังก็ว่าได้แหละ ด้วยความสนิทไง เราก็พูดนู่นนี่นั่นไป ด้วยไม่คิดอะไร แต่พอเข้าห้องเรียนอยู่เพื่อน ป. ก็เดินมาหาเราแล้วบอก /เมื่อเช้าพูดอะไร พูดงั้หมายความว่าไง..../ ใส่ๆๆๆๆเราไปพักนึง ตอนนั้นก้เบลอๆพอตั้งสติได้ก็ถามว่าหมายถึงอะไร เพื่อน ป. บอกว่า เพื่อน ล.ของเราเล่าให้ฟังว่าเราพูดถึงแบบนี้ๆ ...... เอาอีกแล้ว แผลเดิมอีกแล้ว จุดเดิมเลย ซ้ำๆๆๆๆเข้าไป หักหลังอีกแล้ว ฉันโดนทรยศอีกแล้ว ต้องเจออีกกี่ครั้งเหรอคนแบบนี้
### สุดท้ายฉันไม่ได้อยากจะมีทัศนคติไม่ดีหรอกนะ แต่ที่ผ่านมา คนรอบตัวฉัน คนในครอบครัวฉัน ทุกคนล้วนหักหลังฉันไป ความไว้เนื้อเชื่อใจไม่ได้มีไว้สำหรักทุกคนหรอกนะ ฉันนั้นพิสูจน์มาแล้ว
ความเชื่อใจ ไว้ใจ ยังมีจริงเหรอ (ไม่ใช่กระทู้อกหักนะคะ แค่อยากแชร์ประสบการณ์การไว้ใจใครมากไป)
และถ้าคุณคิดว่าการเชื่อใจ ไว้ใจ จะใช้ได้กับทุกคน เราอยากให้คุณอ่านเรื่องราวของชีวิตฉันดูค่ะ
เราชื่อเอมค่ะ (นามสมมตินะ) อายุ23ปี เป็นสูกสาวคนเดียว ครอบครัวเราเป็นครอบครัวเดี่ยวๆสามคนพ่อแม่เรา ตั้งแต่เด็กเราก็เป็นเด็กที่ดื้อนิดนึงตามพาษาบูกคนเดียว เวลาอยู่โรงเรียนก็ซนบ้างเรียนร้อยบ้างผลการเรียนปานกลาง สมัยประถมก็มีเพื่อสนิทอยู่ 4 คน ชายหนึ่ง(น.) หญิงสี่(ข. ผ. ฟ.) ย้อนไปตอนนั้นเรามีความสุขมากเลย เด็กอ้ะนะ มันไม่มีอะไรให้คิดมากนักหรอก ใช้ชีวิตตามภาษาเด็กๆไป เพื่อนเราทั้งห้าคนสนิทมากนะถึงขั้นแม่อนุญาตให้ไปนอนค้างบ้านเพื่อนได้แต่ประถมอ่ะ เรื่องกเหมือนจะดีน่อ จนกระทั่งป.6 ช่วงชีวิตที่เด็กอย่างพวกเราต้องเรียนรู้ที่จะแข่งขันกัน เพื่อสอบเข้ามัธยม แต่อยู่ๆก็มีข่าวว่าเพื่อนเรา น. กับ ผ. คบกัน ตอนแรกได้ยินก็ตกใจนะ ไม่ใช่ไรหรอก เพื่อนชาย น.อ้ะ บุคลิกจะตุ้งติ้งหน่อย เอาจริงเรานึกว่าเป็นกะเทยด้วยซ้ำ เห็นเพื่อนคบกันเราก็ดีใจ จนเดือนสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกัน เราก็เอาเฟรนชิพไปให้เพื่อนสนิทเขียน ระหว่างช่วงนั้นเราก็เหมือนรู้สึกถึงความสัมพันธ์ในกลุ่มมันทะ
โตมาหน่อยวัยมัธยม ก็ยอมรับว่าค่อนข้างปิดกั้นตัวเอง ไม่ค่อยอยากมีเพื่อนหรอกกลัวการหักหลัง แต่ก้มีที่คบได้บ้าง อยู่เล็กน้อย
ชีวิตก็เหมือนจะดี ฉันอยู่ม.6 ตอนนั้นต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ผลสอบออกฉันติดคณะพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เด็กต่างจังหวัดอย่างฉันจึงต้องผัดแปรมาเป็นสาวชาวกรุ่ง นอนหอวิทลัย ย้ายมาตัวคนเดียว ตอนนั้นฉันทิ้งให้พ่อกัยแม่ต้องอยู่บ้านกันเองสองคน นึกสภาพบ้านหลังปานกลางสองชั้น ในซอยลึกๆหน่อยอ้ะ เรามาอยู่กรุงเทพสัดพัก นานๆกลับมาบ้าน เสาอาทิดที ก็เหมือนกลับทีการพูด การสนทนาน้อยลงแปลก เราก้ไม่คิดอะไร คงเพราะเรานานๆกลับ บางที พ่อกับแม่อาจเหนื่อยที่ต้องหาเงินเลี้ยงส่งเราเรียนด้วยมั้ง ระหว่างเรียนแม่ก็มักโทรหาเราบ่อยๆ บ่นว่าพ่อไม่กลับบ้านบ้าง นอยว่าเค้าไม่มีผู้หญิงอื่นบ้าง เราก็บอกไปว่าแม่คิดมาก มันไม่มีอะไรหรอก จนวันนึงเราได้รับโทรศัพท์ของแม่ เป็นเสียงของแม่ที่กำลังทะเลาะกับพ่อ....และดูเหมือนพ่อกำลังทำร้ายแม่ สักพักเป็นเสียงปิดประตูไป แม่ก็เอาแต่ร้องไห้ /บอกว่ารักหนูคนเดียว แม่ไม่เหลือใครแล้ว แม่อยากตาย/ใจเราอ๋อ ไม่รู้เหมือนกันชาไปหมด จุกพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าโกรธ หรือคิดอะไีอยู่ เราเคารพพวกท่านมาโดยตลอด คิดตลอดว่าตัวเองโขคดีแค่ไหนที่มีครอบครัวที่ดีอบบนี้ อีกแค่ปีเดียวก็จะจบ จะมีรูปถ่ายรับปริญญากับพ่อแม่แค่นี้ชีวิตก้ไม่ต้องการอะไรและ้ว เพราะไม่เคยคิดว่าจะเจอกับตัว ที่ผ่านมาจึงไม่เคบทะเยอทะยานมีแค่ไหนเอาแค่นั้น นึดเสมอมาฉันพอแล้ว ฉันมีความสุขแล้ว แม่เรากลายเป็นต้องอยู่คนเดียวที่บ้านในซอยลึกๆ บางวันท่านเหงามากๆก็จะโทรมาร้องไห้
ช่วงเวลาพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกก็เหมือนจะผ่านไปเรื่อยๆ เราใช้ชีวิตด้วยความนิ่งมากขึ้น ไว้ใจคนน้อยลง มีเพื่อนกลุ่มใหญ๋10กว่าคนแต่สนิทจริง2คน เป็นเพื่อสองคนที่เรารักมาก พวกเราผ่านอะไรมาเยอะสนิทมากจนเล่าทุกอย่างให้ฟังชื่อ อ. กับ ล. เราใช้ชีวิตกินนอนหอเดียวกันมาสี่ปีจนวีนนี้ อีกแค่สองงเดือนกับการจบปีสี่ เพื่อน ล. มาถามคิดเห็นเราเรื่องเพื่อนคนนึงสมมตชื่อ ป. อารมพูดลับหลังก็ว่าได้แหละ ด้วยความสนิทไง เราก็พูดนู่นนี่นั่นไป ด้วยไม่คิดอะไร แต่พอเข้าห้องเรียนอยู่เพื่อน ป. ก็เดินมาหาเราแล้วบอก /เมื่อเช้าพูดอะไร พูดงั้หมายความว่าไง..../ ใส่ๆๆๆๆเราไปพักนึง ตอนนั้นก้เบลอๆพอตั้งสติได้ก็ถามว่าหมายถึงอะไร เพื่อน ป. บอกว่า เพื่อน ล.ของเราเล่าให้ฟังว่าเราพูดถึงแบบนี้ๆ ...... เอาอีกแล้ว แผลเดิมอีกแล้ว จุดเดิมเลย ซ้ำๆๆๆๆเข้าไป หักหลังอีกแล้ว ฉันโดนทรยศอีกแล้ว ต้องเจออีกกี่ครั้งเหรอคนแบบนี้
### สุดท้ายฉันไม่ได้อยากจะมีทัศนคติไม่ดีหรอกนะ แต่ที่ผ่านมา คนรอบตัวฉัน คนในครอบครัวฉัน ทุกคนล้วนหักหลังฉันไป ความไว้เนื้อเชื่อใจไม่ได้มีไว้สำหรักทุกคนหรอกนะ ฉันนั้นพิสูจน์มาแล้ว