1.ยุคแห่งหมาป่ามาถึงแล้ว

ในบรรดาทีมที่เข้ารอบรองชนะเลิศ มีเพียงโรม่าทีมเดียวที่ยังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ UCL
วันนี้พวกเขามาไกลที่สุดถึงรอบรองชนะเลิศ ... ไกลเกินกว่าสถิตเก่าในปี 1984 เสียอีก

ที่ผ่านมา โรม่าได้สัมผัสแชมป์ระดับทวีปในปี 1961 เท่านั้น กับถ้วย Inter-Cities Fairs Cup หรือยูโรป้าในปัจจุบัน


2.ลิเวอร์พูลใช่จะไร้จุดอ่อน

เพียงแค่เอาชนะลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศ โรม่าก็จะไปเจอเรอัล มาดริด หรือ บาเยิร์น มิวนิคที่เคียฟ
และถ้าวัดจากผลงานอันสุดยอดที่เชือดบาร์เซโลน่าในถิ่นสตาดิโอ โอลิมปิโก
การที่หมาป่ากรุงโรมจะชนะหงส์แดงก็ไม่ใช่เรื่องเกินคาด ถ้าวันนั้นองค์ลงทั้งทีม

ลิเวอร์เองก็ใช่ว่าจะเป็นทีมสุดแกร่งชั้นยอด ที่ยิงฟันไม่เข้า แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งทำให้แมนเชสเตอร์ซิตี้ตกรอบไปก็ตาม
แนวรับของพวกเขายังไม่แข็งแกร่ง และเสียประตูมากกว่าทีม TOP 5 ใน EPL ถึง 8 ลูก (ใช่ นับรวมเบิร์นลีย์ด้วยน่ะนะ)
ความเป็นกระดาษทิชชู่ บางยุ่ยของกองหลังลิเวอร์พูลได้เปิดเผยให้เห็นต้นเกมเลกที่ 2 กับ แมนเชสเตอร์ซิตี้
เสียดายว่าซิตี้นั้น ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมที่ได้เปรียบจนจบเกม

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหยุดแนวรุกของลิเวอร์พูล ซึ่งมีหลายทีมที่ทำได้ ... ดูแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นตัวอย่างสิ


3.ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้

ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ เป็นผู้เล่นโรม่าทีมแชมป์เซเนีย อาปี2000/01 เขาได้ชื่อว่าเป็นคนที่ทำงานหนัก
และพิสูจน์ตัวเองมากนักต่อนักจากสโมสรในดิวิชั่นล่างๆ ก่อนจะฝ่าฟันมาคุมทัพหมาป่ากรุงโรม

เขาสร้างชื่อให้ตัวเองด้วยการพาซัสซูโอโลขึ้นเซเรีย บีในปี 2012 และยังสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการลากขึ้นมาเซเรีย อาจนได้
ก่อนเจอยูเซบิโอ ซัสซูโอโลไม่เคยได้เข้ารอบอะไรที่น่าตื่นเต้น แต่ในปี 2016/17 ยูเซบิโอก็พาทีมนี้เข้ารอบ Qualifying Stage ของยูโรป้า

นี่เป็นปีแรกของเขาในฐานะนายใหญ่หมาป่า แต่อย่าลืมสิ ว่า Louis van Gaal (Ajax), Jose Mourinho (Porto), Pep Guardiola,
Luis Enrique (both Barcelona) และ Zinedine Zidane (Real Madrid) ก็ได้แชมป์ยูโรปในปีแรกที่คุมทีม


4.จิตวิญญาณของผู้คว้าชัย

นักเตะของโรม่าอาจจะดู underated กว่าของลิเวอร์พูล แต่ถ้าดูให้ดี นักเตะชุดนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของความเก๋า ความสด และ ความเป็นแชมป์
กัปตันดานิเอเล่ เด รอสซี่ เป็นแชมป์โลกกับอิตาลีในปี 2006 เข้าถึงรอบสุดท้ายของยูโร 2012
และเป็นแชมป์เยาวชนของโรม่า รวมทั้งเป็นแชมป์โคปา อิตาเลีย 2 ปีติด ในปี 2007-2008

เอดิน เชโก้ เพชรฆาตที่ไว้ใจได้สำหรับเกมระดังสูง เขายิงมาแล้ว 6 ประตูใน UCL รวมทั้งเป็นตัวเก๋าที่คว้าแชมป์ลีกมาแล้วจากเยอรมันและอังกฤษ
ความคมไม่ต้องพูดถึง เพราะยังไม่มีใครที่ปรับตัวยิง 3 ลีกใหญ่ยุโรปได้เกิน 50 ลูกเท่าที่เชโก้ฝากไว้ในเยอรมัน อังกฤษ และ อิตาลี

อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเก๋า จิตวิญญาณแชมป์ที่เล่นกับเชโก้มาก่อน
ไหนจะ เนียงโกลัน มิดฟิลด์ วัย 29 ปีที่มากประสบการณ์ และไม่น้อยหน้าใครในเวทียุโรป

เมื่อมีความเก๋ายืนพื้น โรม่ายังเพิ่มความสดด้วยอเลสซานโดร ฟลอเรนซี ที่กำลังฟอร์มดี
แบ๊คซ้ายคอสตาส มาโนลาสที่เล่นได้ดุดันและเหนียวแน่นมากๆ
ผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิล อาลิสัน เบ็คเกอร์ที่เก็บลูกขลุกขลิก ยิงจ่อๆได้หมด แถมยังเล่นบอลยาวได้อีกต่างหาก


5.หนึ่งในงานยากที่สุดได้ผ่านไปแล้ว

มีเพียงสองทีมในประวัติศาสตร์แชมป์เปี้ยนส์ลีกที่เสียไปเกิน 3 ลูกในเลกแรก และสามารถกลับมาได้
นั่นคือเดปอร์ติโว ลา คอรุญญ่า ในปี 2003/04 และ บาร์เซโลน่าเมื่อปีที่แล้ว

โรม่าเป็นทีมแรกที่สามารถพลิกแซงเข้ารอบ และเป็นการเอาชนะบาร์เซโลน่า เต็ง 1 UCL และเจ้าของสถิติไร้พ่าย 38 นัดในลาลีก้า
ความมั่นใจระดับนี้ คงทำให้นักเตะโรม่าฮึกเหิมและเอาชนะได้ทุกทีมอย่างแท้ทรู

ที่มา : https://www.msn.com/en-us/sports/soccer/5-reasons-why-roma-can-now-go-all-the-way-and-win-the-champions-league/ss-AAvQwX4#image=1