ผมจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง
สาย ๆ ของวันเสาร์ที่ผ่านมา (เสาร์ที่ 14 เม.ย. นี่แหละ) วันนั้นผมยังอยู่กรุงเทพ ผมพักอยู่ที่แฟลตคลองจั่น ใครอยู่กรุงเทพก็คงจะนึกออกว่าวันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนมาก ๆ ร้อนในระดับที่เรียกว่าร้อนชิปหาย
ผมลงไปหาข้าวกินในซอย 7 ถนนเสรีไทย พอผมนั่งลงในร้านข้าวมันไก่หน้าแฟลต 9 ยังไม่ทันจะสั่งข้าวเลย ก็มีรถเครนของ กทม. มาจอดหน้าร้าน แล้วพนักงานสี่ห้าคนก็กระโดดลงจากรถ ช่วยกันขนเครื่องมือต่าง ๆ เลื่อย เชือก กรรไกร ขวาน ลงจากรถมาวางกองเรียงรายที่พื้นฟุตบาท
ผมสั่งข้าวมันไก่จานพิเศษ เอาข้าวน้อย ๆ เอาไก่ไม่ติดหนังเยอะ ๆ ใส่เลือดกับตับมาเยอะ ๆ และขอซีอิ๊วดำรสขมเบอร์ 5 มาด้วย ฮา
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยกม้วนเชือกขึ้นไปนั่งบนกระเช้ารถเครน เครนก็ยกพาเขาขึ้นไปผูกเชือกไว้บนยอดไม้ต้นขนาดคนโอบที่หน้าร้าน จากนั้นอีกสองสามคนก็ช่วยกันเอาขวานเอากรรไกรมารานกิ่ง เอาเลื่อยมาเลือย อีกสองคนก็ช่วยกันดึงปลายเชือกไม่ให้กิ่งไม้ร่วงไปโดนร้านรวงบริเวณนั้น ช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็ง ประสานสอดคล้องกันอย่างชำนิชำนาญ แต่ทำกันไปก็บ่นกันไปว่าร้อนชิปหายอะไรอย่างนี้
ผมเองก็นั่งกินข้าวมันไก่ไปท่ามกลางความร้อนระอุจนเหงื่อโทรม พร้อม ๆ กับฟังเสียงเลื่อย เสียงขวาน เสียงกิ่งไม้หัก เสียงบ่น เสียงตะโกนให้สัญญาณ เสียงรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมาอย่างน่ารำคาญไปด้วย จนข้าวหมดจานก็รีบจ่ายเงินและเดินออกจากร้าน
อยากจะรีบเดินออกไปให้พ้นจากบริเวณนั้นไว ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปดูพวกเขาที่กำลังทำงานกันอยู่ อ้าว เฮ้ย ทีแรกนึกว่าแค่จะมาแต่งกิ่ง ที่ไหนได้มันรานกิ่งลงมากองก็เพื่อให้ตัดลำต้นได้ง่ายไม่ล้มไปทับร้านค้าชิปหายเท่านั้นเอง ลำต้นถูกตัดขาดสองท่อนไปแล้ว เหลือแต่ตอสูงแค่เอว มันคือการตัดต้นไม้ ไม่ใช่แต่งกิ่งอย่างที่คิด
ผมนึกในใจ "พวกขยันกันเสียจริงนะไอ้ตดหอม ถึงกับลงทุนมาทำงานในวันหยุดยาวท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุตัวแทบไหม้ พวกทำไปก็บ่นไปไม่ขาดปาก ว่าร้อน ๆ สลัด! แล้วพวกไม่ฉุกใจคิดกันบ้างเลยหรือว่า ที่อากาศมันร้อนชิปหายอย่างที่พวกบ่นก่ันอยู่นั่น ก็เพราะผลจากความขยันเฮี่ย ๆ ที่พวกกำลังทำกันอยู่นี่แหละ"
ขอโทษที่หลอกว่าจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง ฮา
ผมจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง
สาย ๆ ของวันเสาร์ที่ผ่านมา (เสาร์ที่ 14 เม.ย. นี่แหละ) วันนั้นผมยังอยู่กรุงเทพ ผมพักอยู่ที่แฟลตคลองจั่น ใครอยู่กรุงเทพก็คงจะนึกออกว่าวันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนมาก ๆ ร้อนในระดับที่เรียกว่าร้อนชิปหาย
ผมลงไปหาข้าวกินในซอย 7 ถนนเสรีไทย พอผมนั่งลงในร้านข้าวมันไก่หน้าแฟลต 9 ยังไม่ทันจะสั่งข้าวเลย ก็มีรถเครนของ กทม. มาจอดหน้าร้าน แล้วพนักงานสี่ห้าคนก็กระโดดลงจากรถ ช่วยกันขนเครื่องมือต่าง ๆ เลื่อย เชือก กรรไกร ขวาน ลงจากรถมาวางกองเรียงรายที่พื้นฟุตบาท
ผมสั่งข้าวมันไก่จานพิเศษ เอาข้าวน้อย ๆ เอาไก่ไม่ติดหนังเยอะ ๆ ใส่เลือดกับตับมาเยอะ ๆ และขอซีอิ๊วดำรสขมเบอร์ 5 มาด้วย ฮา
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งยกม้วนเชือกขึ้นไปนั่งบนกระเช้ารถเครน เครนก็ยกพาเขาขึ้นไปผูกเชือกไว้บนยอดไม้ต้นขนาดคนโอบที่หน้าร้าน จากนั้นอีกสองสามคนก็ช่วยกันเอาขวานเอากรรไกรมารานกิ่ง เอาเลื่อยมาเลือย อีกสองคนก็ช่วยกันดึงปลายเชือกไม่ให้กิ่งไม้ร่วงไปโดนร้านรวงบริเวณนั้น ช่วยกันทำงานอย่างขยันขันแข็ง ประสานสอดคล้องกันอย่างชำนิชำนาญ แต่ทำกันไปก็บ่นกันไปว่าร้อนชิปหายอะไรอย่างนี้
ผมเองก็นั่งกินข้าวมันไก่ไปท่ามกลางความร้อนระอุจนเหงื่อโทรม พร้อม ๆ กับฟังเสียงเลื่อย เสียงขวาน เสียงกิ่งไม้หัก เสียงบ่น เสียงตะโกนให้สัญญาณ เสียงรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมาอย่างน่ารำคาญไปด้วย จนข้าวหมดจานก็รีบจ่ายเงินและเดินออกจากร้าน
อยากจะรีบเดินออกไปให้พ้นจากบริเวณนั้นไว ๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปดูพวกเขาที่กำลังทำงานกันอยู่ อ้าว เฮ้ย ทีแรกนึกว่าแค่จะมาแต่งกิ่ง ที่ไหนได้มันรานกิ่งลงมากองก็เพื่อให้ตัดลำต้นได้ง่ายไม่ล้มไปทับร้านค้าชิปหายเท่านั้นเอง ลำต้นถูกตัดขาดสองท่อนไปแล้ว เหลือแต่ตอสูงแค่เอว มันคือการตัดต้นไม้ ไม่ใช่แต่งกิ่งอย่างที่คิด
ผมนึกในใจ "พวกขยันกันเสียจริงนะไอ้ตดหอม ถึงกับลงทุนมาทำงานในวันหยุดยาวท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุตัวแทบไหม้ พวกทำไปก็บ่นไปไม่ขาดปาก ว่าร้อน ๆ สลัด! แล้วพวกไม่ฉุกใจคิดกันบ้างเลยหรือว่า ที่อากาศมันร้อนชิปหายอย่างที่พวกบ่นก่ันอยู่นั่น ก็เพราะผลจากความขยันเฮี่ย ๆ ที่พวกกำลังทำกันอยู่นี่แหละ"
ขอโทษที่หลอกว่าจะเล่าเรื่องตลกให้ฟัง ฮา