ສະບາຍດີປີໃຫມ່ລາວ
ทริปนี้เกิดจากน้องคนนึงส่งรูปจุดชมวิวผาแดง ที่เมืองหนองเขียว ประเทศลาวมาให้เราดู เราจึงตั้งใจกันว่าสงกรานต์นี้ (2561) เราจะไปพิชิตผาแดง เมืองหนองเขียวให้ได้
เมื่อได้แพลนท่องเที่ยวแล้ว เราก็มาหาข้อมูลการเดินทางกัน แล้วเราก็ได้เจอรีวิวการขับรถท่องเที่ยวหลวงพระบาง ใช่เลย!! นี่แหละ การเดินทางในแบบของเรา " เฉาก๊วยออนทัวร์ : ไปทุกที่ ที่มีทาง "
ก่อนการเดินทาง เรามาเตรียมตัวกันก่อนค่ะ
ขับรถเที่ยวลาว ( หลวงพระบาง )
- การนำรถเข้าไปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะอยู่ในประเทศลาวได้ไม่เกิน 15 วัน และไม่เกินที่กำหนดไว้ในเอกสารการเดินทาง
- พาสปอร์ตรถ (เล่มสีม่วง) สามารถขอทำได้ที่ แผนกทะเบียนฯ กรมการขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด แต่แผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นภาษาอังกฤษต้องขอที่ขนส่งจังหวัดที่รถจดทะเบียนไว้เท่านั้น ( เราไม่ได้ทำป้ายทะเบียนภาษาอังกฤษเพราะช่วงนี้ยังผ่อนปรนไม่บังคับใช้ )
- ค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศและเครื่องหมายแสดงประเทศ (เล่มสีม่วง) + สติ๊กเกอร์ ตัว T : 55 บาท ต่ออายุ 25 บาท ค่าแผ่นป้ายทะเบียนรถภาษาอังกฤษ ค่าคำขอฉบับละ 5 บาท และแผ่นป้ายทะเบียนรถ : แผ่นละ 100 บาท
- เอกสารที่ใช้ในการเดินทางข้ามพรมแดน
1. หนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ และเครื่องหมายแสดงประเทศ ( พาสปอร์ตรถ: ปกสีม่วง )
2. สติ๊กเกอร์เครื่องหมายแสดงประเทศ (IT PLATE) ตัว T ( ได้มาพร้อมกับพาสปอร์ตรถ ไว้ติดด้านหน้าและหลังรถอย่างละแผ่น )
3.แผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นภาษาอังกฤษ ( เราไม่ได้ทำป้ายทะเบียนภาษาอังกฤษเพราะช่วงนี้ยังผ่อนปรนไม่บังคับใช้ จึงสามารถใช้ทะเบียนไปทยได้)
4. ใบอนุญาตขับรถที่ยังไม่หมดอายุ (แบบแถบแม่เหล็ก สามารถใช้ได้เลย) หรือใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ
5. ใบยินยอมจากเจ้าของรถยนต์ให้นำรถยนต์ออกนอกประเทศ (กรณีที่ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ ) ถ้าเจ้าของรถยนต์เป็นไฟแนนซ์ต้องมีหนังสือยินยอมให้เอารถออกนอกประเทศ
6. คู่มือรายการจดทะเบียนรถยนต์ (+สำเนาหน้าเจ้าของรถและหน้าต่อภาษ๊ )
7. กรมธรรม์ประกันภัยบุคคลที่สาม (ของ สปป.ลาว) มีจำหน่าย ณ จุดชายแดน
เอกสารพร้อมแล้ว ได้เวลาออกไปเที่ยวกันค่ะ
เมื่อมาถึงด่าน ตม. ฝั่งไทย
- จอดรถ แล้วผู้โดยสารทุกคนเดินไปทำเอกสารผ่านแดน
- ผู้โดยสารทุกคนไปทำเรื่องผ่านแดนประทับตราพาสปอร์ต ที่ช่องขาออกเหมือนเวลาผ่านแดนปกติ
- เจ้าของรถมากรอกเอกสารใบรายละเอียดของพาหนะ (ตม.2) ซึ่งขั้นตอนนี้คุณก็กรอกลงไปเกี่ยวกับข้อมูลของคุณ +จำนวนผู้ติดตามในรถและรายละเอียดของรถที่คุณจะนำออกนอกประเทศ จากนั้นต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะ ด่าน ตม. จะเอาคืนเวลาคุณกลับเข้าประเทศ เมื่อเสร็จขั้นตอนต่างๆ แล้วเจ้าหน้าประทับตราขาออกก็เท่ากับว่าขั้นตอนทางฝั่งไทยเรียบร้อย
- เอกสารที่ใช้ (ตัวจริง+สำเนาอย่างละ 1 ชุด = คู่มือทะเบียนรถ + พาสปอร์ตรถยนต์+บัตรประชาชนเจ้าของรถ อย่างละ 1 ชุด )
ขั้นตอนที่ว่าทั้งหมดนี้ไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
ที่ด่าน ตม.ของลาว
- ผู้โดยสารทุกคนไปประทับตราพาสปอร์ต ที่ช่องขาเข้า เหมือนเวลาผ่านแดนปกติ
- เจ้าของรถทำใบอนุญาตนำยานพาหนะเข้าไปใช้ในประเทศ ใช้เอกสารอ้างอิงที่ได้มากจากฝั่งไทย + พาสปอร์ตรถ + พาสปอร์ตเจ้าของรถ ศุลกากรลาวจะออกเอกสารติดตามพาหนะเข้าชั่วคราว (ใบสีเขียว) เก็บให้ดี ไว้เป็นหลักฐานเวลาโดนตร.ลาวเรียกดูและส่งคืนเมื่อกลับ รายละเอียดจะคล้ายๆ กับที่ทำฝั่งไทย ซึ่งเอกสารตรงนี้คุณสามารถนำรถขับท่องเที่ยวไปได้ทั่วประเทศลาวและไม่จำเป็นต้องกลับออกมาทางด่านเก่าก็ได้แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อยว่าจะออกด่านไหน หรือถ้ายังไม่แน่ใจก็บอกเจ้าหน้าที่ไป เขาจะทำเอกสารที่สามารถเดินทางทั่วประเทศให้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่าไปกลับด่านเดิม
- ทำประกันภัย คล้ายๆกับพรบ.บ้านเรา ตามระยะเวลาที่เราอยู่ เช่น 7 วัน 15 วัน (ซื้อหลังจากออกจากด่าน)
** แค่นี้เราก็สามารถนำรถเข้าไปขับเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศลาวได้แล้วค่ะ **
สรุปค่าใช้จ่าย
ฝั่งไทย ไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
ฝั่งลาว
- ค่าธรรมเนียมประกันภัยรถ ราคาแตกต่างกันแล้วแต่จำนวนวันที่คุณมา (เราทำแบบ 7 วัน) ประมาณ 70000 กีบ ( 280 บาท)
- ค่าธรรมเนียม (รถ+คน 4 คน) ผ่านด่านเข้าเมือง 280 บาท
- ขากลับกลับเรากลับวันหยุด มีเสียค่าธรรมเนียมล่วงเวลาอีก (รถ+คน 4 คน) 240 บาท
***************************************************************************************************************
ทำเอกสารผ่านแดนเรียบร้อย จากนี้ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวกันค่ะ
ออกมาจากด่านเราก็แวะร้านค้า แลกเงินเล็กน้อยเพื่อใช้ระหว่างทาง แต่จริงๆสามารถใช้เงินไทยได้ตลอดทาง
จากนั้นก็ซื้อซิม เพราะเราต้องใช้ GPS ในการนำทาง ซิม internet ราคา 10000 กีบ + เติมเงินอีก 10000 กีบ ใช้อินเตอร์เน็ตได้ 2 Gb.
เราขับรถออกจากด่านชายแดนมุ่งสู่เมืองปากลาย - ไชยะบุรี -จนถึงหลวงพระบาง เส้นทางเป็นถนนลาดยางตลอดทาง มีขรุขระบ้างเป็นระยะและต้องขับด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเพราะรถที่ลาววิ่งฝั่งขวา ถนนเป็นถนน 2 เลนส์ไม่มีไหล่ทาง ต้องคอยระวังคน สัตว์ จักรยาน มอไซด์และรถยนต์ที่วิ่งตามใจตัวเองมาก
ระยะทางจากด่านท่าลี่ - หลวงพระบาง ประมาณ 330 km. เราใช้เวลา 7 ชั่วโมง ถึงหลวงพระบางประมาณ 16.00 น. ด้วยความเหนื่อยและเพลียเพราะไม่ได้นอนตั่งแต่เมื่อวาน เราจึงตกลงกันว่าวันนี้จะพักผ่อนในรีสอร์ต Sa Sa Loa ซึ่งอยุ่ติดลำน้ำขาน มาดูวิวที่รีสอร์ตเรากัน
วันที่ 2
วันนี้เราเลือกแพลนที่ไม่เร่งรีบมาก หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวไปที่น้ำตกกวางสี ค่าเข้าชมน้ำตก 20000 กีบ/คน ที่นี่ด้านหน้าจะเป็นศูนย์อนุรักษ์หมีควาย (ปล.ไม่ได้ถ่ายรุปมาเนาะ) ระยะทางเดินจนถึงจุดชมน้ำตกก็ไม่ไกลมาก ระหว่างทางร่มรื่นเย็นสบายเสียดายเราไม่ได้เตรียมชุดมาเล่นน้ำอ่ะ
หลังจากเที่ยวน้ำตกกวางสีจนฉ่ำใจและหาอาหารเที่ยงทานแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อสู่หนองเขียว หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งขนาบลำน้ำอู ห่างจากหลวงพระบางไปทางเหนือประมาณ 140 กิโลเมตร ที่นี่เราได้พบกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์
ที่หนองเขียวเราพักกันที่ Nam Ou River Lodge ติดริมแม่น้ำอูเลยค่ะ อันนี้วิวจากที่พัก
เก็บของเสร็จ นั่งพักให้หายเหนื่อยจากนั้นไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันดีกว่าค่ะ
[CR] road in laos : ขับอัลติสชิดขวาพาตะลุยหลวงพระบาง
ສະບາຍດີປີໃຫມ່ລາວ
ทริปนี้เกิดจากน้องคนนึงส่งรูปจุดชมวิวผาแดง ที่เมืองหนองเขียว ประเทศลาวมาให้เราดู เราจึงตั้งใจกันว่าสงกรานต์นี้ (2561) เราจะไปพิชิตผาแดง เมืองหนองเขียวให้ได้
เมื่อได้แพลนท่องเที่ยวแล้ว เราก็มาหาข้อมูลการเดินทางกัน แล้วเราก็ได้เจอรีวิวการขับรถท่องเที่ยวหลวงพระบาง ใช่เลย!! นี่แหละ การเดินทางในแบบของเรา " เฉาก๊วยออนทัวร์ : ไปทุกที่ ที่มีทาง "
ก่อนการเดินทาง เรามาเตรียมตัวกันก่อนค่ะ
ขับรถเที่ยวลาว ( หลวงพระบาง )
- การนำรถเข้าไปในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะอยู่ในประเทศลาวได้ไม่เกิน 15 วัน และไม่เกินที่กำหนดไว้ในเอกสารการเดินทาง
- พาสปอร์ตรถ (เล่มสีม่วง) สามารถขอทำได้ที่ แผนกทะเบียนฯ กรมการขนส่งจังหวัดทุกจังหวัด แต่แผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นภาษาอังกฤษต้องขอที่ขนส่งจังหวัดที่รถจดทะเบียนไว้เท่านั้น ( เราไม่ได้ทำป้ายทะเบียนภาษาอังกฤษเพราะช่วงนี้ยังผ่อนปรนไม่บังคับใช้ )
- ค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศและเครื่องหมายแสดงประเทศ (เล่มสีม่วง) + สติ๊กเกอร์ ตัว T : 55 บาท ต่ออายุ 25 บาท ค่าแผ่นป้ายทะเบียนรถภาษาอังกฤษ ค่าคำขอฉบับละ 5 บาท และแผ่นป้ายทะเบียนรถ : แผ่นละ 100 บาท
- เอกสารที่ใช้ในการเดินทางข้ามพรมแดน
1. หนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ และเครื่องหมายแสดงประเทศ ( พาสปอร์ตรถ: ปกสีม่วง )
2. สติ๊กเกอร์เครื่องหมายแสดงประเทศ (IT PLATE) ตัว T ( ได้มาพร้อมกับพาสปอร์ตรถ ไว้ติดด้านหน้าและหลังรถอย่างละแผ่น )
3.แผ่นป้ายทะเบียนรถเป็นภาษาอังกฤษ ( เราไม่ได้ทำป้ายทะเบียนภาษาอังกฤษเพราะช่วงนี้ยังผ่อนปรนไม่บังคับใช้ จึงสามารถใช้ทะเบียนไปทยได้)
4. ใบอนุญาตขับรถที่ยังไม่หมดอายุ (แบบแถบแม่เหล็ก สามารถใช้ได้เลย) หรือใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ
5. ใบยินยอมจากเจ้าของรถยนต์ให้นำรถยนต์ออกนอกประเทศ (กรณีที่ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ ) ถ้าเจ้าของรถยนต์เป็นไฟแนนซ์ต้องมีหนังสือยินยอมให้เอารถออกนอกประเทศ
6. คู่มือรายการจดทะเบียนรถยนต์ (+สำเนาหน้าเจ้าของรถและหน้าต่อภาษ๊ )
7. กรมธรรม์ประกันภัยบุคคลที่สาม (ของ สปป.ลาว) มีจำหน่าย ณ จุดชายแดน
เอกสารพร้อมแล้ว ได้เวลาออกไปเที่ยวกันค่ะ
เมื่อมาถึงด่าน ตม. ฝั่งไทย
- จอดรถ แล้วผู้โดยสารทุกคนเดินไปทำเอกสารผ่านแดน
- ผู้โดยสารทุกคนไปทำเรื่องผ่านแดนประทับตราพาสปอร์ต ที่ช่องขาออกเหมือนเวลาผ่านแดนปกติ
- เจ้าของรถมากรอกเอกสารใบรายละเอียดของพาหนะ (ตม.2) ซึ่งขั้นตอนนี้คุณก็กรอกลงไปเกี่ยวกับข้อมูลของคุณ +จำนวนผู้ติดตามในรถและรายละเอียดของรถที่คุณจะนำออกนอกประเทศ จากนั้นต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะ ด่าน ตม. จะเอาคืนเวลาคุณกลับเข้าประเทศ เมื่อเสร็จขั้นตอนต่างๆ แล้วเจ้าหน้าประทับตราขาออกก็เท่ากับว่าขั้นตอนทางฝั่งไทยเรียบร้อย
- เอกสารที่ใช้ (ตัวจริง+สำเนาอย่างละ 1 ชุด = คู่มือทะเบียนรถ + พาสปอร์ตรถยนต์+บัตรประชาชนเจ้าของรถ อย่างละ 1 ชุด )
ขั้นตอนที่ว่าทั้งหมดนี้ไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
ที่ด่าน ตม.ของลาว
- ผู้โดยสารทุกคนไปประทับตราพาสปอร์ต ที่ช่องขาเข้า เหมือนเวลาผ่านแดนปกติ
- เจ้าของรถทำใบอนุญาตนำยานพาหนะเข้าไปใช้ในประเทศ ใช้เอกสารอ้างอิงที่ได้มากจากฝั่งไทย + พาสปอร์ตรถ + พาสปอร์ตเจ้าของรถ ศุลกากรลาวจะออกเอกสารติดตามพาหนะเข้าชั่วคราว (ใบสีเขียว) เก็บให้ดี ไว้เป็นหลักฐานเวลาโดนตร.ลาวเรียกดูและส่งคืนเมื่อกลับ รายละเอียดจะคล้ายๆ กับที่ทำฝั่งไทย ซึ่งเอกสารตรงนี้คุณสามารถนำรถขับท่องเที่ยวไปได้ทั่วประเทศลาวและไม่จำเป็นต้องกลับออกมาทางด่านเก่าก็ได้แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อยว่าจะออกด่านไหน หรือถ้ายังไม่แน่ใจก็บอกเจ้าหน้าที่ไป เขาจะทำเอกสารที่สามารถเดินทางทั่วประเทศให้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่าไปกลับด่านเดิม
- ทำประกันภัย คล้ายๆกับพรบ.บ้านเรา ตามระยะเวลาที่เราอยู่ เช่น 7 วัน 15 วัน (ซื้อหลังจากออกจากด่าน)
** แค่นี้เราก็สามารถนำรถเข้าไปขับเพื่อการท่องเที่ยวในประเทศลาวได้แล้วค่ะ **
สรุปค่าใช้จ่าย
ฝั่งไทย ไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น
ฝั่งลาว
- ค่าธรรมเนียมประกันภัยรถ ราคาแตกต่างกันแล้วแต่จำนวนวันที่คุณมา (เราทำแบบ 7 วัน) ประมาณ 70000 กีบ ( 280 บาท)
- ค่าธรรมเนียม (รถ+คน 4 คน) ผ่านด่านเข้าเมือง 280 บาท
- ขากลับกลับเรากลับวันหยุด มีเสียค่าธรรมเนียมล่วงเวลาอีก (รถ+คน 4 คน) 240 บาท
***************************************************************************************************************
ทำเอกสารผ่านแดนเรียบร้อย จากนี้ก็ได้เวลาออกไปเที่ยวกันค่ะ
ออกมาจากด่านเราก็แวะร้านค้า แลกเงินเล็กน้อยเพื่อใช้ระหว่างทาง แต่จริงๆสามารถใช้เงินไทยได้ตลอดทาง
จากนั้นก็ซื้อซิม เพราะเราต้องใช้ GPS ในการนำทาง ซิม internet ราคา 10000 กีบ + เติมเงินอีก 10000 กีบ ใช้อินเตอร์เน็ตได้ 2 Gb.
เราขับรถออกจากด่านชายแดนมุ่งสู่เมืองปากลาย - ไชยะบุรี -จนถึงหลวงพระบาง เส้นทางเป็นถนนลาดยางตลอดทาง มีขรุขระบ้างเป็นระยะและต้องขับด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเพราะรถที่ลาววิ่งฝั่งขวา ถนนเป็นถนน 2 เลนส์ไม่มีไหล่ทาง ต้องคอยระวังคน สัตว์ จักรยาน มอไซด์และรถยนต์ที่วิ่งตามใจตัวเองมาก
ระยะทางจากด่านท่าลี่ - หลวงพระบาง ประมาณ 330 km. เราใช้เวลา 7 ชั่วโมง ถึงหลวงพระบางประมาณ 16.00 น. ด้วยความเหนื่อยและเพลียเพราะไม่ได้นอนตั่งแต่เมื่อวาน เราจึงตกลงกันว่าวันนี้จะพักผ่อนในรีสอร์ต Sa Sa Loa ซึ่งอยุ่ติดลำน้ำขาน มาดูวิวที่รีสอร์ตเรากัน
วันที่ 2
วันนี้เราเลือกแพลนที่ไม่เร่งรีบมาก หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวไปที่น้ำตกกวางสี ค่าเข้าชมน้ำตก 20000 กีบ/คน ที่นี่ด้านหน้าจะเป็นศูนย์อนุรักษ์หมีควาย (ปล.ไม่ได้ถ่ายรุปมาเนาะ) ระยะทางเดินจนถึงจุดชมน้ำตกก็ไม่ไกลมาก ระหว่างทางร่มรื่นเย็นสบายเสียดายเราไม่ได้เตรียมชุดมาเล่นน้ำอ่ะ
หลังจากเที่ยวน้ำตกกวางสีจนฉ่ำใจและหาอาหารเที่ยงทานแล้ว เราก็ออกเดินทางกันต่อสู่หนองเขียว หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งขนาบลำน้ำอู ห่างจากหลวงพระบางไปทางเหนือประมาณ 140 กิโลเมตร ที่นี่เราได้พบกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์
ที่หนองเขียวเราพักกันที่ Nam Ou River Lodge ติดริมแม่น้ำอูเลยค่ะ อันนี้วิวจากที่พัก
เก็บของเสร็จ นั่งพักให้หายเหนื่อยจากนั้นไปเดินเล่นในหมู่บ้านกันดีกว่าค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น