สวัสดีจ้าาาา เราได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปยังแดนอาทิตย์อุทัยเป็นครั้งแรก เฮลโหลวววว เจแปน ^^ เลยอยากเก็บเรื่องราวต่างๆที่ได้เจอและฟันฝ่ามาบอกเล่าสู่กันฟังจ้า
โดยเริ่มตั้งแต่แรกเนี่ย เราอยากเที่ยวมาก คิดๆไปคิดๆมาก็คิดว่าอยากไปญี่ปุ่นจัง ใครเคยเป็นเหมือนกันไหมเอ่ย ? เมื่อก่อนไปก็ชอบคิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่น่าเที่ยวมาก มีอะไรให้ดูเยอะแยะไปหมด สวยมากด้วย แต่แต่แต่......มันดูแพงมากเลย ดูค่าครองชีพสูง ดูต้องใช้เงินถุงเงินถังเยอะ ไปลองเปิดๆดูทัวร์ก็แบบ โอ้วโหวววว ทีละห้าหกหมื่น เจ็ดหมื่นก็มี แล้วจะไปกันได้ยังไงเนี่ย แถมการคมนาคมที่ว่าสะดวกรวดเร็ว รถไฟเยอะแยะไปหมด พอลองอ่านผ่านๆดูก็รู้สึกว่ามันเยอะจนมึน สับสนเหลือเกิน 555555
อยู่มาวันหนึ่ง แม่ๆก็บอกว่า "เรามาเก็บตังค์กันเถอะ จะได้มีเงินไปเที่ยว" ก็เลยเริ่มเก็บเงินกันตั้งแต่วันนั้นเลย เราเริ่มเก็บเงินวันละ 50 บาท หยอดกระปุกไว้เลยนะคะ ทุกวันเลยไม่เว้นแม้แต่เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดใด ใช้เวลาประมาณครึ่งปีเท่านั้น ไม่น่าเชื่อเงินที่เก็บได้สามารถใช้ซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับญี่ปุ่นได้เลยหนา O_O เก็บทีละนิดจะได้ไม่รู้สึกว่าจ่ายเป็นเงินก้อนแล้วมันเยอะเกิน เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาสักหน่อย ระหว่างทางการเก็บเงินนี่ก็ขยันนับมากเลย เก็บมันทุกวันก็เอาออกมานับทุกวันว่าได้เท่าไหร่แล้ว ฮ่าๆๆๆตื่นเต้นอ่ะเนอะ อยากไปเที่ยว ยิ่งเยอะยิ่งมีความสุข 5555 ตอนแรกๆที่เริ่มเก็บเงินก็แบบ เอ้อ คุยกับแม่ๆว่าเราจะไปกันช่วงไหนดีน้า จริงๆอยากไปหน้าหนาว อยากเห็นหิมะสักครั้งในชีวิตงี้ ก็เลยลองกดตั๋วเล่นๆช่วงปลายปี โอ้โฮ ผมไม่สู้ราคาเลย! เปลี่ยนลองมากดช่วงเดือนตุลา พฤศจิกา เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็น่าจะสวยนะ เริ่มจะหนาวแล้วด้วย ตกลงว่าจะไปกันช่วงนี้แหละ แล้วจู่ๆก็นั่งเปิดเว็บลองกดตั๋วเครื่องบินไปเรื่อยๆแล้วดันมาเจอตั๋ว Air Asia X ไปกลับกรุงเทพ - นาริตะ 13500 บาท รวมค่าน้ำหนักกระเป๋า 20 Kg+value pack แล้วด้วย ที่สำคัญเป็นช่วงเดือนเมษายน กรี้ดดดดดดด >///< ใบไม้ผลิที่รอคอย ทำไมราคามันโดนใจขนาดนี้ รออะไรอยู่เด้อ กดเลยค่ะ กดเลย กดให้ยับ 555555 สรุปได้ตั๋วเครื่องบินมาทั้งหมด 6 ใบ สบายใจเฉิบแบบไม่ทันตั้งตัวเลยจริง ฮ่าๆๆๆๆ ใจก็คิดว่ามีเวลาเตรียมตัวแค่สองเดือนเท่านั้นกระชั้นชิดมากๆ เพราะกดซื้อตั๋วตอนเดือนกุมภานี้เอง แต่เอาฟะ!! ไหนๆก็ไหนๆละ โชคดีได้ตั๋วราคานี้ในช่วงเวลางามๆแบบนี้ สู้ตายจ้า
อันดับแรก เราได้ตั๋วเดินทางกันวันที่ 8 เษายน แล้วกลับวันที่ 13 เมษายน สงกรานต์พอดีเลย โดยทริปนี้ผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 6 คน ซึ่งก็จะมีเหล่าแม่ๆ เพื่อนแม่ แล้วก็แม่ของเพื่อนแม่อีกที 55555 เป็นอันว่าทริปนี้เป็นทริปสูงวัยใจเกินร้อยไปเลยจ้าาาาา ทริปนี้คือมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก ต้องหาข้อมูลเยอะมากๆด้วย เอาล่ะสิ่งที่ต้องทำหลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้วก็คือ
เริ่มจากหาที่พักก่อนเลยยยยย
ไปญี่ปุ่นทั้งหมด 6 วัน 5 คืน ที่คิดไว้คือเราจะไปตะลุยเฉพาะเมืองหลวงโตเกียวเท่านั้น แต่อีกใจก็คิดว่ามาญี่ปุ่นทั้งที ควรจะได้เห็นฟูจิสินะ เลยตกลงว่าจะไปเมืองคาวากูจิโกะด้วยเพื่อไปหาฟูจิกันจ้า เราต้องหาที่พักสองที่ค่ะ เพราะวันสุดท้ายพวกเราบินกลับกรุงเทพกันแต่เช้าเลย กลัวว่าจะไปสนามบินไม่ทัน เลยหาที่พักแถวๆสนามบินนาริตะเผื่อไว้ดีกว่า
ได้มาที่พักในโตเกียวสำหรับ 4 คืนแรก จองผ่าน Agoda ค่ะ
OAK Hotel Edo ที่พักดีมากมากโลยยย สะอาดมากกกกเจ้าข้าเอ้ย ขอย้ำว่าสะอาดจริงๆ แถมอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Morishita ด้วย ใกล้มากๆ พนักงานก็บริการดี เป็นกันเอง มีห้องครัวไว้ให้ทำอาหารทานกันเองทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ประทับใจที่นี่มากพูดเลย ตกคนละประมาณ 1200 บาทต่อคืน คือได้เจอตามในรูปเลย
และสำหรับคืนสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพ ไปพักที่ Narita-U city hotel ค่ะ ที่นี่ก็โอเคเลยนะคะ ที่พักอยู่ใกล็ๆกับสถานี JR Narita station เลย หาง่ายมาก สะอาดมากด้วย ขนาดของห้อง เราพักแบบห้องละสามคน ถือว่าขนาดใหญ่เลยน้าอาจจะเก่ากว่าที่คิดไว้หน่อยนึง แต่รวมๆแล้วมีเสน่ห์ ตกคนละประมาณ 900 บาทต่อคืน
เรื่องรถรา การเดินทางต่างๆนี่ถือว่าเป็นความท้าทายมากสุดเลยในทริปนี้สำหรับเราเลยหนา
ก่อนอื่นเราหาข้อมูลเยอะมากสำหรับการเดินทางว่าจะต้องใช้ตั๋วอะไรบ้าง เดินทางแบบไหนได้บ้างซึ่งต้องใช้ตั๋วหลายอย่างอยู่เน้อ
1.) เริ่มจากตั๋วรถไฟที่ใช้เดินทางเที่ยวในกรุงโตเกียว คือที่เคยไปอ่านๆมาเจอคนส่วนใหญ่ใช้ JR Pass กันเยอะมาก แล้วมันก็ดูราคาสูงจัง แต่ที่เราเข้าใจคือ JR Pass อาจจะเหมาะสำหรับการเดินทางข้ามจังหวัด ข้ามภูมิภาคไม่แน่ใจเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าอยากใช้แค่รถไฟใต้ดิน subway ธรรมดาเลยขอเล่าเฉพาะส่วนนี้ที่เราใช้ดีกว่า subway จะมีอยู่สองยี่ห้อคือ
Metro subway และ
Toei subway จ้า และสองสายนี้ก็สามารถใช้บัตรใบเดียวกันได้ด้วยนะเออ
โดยบัตร subway เนี่ย จะซื้อแบบต่อเที่ยวกดบัตร จ่ายตังหน้าตู้เลย หรือจะซื้อแบบเหมาจ่ายเป็นวัน(24 hr) สองวัน(48hr) สามวัน(72hr) ก็ได้นะ แล้วแต่เราจะเลือกก็ต้องคำนวณวันไว้ว่าเราจะไปสักกี่วัน แต่สำหรับแกงค์เราก็ซื้อเป็นแบบ 72hr ไปก่อน
2.) ตั๋วรถไฟที่ออกจากสนามบินนาริตะ เข้าสู่โตเกียว เราคิดว่าค่าแท็กซี่มันคงจะแพงเกินไป ใจฉันรับไม่ไหว เลยขอมาใช้รถไฟแทนละกัน ซึ่งก็มีอยู่สองเจ้าเหมือนกัน คือ NEX กับ Keisei เราเลือกใช้ Keisei ค่ะเพราะอีกอันน่าจะแพงกว่า 555555 (เหตุผลของฉันคือประหยัดตังเท่านัน) พอตัดสินใจเลือก Keisei แล้วปุ๊ป เอ้าาาาาดันมีอีกสามแบบให้เลือกไปอีก เยอะแท้ Keisei จะแบ่งเป็น Skyliner สีน้ำเงิน, Access Express สีส้ม, Main line สีแดง ตามรูปเลยจ้า
ซึ่งข้อแตกต่างก็คือความเร็วในการถึงที่หมายค่ะ จ่ายแพงกว่าก็จะถึงเร็วกว่า ไม่ค่อยแวะจอด จริงๆเราก็อยากเลือกแบบถูกกว่า ประหยัดกว่า แต่ด้วยความที่ไฟล์ทเราไปถึงนู่นก็ทุ่มกว่าๆแล้ว เลยคิดว่าเลือกแบบเร็วสุดไปเลยก็ได้นะ สะดวกดีเด้อ
โดยตั๋วทั้งสองอย่างเนี้ย ทั้ง subway และ Keisei Skyliner จะหาซื้อได้จากที่ไหนบ้าง ? เราซื้อจาก HIS เลยค่ะ โดยจะมีเป็น package ให้เลยนะ ว่าถ้าซื้อคู่กันมันจะลดราคาลงไปอี้กกกกกกกก เลยจัดมาทั้งหมด 6 ชุด ราคาก็จะตามรูปนี้เลย
ซึ่ง Package นี้จะประกอบด้วย
- ตั๋ว skyliner สนามบินนาริตะ-สถานีอุเอโนะ ทั้งขาไปและขากลับ โดยจะไม่มีการจองวันที่หรือเวลานะจ้ะ จะได้มาเป็นตั๋วกระดาษก่อนแล้วเมื่อเราไปถึงสนามบินเราต้องไปแลกที่เคานท์เตอร์ Keisei เป็นตั๋วรถอีกที ซึ่งในตั๋วนั้นจะระบุรอบเวลาของรถ ที่นั่ง แล้วก็หมายเลขขบวนรถไว้เรียบร้อย
- ตั๋ว subway 72 hr จะได้มาเป็นแบบพร้อมใช้เลยค่ะ จะนับเวลาหลังจากที่เราใช้บัตรครั้งแรกไปจนครบ 72 ชั่วโมง
ตั๋ว Tokyo Disney Sea เราเลือกนานมาก ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปไหนดีระหว่าง Disney Land VS Disney Sea คือไม่เคยไปทั้งคู่ก็อยากเห็นทั้งสองอย่าง แต่ด้วยความที่ Disney Sea มีแค่ที่นี่ที่เดียวในโลก จัดไปปปปปป !! ก็ไปซื้อที่ HIS เหมือนกันจ้า ซื้อพร้อมๆกันไปเลย ขี้เกียจไปรอซื้อหน้างาน คิวยาวแน่ๆ ซื้อแล้วจะได้มาเป็นกระดาษ A4 เลยนะคะ ใช้กันแบบนั้นแหละค่ะโบกให้โลกรู้ว่าตรูมี fastpass คือมันจะมี barcode ไว้สำหรับสแกนตามเครื่องเล่น fastpass จ้า ใบละประมาณ 2300 บาท
ตั๋วรถบัสสำหรับไปเมืองคาวากุจิโกะ เมืองแห่งฟูจิ อันนี้พีคมาก ที่สุดแห่งการค้นคว้า 5555 คือมันไปได้หลายวิธีอ่ะนะ จะรถไฟ รถบัสก็ได้ แต่ถ้าเป็นรถไฟมันจะดูหลายต่อเหลือเกิน ก็เลยไปรถบัสดีกว่า รถบัสก็จะมีหลากหลายเจ้าอีกนั่นแหละ และสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้เลยนะคะแต่ต้องระบุวันที่จะไป รอบที่จะไปว่ากี่โมง เรารู้สึกว่ายังไม่แม่นอนกับแพลนตัวเองเลยไปซื้อที่หน้างานดีกว่า แต่เราอาศัยว่าจะมาซื้อตอนเย็นไว้ก่อนแล้วไปวันรุ่งขึ้น เพื่อตอนเช้ามาจะได่ไม่วุ่นวาย ไงล่ะๆ มีความวางแผน (ด้วยคำแนะนำของพี่ๆผู้น่ารักที่ออฟฟิส)แต่วิธีการไปซื้อนี้สิ แม่เจ้าาาา ทำเอาพวกเราหลงกันไปหลายตลบจบที่ชินจูกุ เราเลือกของ
Keio Bus ค่ะ ต้องไปซื้อตั๋วที่สถานีชินจูกุจ้า จะเป็นท่ารถเลย เหมือนอารมณ์หมอชิตบ้านเราละมั้ง ที่มีหลายๆสายวิ่งกันนี่แหละ โดยอันนี้จะอยู่ที่ตึก Newoman ตรงข้ามกับสถานี JR Shinjuku ค่ะ คือเรานั่ง subway มาใช่ม้า มันจะมีทางเดินเชื่อมกันจนทะลุออกมา JR ได้ค่ะ ต้องหาทางออกมาตรงทางออก South exit ให้เจอค่ะ ถ้าไม่เจออย่าโผล่ออกมาทางออกอื่นเป็นอันขาด แล้วคุณจะเป็นแบบเรา TT_TT วนไปเถอะ วนไป เดินหาจนเท้าเปื่อยก็ไม่เจอ 555 แต่สุดท้ายก็เจอนะจ้ะ อิ้อิ้ เราก็ไปซื้อตั๋ว โชคร้ายซ้ำซ้อนคือตั๋วที่เราต้องการจะซื้อในวันรุ่งขึ้นมันหมดแล้ว เราจึงต้องเลื่อนเป็นวันถัดไปอีก ทำให้แพลนเราต้องเปลี่ยนไปอีก และนี่คือความไม่แน่นอนของการมาซื้อแบบหน้างานนี่แหละเน้อ
ตั๋วรถบัสรอบเมืองคาวากุจิโกะ เราไปถึงแล้วก็ต้องหารถสำหรับชมรอบๆเมืองนะจ้ะ คือถ้าอยากออกกำลังจะเช่าจักรยานปั่นรอบๆชมวิวสวยๆก็ได้น้า แต่ลูกทริปเราน่าจะไม่ไหว 5555 เลยเลือกจะซื้อตั๋วรถ เรียกว่า Retro Bus จ้ะ แต่ก็นั่นแหละมีหลายสาย หลายสีไปอีกตามเคย เราก็ต้องไปดูก่อนว่าอยากจะเที่ยวอะไรบ้างในเมืองนี้ คือรถส่วนใหญ่ก็จะวิ่งรอบๆทะเลสาบของเมือง แล้วฉีกตามเส้นทางของตัวเองว่าจะผ่านสถานที่ใดบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เราจะใช้เส้นสีแดง Red line เป็นหลัก แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ที่คาวากุจิโกะนอกจากจะชมรอบเมืองแล้ว ยังมีกระเช้าลอยฟ้า cable car กับ ล่องเรือ ในทะเลสาบด้วย เราก็ต้องจัดจ้า ไหนๆก็ไปถึงที่แล้วเนอะ ซึ่งตั๋วเหล่านี้เนี่ย เราต้องไปซื้อเอาที่สถานีคาวากุจิโกะเท่านั้น ซื้อล่างหน้าไม่ได้ ก็จะมีหลายแบบให้เลือกซื้อเหมือนกันนะ
- ซื้อแยกไปเลย ว่าจะนั่งรถบัส Retro เพียงอย่างเดียว หรือถ้าอยากจะนั่งกระเช้าหรือล่องเรือ ก็แยกซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งได้ที่เคานท์เตอร์ของแต่ละอย่างเลยจ้า
- ซื้อแบบเหมาเป็น coupon จะมี
R-coupon เป็นเหมารวมเลยทั้งรถ retro bus, cable car แล้วก็ล่องเรือด้วย หมดนี้ในราคา 2600Yen กับ
V-coupon จะเหมาเฉพาะตั๋ว cable car และล่องเรือ ไม่มีรถบัสรวมอยู่ในนั้นจ้า ส่วนราคาจำไม่ได้แล้ว ข้าน้อยขออภัย TT
ในส่วนของแกงค์เรานั้น เราได้เจอกับคนไทยใจดี ที่อยู่ๆก็ถามหาคนไทยด้วยกันแล้วก็นำตั๋วรถ Retro bus จำนวน 4 ใบมาให้กันฟรีๆเลยค่ะ เพราะตั๋วใบนึงมีอายุใช้ได้ 2 วัน ขอบคุณมากนะคะ เราก็เลยซื้อเพิ่มเฉพาะ V-coupon 4 ใบและ R-coupon อีก 2 ใบจ้า
ตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ เช่น หอคอยโตเกียวสกายทรี อันนี้ก็ไปซื้อที่นู่นเลยค่ะ ค่าเข้าชมมีสองระดับความสูง เราขึ้นไปที่ระดับแรก 350m เท่านั้น ถ้าอยากขึ้นไปสูงอีกก็ต้องไปซื้อข้างบนเพิ่มนะจ้ะ
ตั๋วรถไฟสาย Tokyo Disney Line รถไฟสายนี้เป็นสายเฉพาะของดิสนีย์เน้อ คือเอาไว้นั่งรอบๆเกาะ จะมี 4 สถานี ไว้สำหรับเวลาเราจะไป Disney Sea คือถ้าไป Disney Land ก็อาาจะไม่ต้องนั่งก็ได้ค่ะ เดินเอาได้ แต่ถ้า Disney Sea มันค่อนข้างไกล เก็บแรงไว้เล่นดีกว่า ต้องไปกดซื้อหน้าตู้ที่สถานี JR Maihama เที่ยวละ 260Yen ไปกลับก็ 520Yen จ้า
[CR] ญี่ปุ่นครั้งแรก ตะลุยโตเกียวไปกันแบบฟินๆ Japan Go Go !!
สวัสดีจ้าาาา เราได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวไปยังแดนอาทิตย์อุทัยเป็นครั้งแรก เฮลโหลวววว เจแปน ^^ เลยอยากเก็บเรื่องราวต่างๆที่ได้เจอและฟันฝ่ามาบอกเล่าสู่กันฟังจ้า
โดยเริ่มตั้งแต่แรกเนี่ย เราอยากเที่ยวมาก คิดๆไปคิดๆมาก็คิดว่าอยากไปญี่ปุ่นจัง ใครเคยเป็นเหมือนกันไหมเอ่ย ? เมื่อก่อนไปก็ชอบคิดว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่น่าเที่ยวมาก มีอะไรให้ดูเยอะแยะไปหมด สวยมากด้วย แต่แต่แต่......มันดูแพงมากเลย ดูค่าครองชีพสูง ดูต้องใช้เงินถุงเงินถังเยอะ ไปลองเปิดๆดูทัวร์ก็แบบ โอ้วโหวววว ทีละห้าหกหมื่น เจ็ดหมื่นก็มี แล้วจะไปกันได้ยังไงเนี่ย แถมการคมนาคมที่ว่าสะดวกรวดเร็ว รถไฟเยอะแยะไปหมด พอลองอ่านผ่านๆดูก็รู้สึกว่ามันเยอะจนมึน สับสนเหลือเกิน 555555
อยู่มาวันหนึ่ง แม่ๆก็บอกว่า "เรามาเก็บตังค์กันเถอะ จะได้มีเงินไปเที่ยว" ก็เลยเริ่มเก็บเงินกันตั้งแต่วันนั้นเลย เราเริ่มเก็บเงินวันละ 50 บาท หยอดกระปุกไว้เลยนะคะ ทุกวันเลยไม่เว้นแม้แต่เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดใด ใช้เวลาประมาณครึ่งปีเท่านั้น ไม่น่าเชื่อเงินที่เก็บได้สามารถใช้ซื้อตั๋วเครื่องบินไป-กลับญี่ปุ่นได้เลยหนา O_O เก็บทีละนิดจะได้ไม่รู้สึกว่าจ่ายเป็นเงินก้อนแล้วมันเยอะเกิน เพียงแต่ต้องใช้ระยะเวลาสักหน่อย ระหว่างทางการเก็บเงินนี่ก็ขยันนับมากเลย เก็บมันทุกวันก็เอาออกมานับทุกวันว่าได้เท่าไหร่แล้ว ฮ่าๆๆๆตื่นเต้นอ่ะเนอะ อยากไปเที่ยว ยิ่งเยอะยิ่งมีความสุข 5555 ตอนแรกๆที่เริ่มเก็บเงินก็แบบ เอ้อ คุยกับแม่ๆว่าเราจะไปกันช่วงไหนดีน้า จริงๆอยากไปหน้าหนาว อยากเห็นหิมะสักครั้งในชีวิตงี้ ก็เลยลองกดตั๋วเล่นๆช่วงปลายปี โอ้โฮ ผมไม่สู้ราคาเลย! เปลี่ยนลองมากดช่วงเดือนตุลา พฤศจิกา เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีก็น่าจะสวยนะ เริ่มจะหนาวแล้วด้วย ตกลงว่าจะไปกันช่วงนี้แหละ แล้วจู่ๆก็นั่งเปิดเว็บลองกดตั๋วเครื่องบินไปเรื่อยๆแล้วดันมาเจอตั๋ว Air Asia X ไปกลับกรุงเทพ - นาริตะ 13500 บาท รวมค่าน้ำหนักกระเป๋า 20 Kg+value pack แล้วด้วย ที่สำคัญเป็นช่วงเดือนเมษายน กรี้ดดดดดดด >///< ใบไม้ผลิที่รอคอย ทำไมราคามันโดนใจขนาดนี้ รออะไรอยู่เด้อ กดเลยค่ะ กดเลย กดให้ยับ 555555 สรุปได้ตั๋วเครื่องบินมาทั้งหมด 6 ใบ สบายใจเฉิบแบบไม่ทันตั้งตัวเลยจริง ฮ่าๆๆๆๆ ใจก็คิดว่ามีเวลาเตรียมตัวแค่สองเดือนเท่านั้นกระชั้นชิดมากๆ เพราะกดซื้อตั๋วตอนเดือนกุมภานี้เอง แต่เอาฟะ!! ไหนๆก็ไหนๆละ โชคดีได้ตั๋วราคานี้ในช่วงเวลางามๆแบบนี้ สู้ตายจ้า
อันดับแรก เราได้ตั๋วเดินทางกันวันที่ 8 เษายน แล้วกลับวันที่ 13 เมษายน สงกรานต์พอดีเลย โดยทริปนี้ผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 6 คน ซึ่งก็จะมีเหล่าแม่ๆ เพื่อนแม่ แล้วก็แม่ของเพื่อนแม่อีกที 55555 เป็นอันว่าทริปนี้เป็นทริปสูงวัยใจเกินร้อยไปเลยจ้าาาาา ทริปนี้คือมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก ต้องหาข้อมูลเยอะมากๆด้วย เอาล่ะสิ่งที่ต้องทำหลังจากได้ตั๋วเครื่องบินแล้วก็คือ
เริ่มจากหาที่พักก่อนเลยยยยย
ไปญี่ปุ่นทั้งหมด 6 วัน 5 คืน ที่คิดไว้คือเราจะไปตะลุยเฉพาะเมืองหลวงโตเกียวเท่านั้น แต่อีกใจก็คิดว่ามาญี่ปุ่นทั้งที ควรจะได้เห็นฟูจิสินะ เลยตกลงว่าจะไปเมืองคาวากูจิโกะด้วยเพื่อไปหาฟูจิกันจ้า เราต้องหาที่พักสองที่ค่ะ เพราะวันสุดท้ายพวกเราบินกลับกรุงเทพกันแต่เช้าเลย กลัวว่าจะไปสนามบินไม่ทัน เลยหาที่พักแถวๆสนามบินนาริตะเผื่อไว้ดีกว่า
ได้มาที่พักในโตเกียวสำหรับ 4 คืนแรก จองผ่าน Agoda ค่ะ OAK Hotel Edo ที่พักดีมากมากโลยยย สะอาดมากกกกเจ้าข้าเอ้ย ขอย้ำว่าสะอาดจริงๆ แถมอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ Morishita ด้วย ใกล้มากๆ พนักงานก็บริการดี เป็นกันเอง มีห้องครัวไว้ให้ทำอาหารทานกันเองทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ประทับใจที่นี่มากพูดเลย ตกคนละประมาณ 1200 บาทต่อคืน คือได้เจอตามในรูปเลย
และสำหรับคืนสุดท้ายก่อนกลับกรุงเทพ ไปพักที่ Narita-U city hotel ค่ะ ที่นี่ก็โอเคเลยนะคะ ที่พักอยู่ใกล็ๆกับสถานี JR Narita station เลย หาง่ายมาก สะอาดมากด้วย ขนาดของห้อง เราพักแบบห้องละสามคน ถือว่าขนาดใหญ่เลยน้าอาจจะเก่ากว่าที่คิดไว้หน่อยนึง แต่รวมๆแล้วมีเสน่ห์ ตกคนละประมาณ 900 บาทต่อคืน
เรื่องรถรา การเดินทางต่างๆนี่ถือว่าเป็นความท้าทายมากสุดเลยในทริปนี้สำหรับเราเลยหนา
ก่อนอื่นเราหาข้อมูลเยอะมากสำหรับการเดินทางว่าจะต้องใช้ตั๋วอะไรบ้าง เดินทางแบบไหนได้บ้างซึ่งต้องใช้ตั๋วหลายอย่างอยู่เน้อ
1.) เริ่มจากตั๋วรถไฟที่ใช้เดินทางเที่ยวในกรุงโตเกียว คือที่เคยไปอ่านๆมาเจอคนส่วนใหญ่ใช้ JR Pass กันเยอะมาก แล้วมันก็ดูราคาสูงจัง แต่ที่เราเข้าใจคือ JR Pass อาจจะเหมาะสำหรับการเดินทางข้ามจังหวัด ข้ามภูมิภาคไม่แน่ใจเหมือนกัน ก็เลยคิดว่าอยากใช้แค่รถไฟใต้ดิน subway ธรรมดาเลยขอเล่าเฉพาะส่วนนี้ที่เราใช้ดีกว่า subway จะมีอยู่สองยี่ห้อคือ Metro subway และ Toei subway จ้า และสองสายนี้ก็สามารถใช้บัตรใบเดียวกันได้ด้วยนะเออ
โดยบัตร subway เนี่ย จะซื้อแบบต่อเที่ยวกดบัตร จ่ายตังหน้าตู้เลย หรือจะซื้อแบบเหมาจ่ายเป็นวัน(24 hr) สองวัน(48hr) สามวัน(72hr) ก็ได้นะ แล้วแต่เราจะเลือกก็ต้องคำนวณวันไว้ว่าเราจะไปสักกี่วัน แต่สำหรับแกงค์เราก็ซื้อเป็นแบบ 72hr ไปก่อน
2.) ตั๋วรถไฟที่ออกจากสนามบินนาริตะ เข้าสู่โตเกียว เราคิดว่าค่าแท็กซี่มันคงจะแพงเกินไป ใจฉันรับไม่ไหว เลยขอมาใช้รถไฟแทนละกัน ซึ่งก็มีอยู่สองเจ้าเหมือนกัน คือ NEX กับ Keisei เราเลือกใช้ Keisei ค่ะเพราะอีกอันน่าจะแพงกว่า 555555 (เหตุผลของฉันคือประหยัดตังเท่านัน) พอตัดสินใจเลือก Keisei แล้วปุ๊ป เอ้าาาาาดันมีอีกสามแบบให้เลือกไปอีก เยอะแท้ Keisei จะแบ่งเป็น Skyliner สีน้ำเงิน, Access Express สีส้ม, Main line สีแดง ตามรูปเลยจ้า
ซึ่งข้อแตกต่างก็คือความเร็วในการถึงที่หมายค่ะ จ่ายแพงกว่าก็จะถึงเร็วกว่า ไม่ค่อยแวะจอด จริงๆเราก็อยากเลือกแบบถูกกว่า ประหยัดกว่า แต่ด้วยความที่ไฟล์ทเราไปถึงนู่นก็ทุ่มกว่าๆแล้ว เลยคิดว่าเลือกแบบเร็วสุดไปเลยก็ได้นะ สะดวกดีเด้อ
โดยตั๋วทั้งสองอย่างเนี้ย ทั้ง subway และ Keisei Skyliner จะหาซื้อได้จากที่ไหนบ้าง ? เราซื้อจาก HIS เลยค่ะ โดยจะมีเป็น package ให้เลยนะ ว่าถ้าซื้อคู่กันมันจะลดราคาลงไปอี้กกกกกกกก เลยจัดมาทั้งหมด 6 ชุด ราคาก็จะตามรูปนี้เลย
ซึ่ง Package นี้จะประกอบด้วย
- ตั๋ว skyliner สนามบินนาริตะ-สถานีอุเอโนะ ทั้งขาไปและขากลับ โดยจะไม่มีการจองวันที่หรือเวลานะจ้ะ จะได้มาเป็นตั๋วกระดาษก่อนแล้วเมื่อเราไปถึงสนามบินเราต้องไปแลกที่เคานท์เตอร์ Keisei เป็นตั๋วรถอีกที ซึ่งในตั๋วนั้นจะระบุรอบเวลาของรถ ที่นั่ง แล้วก็หมายเลขขบวนรถไว้เรียบร้อย
- ตั๋ว subway 72 hr จะได้มาเป็นแบบพร้อมใช้เลยค่ะ จะนับเวลาหลังจากที่เราใช้บัตรครั้งแรกไปจนครบ 72 ชั่วโมง
ตั๋ว Tokyo Disney Sea เราเลือกนานมาก ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปไหนดีระหว่าง Disney Land VS Disney Sea คือไม่เคยไปทั้งคู่ก็อยากเห็นทั้งสองอย่าง แต่ด้วยความที่ Disney Sea มีแค่ที่นี่ที่เดียวในโลก จัดไปปปปปป !! ก็ไปซื้อที่ HIS เหมือนกันจ้า ซื้อพร้อมๆกันไปเลย ขี้เกียจไปรอซื้อหน้างาน คิวยาวแน่ๆ ซื้อแล้วจะได้มาเป็นกระดาษ A4 เลยนะคะ ใช้กันแบบนั้นแหละค่ะโบกให้โลกรู้ว่าตรูมี fastpass คือมันจะมี barcode ไว้สำหรับสแกนตามเครื่องเล่น fastpass จ้า ใบละประมาณ 2300 บาท
ตั๋วรถบัสสำหรับไปเมืองคาวากุจิโกะ เมืองแห่งฟูจิ อันนี้พีคมาก ที่สุดแห่งการค้นคว้า 5555 คือมันไปได้หลายวิธีอ่ะนะ จะรถไฟ รถบัสก็ได้ แต่ถ้าเป็นรถไฟมันจะดูหลายต่อเหลือเกิน ก็เลยไปรถบัสดีกว่า รถบัสก็จะมีหลากหลายเจ้าอีกนั่นแหละ และสามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้เลยนะคะแต่ต้องระบุวันที่จะไป รอบที่จะไปว่ากี่โมง เรารู้สึกว่ายังไม่แม่นอนกับแพลนตัวเองเลยไปซื้อที่หน้างานดีกว่า แต่เราอาศัยว่าจะมาซื้อตอนเย็นไว้ก่อนแล้วไปวันรุ่งขึ้น เพื่อตอนเช้ามาจะได่ไม่วุ่นวาย ไงล่ะๆ มีความวางแผน (ด้วยคำแนะนำของพี่ๆผู้น่ารักที่ออฟฟิส)แต่วิธีการไปซื้อนี้สิ แม่เจ้าาาา ทำเอาพวกเราหลงกันไปหลายตลบจบที่ชินจูกุ เราเลือกของ Keio Bus ค่ะ ต้องไปซื้อตั๋วที่สถานีชินจูกุจ้า จะเป็นท่ารถเลย เหมือนอารมณ์หมอชิตบ้านเราละมั้ง ที่มีหลายๆสายวิ่งกันนี่แหละ โดยอันนี้จะอยู่ที่ตึก Newoman ตรงข้ามกับสถานี JR Shinjuku ค่ะ คือเรานั่ง subway มาใช่ม้า มันจะมีทางเดินเชื่อมกันจนทะลุออกมา JR ได้ค่ะ ต้องหาทางออกมาตรงทางออก South exit ให้เจอค่ะ ถ้าไม่เจออย่าโผล่ออกมาทางออกอื่นเป็นอันขาด แล้วคุณจะเป็นแบบเรา TT_TT วนไปเถอะ วนไป เดินหาจนเท้าเปื่อยก็ไม่เจอ 555 แต่สุดท้ายก็เจอนะจ้ะ อิ้อิ้ เราก็ไปซื้อตั๋ว โชคร้ายซ้ำซ้อนคือตั๋วที่เราต้องการจะซื้อในวันรุ่งขึ้นมันหมดแล้ว เราจึงต้องเลื่อนเป็นวันถัดไปอีก ทำให้แพลนเราต้องเปลี่ยนไปอีก และนี่คือความไม่แน่นอนของการมาซื้อแบบหน้างานนี่แหละเน้อ
ตั๋วรถบัสรอบเมืองคาวากุจิโกะ เราไปถึงแล้วก็ต้องหารถสำหรับชมรอบๆเมืองนะจ้ะ คือถ้าอยากออกกำลังจะเช่าจักรยานปั่นรอบๆชมวิวสวยๆก็ได้น้า แต่ลูกทริปเราน่าจะไม่ไหว 5555 เลยเลือกจะซื้อตั๋วรถ เรียกว่า Retro Bus จ้ะ แต่ก็นั่นแหละมีหลายสาย หลายสีไปอีกตามเคย เราก็ต้องไปดูก่อนว่าอยากจะเที่ยวอะไรบ้างในเมืองนี้ คือรถส่วนใหญ่ก็จะวิ่งรอบๆทะเลสาบของเมือง แล้วฉีกตามเส้นทางของตัวเองว่าจะผ่านสถานที่ใดบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เราจะใช้เส้นสีแดง Red line เป็นหลัก แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ที่คาวากุจิโกะนอกจากจะชมรอบเมืองแล้ว ยังมีกระเช้าลอยฟ้า cable car กับ ล่องเรือ ในทะเลสาบด้วย เราก็ต้องจัดจ้า ไหนๆก็ไปถึงที่แล้วเนอะ ซึ่งตั๋วเหล่านี้เนี่ย เราต้องไปซื้อเอาที่สถานีคาวากุจิโกะเท่านั้น ซื้อล่างหน้าไม่ได้ ก็จะมีหลายแบบให้เลือกซื้อเหมือนกันนะ
- ซื้อแยกไปเลย ว่าจะนั่งรถบัส Retro เพียงอย่างเดียว หรือถ้าอยากจะนั่งกระเช้าหรือล่องเรือ ก็แยกซื้ออย่างใดอย่างหนึ่งได้ที่เคานท์เตอร์ของแต่ละอย่างเลยจ้า
- ซื้อแบบเหมาเป็น coupon จะมี R-coupon เป็นเหมารวมเลยทั้งรถ retro bus, cable car แล้วก็ล่องเรือด้วย หมดนี้ในราคา 2600Yen กับ V-coupon จะเหมาเฉพาะตั๋ว cable car และล่องเรือ ไม่มีรถบัสรวมอยู่ในนั้นจ้า ส่วนราคาจำไม่ได้แล้ว ข้าน้อยขออภัย TT
ในส่วนของแกงค์เรานั้น เราได้เจอกับคนไทยใจดี ที่อยู่ๆก็ถามหาคนไทยด้วยกันแล้วก็นำตั๋วรถ Retro bus จำนวน 4 ใบมาให้กันฟรีๆเลยค่ะ เพราะตั๋วใบนึงมีอายุใช้ได้ 2 วัน ขอบคุณมากนะคะ เราก็เลยซื้อเพิ่มเฉพาะ V-coupon 4 ใบและ R-coupon อีก 2 ใบจ้า
ตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ เช่น หอคอยโตเกียวสกายทรี อันนี้ก็ไปซื้อที่นู่นเลยค่ะ ค่าเข้าชมมีสองระดับความสูง เราขึ้นไปที่ระดับแรก 350m เท่านั้น ถ้าอยากขึ้นไปสูงอีกก็ต้องไปซื้อข้างบนเพิ่มนะจ้ะ
ตั๋วรถไฟสาย Tokyo Disney Line รถไฟสายนี้เป็นสายเฉพาะของดิสนีย์เน้อ คือเอาไว้นั่งรอบๆเกาะ จะมี 4 สถานี ไว้สำหรับเวลาเราจะไป Disney Sea คือถ้าไป Disney Land ก็อาาจะไม่ต้องนั่งก็ได้ค่ะ เดินเอาได้ แต่ถ้า Disney Sea มันค่อนข้างไกล เก็บแรงไว้เล่นดีกว่า ต้องไปกดซื้อหน้าตู้ที่สถานี JR Maihama เที่ยวละ 260Yen ไปกลับก็ 520Yen จ้า