Day1
เราเดินทางถึงสนามบินโฮจิมินห์ซิตี้ เตินเซินเญิ้ต (Ho Chi Minh City Tan Son Nhat International Airport)ประมาณ 17.00น. ทริปนี้เราไปกันสองคนค่ะ ที่นี่ไม่ต้องกรอกใบตม.สามารถยื่นพาสปอร์ตได้เลย เราแลกเงินดอลลาร์มาจากไทยแล้วไปแลกเป็นเงินเวียดนามที่บูธที่สนามบินค่ะ
หลังจากแลกเงินเรียบร้อยแล้วก็เดินหาซื้อซิมกันที่สนามบินเลย ที่นี่มีร้านขายซิมอยู่หลายร้านอยู่เหมือนกัน ร้านที่เราซื้อคือ Vianaphone เราซื้อซิม5gb ราคา105.000vnd
จากนั้นก็เดินมาขึ้นรถเมล์เขียวเพื่อเข้าเมืองกัน เดินตรงมาทางออกสนามบินแล้วเลี้ยวขวา จะเจอรถเมล์สาย152 จอดอยู่ ค่ารถคนละ5000vnd แต่ถ้าใครมีกระเป๋าใบใหญ่ที่ต้องวางพื้นเค้าจะเก็บเพิ่มค่ากระเป๋าอีก5000vndนะคะ
เรานั่งรถไปลงแถวถนน De tham ใช้วิธีดูGpsเอา พอใกล้ถึงแล้วก็ไปยืนรอที่ประตูหลังรถเค้าจะจอดให้เราลงเอง
จากนั้นก็เดินไปซื้อตั๋วไปดาลัดกันที่บริษัท Phuong Trang(Futa bus) เราซื้อตั๋วรอบ23.25น. เพราะคิดว่าจะได้ไม่ถึงเช้าเกินไป ค่าตั๋ว 210.000vndต่อคน และร้านข้างๆที่ขายตั๋วจะมีบริการฝากกระเป๋า ค่าฝาก20.000vnd ค่ะ
ตอนนี้ตัวเบาแระ^^เราก็เดินไปหาอะไรกินกันที่ The Cafe Apartment พอไปถึงสิ่งที่เห็นคือ!ไฟดับทั้งตึกจ้า555 กะว่าจะถ่ายด้านหน้าตึกสักหน่อยแต่ก็คิดว่ารอกันสักพักดีกว่าไหนๆก็เดินมาแล้วโชคดีที่มีช่างไฟกำลังแก้ไขอยู่
เรายืนรอกันไม่นานไฟก็มาแต่ก็มืดพอดี จากนั้นก็ขึ้นไปด้านบนดื่มน้ำชากันที่ร้าน Partea-English tearoom ร้านนี้มีคอนเซปต์ร้านน่ารักมากๆ
เข้าไปจะมีชาให้เลือกมากกว่า20ชนิด หอมทุกกลิ่นเลยค่า
พอเลือกกลิ่นชาที่ชอบแล้วหันกลับมาอีกมุมนึง ก็สามารถเลือกชุดแก้วกาแฟที่ชอบได้ด้วย! มีแบบให้เลือกเยอะมากๆ สวยน่าใช้ทุกชุดเลย หยิบได้ตามใจชอบแล้วเดินมาเลือกที่นั่ง
ทุกมุมของร้านน่ารักจริงๆ มีทั้งโซน Indoorและ Outdoor
หลังจากที่จิบชาหอมๆกันแล้ว ก็เดินไปถ่ายรูปที่ Opera houseกัน ระหว่างทางเราเดินผ่าน ศาลากลาง (City Hall) วันนี้เค้ามีงานกีฬาอะไรสักอย่างผู้คนคีกคักมาก
บริเวณนี้จะเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้คนและในเวลากลางคืนจะมีจัดแสดงน้ำพลุดนตรีด้วยค่ะ
จาก City hall เราเดินไปอีกหน่อยจะเจอ โรงละครโอเปร่าโฮจิมินห์ (Opera House Ho Chi Minh) เป็นโรงละครเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อ 100กว่าปีก่อน มีความสวยงามแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส โรงละครแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโรงละครแห่งเมืองโฮจิมินห์ (Municipal Theatre of Ho Chi Minh City) ปัจจุบันยังคงใช้เป็นสถานที่สำหรับชมการแสดงและคอนเสิร์ตต่างๆ ที่นี่จะมีลานน้ำพุที่เป็นจุดพักผ่อนสำหรับชาวเมืองและนักท่องเที่ยว และยังเป็นจุดถ่ายรูปโรงละครที่สวยงามอีกด้วยนะคะ
ถัดจากโรงละครเราเดินกลับมาหาอะไรกินใกล้ๆจุดที่เราจะขึ้นรถ ชื่อร้านว่า Sa Sa Cafe มีอาหารหลากหลายทั้งอิตาเลี่ยนและเวียดนาม เราสั่งอาหารเวียดนามมากินเพราะไหนๆมาถึงที่นี่แล้วก็ต้องชิมอาหารเวียดนามแหละเนอะ อาหารรสชาติใช้ได้เลย
นั่งเล่นกันสักพักใกล้เวลาออกเดินทางแล้ว เราเดินไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วไปรอขึ้นรถที่ฝั่งตรงข้ามกับที่เราซื้อตั๋วค่ะ
พอถึงเวลา 23.25น. ก็จะมีรถตู้มารับเราเพื่อไปขึ้นรถนอนอีกจุดนึง
นั่งรถมาไม่นานก็ถึงจุดจอดรถนอนที่เราต้องนั่งไปดาลัดคืนนี้ค่ะ ก่อนขึ้นรถพนักงานจะแจกถุงคนละใบเพื่อให้เราใส่รองเท้าจากนั้นก็นั่งตามที่นั่งที่จองไว้
จากโฮจิมินห์ไปดาลัดใช้เวลาประมาณ 6ชั่วโมงค่ะ
Day2
เราถึงดาลัดตอนตีห้าครึ่ง อากาศหนาวมากประมาณ15องศาทุกคนลงรถสั่นกันหมด^^
จากนั้นก็จะมีรถของบริษัทไปส่งเราที่โรงแรม เราจองที่พักผ่านAgodaไว้ ชื่อTulip Hotel Dalat ราคาคืนละ 646฿
พอถึงโรงแรมเราก็ติดต่อเช็คอินที่พักกันเลย แต่พอดียังเช็คอินไม่ได้เพราะยังมีลูกค้าอยู่ แต่พนักงานแจ้งเราว่าสามารถพักผ่อนและอาบน้ำได้ที่ห้องด้านล่างก่อนได้เลย ที่นี่บริการดีมากค่ะยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน
หลังจากที่เราอาบน้ำกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วเพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจองตั๋วที่จะไปมุ่ยเน่พรุ่งนี้กับทางโรงแรมเลย ค่าตั๋วคนละ 120.000vnd และก็เช่ามอเตอร์ไซต์เที่ยวดาลัดด้วย ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ราคา 150.000vndต่อคัน ส่วนกระเป๋าเดินทางเราสามารถฝากไว้กับที่โรงแรมได้เลยค่ะ
ที่แรกที่เราไปกันคือ น้ำตกฟงกัว(Pongour waterfall) ใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชั่วโมงกว่า ถึงแม้จะไกลแต่ระหว่างทางได้ดูวิวข้างทางและอากาศก็ดีมากไม่ร้อนเลยถือว่าคุ้มมากค่ะ เดินทางสักพักเราก็มาถึงน้ำตก ที่นี่มีค่าเข้าคนละ10.000vnd
น้ำตกฟงกัว (Pongour waterfall) ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในดาลัดค่ะ มีความสูง 20 เมตร และกว้าง 100 เมตร เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ตัวน้ำตกจะมีสายน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสวยงามมาก ที่นี่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมความงามกันอยู่ตลอดเลย
ที่ต่อไปที่เราไปกันคือ วัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda) จากน้ำตกใช้เวลาเดินทาง 1ชั่วโมงค่ะ ก็คือขี่กลับเข้าเมืองอีกครั้ง ที่วัดไม่มีค่าเข้านะคะ วัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda)เป็นวัดพุทธในนิกายเซนแบบญี่ปุ่น ที่ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมเวียดนาม
จากตัววัดเราสามารถมองวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบตังแลม Tuyen Lam Lake ได้อีกด้วย
หลังจากเดินชมวัดแล้ว เราไปนั่ง Cable Car เพื่อชมวิวเมืองดาลัดกัน จุดซื้อตั๋ว Cable Car จะอยู่ชั้นล่างของร้านอาหารตรงข้ามลานจอดรถทางเข้าวัดค่ะ ค่าตั๋วจะมีให้เลือกสองแบบคือ แบบ one way กับ return เราเลือกแบบไปกลับค่ะ คนละ 80.000vnd
ใช้เวลาในการนั่งชมวิวประมาณ 30 นาที (ไป 15นาที กลับ 15นาที) วิวสวยและเพลินมาก ๆ ค่ะ
นั่งมาสักพักก็จะมาถึงอีกฝั่งนึง ฝั่งนี้จะมีร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์และร้านกาแฟให้นั่งเล่นชิลๆอีกด้วยนะ
[CR] แบกเป้ลุยเวียดนามใต้ : มันส์ครบรส! โฮจิมินห์ ดาลัด มุยเน่ 5 วัน 4 คืน
แล้วก็สรุปกันคือที่นี่เลย!! ‘เวียดนามใต้’ ครั้งนี้เรามีโอกาสได้ไปตะลุยกันมาถึง3เมือง
โฮจิมินห์ : เที่ยวชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่สไตล์ยุโรป เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเมืองผ่านพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ
ดาลัด : เมืองแห่งดอกไม้ และสายลมหนาว
และที่สุดท้ายที่ไม่ควรพลาดคือมุยเน่ : ที่ที่มีชายหาดและทะเลทรายที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งหมดนี้กับทริป 5 วัน 4 คืน จะสนุกครบรสขนาดไหนไปดูกันน^^
"ติดตามภาพถ่ายอื่นๆได้ที่^^
เพจ>>https://www.facebook.com/wejourneys
Instagram>> https://www.instagram.com/ou.wejourney
กระทู้อื่นๆ>> [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเดินทางถึงสนามบินโฮจิมินห์ซิตี้ เตินเซินเญิ้ต (Ho Chi Minh City Tan Son Nhat International Airport)ประมาณ 17.00น. ทริปนี้เราไปกันสองคนค่ะ ที่นี่ไม่ต้องกรอกใบตม.สามารถยื่นพาสปอร์ตได้เลย เราแลกเงินดอลลาร์มาจากไทยแล้วไปแลกเป็นเงินเวียดนามที่บูธที่สนามบินค่ะ
หลังจากแลกเงินเรียบร้อยแล้วก็เดินหาซื้อซิมกันที่สนามบินเลย ที่นี่มีร้านขายซิมอยู่หลายร้านอยู่เหมือนกัน ร้านที่เราซื้อคือ Vianaphone เราซื้อซิม5gb ราคา105.000vnd
จากนั้นก็เดินมาขึ้นรถเมล์เขียวเพื่อเข้าเมืองกัน เดินตรงมาทางออกสนามบินแล้วเลี้ยวขวา จะเจอรถเมล์สาย152 จอดอยู่ ค่ารถคนละ5000vnd แต่ถ้าใครมีกระเป๋าใบใหญ่ที่ต้องวางพื้นเค้าจะเก็บเพิ่มค่ากระเป๋าอีก5000vndนะคะ
จากนั้นก็เดินไปซื้อตั๋วไปดาลัดกันที่บริษัท Phuong Trang(Futa bus) เราซื้อตั๋วรอบ23.25น. เพราะคิดว่าจะได้ไม่ถึงเช้าเกินไป ค่าตั๋ว 210.000vndต่อคน และร้านข้างๆที่ขายตั๋วจะมีบริการฝากกระเป๋า ค่าฝาก20.000vnd ค่ะ
ตอนนี้ตัวเบาแระ^^เราก็เดินไปหาอะไรกินกันที่ The Cafe Apartment พอไปถึงสิ่งที่เห็นคือ!ไฟดับทั้งตึกจ้า555 กะว่าจะถ่ายด้านหน้าตึกสักหน่อยแต่ก็คิดว่ารอกันสักพักดีกว่าไหนๆก็เดินมาแล้วโชคดีที่มีช่างไฟกำลังแก้ไขอยู่
พอเลือกกลิ่นชาที่ชอบแล้วหันกลับมาอีกมุมนึง ก็สามารถเลือกชุดแก้วกาแฟที่ชอบได้ด้วย! มีแบบให้เลือกเยอะมากๆ สวยน่าใช้ทุกชุดเลย หยิบได้ตามใจชอบแล้วเดินมาเลือกที่นั่ง
หลังจากที่จิบชาหอมๆกันแล้ว ก็เดินไปถ่ายรูปที่ Opera houseกัน ระหว่างทางเราเดินผ่าน ศาลากลาง (City Hall) วันนี้เค้ามีงานกีฬาอะไรสักอย่างผู้คนคีกคักมาก
จาก City hall เราเดินไปอีกหน่อยจะเจอ โรงละครโอเปร่าโฮจิมินห์ (Opera House Ho Chi Minh) เป็นโรงละครเก่าแก่ที่สร้างขึ้นเมื่อ 100กว่าปีก่อน มีความสวยงามแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส โรงละครแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโรงละครแห่งเมืองโฮจิมินห์ (Municipal Theatre of Ho Chi Minh City) ปัจจุบันยังคงใช้เป็นสถานที่สำหรับชมการแสดงและคอนเสิร์ตต่างๆ ที่นี่จะมีลานน้ำพุที่เป็นจุดพักผ่อนสำหรับชาวเมืองและนักท่องเที่ยว และยังเป็นจุดถ่ายรูปโรงละครที่สวยงามอีกด้วยนะคะ
ถัดจากโรงละครเราเดินกลับมาหาอะไรกินใกล้ๆจุดที่เราจะขึ้นรถ ชื่อร้านว่า Sa Sa Cafe มีอาหารหลากหลายทั้งอิตาเลี่ยนและเวียดนาม เราสั่งอาหารเวียดนามมากินเพราะไหนๆมาถึงที่นี่แล้วก็ต้องชิมอาหารเวียดนามแหละเนอะ อาหารรสชาติใช้ได้เลย
นั่งรถมาไม่นานก็ถึงจุดจอดรถนอนที่เราต้องนั่งไปดาลัดคืนนี้ค่ะ ก่อนขึ้นรถพนักงานจะแจกถุงคนละใบเพื่อให้เราใส่รองเท้าจากนั้นก็นั่งตามที่นั่งที่จองไว้
พอถึงโรงแรมเราก็ติดต่อเช็คอินที่พักกันเลย แต่พอดียังเช็คอินไม่ได้เพราะยังมีลูกค้าอยู่ แต่พนักงานแจ้งเราว่าสามารถพักผ่อนและอาบน้ำได้ที่ห้องด้านล่างก่อนได้เลย ที่นี่บริการดีมากค่ะยิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคน
หลังจากที่เราอาบน้ำกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วเพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจองตั๋วที่จะไปมุ่ยเน่พรุ่งนี้กับทางโรงแรมเลย ค่าตั๋วคนละ 120.000vnd และก็เช่ามอเตอร์ไซต์เที่ยวดาลัดด้วย ค่าเช่ามอเตอร์ไซต์ราคา 150.000vndต่อคัน ส่วนกระเป๋าเดินทางเราสามารถฝากไว้กับที่โรงแรมได้เลยค่ะ
ที่แรกที่เราไปกันคือ น้ำตกฟงกัว(Pongour waterfall) ใช้เวลาเดินทางประมาณ1ชั่วโมงกว่า ถึงแม้จะไกลแต่ระหว่างทางได้ดูวิวข้างทางและอากาศก็ดีมากไม่ร้อนเลยถือว่าคุ้มมากค่ะ เดินทางสักพักเราก็มาถึงน้ำตก ที่นี่มีค่าเข้าคนละ10.000vnd
น้ำตกฟงกัว (Pongour waterfall) ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดในดาลัดค่ะ มีความสูง 20 เมตร และกว้าง 100 เมตร เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
ที่ต่อไปที่เราไปกันคือ วัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda) จากน้ำตกใช้เวลาเดินทาง 1ชั่วโมงค่ะ ก็คือขี่กลับเข้าเมืองอีกครั้ง ที่วัดไม่มีค่าเข้านะคะ วัดตั๊กลัม (Truc Lam Pagoda)เป็นวัดพุทธในนิกายเซนแบบญี่ปุ่น ที่ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมเวียดนาม
หลังจากเดินชมวัดแล้ว เราไปนั่ง Cable Car เพื่อชมวิวเมืองดาลัดกัน จุดซื้อตั๋ว Cable Car จะอยู่ชั้นล่างของร้านอาหารตรงข้ามลานจอดรถทางเข้าวัดค่ะ ค่าตั๋วจะมีให้เลือกสองแบบคือ แบบ one way กับ return เราเลือกแบบไปกลับค่ะ คนละ 80.000vnd
นั่งมาสักพักก็จะมาถึงอีกฝั่งนึง ฝั่งนี้จะมีร้านอาหารแบบบุฟเฟ่ต์และร้านกาแฟให้นั่งเล่นชิลๆอีกด้วยนะ