สิงคโปร์วันเดียวก็เที่ยวได้

โดยสารการบินที่นั่งคือScoot ตรงเวลาเว่อ แอร์เย็นเว่อ เล่นเอาสั่นเลยทีเดียว ก่อนอื่นตม.ที่นี่รอนานมากกว่าจะได้ออกปาเข้าไปเกือบชม. เห็นชาวชมพูทวีปเข้ามากันเยอะมากเอ๊ะหรือว่าลงเครื่องผิดมาที่มุมไบรึเปล่า หลังจากผ่านตม.ก็มาเสียเวลาเพิ่มเติมในการฝากกระเป๋านิดหน่อย ซึ่งที่รับฝากกระเป๋าอยู่บริเวรTerminal2ใกล้ๆร้านSwensens ราคาอยู่ที่ถ้าเป็นใบใหญ่ 12 เหรียญผมมีแค่ใบเล็ก เลยโดนไป8เหรียญ+ Taxอีก 0.56 รวม เค้าทอนมา 8.6 เพราะปัดเศษขึ้น หลังจากนั้นก็เดินทำหน้าเอ๋อๆก็มีพนักงานเข้ามาถามว่าจะไปไหน เลยบอกไปว่าจะไปlittle india นางก็อธิบายเรียบร้อยแต่พอไปถึงสถานี ก็เจอเลยคือรถไฟสายจากสนามบินเข้าเมืองสายสีเขียวเปิดบริการ 8 โมงเช้า พนักงานเลยให้ไปนั่งรถบัสเข้าเมืองไปที่สถานี Bugis ราคา 1 เหรียญ อ่อรถไม่มีทอนแบงค์นะครับไปหาที่แลกก่อน พอถึงก็เลยเปิดแมพดูเห็นมีศาลเจ้าแม่กวนอิมเลยเดินไปดู พร้อมกับฟาดชามะนาวที่ตลาดแถวๆนั้นไป 1.5 เหรียญ หลังจากชะโงกทัวร์เสร็จก็กลับไปที่สถานีเดิมเพื่อจะนั่งรถไฟไปที่สถานี Little india กะจะซื้อบัตรรถไฟใต้ดินก็เจอว่าที่ออกบัตรเปิด10โมงไม่เป็นไรเลยซื้อตั๋วเที่ยวเดียวเอา ค่ารถที่ขึ้นก็อยู่ที่ 1.5-2.6 นะครับตอนใช้บัตรเนี่ยงงว่าจะให้เก็บบัตรเที่ยวเดียวไว้ทำไมสรุปคือมันใช้ใบเดียวเติมซื้ออีกได้เห็นบนหน้าบัตรมีโปรอยู่คือนั่งเที่ยวที่3และ6จะลด10เซน หลังจากถึงสถานีพาหุรัดของเราแล้ว ก็เดินดูวัดแขก บอกเลย วัดแขกบ้านเราอลังกว่า ไปมันทุกวัด ในถนนเส้นนี้ ทางออกให้หาทางออกที่โผล่ขึ้นมาที่ถนนน้องควาย(Buffalo Road)
วัดแขกที่แรก
บรรยากาศภายใน
วัดแขกวัดที่สอง
แล้วก็วัดจีน
ฝั่งตรงข้ามวัดจีนก็เป็นวัดชื่อศรีศากยมุณี
เดินไปเรื่องจนสุดท้ายไปขึ้นอีกสถานีชื่อ farrer park เพื่อจะไปสถานี chinatown เริ่มก็ไปที่วัดเขี้ยวแก้วถามทางคนแถวนั้นเอา สรุปคือจากสถานีทางออก A เดินตรงไปสุดทางแล้วเลี้ยวขวา จะเจอวัดแขกก่อน
วัดแขกอีกแล้วนะจ๊ะนายจ๋า
โซนChinatown
ถัดไปหน่อยก็จะเจอวัดเขี้ยวแก้ว
ไปถึงก็พอดีตอนพระกำลังสวดเลย
เสร็จจากวัดแน่นอนเรามาถึงแล้วก็ต้องจัดข้าวมันไก่ซะหน่อย ไปร้านเทียนเทียน ถามทางอีกเช่นเดิม สรุปว่าอยู่ที่ตลาด Maxwell ฝั่งตรงข้ามวัด พอไปถึงก็เจอกับคิวไม่ยาวมากเพราะไปแต่เช้า
นี่คือยังไม่ยาว
หน้าตาข้าวมันไก่จานเล็กกับจานกลาง เอิ่มคือแทบไม่ต่าง
สั่งมาส่วนตัวก็รู้สึกว่าธรรมดา คือเมืองไทยก็รสชาติไม่ได้ต่างกันมาก หลังจากกินเสร็จก็นั่งรถไปที่สถานีorchard ไปดูแหล่งช้อปปิ้งก็เฉยๆนะราคาของก็ไม่ได้ต่างกับไทยมาก เดินไปเดินมาก็เจอกับร้านไก่ทอด 4 fingers เลยจัดไปหน่อยรสชาติโอเคเลย
ร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ Uniqlo
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาไฮไลท์คือไปถ่ายสิงโตพ่นน้ำ ถามอีกเช่นเดิม ก็สรุปว่าให้ไปลงที่สถานี Raffles Places
หน้าสถานีRaffles Place
แล้วพอถึงก็เดินถามคือเลาะโรงแรมFullertonไป ก็เจอกับฝูงชน ถ่ายยังไม่ทันเสร็จ ฝนก็กระซวกลงมาเลยไปหลบอยู่ใต้สะพานอยู่พักใหญ่
เจอแล้ว
สิงโตจิ๋ว
ภาพมุมรวมรีบถ่ายก่อน ครื้มเชียว!!!!
แล้วก็เดินไป Marina Bay Sand ก็แหล่งชอปปิ้งไม่ได้มีอะไรดึงดูดใจผมมากนัก
ห้างหรูทั่วๆไป

จากนั้นก็ขึ้นรถไฟที่สถานี Bayfront ไปที่สถานี Boon Keng เพื่อจะไปกินข้าวมันไก่ร้านบุญตงกี่ ลืมบอกไปว่าผมได้ถามป้าคนนึงในสถานีตอนอยู่ chinatown เลยไปจัดอีกสักร้าน พอไปถึงก็ถามทางเหมือนเดิม เดินไปเดินมาเจอร้านซึ่งใกล้สถานีมากๆเดินออกทางทางออก B ทางเดินจะมีทางที่เป็นตลาดอันนั้นไม่ใช่เดินมาอีกทางก็จะเจอร้านพร้อมคิว รอคิวสักพักก็สั่งข้าวมันไก่มา พร้อมน้ำข้าวบาเล่ย์คือคิดว่าเป็นเฮ่งหยิ่งแต้ที่ขายที่เยาวราชซะอีกแต่ไม่ใช่ ข้าวมันไก่ร้านนี้ถือว่าแตกต่างจริง อร่อยกว่าบุญตงกี่เมืองไทย เหมือนเค้าให้สูตรแฟรนไชส์ไม่ครบป่ะเนี่ย อร่อยเลิศ
ในร้านคนแน่นมาก
ไก่จานกลาง
แล้วก็ถึงเวลากลับบ้านก็ขึ้นรถไฟไปที่สนามบิน ตอนตรวจของคิดว่าจะต้องทิ้งครีมที่ไม่ได้โหลดเยอะเลยปรากฎว่าโดนยึดแค่สเปรย์กันแดดที่กำลังจะหมดไปหนึ่งขวดเท่านั้น สรุปคือถ้าไม่ได้Universal ก็ถือว่าเก็บหลักๆได้ครบภายในหนึ่งวัน

ผมคิดว่าการเที่ยวสิงคโปร์อาจเป็นเป้าหมายแรกๆสำหรับคนที่ยังไมเคยออกนอกประเทศ ไปทั้งหมดยังเสียค่าใช้จ่ายไม่ถึงพันบาทต่อคน กินเต็มที่ การเดินทางง่ายมาก ภาษาอังกฤษก็ได้ สำหรับมือใหม่หัดเที่ยวที่นี่ถือว่าเหมาะเลยสำหรับฝึกวิชา ถ้าชอบแชร์กันเยอะๆนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่