ทั้งหมดทั้งมวลเริ่มจาก จขกท.มีความใฝ่ฝันอยากเรียนต่อต่างประเทศมาตั้งแต่อยู่มัธยมแล้วค่ะ เคยสอบชิงทุนไปแลกเปลี่ยนต่างประเทศ 1 ปี แต่ทุนนั้นไม่ได้ให้เงินเต็มจำนวน ก็ต้องมีจ่ายบ้าง 100-200K คุณแม่เลยไม่ให้ไป บวกกับที่เรายังอยู่ม.3 ยังเด็กมากที่จะไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศคนเดียว (ทางบ้านเราคิดอย่างงี้เนอะ) ก็เลยอดไปจ้าา.. แต่ความฝันนี้ก็ยังคงอยู่กับเรามาตลอดนะคะ แต่แค่ยังคิดไม่ออกจริงๆว่าจะมีวิธีไหนอีกทีจะได้ไปเรียนต่อโดยไม่ต้องรบกวนเงินพ่อแม่ (เพราะครอบครัวเราก็ไม่ได้รวยมากค่ะ ฐานะปานกลาง)

          เราก็เริ่มคิดเลยค่ะว่า ต่างประเทศนี่เค้ามีทุนอะไรให้เด็กไทยตาดำๆอย่างเราบ้าง ก็เพิ่งอากู๋เลยค่ะ เสิร์ชหาทั้งวัน สรุปว่า มี!
แต่.. ไม่เต็มจำนวนค่ะ ลดค่าเล่าเรียน 50% บ้าง เรียนฟรีบ้าง แต่ค่ากินอยู่ก็ต้องหาเองนะคะ เพราะฉะนั้น ตัดไปค่ะ! ด้วยประเด็นที่
เราไม่อยากรบกวนเงินพ่อแม่ แต่ที่จริงทุนให้เปล่าเต็มจำนวนก็มีอยู่นะคะ ที่โด่งดังมากๆ ก็ทุน Cheveninng ที่ให้เด็กไทยเรียนในอังกฤษ / ทุน Fullbright ให้เด็กไทยเรียนในสหรัฐอเมริกา ค่ะ (ทั้ง 2 ทุนนี้ ให้ทั้งค่าเรียน+ค่ากินอยู่ เลยนะคะ)
แต่เราคิดว่าคนที่จะได้ 2 ทุนนี้คือต้องเก่งมากๆๆจริงๆ เพราะเคยไปเสิร์ชดูผู้เข้าสมัครบางปี เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง คณะบัญชี จุฬา... แถมประสบการณ์ทำงานก็กินขาดมากๆค่ะ จขกท.เลยขอบายจ้าาา ก็เลยทำการค้นหาต่อไปป จนลองมาหาข้อมูลทุนที่ไม่ได้ให้เปล่าดูสิ้ ว่าเป็นยังไง..

          แท่นแท๊นน! แล้วก็มาเจอทางสว่างค่ะ คือ ทุนกพ. และ ทุนกระทรวงวิทย์ ที่จะคัดเลือกผู้ที่มีศักยภาพไปเรียนต่อต่างประเทศ แล้วกลับมาทำงานชดใช้ทุนด้วยระยะเวลาเป็น 2 เท่าของระยะเวลาที่เล่าเรียน ทุนลักษณะนี้จะมี 2 แบบหลักๆนะคะ คือ

- ทุน UIS (สำหรับนศ.ปี 3 เท่านั้น)
- ทุนบุคคลทั่วไป (สำหรับนศ.ปี 4 ไปจนถึงบุคคลทั่วไปอายุไม่เกิน 40 ปี)
(สำหรับจขกท. ตอนนั้นอยู่ ปี 4 ค่ะ เลยสมัครแบบทุนบุคคลทั่วไป)
Link เว็บไซต์ทุน : http://www.ocsc.go.th/scholarship/degree

ซึ่งในทุนบุคคลทั่วไป ก็จะแยกลักษณะทุนออกอีกเป็น 2 ประเภท คือ

- ทุนรัฐบาลตามความต้องการของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ (ทุนกพ.)
            ส่วนใหญ่แล้ว ทุนกพ. จะส่งนักเรียนไปเรียน ปริญญาโท 1-2 ปี หรือไม่ก็ ปริญญาเอก เท่านั้นนะคะ และจะกลับมาทำงานใน
            หน่วยงานราชการ บรรจุเป็นข้าราชการค่ะ
- ทุนรัฐบาลที่จัดสรรให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามความต้องการของกระทรวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ
  (ทุนกระทรวงวิทย์ฯ)
            แทบทุกทุนของทุนกระทรวงวิทย์ จะส่งนักเรียนไปเรียนจนจบปริญญาเอกค่ะ แล้วกลับมาชดใช้ทุน เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
            หรือหน่วยงานนั้นๆที่เราสมัคร แต่บางหน่วยก็จะส่งไปเรียนแค่ปริญญาโท ก็มีนะคะ

          พอเจอทุนนี้ปุ้บ! เราก็เริ่มหาเลยค่ะว่า มีหน่วยทุนอะไรที่ offer สาขาที่เราอยากเรียนบ้าง.. ก็ไปสะดุดที่ หน่วยทุนของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ต้องการบุคลากรที่ไปเรียนด้าน Innovation and Technology Management โป๊ะเชะ! เป็นอะไรที่อยากเรียนด้านนี้มากๆค่ะ เพราะพื้นเพ จขกท.จบ Computer Science มา ชอบเทคโนโลยีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าได้ไปเรียนบริหาร ที่มีเทคโนโลยีเป็นส่วนผสมด้วย ต้องสนุกมากแน่ๆ! จากนั้นก็เริ่มเลยค่ะ.. จรดนิ้วลงแป้น พิมพ์ใบสมัครไปให้ด่วนจี๋

          จากนั้นเราก็ต้องพิมพ์ใบจ่ายเงิน เพื่อจ่ายค่าสอบด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิด ต้องจ่ายหน่วยทุนละ 100 บาท
          (สามารถเลือกได้ 2 หน่วยทุนที่สนใจค่ะ)

Tips: จขกท.อยากให้ทุกคนศึกษาตัวเองให้ดีก่อนนะคะว่า ชอบอะไร อยากศึกษาต่อด้านไหนจริงๆ อย่าคิดแค่ว่า สถานที่ที่ต้องมาชดใช้ทุนมันไกลบ้าน, เงินเดือนน้อย ฯลฯ  ในมุมของ จขกท. คือ เราจะต้องไปเรียนในสาขานั้นๆ เป็นเวลาเกือบ 5 ปีนะคะ มันไม่น้อยเลย ถ้าเราคิดแค่อยากไปเรียนต่างประเทศ สาขาอะไรก็ได้ ขอแค่ได้ไป.. ก็คงต้องมานั่งคิดใหม่แล้วล่ะค่ะ (จขกท.เจอคนที่คิดแบบนี้หลายคน ได้ยินแล้วเศร้าเลยค่ะ)



          จากใจจริงเลยนะคะ จขกท.อ่านหนังสือน้อยมากๆๆๆ (´༎ຶ ͜ʖ ༎ຶ `)♡ เพราะคิดว่า สอบครั้งแรก ไปลองสนามก่อนแล้วกัน ได้ก็โชคดีไป ถ้าไม่ได้ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่.. เพราะจขกท.ก็สมัครงาน ได้งานทำเรียบร้อยแล้วด้วย เลยไม่ได้คิดต่อเลยว่า เราจะติด เพราะคิดว่า ไม่ติดแน่นวลล... แต่ จขกท.ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจน้า ก็ไปเดินร้านหนังสือดู หาหนังสือเตรียมสอบ กพ. (ภาค ก.) มาลองทำ เพราะหาหนังสือสำหรับสอบชิงทุนโดยตรงเลยไม่เจอ หรือเธอไม่มี? (มีใครหาเจอก็แนะนำกันหน่อยน้า555) จขกท.ก็ไม่มีหนังสืออะไรแนะนำเป็นพิเศษนะคะ เพราะมันคล้ายกันแทบทุกเล่ม ก็จะมีข้อสอบอนุกรม ตรรกศาสตร์ภาษาอังกฤษ แนะนำให้ฝึกทำส่วนที่เราถนัดไว้เยอะๆ จับเวลาด้วยนะคะ ทำยังไงก็ได้ให้ได้คำตอบที่ถูก และใช้เวลาน้อยที่สุด เพราะถึงวันสอบจริงแล้ว จะรู้สึกว่า ข้อสอบมันไม่ยาก แต่ไม่ง่าย ให้ลุยกับ part ที่คิดว่ามั่นใจที่สุดไปก่อนเลยค่ะ เก็บคะแนนแบบมั่นๆไว้ก่อน แล้วเวลาที่เหลือก็ค่อยไปงมกับ part ที่ไม่ถนัดนะคะ



          ก็เดินทางมาสู่วันสอบแล้วนะคะ ตื่นเต้ลลล จขกท.สอบที่ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เนาะ ก็คนเยอะตามคาด แทบไม่มีที่ให้นั่งเลยอะ ถ้าใครที่พาพ่อแม่พี่น้องเพื่อนฯ มาด้วย ก็ลำบากหาที่นั่งกันหน่อยนะคะ เพราะคนเยอะมากๆๆ 3,000 กว่าคนได้ค่ะ แต่ก็ถือว่าการจัดการคนของเจ้าหน้าที่กพ.ค่อนข้างดีนะคะ ถ้าเห็นใครเดินงกๆเงิ่นๆ (เช่น จขกท.) ก็จะเดินเข้ามาถามทันที ว่าสอบตึกไหน แล้วก็แนะนำว่าต้องเดินไปทางไหน แบบเร็วจี๋มากๆค่ะ
          จขกท.ไม่รู้ว่าก่อนเข้าห้องสอบ มี detail ยังไงบ้างนะ เพราะจขกท.ไปสายเกือบครี่งชม.!! เพราะรถติดมากกกก แทบจะลงวิ่งแล้วค่ะ ฉะนั้น เตรียมกะเวลาให้ดีนะคะ จะหาว่าไม่เตือนน555 ก็จะมีจุดให้วางกระเป๋า ฝากของ ไปถึงหน้าห้องก็ยื่นใบสมัคร ยืนยันตัวตน บัตรประชาชนตั่งต่าง ก็เข้าห้องสอบได้ค่ะ ห้ามลืมบัตรประชาชน กับใบสมัครเด็ดขาดนะคะ!! จะเข้าห้องสอบไม่ได้เลยทีเดียวเชียว และก่อนวันสอบ ให้เข้าเว็บสมัครสอบเช็คดูว่าต้องเตรียมของอะไรไปบ้างนะคะ จะมีบอกอยู่เนอะ (คร่าวๆก็ ใบปพ., สำเนาปริญญา(ถ้ามี) ฯ) แต่ถ้าลืมเอาเอกสารเหล่านี้มา ก็ส่งตามไปทีหลังได้ค่ะ ทางจนท.จะบอก deadline กับเราว่าต้องส่งไม่เกินวันที่เท่าไหร่ ต้องติดตามดีๆค่ะ อ้อ! สำคัญอีกอย่าง เอกสารทุกอย่างต้องใส่ซองน้ำตาลมานะคะ ถ้าใครไม่มี จะมีโต๊ะที่เป็นป้าๆขายเครื่องเขียนอยู่หน้ามหาวิทยาลัย ก็ซื้อไว้ได้ค่ะ (แต่ซองละ 10฿ แอบแพง เตรียมมาดีกว่าเนอะ)

รีวิวข้อสอบ

          เอาล่ะ! ถึงเวลาก้มมองข้อสอบ... เปิดมาก็เจอเลขเลยจ้า ข้อสอบอนุกรม.. ส่วนตัวจขกท.เตรียมทำอนุกรมมาเยอะที่สุดแล้วว กะว่าจะเก็บเต็มกับ part นี้เลยทีเดียว ก็เลยทำได้ค่ะ ไม่ยากอะไรมาก แต่แค่พยายามคิดเลขในใจให้เร็วติดจรวด และไม่ต้องสงสัยว่าทำไมมันต้องถอดอนุกรมหลายชั้นจัง ใช่ค่ะ! คุณมาถูกทางแล้ว หลายชั้นมากจริงๆค่ะ บางข้อ 5-6 ชั้นยังมีเลย ไม่ต้องคิดว่าเรามาผิดทางนะคะ ทำใจร่มๆแล้วถอดมันต่อไปค่ะ!

          จากนั้น จขกท. ก็โดดข้ามมาที่ part ENG ข้อสอบ part นี้เน้นไปที่ Reading ค่ะ อ่านไว จับประเด็นถูก เอาคะแนนไปโลด! ส่วนคำศัพท์มีทั้งระดับง่าย ไปจนถึงยาก แต่ไม่ยากเท่าข้อสอบ IELTS ค่ะ (จขกท.ไปลองมาล้าวว) ฉะนั้น อย่าไปกลัวนะคะ ตั้งสมาธิให้มั่น ทำสมองโล่งๆ แล้วเริ่มอ่านโจทย์คำถามก่อนว่าเค้าถามอะไร เพื่อหา keyword จากนั้นค่อยไปไล่อ่านใน passage ค่ะ
         Tips: อย่าอ่านก่อนแล้วค่อยตอบคำถามนะคะ! เพราะถ้าเราไม่เซียนจริงๆ เสียเวลามากๆค่ะ ขนาดครูฝรั่งเองยังไม่ทำกัน
         แล้วนับประสาอะไรกับเด็กไทยตาดำๆอย่างเราล่ะค่ะ กระซิกๆ ( ཀ ʖ̯ ཀ)

         พอทำ eng เสร็จ ก็ข้ามภพมาที่ฝั่งไทยกันเลยค่ะ มาที่โจทย์ อุปมาอุปไมย ค่ะ ข้อสอบนี้เป็นอะไรที่ ต่างคนต่างมุมมองมากๆ ตอบยากจริงๆค่ะว่าใครถูกใครผิด เอาเป็นว่า ให้เราคิดแบบกลางๆเข้าไว้ มองโดยรวม และพยายามแยกประเภท จัด category ให้กับคำที่ได้จากโจทย์ เช่น ประตู : หน้าต่าง ทั้งคู่ก็เป็นสิ่งที่ต้องมีในบ้าน ถ้าเจอ choice เช่น ล้อ : รถยนต์ , โบสถ์ : ศาลา , ห้องนอน : บ้าน , นักเรียน : ครู จะตอบอะไรกันคะ? ข้อสอบก็จะประมาณนี้ค่ะ แต่จะยากที่ บางคำ ถึงแม้เราเป็นคนไทยแท้ๆ แต่ก็ยังไม่รู้ความหมาย.. เช่น มธุรส .. คำนี้ จขกท.ก็ไปไม่เป็นเหมือนกันค่ะ555

          part ต่อมาที่จขกท.เลือกทำก็เป็น ภาษาไทยคิดวิเคราะห์ เอาให้สุดค่ะ! ก็จะมีเนื้อความสั้นๆให้อ่าน แล้ววิเคราะห์ว่า ต้องการจะสื่ออะไรจากเนื้อความนี้บ้าง หรือแม้แต่ต้องการสื่ออารมณ์อย่างไรในเนื้อความนี้ จขกท.คิดว่า part นี้ง่ายที่สุดนะคะ เน้นอ่านเร็ว ทำสมองโล่งๆ น่าจะเก็บได้หลายคะแนนค่ะ

          และแล้วก็เหลือ 2 part สุดท้าย ถ้าจขกท.จำไม่ผิดนะ เป็นการ คำนวณจากข้อมูลที่ได้จากตาราง และ โจทย์เงื่อนไขทางสัญลักษณ์ พวกตรรกศาสตร์ อะไรทำนองนี้อะค่ะ เหลือเวลาอีกไม่ถึงชม.นะ ปั่นยิกเลยค่ะ ด้วยเวลาที่จำกัด การเอาข้อมูลตัวเลขจากตารางมาคำนวณ ต้องอาศัยการคิดเลขเร็วมากๆๆ และอ่านโจทย์เร็วเป็นที่สุด ระหว่างทำนี่เหงื่อออกมือเลยค่ะ ทั้งกลัวเวลาหมด แล้ว part สัญลักษณ์ก็ยังไม่ได้ทำ สุดท้ายก็ต้องดิ่งบ้าง รู้สึกจะดิ่ง ค.ควาย ไป เกือบ 10 ข้อ หรือ 10 กว่าข้อนี่ล่ะ สุดยอดมาก ออกมาจากห้องสอบคือ ใครมีเวลาขายบ้าง มือสองก็ได้ขอซื้อต่อ ยังอยากทำอยู่ แต่เวลาดันหมดซะนี่ เห้อ! เพื่อนๆก็ต้องระวังนะคะ เวลาไม่คอยใครจริงๆค่ะ (´༎ຶ ͜ʖ ༎ຶ `)♡

จากนี้ไปก็รอผลสอบ.. นานพอสมควร จนเกือบลืมไปแล้ววว่าฉันเคยสอบมาก่อน 555