ไปฝึกวิชานินจาที่เมือง Mie
วันที่ 25 สิงหาคม 2015
วันนี้พวกเราพากันตื่นสายนิดหน่อย และตอนบ่ายพี่เค้าก็ขับรถพาเราไปที่งาน Naruto Exhibition 2015 Osaka ซึ่งเราเป็นคนรีเควสให้พี่เค้าพามา ด้วยใจที่รักเรื่องนี้เราติดตามข่าวสารอยู่แล้วจากที่ไทย ซึ่งมันจัดอีเว้นท์ก็ตรงกับช่วงที่เราไปพอดี พอได้เข้าไปที่งาน มันดูยิ่งใหญ่อลังการมาก เราตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นตัวละครที่เราชอบมาจัดงาน ได้เห็นภาพที่ อาจารย์ Masashi Kishimoto วาดพิเศษสำหรับแฟนๆ ภายในงานเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ มีหลายๆอย่างจัดโชว์และของที่ระลึกมากมายขาย ขนาดโรงอาหารยังเป็นเมนูนินจาโคโนะฮะ โอ้วววววว!!! มันเริ่ดซะแมนแตนมากค่ะ! มีทั้งโมเดล นารูโตะ ซาสึเกะและคาคาชิขนาดเท่าคนจริง อย่าถามถึงกรี๊ดซาสึเกะสลบไปแล้วกี่ทีค่ะ 5555 จัดงานได้ดีงานใหญ่สนุกมากกกกก คุณแฟนก็ชอบค่ะ แต่ไม่ได้บ้าเท่าเรา เพราะพี่เค้าเองยังอ่านไม่จบเลย อยากถ่ายรูปมาก แต่น่าเสียดายตรงที่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปภายในงาน ฮือออ~~ (T^T) เราก็ได้ซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง พอออกมาปุ๊บฝนตกค่ะ พวกเราเลยรีบขึ้นรถกลับบ้านไป ระหว่างทางฝนตกหนักมาก วันนี้พายุไต้ฝุ่นเข้าด้วยสิ แต่พวกเราก็กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยค่ะ ^^
วันที่ 26 สิงหาคม 2015
วันนี้เป็นวันที่เราไม่มีแพลนค่ะ พากันนอนเกลือกกลิ้งไปมา และตอนเย็น พี่เค้าก็พาเราไปแถวๆ Umeda เดินเล่นช้อปปิ้ง แล้วก็ไปกินซูชิกัน ก่อนที่จะกลับบ้าน
วันที่ 27 สิงหาคม 2015
ส่วนวันนี้พี่เค้าเป็นคนแพลนการเที่ยว พี่แกตื่นแต่เช้าแล้วปลุกเราบอกว่าจะพาไป Mie ไปหมู่บ้านนินจา ด้วยความที่เราไม่รู้เลยใส่ส้นสูง 4 นิ้ว เพื่อจะปกปิดส่วนสูงที่แท้จริงของตัวเอง กะจะไปยืนถ่ายรูปสวยๆ สูงๆ ขายาวๆ ที่หมู่บ้านนินจา
(*´∀`)♪
มันเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ขณะที่อยู่บนรถรังสีอำมะหิตของแสงแดดได้แผดเผา บวกกับที่รถไม่มีฟิล์มดำมาช่วยกันแดด ทำให้ผิวของเราเริ่มแสบร้อน (¬_¬II) ระยะทางจาก Osaka ไป Mie ก็ไกลอยู่พอสมควร ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆได้ เราเริ่มหงุดหงิด แต่ยังดีที่เราเอาครีมกันแดดมาด้วย นี่ถ้าทำงานเกี่ยวกับขับรถส่งของ หรือรถแท็กซี่ในญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนนี่ ทรมานมากๆเลยนะ แสบผิว แดดแรง แถมไม่มีอะไรกันแสงแดดอีก (-...-) นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนในที่สุดก็มาถึง พอลงมาจากรถ โอ้ววว ยืดเส้นยืดสายกันก่อนเดินเข้าไป บริเวณรอบๆมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด และดูเหมือนว่าจะมีบ้านแบบสมัยก่อนของญี่ปุ่นหลังเล็กๆ ปะปนกันไป มันคือหมู่บ้านนินจา Koka แห่งเมือง Mie นั่นเอง! พี่เค้าพาเราไปที่ห้องเปลี่ยนชุด ที่นี่มีชุดนินจาให้เช่าหลากหลายสี ส่วนเราก็ต้องเลือกสีที่เราชอบนั่นก็คือสีแดง ส่วนของคุณแฟนนั้นเลือกแบบเบสิคสุดคือสีดำ ระหว่างที่อยู่ในห้องแต่งตัว เราก็ยืนเอ๋ออยู่พักนึง เพราะไม่รู้วิธีใส่ คุณแฟนที่อยู่ห้องข้างๆแต่งตัวเสร็จแล้วแต่เรายังแต่งไม่เสร็จ วิธีใส่มันซับซ้อนมาก (ใส่ไม่เป็นเว้ย =_=) อันไหนใส่ตรงไหน ต้องเข้ายังไง งงไปหมด เอ่อ.... ก็ต้องหอบผ้าพะรุงพะรังมาให้แฟนแต่งให้ "แฟนจ๋า~~ แต่งให้น้องหน่อย น้องแต่งบ่อเป็น ทั้งเชือกทั้งสายไรไม่รู้ห้อยเต็มไปหมด T^T"
คุณแฟนก็จัดการมัดเชือกให้ ทั้งแขน ทั้งขา ทั้งตัวใส่แบบลำบากๆ เพราะพี่โคสึเกะต้องย่อตัวลงมามัดเชือกที่เอวให้ คือเราเตี้ยเกินไปใช่มั้ยเนี่ย? 😭😭😭 แต่มันรู้สึกดีนะ เหมือนถูกกอดจากด้านหลัง♡ รออะไรละคับ ถ่ายรูปสิ ถ่ายรูปปป "แต่งตัวอยู่จะถ่ายทำไมครับ?" คุนแฟนก็ทำหน้าแบบเอือมๆกล้อง โชคดีที่ว่าเราอยู่กันสองคนในห้องแต่งตัว ถ้ามีคนอื่นมาเปลี่ยนชุด คงจะตกใจกันแน่ๆ ว่าคู่นี้แอบทำอะไรกันที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า!? 5555
ให้แฟนช่วยแต่งตัวให้อยู่ค่ะ
พอเปลี่ยนเสร็จปัญหาต่อมาของเราคือรองเท้าที่ใส่ เพราะเราดันใส่ส้นสูง 4 นิ้วมาแล้วไม่มีรองเท้าเปลี่ยนด้วย หนุ่มญี่ปุ่นก็ขอโทษขอโพยเรายกใหญ่ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมาทำกิจกรรมเกี่ยวกับนินจา เราก็บอกไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะใช้สกิลย้อนวัยไปสมัยอายุ 18 อีกครั้ง (ใส่ส้นสูงเดินรอบสยามทั้งวันยังไม่หวั่น) 5555
เมื่อพร้อมแล้ว พวกเราก็ไปลุยกันดีกว่า เย้~~! ٩(ˊᗜˋ*)و
ตามเซนเซย์ไปค่ะ
ตอนนี้ เราได้ถวายตัวเป็นศิษย์ให้กับหนุ่มญี่ปุ่น เพราะจะให้เค้าพาเราไปฝึกวิชากัน เราตื่นเต้นนะ คงเป็นเพราะไม่เคยทำมาก่อน รู้สึกเหมือนกำลังเข้าไปในโลกของนารูโตะยังไงอย่างงั้น หลังจากที่นั่งรอสักพักก็มีไกด์เชิญพวกเราไป ที่นี่ดี ไกด์เค้าดีค่ะ ถามว่ามากี่คนและพาไปดูบรรยากาศรอบๆของบ้านแต่ละหลัง เราฟังไม่ออกหรอกค่ะ ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ให้แฟนมาแปลให้ฟังอีกที เริ่มแรกคือเค้าพาเราเข้าชมในบ้านของนินจา คือเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยเป็นบ้านและที่พักของนินจาจริงๆ มีกลิ่นไอของความเก่าและใช้งานมาอย่างยาวนาน ในบ้านจะมีห้องลับต่างๆมากมาย
เป็นบ้านที่เค้าเคยใช้ชีวิตอยู่กันจริงๆค่ะ
เราได้เห็นถึงวิธีการใช้ชีวิตของนินจาสมัยก่อน สิ่งที่นินจาทุกคนต้องมีนั่นก็คือความเร็ว เพราะอาจจะโดนลอบทำร้ายได้ทุกเมื่อ จึงดัดแปลงบ้านให้มีทั้งห้องลับ ทางลัด อะไรต่างๆที่เราก็คิดไม่ถึง ที่ซ่อนของมากมาย และไกด์ยังให้เราลองมุด ลองเข้าไปในที่ต่างๆด้วย สนุกมาก ขนาดเราฟังไม่ค่อยออกยังสนุกเลย แต่ที่เรารู้สึกทึ่งสุดคือ เค้าพาพวกเราไปที่ข้างนอกบ้านแล้วมันมีบ่อน้ำอยู่ เพียงแต่ว่าไม่มีน้ำ เค้าบอกนี่คือทางลัดอีกทาง คือลงเข้าไปในนั้นแล้วเดินลอดใต้ดินไปยังอีกด้านจะเป็นทางออกของอีกฝั่ง เอาไว้หลบหนีศัตรู อู้ววววว~~! (*゚▽゚*) เท่ห์จังเลย~ เราอยากจะลองมุดลงไปใต้ดิน แต่ไกด์ไม่แนะนำค่ะ บอกว่ามันเก่ามากแล้ว อดเลย 555
ทางมุดลงไปด้านล่างค่ะ
แล้วพวกเราก็เดินไปที่บ้านหลังใหญ่ มันคือบ้านที่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับนินจาและซามูไรของเมือง Mie มีชุดเกราะของจริงที่เคยใช้งานเมื่อนานมาแล้ว มีทั้งดาบ คันธนู ดาวกระจาย รองเท้า หมวกที่ขาดลุ่ย และลูกธนูขึ้นสนิมที่ดูน่ากลัวมากๆ พวกเราเดินไปรอบๆ เกิดความวังเวงแบบแปลกๆขึ้น (ó﹏ò。) ถึงจะเป็นตอนกลางวันก็เถอะ แต่ในบ้านนี้มีแค่พวกเราสองคน ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเลย เราจึงทำลายบรรยากาศที่อึมครึมนี้ด้วยการชวนพี่โคสึเกะถ่ายรูป เมื่อไม่มีคน ความอายกล้องของพี่เค้าจึงลดลง และโพสท่าได้ง่ายขึ้น บอกให้ทำท่าไหนก็ทำตาม 55555 มีทั้งจุ๊บๆ และแอ๊คสุดท้ายคือเรากอดพี่เค้าด้วยความรักค่ะ♡ พี่เค้าก็เหนียมอายขวยเขิน แต่ดูแล้วเค้าน่าจะชอบนะ เราชอบแสดงความรักแบบตรงๆโผงผางแบบนี้ เราไม่อายค่ะ รักก็คือรัก พี่เค้าก็อมยิ้มแก้มปริหน้าแดงดั่งเด็กสาววัยแรกรุ่น
เค้าคงไม่เคยเจอผู้หญิงทำอะไรให้แบบนี้ละสิ เจอน้องอ้อนเข้าหน่อยถึงกับเขินตัวบิดตัวงอเลยหรอคะแฟนข๋าาาา~~ 55555 (*^▽^*)
ภายในพิพิธภัณฑ์ค่ะ
และแล้วก็ถึงการฝึกวิชาปาดาวกระจายกันค่ะ เรื่องผลงานของเราไม่ขอเอ่ยถึง (-..-) แต่มันสนุกมากๆเลยล่ะนะ อิอิ แล้วพวกเราก็มาต่อกันที่การปีนข้ามกำแพงขึ้นหลังคา ที่นี่เค้าจะมีเป็นด่านๆไป คล้ายๆกับการเข้าค่าย เราก็เลือกได้ว่าอยากเล่นอันไหนก่อน เรารวบรวมพลังเตรียมตัวและวิ่งสุดชีวิตทั้งๆที่ใส่ส้นตึก กระโดดให้สูงที่สุดเท่าที่ขาสั้นๆของเราจะทำได้ สรุปโดดไม่พ้นแต่เราใช้มือพยุงตัวให้ข้ามไปให้ได้ คุณแฟนมองอยู่ห่างๆและส่งกำลังใจมาให้ ดูเหมือนจะข้ามไปไม่พ้นแต่เราก็ไม่ลดความพยายาม ตะเกียกตะกายจนในที่สุดความพยายามก็เป็นผล นี่เล่นเอาหอบหืดเหมือนกันนะนี่ 5555
ดูเซนเซย์ปาดาวกระจายค่ะ
ถึงตาเราแล้ว ฮ่าๆ
ผลงานของพวกเราค่ะ
พวกเราเล่นจนเกือบหมดทุกด่าน พวกเราก็มานั่งพักด้วยความเหนื่อยอ่อนหมดแรง เรามองคุณแฟนที่กำลังยกขวดน้ำดื่ม พี่เค้าในลุคนี้ดูเท่ห์จังเลยแหะ (มีความอวยแฟนตัวเอง) 555 เราจ้องมองลูกกระเดือกของเค้าที่กำลังเลื่อนไปมา... มือใหญ่ๆที่กำลังถือขวดน้ำ... ผมดำ... ชุดนินจาสีดำ... ดูลึกลับน่าค้นหา... แถมชุดนินจายังแหวกโชว์หน้าอกนิดหน่อย และแผ่นอกขาวๆนั่น.. (*゚▽゚*) มันเป็นเสน่ห์อย่างนึงแบบเฉพาะของชาวแจแปนนิสสไตล์เลยทีเดียว โอ๊ยยยยย~!♡ เรานี่อยากตีหัวพี่เค้าแล้วลากกลับบ้าน อยากจะกินปลาดิบทั้งชุดนั้นเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ หื่น ◝(๑꒪່౪̮꒪່๑)◜
พอถึงประมาณ 4 โมงเย็น พวกเราก็พากันกลับค่ะ ระหว่างทางพระอาทิตย์ก็ค่อยๆเลื่อนต่ำลง ด้วยความที่เราเพลีย หนังตาก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ อยากจะอยู่คุยกับพี่เค้าต่อแต่ก็ฝืนไม่ไหว... ตากำลังจะปิดแล้ว... แล้วเราก็ผลอยหลับไป... zzZZ
ไว้มาอ่านต่อตอนหน้านะคะ ^^
อ่านตอนถัดไปได้ที่
https://ppantip.com/topic/37619810
อ่านตอนย้อนหลังได้ที่
https://ppantip.com/topic/37439749
ฝากเพจของพวกเราด้วยนะคะ
https://web.facebook.com/nekocouplestory/
✿✿แชร์ประสบการณ์ ♥แฟนญี่ปุ่นพาเที่ยวคันไซ✿✿ (●^o^●) ตอนที่ 24
วันที่ 25 สิงหาคม 2015
วันนี้พวกเราพากันตื่นสายนิดหน่อย และตอนบ่ายพี่เค้าก็ขับรถพาเราไปที่งาน Naruto Exhibition 2015 Osaka ซึ่งเราเป็นคนรีเควสให้พี่เค้าพามา ด้วยใจที่รักเรื่องนี้เราติดตามข่าวสารอยู่แล้วจากที่ไทย ซึ่งมันจัดอีเว้นท์ก็ตรงกับช่วงที่เราไปพอดี พอได้เข้าไปที่งาน มันดูยิ่งใหญ่อลังการมาก เราตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นตัวละครที่เราชอบมาจัดงาน ได้เห็นภาพที่ อาจารย์ Masashi Kishimoto วาดพิเศษสำหรับแฟนๆ ภายในงานเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ มีหลายๆอย่างจัดโชว์และของที่ระลึกมากมายขาย ขนาดโรงอาหารยังเป็นเมนูนินจาโคโนะฮะ โอ้วววววว!!! มันเริ่ดซะแมนแตนมากค่ะ! มีทั้งโมเดล นารูโตะ ซาสึเกะและคาคาชิขนาดเท่าคนจริง อย่าถามถึงกรี๊ดซาสึเกะสลบไปแล้วกี่ทีค่ะ 5555 จัดงานได้ดีงานใหญ่สนุกมากกกกก คุณแฟนก็ชอบค่ะ แต่ไม่ได้บ้าเท่าเรา เพราะพี่เค้าเองยังอ่านไม่จบเลย อยากถ่ายรูปมาก แต่น่าเสียดายตรงที่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปภายในงาน ฮือออ~~ (T^T) เราก็ได้ซื้อของที่ระลึกติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง พอออกมาปุ๊บฝนตกค่ะ พวกเราเลยรีบขึ้นรถกลับบ้านไป ระหว่างทางฝนตกหนักมาก วันนี้พายุไต้ฝุ่นเข้าด้วยสิ แต่พวกเราก็กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยค่ะ ^^
วันที่ 26 สิงหาคม 2015
วันนี้เป็นวันที่เราไม่มีแพลนค่ะ พากันนอนเกลือกกลิ้งไปมา และตอนเย็น พี่เค้าก็พาเราไปแถวๆ Umeda เดินเล่นช้อปปิ้ง แล้วก็ไปกินซูชิกัน ก่อนที่จะกลับบ้าน
วันที่ 27 สิงหาคม 2015
ส่วนวันนี้พี่เค้าเป็นคนแพลนการเที่ยว พี่แกตื่นแต่เช้าแล้วปลุกเราบอกว่าจะพาไป Mie ไปหมู่บ้านนินจา ด้วยความที่เราไม่รู้เลยใส่ส้นสูง 4 นิ้ว เพื่อจะปกปิดส่วนสูงที่แท้จริงของตัวเอง กะจะไปยืนถ่ายรูปสวยๆ สูงๆ ขายาวๆ ที่หมู่บ้านนินจา
(*´∀`)♪
มันเป็นวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ขณะที่อยู่บนรถรังสีอำมะหิตของแสงแดดได้แผดเผา บวกกับที่รถไม่มีฟิล์มดำมาช่วยกันแดด ทำให้ผิวของเราเริ่มแสบร้อน (¬_¬II) ระยะทางจาก Osaka ไป Mie ก็ไกลอยู่พอสมควร ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆได้ เราเริ่มหงุดหงิด แต่ยังดีที่เราเอาครีมกันแดดมาด้วย นี่ถ้าทำงานเกี่ยวกับขับรถส่งของ หรือรถแท็กซี่ในญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนนี่ ทรมานมากๆเลยนะ แสบผิว แดดแรง แถมไม่มีอะไรกันแสงแดดอีก (-...-) นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนในที่สุดก็มาถึง พอลงมาจากรถ โอ้ววว ยืดเส้นยืดสายกันก่อนเดินเข้าไป บริเวณรอบๆมีแต่ต้นไม้เต็มไปหมด และดูเหมือนว่าจะมีบ้านแบบสมัยก่อนของญี่ปุ่นหลังเล็กๆ ปะปนกันไป มันคือหมู่บ้านนินจา Koka แห่งเมือง Mie นั่นเอง! พี่เค้าพาเราไปที่ห้องเปลี่ยนชุด ที่นี่มีชุดนินจาให้เช่าหลากหลายสี ส่วนเราก็ต้องเลือกสีที่เราชอบนั่นก็คือสีแดง ส่วนของคุณแฟนนั้นเลือกแบบเบสิคสุดคือสีดำ ระหว่างที่อยู่ในห้องแต่งตัว เราก็ยืนเอ๋ออยู่พักนึง เพราะไม่รู้วิธีใส่ คุณแฟนที่อยู่ห้องข้างๆแต่งตัวเสร็จแล้วแต่เรายังแต่งไม่เสร็จ วิธีใส่มันซับซ้อนมาก (ใส่ไม่เป็นเว้ย =_=) อันไหนใส่ตรงไหน ต้องเข้ายังไง งงไปหมด เอ่อ.... ก็ต้องหอบผ้าพะรุงพะรังมาให้แฟนแต่งให้ "แฟนจ๋า~~ แต่งให้น้องหน่อย น้องแต่งบ่อเป็น ทั้งเชือกทั้งสายไรไม่รู้ห้อยเต็มไปหมด T^T"
คุณแฟนก็จัดการมัดเชือกให้ ทั้งแขน ทั้งขา ทั้งตัวใส่แบบลำบากๆ เพราะพี่โคสึเกะต้องย่อตัวลงมามัดเชือกที่เอวให้ คือเราเตี้ยเกินไปใช่มั้ยเนี่ย? 😭😭😭 แต่มันรู้สึกดีนะ เหมือนถูกกอดจากด้านหลัง♡ รออะไรละคับ ถ่ายรูปสิ ถ่ายรูปปป "แต่งตัวอยู่จะถ่ายทำไมครับ?" คุนแฟนก็ทำหน้าแบบเอือมๆกล้อง โชคดีที่ว่าเราอยู่กันสองคนในห้องแต่งตัว ถ้ามีคนอื่นมาเปลี่ยนชุด คงจะตกใจกันแน่ๆ ว่าคู่นี้แอบทำอะไรกันที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า!? 5555
พอเปลี่ยนเสร็จปัญหาต่อมาของเราคือรองเท้าที่ใส่ เพราะเราดันใส่ส้นสูง 4 นิ้วมาแล้วไม่มีรองเท้าเปลี่ยนด้วย หนุ่มญี่ปุ่นก็ขอโทษขอโพยเรายกใหญ่ที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าว่าจะมาทำกิจกรรมเกี่ยวกับนินจา เราก็บอกไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวจะใช้สกิลย้อนวัยไปสมัยอายุ 18 อีกครั้ง (ใส่ส้นสูงเดินรอบสยามทั้งวันยังไม่หวั่น) 5555
เมื่อพร้อมแล้ว พวกเราก็ไปลุยกันดีกว่า เย้~~! ٩(ˊᗜˋ*)و
ตอนนี้ เราได้ถวายตัวเป็นศิษย์ให้กับหนุ่มญี่ปุ่น เพราะจะให้เค้าพาเราไปฝึกวิชากัน เราตื่นเต้นนะ คงเป็นเพราะไม่เคยทำมาก่อน รู้สึกเหมือนกำลังเข้าไปในโลกของนารูโตะยังไงอย่างงั้น หลังจากที่นั่งรอสักพักก็มีไกด์เชิญพวกเราไป ที่นี่ดี ไกด์เค้าดีค่ะ ถามว่ามากี่คนและพาไปดูบรรยากาศรอบๆของบ้านแต่ละหลัง เราฟังไม่ออกหรอกค่ะ ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ให้แฟนมาแปลให้ฟังอีกที เริ่มแรกคือเค้าพาเราเข้าชมในบ้านของนินจา คือเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยเป็นบ้านและที่พักของนินจาจริงๆ มีกลิ่นไอของความเก่าและใช้งานมาอย่างยาวนาน ในบ้านจะมีห้องลับต่างๆมากมาย
เราได้เห็นถึงวิธีการใช้ชีวิตของนินจาสมัยก่อน สิ่งที่นินจาทุกคนต้องมีนั่นก็คือความเร็ว เพราะอาจจะโดนลอบทำร้ายได้ทุกเมื่อ จึงดัดแปลงบ้านให้มีทั้งห้องลับ ทางลัด อะไรต่างๆที่เราก็คิดไม่ถึง ที่ซ่อนของมากมาย และไกด์ยังให้เราลองมุด ลองเข้าไปในที่ต่างๆด้วย สนุกมาก ขนาดเราฟังไม่ค่อยออกยังสนุกเลย แต่ที่เรารู้สึกทึ่งสุดคือ เค้าพาพวกเราไปที่ข้างนอกบ้านแล้วมันมีบ่อน้ำอยู่ เพียงแต่ว่าไม่มีน้ำ เค้าบอกนี่คือทางลัดอีกทาง คือลงเข้าไปในนั้นแล้วเดินลอดใต้ดินไปยังอีกด้านจะเป็นทางออกของอีกฝั่ง เอาไว้หลบหนีศัตรู อู้ววววว~~! (*゚▽゚*) เท่ห์จังเลย~ เราอยากจะลองมุดลงไปใต้ดิน แต่ไกด์ไม่แนะนำค่ะ บอกว่ามันเก่ามากแล้ว อดเลย 555
แล้วพวกเราก็เดินไปที่บ้านหลังใหญ่ มันคือบ้านที่ทำเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับนินจาและซามูไรของเมือง Mie มีชุดเกราะของจริงที่เคยใช้งานเมื่อนานมาแล้ว มีทั้งดาบ คันธนู ดาวกระจาย รองเท้า หมวกที่ขาดลุ่ย และลูกธนูขึ้นสนิมที่ดูน่ากลัวมากๆ พวกเราเดินไปรอบๆ เกิดความวังเวงแบบแปลกๆขึ้น (ó﹏ò。) ถึงจะเป็นตอนกลางวันก็เถอะ แต่ในบ้านนี้มีแค่พวกเราสองคน ไม่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเลย เราจึงทำลายบรรยากาศที่อึมครึมนี้ด้วยการชวนพี่โคสึเกะถ่ายรูป เมื่อไม่มีคน ความอายกล้องของพี่เค้าจึงลดลง และโพสท่าได้ง่ายขึ้น บอกให้ทำท่าไหนก็ทำตาม 55555 มีทั้งจุ๊บๆ และแอ๊คสุดท้ายคือเรากอดพี่เค้าด้วยความรักค่ะ♡ พี่เค้าก็เหนียมอายขวยเขิน แต่ดูแล้วเค้าน่าจะชอบนะ เราชอบแสดงความรักแบบตรงๆโผงผางแบบนี้ เราไม่อายค่ะ รักก็คือรัก พี่เค้าก็อมยิ้มแก้มปริหน้าแดงดั่งเด็กสาววัยแรกรุ่น
เค้าคงไม่เคยเจอผู้หญิงทำอะไรให้แบบนี้ละสิ เจอน้องอ้อนเข้าหน่อยถึงกับเขินตัวบิดตัวงอเลยหรอคะแฟนข๋าาาา~~ 55555 (*^▽^*)
และแล้วก็ถึงการฝึกวิชาปาดาวกระจายกันค่ะ เรื่องผลงานของเราไม่ขอเอ่ยถึง (-..-) แต่มันสนุกมากๆเลยล่ะนะ อิอิ แล้วพวกเราก็มาต่อกันที่การปีนข้ามกำแพงขึ้นหลังคา ที่นี่เค้าจะมีเป็นด่านๆไป คล้ายๆกับการเข้าค่าย เราก็เลือกได้ว่าอยากเล่นอันไหนก่อน เรารวบรวมพลังเตรียมตัวและวิ่งสุดชีวิตทั้งๆที่ใส่ส้นตึก กระโดดให้สูงที่สุดเท่าที่ขาสั้นๆของเราจะทำได้ สรุปโดดไม่พ้นแต่เราใช้มือพยุงตัวให้ข้ามไปให้ได้ คุณแฟนมองอยู่ห่างๆและส่งกำลังใจมาให้ ดูเหมือนจะข้ามไปไม่พ้นแต่เราก็ไม่ลดความพยายาม ตะเกียกตะกายจนในที่สุดความพยายามก็เป็นผล นี่เล่นเอาหอบหืดเหมือนกันนะนี่ 5555
ถึงตาเราแล้ว ฮ่าๆ
ผลงานของพวกเราค่ะ
พวกเราเล่นจนเกือบหมดทุกด่าน พวกเราก็มานั่งพักด้วยความเหนื่อยอ่อนหมดแรง เรามองคุณแฟนที่กำลังยกขวดน้ำดื่ม พี่เค้าในลุคนี้ดูเท่ห์จังเลยแหะ (มีความอวยแฟนตัวเอง) 555 เราจ้องมองลูกกระเดือกของเค้าที่กำลังเลื่อนไปมา... มือใหญ่ๆที่กำลังถือขวดน้ำ... ผมดำ... ชุดนินจาสีดำ... ดูลึกลับน่าค้นหา... แถมชุดนินจายังแหวกโชว์หน้าอกนิดหน่อย และแผ่นอกขาวๆนั่น.. (*゚▽゚*) มันเป็นเสน่ห์อย่างนึงแบบเฉพาะของชาวแจแปนนิสสไตล์เลยทีเดียว โอ๊ยยยยย~!♡ เรานี่อยากตีหัวพี่เค้าแล้วลากกลับบ้าน อยากจะกินปลาดิบทั้งชุดนั้นเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ หื่น ◝(๑꒪່౪̮꒪່๑)◜
พอถึงประมาณ 4 โมงเย็น พวกเราก็พากันกลับค่ะ ระหว่างทางพระอาทิตย์ก็ค่อยๆเลื่อนต่ำลง ด้วยความที่เราเพลีย หนังตาก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ อยากจะอยู่คุยกับพี่เค้าต่อแต่ก็ฝืนไม่ไหว... ตากำลังจะปิดแล้ว... แล้วเราก็ผลอยหลับไป... zzZZ
ไว้มาอ่านต่อตอนหน้านะคะ ^^
อ่านตอนถัดไปได้ที่ https://ppantip.com/topic/37619810
อ่านตอนย้อนหลังได้ที่ https://ppantip.com/topic/37439749
ฝากเพจของพวกเราด้วยนะคะ https://web.facebook.com/nekocouplestory/