เรื่องธรรมชาติ..
ราสส์ กิโลหก
“เมีย วินัย ตายแล้ว” ข่าวร้ายแพร่สะพัด จนเป็นที่รู้กันในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูง ของ วินัย..
เมื่อมีการตาย ผู้คนที่รู้จักกับคนตาย ต่างสอบถามกัน ว่าเป็นอะไรตาย ทำไมถึงตาย อะไรประมาณนั้น อันนี้เป็นคำถามที่เป็นพื้นฐานจริงๆถ้ามีคนตาย แน่นอนคำถามแรก ก็ เป็นอะไร ป่วย อุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นๆ..
“เมีย วินัย เป็นโรคผอมแห้ง ไม่มีเรี่ยวแรง จน ตายในที่สุด” น้าบัติ คนขับรถประจำสำนักงานบอก เพราะแกสนิทกับวินัย และไปช่วยวินัย เอาศพเมียออกจากโรงพยาบาลไปไว้ที่วัด แต่เป็นวัดที่อยู่อีกจังหวัด ห่างแออกไปเกือบร้อยโล....
สำนักงานฯซึ่งเป็นต้นสังกัดของวินัย เป็นเจ้าภาพให้ 1 คืน พรรคพวกเพื่อนฝูง ผู้บังคับบัญชา ต่างเดินทางไปร่วมงานอย่างพร้อมเพียง เพราะวัดอยู่ไม่ไกลมากนัก..
ตอนเป็นๆบางคนไม่มีเกียรติ แต่พอตายต่างได้เกียรติมากมาย คนที่มาร่วมงานศพ ต้องโค้งคำนับศพ แม้จะดีจะร้าย จะเลวแค่ไหนก็ตาม ก่อนการเผาเขาจะมีการอ่านประวัติผู้ตาย ส่วนมากจะบอกว่าดีอย่างนั้น อย่างนี้ ทั้งๆที่บางคนตายเพราะทำความชั่วมาหยกๆ..ก็ว่ากันไป
วินัย มีลูกกับเมีย 2 คน ยังอยู่ในวัยเรียนทั้งหมด..
พี่แต๋ว พี่เมียของวินัย เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในงานศพ ซึ่งมีฐานะเป็นพี่สาวผู้ตาย และเป็นพี่เมียของวินัย..ลูกทั้งสองต่างก็รู้ว่าแม่ตาย แต่เพราะความเป็นเด็ก จึงได้แต่ยืนตาแดงๆมองดูพวกผู้ใหญ่เขา จัดทำพิธีการต่างๆ..
พี่แต๋ว มีลูก 2 คน เป็นผู้ชาย 1 และผู้หญิง 1 ผู้หญิงเรียนจบแล้ว กำลังหางานทำ ส่วนผู้ชายยังเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ ต่างมาช่วยงานศพกันอย่างเต็มที่
หลังเสร็จงานศพแล้ว พี่แต๋ว เรียกวินัย เข้าไปคุยกันสองต่อสอง..
“วินัย ลูกเธอก็ยังเล็ก น่าจะหาใคร มาช่วยดูนะ”
“จะไปหาที่ไหนล่ะครับ “
“เอางี้ได้มั๊ย”
“แบบไหนพี่”
“พี่จะยกลูกสาวพี่ ยัย กุ้ง ให้เป็นเมียเธอ เอามั๊ย” พี่แต๋วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ได้พูดเล่น
ยัยกุ้งลูกสาวของพี่แต๋ว เพิ่งเรียนจบ อายุ 20 เศษๆเท่านั้น...หน้าตาก็พอดูได้
“ก็แล้วแต่พี่” วินัยนึกถึง เด็กสาวซึ่งมีสถานะเป็นหลานเมีย
วินัยปีนี้อายุ 40 กว่าๆ แต่ยังแข็งแรง...อายุห่างกันเกือบ 20 ปี ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก กุ้งหอบเสื้อผ้ามาอยู่ที่บ้านวินัย ผู้เป็นน้าเขยโดยไม่อิดออด
หัว ใจของวินัยมันเต้นจนบังคับไม่ได้ เส้นเลือดสูบฉีดจนร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เพราะเมียวินัยกว่าจะตายนอนซมติดเตียงนานนับปี......
เพื่อนที่สนิทกับวินัย พูดหยอกล้อกับกุ้งว่า
“ระวังนะ ไม่สว่าง ไม่เลิก”
“ไม่เข้าใจ... “ กุ้งมองหน้า
“เดี๋ยวก็รู้” คนเดิมตอบ...
ยัยกุ้งเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ ไม่เคยมีแฟน ผิดจากพวกวัยรุ่นทั่วไป เป็นคนเชื่อฟังพ่อ-แม่ มาแต่เด็ก หากแม่เอ่ยปาก กุ้งไม่เคยขัดใจแม่ ทำให้เรื่องการมาเป็นเมียวินัย จึงไม่มีการต่อต้านอะไร จากเด็กสาว..
หลังจาก กุ้งเข้ามาอยู่ด้วยในฐานะเมีย ไม่ใช่หลานเมียอีกต่อไป เมื่อเป็นผัวเมียกันก็ต้องนอนห้องเดียวกัน เด็กๆย้ายไปนอนอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องเล็กๆเพราะบ้านวินัย เป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว
คืนแรกฝนตกหนักมาก ฟ้าร้อง ฟ้าแลบกันกันสนั่นหวั่นไหว..ฝนตกเม็ดใหญ่บ้างเล็กบ้าง จน มาขาดเม็ดเมื่อสว่าง ฟ้าแจ้งจางปาง..
วันต่อมา ฝนที่อื่นไม่ตก แต่ในบ้านวินัย เหตุการณ์ยังเหมือนคืนที่ผ่านมา ฝนตกยันสว่างถึง 3 คืน...
วันไปทำงานวันที่ 4 เขาต้องยื่นใบลาป่วยเพราะไม่ได้มาทำงาน 3 วันเพื่อความถูกต้อง วินัย มีใบรับรองแพทย์มาด้วยว่าเป็นโรคท้องเสีย...
น้า ตุ้ม ธุรการ สำนักงาน ดูหนังสือรับรองแพทย์ของ วินัย แล้ว หันหน้ามาพูดกับ ยัย นา ลูกน้องที่นั่งเขียนคิ้ว อยู่ข้าง ๆ
“ ท้องระบม ละมั๊ง” สุ้มเสียงดูเหมือน ออกอาการ อิจฉานิดๆ เพราะน้าตุ้มเป็นโสด แกไม่รู้ว่าฝนตกยันสว่างมันรู้สึกยังไง..
พรรคพวกทั้งหัวหงอกหัวดำ หัวล้าน ต่างจับกลุ่ม เสวนานินทากันสนุกปาก แต่สรุปตรงกันคือ เป็นห่วงว่าจะตายคาอก...
สภาพร่างกายของ วินัย หลังจากมาทำงานวันแรก ผิวซีด เป็นจิ้งจก ที่มุดอยู่แต่ในห้อง เพราะไม่ได้รับแสงเดือนแสงตะวัน แม้จะดูซูบซีด แต่ใบหน้าอิ่มเอิบ ตาเหม่อลอยบางครั้ง เหมือนใจจดจ่ออยู่กับบางสิ่งบางอย่าง..
พวกแสลน ไปแอบถามเด็กๆลูกของวินัย
เจ้าจ้อยลูกคนโต อายุ 11 ขวบ มันพูดด้วยความไร้เดียงสา ว่า
“ พี่กุ้งกับ พ่อ ทะเลาะกันทั้งคืน “
“เข้าห้องน้ำทั้ง คืนด้วย” ยัยติ๋ว น้องคนรอง จีบปากพูด ยัยคนนี้ อายุ 7 ขวบ
ที่สำนักงาน หลังจากมีคนมาเล่าเรื่อง ที่ถามจากลูกของวินัย ให้คนอื่นๆฟัง
“เราน่าเป็นแบบนี้บ้าง” ยัยต้อย มนุษย์ป้าอายุ รุ่นราวคราวเดียวกับวินัย น้ำหนักเกือบร้อย แต่ผัวแก ผอมเป็นไม้เสียบลูกชิ้น นั่งฝันหวาน
ครั้งหนึ่ง มีการจัดสัมมนา ที่จังหวัดชายทะเล และได้จองห้องพักรวม เป็นเหมือนหอประชุม อยู่ชายหาดริมทะเล ที่นอนจะเรียงยาวเป็นแถว หลายสิบเตียง ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม
ห้องน้ำจะมีหลายห้องเพื่อรองรับ จำนวนคน แต่อยู่ในอาคารเดียวกัน
วินัยนุ่งผ้าขาวม้า เดิน ไปห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ เดินผ่านพรรคพวกที่นั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ เข้าไปที่ห้องน้ำห้องหนึ่ง แต่ ให้ตายเถอะ กุ้ง นุ่งผ้าถุง เดินมาจากไหนไม่รู้เดินตามเข้าไปติดๆ เข้าไปในห้องน้ำเดียวกัน เล่นเอาพรรคพวกที่อยู่แถวนั้นมองกันตาค้าง เสียงอาบน้ำ เสียง จุกๆจิ๊กๆ สลับกับเสียงหัวเราะ ดังอยู่ในห้องน้ำแคบๆ
อ้ายพวกส่วนเกินที่สุมหัวกันอยู่แถวนั้น ต่างมโน ภาพในห้องน้ำกันไปต่างๆนานา...
วัวแก่กับหญ้าอ่อน กินไปเท่าไหร่ ก็ไม่ท้องอืดท้องเสีย ไม่เหมือนบางคน เคยกินหญ้าอ่อนมาบ้าง แต่ไม่นาน กลายเป็นหญ้าคา ทั้งเจ็บปากทั้งท้องอืด..โลกนี้มันสองมาตรฐานจริงๆ..
กุ้งเมีย วินัย เป็นคนหัวดี เธอสามารถสอบติดบรรจุเป็นข้าราชการ หน่วยงานท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่จังหวัดเดียวกับที่วินัย ทำงาน แต่ต่างอำเภอ ..
ทำให้วินัย และ กุ้ง ต้องห่างกันบ้าง กุ้งก็ออกสู่ โลกภายนอก ไม่อุดอู้ ทำฝนเทียมอยู่แต่ในบ้านเหมือนก่อน
อายุ 20 กว่าๆดูยังสาวสวย และมีหน้าที่การงาน ทำให้ดูเด่นมีราศีขึ้นมามากที่เดียว..การพบปะผู้คน มากมายหลายอาชีพ สร้างความแข็งแกร่ง ให้เด็กสาว แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน..
กุ้งเป็นคนเก่งอัธยาศัยดี ทำงานดี หัวดีอีกต่างหาก เพราะสอบเลื่อนขั้นทีไร ก็ได้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่ย้ายไปไกล วนเวียนอยู่แต่ในจังหวัดเดิม..จึงไม่เดือดร้อนอะไรมากมนัก..
เวลาล่วงเลยมาเกือบ หลายสิบปี ปีตำแหน่งของกุ้ง ก็สูงขึ้นไปเรื่อย จนวินัยเกษียณ อายุ เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ อายุของกุ้งก็เริ่มเป็นสาวใหญ่ในวัย 40 ปี ..
วิถีชีวิตเปลี่ยนไป กุ้งไปทำงาน วินัย นั่งอยู่บ้าน เมียออกไปทำงานแต่เช้า บางครั้งกลับบ้านมืดค่ำเพราะต้องอยู่ในสังคมข้าราชการ ที่ต้องทำใจ..เรื่องเหล่านี้วินัยรู้อยู่แก่ใจ..
แต่บางครั้ง กุ้งต้องไปอบรมสัมมนา ในต่างจังหวัด หลายๆวัน วินัยก็อึดอัดอยู่บ้าง แต่พูดอะไรไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ ตำแหน่งก็สูงขึ้นมาจนถึงระดับ หัวหน้า ไปขัดขวางคัดค้านคงเป็นไปไม่ได้..
จาก ยัยกุ้ง คุณกุ้ง จนถึง หัวหน้ากุ้ง ความเปลี่ยนแปลงไม่ต้องพูดถึง กุ้งพบแต่คนที่มีตำแหน่งใหญ่โต ข่าวมาเข้าหู วินัยบ่อยๆเกี่ยวกับ ผู้ชายคนอื่นๆ แต่มันไม่มีหลักฐานหรือน้ำหนักอะไร ที่จะไปกล่าวหา ได้
คนที่ไม่ได้ไปทำงาน นั่งนอนอยู่บ้าน ความคิดจะฟุ้งซ่าน คิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อยเปื่อย..
เขานึกถึงตอนที่กุ้งมาอยู่ด้วยใหม่ๆ ความหอมหวาน สำหรับโคแก่อย่างเขา มันยังอบอวล จนติดจมูกมาถึงปัจจุบัน เขานึกถึงสิ่งต่างๆเหล่านั้น จำได้แม่นยำ ไม่เคยลืม…
ผัวอายุ 60 ปีเศษๆ เมียยังอยู่แค่หลัก สี่ ต้นๆ เสียงชาวบ้านเสียงเพื่อนฝูง พูดกันไปมา ทำเอา วินัย อดสะท้อนใจไม่ได้..
กุ้ง ยังเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนคือ กลายเป็นสาวใหญ่ ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี ผู้หญิงหลายคนมองด้วยความอิจฉา ไม่คิดว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้..
นายทหาร นายตำรวจ ทั้งหัวหน้าส่วนราชการต่างๆที่ได้พบปะ หรือประสานข้อราชการต่างๆกับกุ้ง พากันขายขนมจีบ ทำเหมือนว่า กุ้ง เป็นโสด ไม่มีผัว..ขอโทษ นิด สันดานผู้ชายก็เป็นแบบนี้ เกือบเต็มร้อย....
บางคนทั้งที่ ตัวเอง ทั้งเมีย ทั้งลูก เป็นพรวน หากมีโอกาส มันเอาแน่ ปัญหา ไปแก้เอาที่หลัง ไม่ว่าใหญ่โตแค่ไหน ไม่พ้นกิเลศเรื่องเหล่านี้ไปได้ อยู่ที่ว่าจะเป็นข่าวหรือไม่เป็นข่าวเท่านั้น แฮะๆๆ ระวังคนข้างตัวคุณให้ดี...
วินัย สมัยรับราชการเขาไม่เคยใส่บาตรกับพระสงฆ์ ซึ่ง จำวัดอยู่ไม่ไกลจากบ้านพัก ตอนเช้าพระท่านจะเดินผ่านเป็นประจำ 2 รูปบ้าง 3 รูป บ้างพร้อมลูกศิษย์ ที่เข็นรถเดินตาม หลังจากเกษียณอายุราชการ อยู่บ้านเฉยๆคนเดียว กุ้งย้ายไปเป็นหัวหน้าส่วนที่จังหวัดอื่น จะกลับมา เฉพาะวันหยุดและ เสาร์ อาทิตย์ ส่วนลูกๆ ก็ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวของตัวเอง นานๆมีโอกาสก็จะมาเยี่ยม พ่อ และ น้ากุ้ง สำหรับวินัย กับกุ้ง ไม่มีลูกกัน ...
เมื่อไม่มีอะไรทำ เขาจึง อยากใส่บาตรบ้าง ในตอนเช้า อย่างน้อยก็ทำให้ เป็นคนตื่นเช้า แก้เหงาไปได้บ้าง ได้คุยกับพระกับเจ้า วันพระเขาก็ไปทำบุญที่วัด ถ้ากุ้งอยู่ด้วยก็ชวนกันไป วินัยมีความคิดว่า คนเข้าวัดทำบุญ เป็นการสะสมบุญ และล้างบาปที่ทำมาแต่สมัยหนุ่มๆ..
หลังจากได้ รับรสพระธรรม ทำให้วินัย มองโลกในแง่ดี ความหวาดระแวงต่างๆที่เคยคิดเกี่ยวกับตัวกุ้ง ก็บรรเทาเบาบางลง เขาหันมาสนใจเกี่ยวกับ กิจการต่างๆของวัด เป็นจิตอาสาช่วย โน่นนี่นั้น ...ทุกคนที่รู้จักก็อนุโมทนา ไปด้วย
สายตาของเด็กๆ และเพื่อนบ้านมองว่าเป็นคุณลุงใจดี ใจบุญ..
และฟ้าพิโรธ ก็ผ่ามาจนได้..ทั้งคู่ขอแยกทางกัน..
“กรูว่าแล้วอายุห่างกัน ตั้ง 20 ปี” จุ้นศักดิ์ นินทาให้คนอื่นๆ..ฟัง
“อายุก็มาก ยังทำไปได้” แสลนศรี บอกกับมนุษย์ป้าคนหนึ่ง..
“ ข้าเคยกินแต่หญ้าอ่อน หญ้าคา มันแข็ง เคี้ยวลำบาก ทั้งติดคอทั้งบาดปาก “
วินัย พูดกับ เพื่อนรักคนหนึ่ง
แต่พวกเพื่อนๆต่างไม่เห็นด้วย...
“น้าก็อ้างไปเรื่อย อ้ายเวน “ เพื่อนเรียกชื่อเล่นของวินัย
“แก่จะตายอยู่แล้ว ยัง ทะลึ่ง บาป น้าแซงบุญ ไปหลายลี้แล้ว”
ต้นเหตุ จาก วินัย ไปได้เด็กสาวคนหนึ่ง อายุ ริมๆ ยี่สิบ และที่สำคัญ เธอท้องกับวินัยด้วย เป็นเด็กชาวบ้านที่มาช่วยงานที่วัด
อีกไม่นาน ถ้าท่านบังเอิญเห็น ผู้ชาย รูปร่างสันทัด ผิวดำแดง ผมขาวทั้งหัวอายุ ร่วม ๆ 62-63 ปี จูงมือเด็ก วัยเรียนไปส่งที่โรงเรียน และเด็กเรียกว่า พ่อๆๆ นั่นแหละ วินัย ละครับ และอาจเห็นได้ทั่วไปได้ทุกภาค..เพราะวินัย ไม่มีคนเดียวมีได้ทั่วไป.. อิอิ
เรื่องธรรมชาติ..
ราสส์ กิโลหก
“เมีย วินัย ตายแล้ว” ข่าวร้ายแพร่สะพัด จนเป็นที่รู้กันในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูง ของ วินัย..
เมื่อมีการตาย ผู้คนที่รู้จักกับคนตาย ต่างสอบถามกัน ว่าเป็นอะไรตาย ทำไมถึงตาย อะไรประมาณนั้น อันนี้เป็นคำถามที่เป็นพื้นฐานจริงๆถ้ามีคนตาย แน่นอนคำถามแรก ก็ เป็นอะไร ป่วย อุบัติเหตุ หรือเหตุอื่นๆ..
“เมีย วินัย เป็นโรคผอมแห้ง ไม่มีเรี่ยวแรง จน ตายในที่สุด” น้าบัติ คนขับรถประจำสำนักงานบอก เพราะแกสนิทกับวินัย และไปช่วยวินัย เอาศพเมียออกจากโรงพยาบาลไปไว้ที่วัด แต่เป็นวัดที่อยู่อีกจังหวัด ห่างแออกไปเกือบร้อยโล....
สำนักงานฯซึ่งเป็นต้นสังกัดของวินัย เป็นเจ้าภาพให้ 1 คืน พรรคพวกเพื่อนฝูง ผู้บังคับบัญชา ต่างเดินทางไปร่วมงานอย่างพร้อมเพียง เพราะวัดอยู่ไม่ไกลมากนัก..
ตอนเป็นๆบางคนไม่มีเกียรติ แต่พอตายต่างได้เกียรติมากมาย คนที่มาร่วมงานศพ ต้องโค้งคำนับศพ แม้จะดีจะร้าย จะเลวแค่ไหนก็ตาม ก่อนการเผาเขาจะมีการอ่านประวัติผู้ตาย ส่วนมากจะบอกว่าดีอย่างนั้น อย่างนี้ ทั้งๆที่บางคนตายเพราะทำความชั่วมาหยกๆ..ก็ว่ากันไป
วินัย มีลูกกับเมีย 2 คน ยังอยู่ในวัยเรียนทั้งหมด..
พี่แต๋ว พี่เมียของวินัย เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในงานศพ ซึ่งมีฐานะเป็นพี่สาวผู้ตาย และเป็นพี่เมียของวินัย..ลูกทั้งสองต่างก็รู้ว่าแม่ตาย แต่เพราะความเป็นเด็ก จึงได้แต่ยืนตาแดงๆมองดูพวกผู้ใหญ่เขา จัดทำพิธีการต่างๆ..
พี่แต๋ว มีลูก 2 คน เป็นผู้ชาย 1 และผู้หญิง 1 ผู้หญิงเรียนจบแล้ว กำลังหางานทำ ส่วนผู้ชายยังเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ ต่างมาช่วยงานศพกันอย่างเต็มที่
หลังเสร็จงานศพแล้ว พี่แต๋ว เรียกวินัย เข้าไปคุยกันสองต่อสอง..
“วินัย ลูกเธอก็ยังเล็ก น่าจะหาใคร มาช่วยดูนะ”
“จะไปหาที่ไหนล่ะครับ “
“เอางี้ได้มั๊ย”
“แบบไหนพี่”
“พี่จะยกลูกสาวพี่ ยัย กุ้ง ให้เป็นเมียเธอ เอามั๊ย” พี่แต๋วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ได้พูดเล่น
ยัยกุ้งลูกสาวของพี่แต๋ว เพิ่งเรียนจบ อายุ 20 เศษๆเท่านั้น...หน้าตาก็พอดูได้
“ก็แล้วแต่พี่” วินัยนึกถึง เด็กสาวซึ่งมีสถานะเป็นหลานเมีย
วินัยปีนี้อายุ 40 กว่าๆ แต่ยังแข็งแรง...อายุห่างกันเกือบ 20 ปี ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก กุ้งหอบเสื้อผ้ามาอยู่ที่บ้านวินัย ผู้เป็นน้าเขยโดยไม่อิดออด
หัว ใจของวินัยมันเต้นจนบังคับไม่ได้ เส้นเลือดสูบฉีดจนร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เพราะเมียวินัยกว่าจะตายนอนซมติดเตียงนานนับปี......
เพื่อนที่สนิทกับวินัย พูดหยอกล้อกับกุ้งว่า
“ระวังนะ ไม่สว่าง ไม่เลิก”
“ไม่เข้าใจ... “ กุ้งมองหน้า
“เดี๋ยวก็รู้” คนเดิมตอบ...
ยัยกุ้งเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ ไม่เคยมีแฟน ผิดจากพวกวัยรุ่นทั่วไป เป็นคนเชื่อฟังพ่อ-แม่ มาแต่เด็ก หากแม่เอ่ยปาก กุ้งไม่เคยขัดใจแม่ ทำให้เรื่องการมาเป็นเมียวินัย จึงไม่มีการต่อต้านอะไร จากเด็กสาว..
หลังจาก กุ้งเข้ามาอยู่ด้วยในฐานะเมีย ไม่ใช่หลานเมียอีกต่อไป เมื่อเป็นผัวเมียกันก็ต้องนอนห้องเดียวกัน เด็กๆย้ายไปนอนอีกห้อง ซึ่งเป็นห้องเล็กๆเพราะบ้านวินัย เป็นทาวน์เฮาส์ชั้นเดียว
คืนแรกฝนตกหนักมาก ฟ้าร้อง ฟ้าแลบกันกันสนั่นหวั่นไหว..ฝนตกเม็ดใหญ่บ้างเล็กบ้าง จน มาขาดเม็ดเมื่อสว่าง ฟ้าแจ้งจางปาง..
วันต่อมา ฝนที่อื่นไม่ตก แต่ในบ้านวินัย เหตุการณ์ยังเหมือนคืนที่ผ่านมา ฝนตกยันสว่างถึง 3 คืน...
วันไปทำงานวันที่ 4 เขาต้องยื่นใบลาป่วยเพราะไม่ได้มาทำงาน 3 วันเพื่อความถูกต้อง วินัย มีใบรับรองแพทย์มาด้วยว่าเป็นโรคท้องเสีย...
น้า ตุ้ม ธุรการ สำนักงาน ดูหนังสือรับรองแพทย์ของ วินัย แล้ว หันหน้ามาพูดกับ ยัย นา ลูกน้องที่นั่งเขียนคิ้ว อยู่ข้าง ๆ
“ ท้องระบม ละมั๊ง” สุ้มเสียงดูเหมือน ออกอาการ อิจฉานิดๆ เพราะน้าตุ้มเป็นโสด แกไม่รู้ว่าฝนตกยันสว่างมันรู้สึกยังไง..
พรรคพวกทั้งหัวหงอกหัวดำ หัวล้าน ต่างจับกลุ่ม เสวนานินทากันสนุกปาก แต่สรุปตรงกันคือ เป็นห่วงว่าจะตายคาอก...
สภาพร่างกายของ วินัย หลังจากมาทำงานวันแรก ผิวซีด เป็นจิ้งจก ที่มุดอยู่แต่ในห้อง เพราะไม่ได้รับแสงเดือนแสงตะวัน แม้จะดูซูบซีด แต่ใบหน้าอิ่มเอิบ ตาเหม่อลอยบางครั้ง เหมือนใจจดจ่ออยู่กับบางสิ่งบางอย่าง..
พวกแสลน ไปแอบถามเด็กๆลูกของวินัย
เจ้าจ้อยลูกคนโต อายุ 11 ขวบ มันพูดด้วยความไร้เดียงสา ว่า
“ พี่กุ้งกับ พ่อ ทะเลาะกันทั้งคืน “
“เข้าห้องน้ำทั้ง คืนด้วย” ยัยติ๋ว น้องคนรอง จีบปากพูด ยัยคนนี้ อายุ 7 ขวบ
ที่สำนักงาน หลังจากมีคนมาเล่าเรื่อง ที่ถามจากลูกของวินัย ให้คนอื่นๆฟัง
“เราน่าเป็นแบบนี้บ้าง” ยัยต้อย มนุษย์ป้าอายุ รุ่นราวคราวเดียวกับวินัย น้ำหนักเกือบร้อย แต่ผัวแก ผอมเป็นไม้เสียบลูกชิ้น นั่งฝันหวาน
ครั้งหนึ่ง มีการจัดสัมมนา ที่จังหวัดชายทะเล และได้จองห้องพักรวม เป็นเหมือนหอประชุม อยู่ชายหาดริมทะเล ที่นอนจะเรียงยาวเป็นแถว หลายสิบเตียง ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวม
ห้องน้ำจะมีหลายห้องเพื่อรองรับ จำนวนคน แต่อยู่ในอาคารเดียวกัน
วินัยนุ่งผ้าขาวม้า เดิน ไปห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำ เดินผ่านพรรคพวกที่นั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ เข้าไปที่ห้องน้ำห้องหนึ่ง แต่ ให้ตายเถอะ กุ้ง นุ่งผ้าถุง เดินมาจากไหนไม่รู้เดินตามเข้าไปติดๆ เข้าไปในห้องน้ำเดียวกัน เล่นเอาพรรคพวกที่อยู่แถวนั้นมองกันตาค้าง เสียงอาบน้ำ เสียง จุกๆจิ๊กๆ สลับกับเสียงหัวเราะ ดังอยู่ในห้องน้ำแคบๆ
อ้ายพวกส่วนเกินที่สุมหัวกันอยู่แถวนั้น ต่างมโน ภาพในห้องน้ำกันไปต่างๆนานา...
วัวแก่กับหญ้าอ่อน กินไปเท่าไหร่ ก็ไม่ท้องอืดท้องเสีย ไม่เหมือนบางคน เคยกินหญ้าอ่อนมาบ้าง แต่ไม่นาน กลายเป็นหญ้าคา ทั้งเจ็บปากทั้งท้องอืด..โลกนี้มันสองมาตรฐานจริงๆ..
กุ้งเมีย วินัย เป็นคนหัวดี เธอสามารถสอบติดบรรจุเป็นข้าราชการ หน่วยงานท้องถิ่นแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่จังหวัดเดียวกับที่วินัย ทำงาน แต่ต่างอำเภอ ..
ทำให้วินัย และ กุ้ง ต้องห่างกันบ้าง กุ้งก็ออกสู่ โลกภายนอก ไม่อุดอู้ ทำฝนเทียมอยู่แต่ในบ้านเหมือนก่อน
อายุ 20 กว่าๆดูยังสาวสวย และมีหน้าที่การงาน ทำให้ดูเด่นมีราศีขึ้นมามากที่เดียว..การพบปะผู้คน มากมายหลายอาชีพ สร้างความแข็งแกร่ง ให้เด็กสาว แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน..
กุ้งเป็นคนเก่งอัธยาศัยดี ทำงานดี หัวดีอีกต่างหาก เพราะสอบเลื่อนขั้นทีไร ก็ได้ทุกครั้ง แต่ก็ไม่ย้ายไปไกล วนเวียนอยู่แต่ในจังหวัดเดิม..จึงไม่เดือดร้อนอะไรมากมนัก..
เวลาล่วงเลยมาเกือบ หลายสิบปี ปีตำแหน่งของกุ้ง ก็สูงขึ้นไปเรื่อย จนวินัยเกษียณ อายุ เมื่ออายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ อายุของกุ้งก็เริ่มเป็นสาวใหญ่ในวัย 40 ปี ..
วิถีชีวิตเปลี่ยนไป กุ้งไปทำงาน วินัย นั่งอยู่บ้าน เมียออกไปทำงานแต่เช้า บางครั้งกลับบ้านมืดค่ำเพราะต้องอยู่ในสังคมข้าราชการ ที่ต้องทำใจ..เรื่องเหล่านี้วินัยรู้อยู่แก่ใจ..
แต่บางครั้ง กุ้งต้องไปอบรมสัมมนา ในต่างจังหวัด หลายๆวัน วินัยก็อึดอัดอยู่บ้าง แต่พูดอะไรไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ ตำแหน่งก็สูงขึ้นมาจนถึงระดับ หัวหน้า ไปขัดขวางคัดค้านคงเป็นไปไม่ได้..
จาก ยัยกุ้ง คุณกุ้ง จนถึง หัวหน้ากุ้ง ความเปลี่ยนแปลงไม่ต้องพูดถึง กุ้งพบแต่คนที่มีตำแหน่งใหญ่โต ข่าวมาเข้าหู วินัยบ่อยๆเกี่ยวกับ ผู้ชายคนอื่นๆ แต่มันไม่มีหลักฐานหรือน้ำหนักอะไร ที่จะไปกล่าวหา ได้
คนที่ไม่ได้ไปทำงาน นั่งนอนอยู่บ้าน ความคิดจะฟุ้งซ่าน คิดอะไรต่ออะไรไปเรื่อยเปื่อย..
เขานึกถึงตอนที่กุ้งมาอยู่ด้วยใหม่ๆ ความหอมหวาน สำหรับโคแก่อย่างเขา มันยังอบอวล จนติดจมูกมาถึงปัจจุบัน เขานึกถึงสิ่งต่างๆเหล่านั้น จำได้แม่นยำ ไม่เคยลืม…
ผัวอายุ 60 ปีเศษๆ เมียยังอยู่แค่หลัก สี่ ต้นๆ เสียงชาวบ้านเสียงเพื่อนฝูง พูดกันไปมา ทำเอา วินัย อดสะท้อนใจไม่ได้..
กุ้ง ยังเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนคือ กลายเป็นสาวใหญ่ ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี ผู้หญิงหลายคนมองด้วยความอิจฉา ไม่คิดว่าเธอจะมาถึงจุดนี้ได้..
นายทหาร นายตำรวจ ทั้งหัวหน้าส่วนราชการต่างๆที่ได้พบปะ หรือประสานข้อราชการต่างๆกับกุ้ง พากันขายขนมจีบ ทำเหมือนว่า กุ้ง เป็นโสด ไม่มีผัว..ขอโทษ นิด สันดานผู้ชายก็เป็นแบบนี้ เกือบเต็มร้อย....
บางคนทั้งที่ ตัวเอง ทั้งเมีย ทั้งลูก เป็นพรวน หากมีโอกาส มันเอาแน่ ปัญหา ไปแก้เอาที่หลัง ไม่ว่าใหญ่โตแค่ไหน ไม่พ้นกิเลศเรื่องเหล่านี้ไปได้ อยู่ที่ว่าจะเป็นข่าวหรือไม่เป็นข่าวเท่านั้น แฮะๆๆ ระวังคนข้างตัวคุณให้ดี...
วินัย สมัยรับราชการเขาไม่เคยใส่บาตรกับพระสงฆ์ ซึ่ง จำวัดอยู่ไม่ไกลจากบ้านพัก ตอนเช้าพระท่านจะเดินผ่านเป็นประจำ 2 รูปบ้าง 3 รูป บ้างพร้อมลูกศิษย์ ที่เข็นรถเดินตาม หลังจากเกษียณอายุราชการ อยู่บ้านเฉยๆคนเดียว กุ้งย้ายไปเป็นหัวหน้าส่วนที่จังหวัดอื่น จะกลับมา เฉพาะวันหยุดและ เสาร์ อาทิตย์ ส่วนลูกๆ ก็ต่างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวของตัวเอง นานๆมีโอกาสก็จะมาเยี่ยม พ่อ และ น้ากุ้ง สำหรับวินัย กับกุ้ง ไม่มีลูกกัน ...
เมื่อไม่มีอะไรทำ เขาจึง อยากใส่บาตรบ้าง ในตอนเช้า อย่างน้อยก็ทำให้ เป็นคนตื่นเช้า แก้เหงาไปได้บ้าง ได้คุยกับพระกับเจ้า วันพระเขาก็ไปทำบุญที่วัด ถ้ากุ้งอยู่ด้วยก็ชวนกันไป วินัยมีความคิดว่า คนเข้าวัดทำบุญ เป็นการสะสมบุญ และล้างบาปที่ทำมาแต่สมัยหนุ่มๆ..
หลังจากได้ รับรสพระธรรม ทำให้วินัย มองโลกในแง่ดี ความหวาดระแวงต่างๆที่เคยคิดเกี่ยวกับตัวกุ้ง ก็บรรเทาเบาบางลง เขาหันมาสนใจเกี่ยวกับ กิจการต่างๆของวัด เป็นจิตอาสาช่วย โน่นนี่นั้น ...ทุกคนที่รู้จักก็อนุโมทนา ไปด้วย
สายตาของเด็กๆ และเพื่อนบ้านมองว่าเป็นคุณลุงใจดี ใจบุญ..
และฟ้าพิโรธ ก็ผ่ามาจนได้..ทั้งคู่ขอแยกทางกัน..
“กรูว่าแล้วอายุห่างกัน ตั้ง 20 ปี” จุ้นศักดิ์ นินทาให้คนอื่นๆ..ฟัง
“อายุก็มาก ยังทำไปได้” แสลนศรี บอกกับมนุษย์ป้าคนหนึ่ง..
“ ข้าเคยกินแต่หญ้าอ่อน หญ้าคา มันแข็ง เคี้ยวลำบาก ทั้งติดคอทั้งบาดปาก “
วินัย พูดกับ เพื่อนรักคนหนึ่ง
แต่พวกเพื่อนๆต่างไม่เห็นด้วย...
“น้าก็อ้างไปเรื่อย อ้ายเวน “ เพื่อนเรียกชื่อเล่นของวินัย
“แก่จะตายอยู่แล้ว ยัง ทะลึ่ง บาป น้าแซงบุญ ไปหลายลี้แล้ว”
ต้นเหตุ จาก วินัย ไปได้เด็กสาวคนหนึ่ง อายุ ริมๆ ยี่สิบ และที่สำคัญ เธอท้องกับวินัยด้วย เป็นเด็กชาวบ้านที่มาช่วยงานที่วัด
อีกไม่นาน ถ้าท่านบังเอิญเห็น ผู้ชาย รูปร่างสันทัด ผิวดำแดง ผมขาวทั้งหัวอายุ ร่วม ๆ 62-63 ปี จูงมือเด็ก วัยเรียนไปส่งที่โรงเรียน และเด็กเรียกว่า พ่อๆๆ นั่นแหละ วินัย ละครับ และอาจเห็นได้ทั่วไปได้ทุกภาค..เพราะวินัย ไม่มีคนเดียวมีได้ทั่วไป.. อิอิ