[CR] Dream Come True เมื่อมนุษย์เงินเดือนได้ไปเที่ยว อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส!!!


                                                           *เราเป็นผู้หญิงคนธรรมดาที่ชอบเที่ยว ชอบเดินทาง ชอบลองอะไรใหม่ๆ
                                                    **เราไม่ชอบเที่ยวคนเดียว เพราะเคยลองแล้วรู้สึกเหงาน่าเบื่อ แล้วเราก็วางแผนไม่เก่งด้วย
                                           ***เราอยากไปเที่ยวต่างประเทศที่ไม่ใช่ ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ลาว หรือเอเชีย
                                 ****เราอยากไปยุโรป ไปเมืองนอกสัมผัสอากาศหนาวๆ อยากกินเบียร์ที่ต่างประเทศ
                      *****เราอยากไปสวิตเซอร์แลนด์ อยากนั่งรถไฟขึ้นเขา อยากเจอหิมะเยอะๆ อยากเจออากาศหนาวๆ

         เราเป็นแค่มนุษย์เงินเดือนธรรมดาที่ฝันอยากไปเมืองน้ำหอม ถ่ายรูปกับหอไอเฟล อยากไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ อยากไปฝรั่งเศสสักครั้งในชีวิต เราเป็นคนแบ่งเงินเก็บไว้สำหรับไปเที่ยวตั้งแต่เรียนจนเริ่มทำงานอยู่แล้ว เพราะเป็นคนชอบเที่ยว ตั้งเป้าว่าจะไปยุโรปซักครั้งในชีวิต พอเก็บถึงเป้าเราเลยซื้อทัวร์จ้า  
         เราเขียนรีวิวไม่เก่ง ถ่ายรูปไม่เก่งด้วย กล้องก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย แต่ก็อยากจะแชร์ประสบการณ์เผื่อคนที่คิดอยากไปเที่ยวยุโรปแต่ยังตัดสินใจอยู่(เราว่าไปเหอะ ประสบการณ์ครั้งนึงในชีวิต)ไปดูกันเลยจ้า....

ข้อดีของการไปกับทัวร์ (ตามความคิดเรานะ)
1.ไม่ต้องวางแผนการเดินทางเอง ไม่ต้องจองรถหรือรถไฟและจองโรงแรมเอง ราคารวมทุกอย่างแล้ว (ยกเว้นช็อปปิ้ง)
2.ไม่ต้องยื่นวีซ่าเอง วีซ่าผ่านง่าย เพราะบริษัททัวร์แจ้งการเตรียมเอกสารครบ ชัดเจน ช่วยเราเต็มที่
**ทัวร์ที่เราไปราคารวมทุกอย่างแล้ว อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ฝรั่งเศส 9 วัน 6 คืน รวมวันเดินทางไปกลับจ้า**

            โอเค มาถึงขึ้นตอนการเลือกบริษัททัวร์ยังไงไม่ให้โดนหลอกนะหรอ?? บอกได้คำเดียวเลยว่าเลือกไม่เป็นหรอกจ้าsearch google ก็เจอเยอะแยะจนเลือกไม่ถูก เราไปกับรุ่นพี่ก็เลยซื้อทัวร์จากการแนะนำของญาติพี่เค้าเพราะญาติพี่เค้าเคยไปกับบริษัทนี้(กราเซียกรุ๊ป)บอกว่าโอเคเลย  ไม่เทไม่โกงเราดูโปรแกรมแล้วชอบ ราคาหน้าหนาวก็ถือว่าไม่แรงเกินไปด้วย ก็เลยตัดสินใจซื้อเลยจ้า

...................แล้ววันที่เดินทางก็มาถึง ตื่นเต้นมากกก+++...................


           เดินทางจากสุวรรณภูมิ 3 ทุ่ม เดินทางด้วยสายการบินการ์ต้าค่ะ ลำใหญ่ สบาย  เปลี่ยนเครื่องที่โดฮาค่ะ เครื่องไปถึงสนามบินลีโอนาร์โด ดาวินชี ฟิอูมิชีโนอิตาลีค่ะ ไกด์ให้ทำธุระส่วนตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวแต่งหน้าได้เต็มที่ค่ะ รถบัสมารอรับ คันใหญ่ อุ่นด้วย จุดแรกที่ไปคือ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

  ที่จอดรถบัสอยู่ชั้นใต้ดินแล้วเดินเชื่อมขึ้นไปที่วิหารค่ะ ช่วยลดเรื่องรถติดด้วย เราว่าวาติกันเป็นเมืองที่มีชั้นใต้ดินซับซ้อนเมืองนึงเลยล่ะ


         มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (Saint Peter's Basilica) เป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในวาติกัน ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ฝังศพเซนต์ปีเตอร์หรือนักบุญเปโตร ลูกศิษย์คนสำคัญของพระเยซู ปัจจุบันเป็นที่ประกอบพิธีสำคัญของคริสตจักรโรมันคาทอลิก และยังเป็นที่พักประจำตำแหน่งของพระสันตะปาปาค่ะถือได้ว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของคริสตจักรโรมันคาทอลิกอีกด้วย



ใหญ่มาก สวยมาก แค่เสาร์ก็อลังการแล้ว


      นอกจากความใหญ่อลังการแล้ว ยังมีรูปปั้นปิเอตา (Pieta) ผลงานสำคัญของไมเคิลแองเจลโลอีกด้วย เป็นรูปพระแม่มารีประคองร่างพระเยซูลงจากกางเขน แกะสลักหินอ่อนได้งดงามมาก

รูปปั้นไกลมาก  กล้องเราซูมไม่ถึงจ้า  (รูปชัดๆ google ช่วยได้ )


เพดาน เสาร์ หน้าต่าง ประตู กระจก สวยไปหมด


มาถึงแล้วจริงๆนะ อิอิ


         ค่าขึ้นยอดโดมมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ บันได 8 ยูโร / ลิฟต์ 10 ยูโร แต่ลิฟต์ส่งไม่สุดนะต้องเดินต่ออีก เราเดินขึ้นคิดว่าชิวๆ วัดไทยแลนด์บ้านเราบันไดเยอะ สู้ไหวอยู่แล้ว หึ หอบสิจ๊ะ 555
         จากนั้นก็นั่งรถไม่ถึง 10 นาที มาที่ โคลอสเซียม (Colosseum)จ้า ตั้งแต่มีเหตุการณ์กราดยิงที่ปารีสและการก่อการร้ายทั่วยุโรปบ่อยๆ ก็จะมีทหารคอยเฝ้าระวังจุดต่างๆทั่วยุโรปเลย

        โคลอสเซียม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นทรงโค้งเป็นวงกลม เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬาที่สุด มีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามช่วงฝนตกใต้พื้นสนามมีห้องต่างๆเช่น ห้องนักสู้กลาดิเอเตอร์ กรงขังสัตว์ ห้องเก็บอุปกรณ์เครื่องมือการต่อสู้  นอกจากนี้ส่วนหนึ่งของพื้นสนามสามารถเลื่อนออกได้ ใช้เป็นประตูยกกรงสัตว์ขึ้นสู่สนาม เพิ่มความเร้าใจให้ผู้ชมคอยลุ้นว่านักสู้จะต้องสู้กับสัตว์ร้ายชนิดไหน โคลอสเซียมถือเป็น1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และยังเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบันจ้า


        มาต่อที่มหาวิหารแพนธีออนอายุกว่า 2,000 ปี แล้ว นานมากกกก ข้างในวิหารยอดโดมจะมีช่องวงกลมขนาดใหญ่ตรงกลางที่ให้แสงผ่านเข้ามาที่เรียกว่า “โอคูลุส”  แปลว่า ตา ซึ่งหมายถึงสัญลักษณ์ของตาจากสวรรค์ ช่องแสงขนาดใหญ่นี้มีความเชื่อกันว่าเป็นทางเชื่อมระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าโอคูลุสกษัตริย์ในอดีตใช้ประกอบพิธีสำคัญๆ โดยร่างของกษัตริย์จะถูกอาบด้วยลำแสงของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาผ่านช่องนี้ (ดูศักดิ์สิทธิ์สุดๆไปเลยค่า)


มาถึงก็บ่าย 2 กว่าแระ ไม่ทันพระอาทิตย์ส่อง กลับไปอาบแสงแดดที่ไทยก็ได้

       บันไดสเปน (Spanish Steps ) เป็นบันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป  สำหรับเราแล้วคิดว่ามันธรรมดามากกกกกๆๆๆๆ ที่มาของชื่อเพราะว่าอยู่ใกล้สถานทูตประเทศสเปน เลยเรียกบันไดสเปน

น้ำพุเทรวี่คนเยอะมากกกกกกก ถ่ายรูปไม่โอเท่าไหร่ เราก็เลยเดินหาของกินเรื่อยเปื่อย มาถึงเมืองเจลาโต้ ก็ต้องจัดซะหน่อย


ร้านไอติมเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลย น่ากินไปหมด ไอติมมีหลายไซส์หลายราคา เลือกตามความฟินเลยจ้า


          มีร้านขนมปังแฮมแถวน้ำพุราคาถูกๆด้วย แค่ 2.5 -3.5 ยูโร ไซส์ใหญ่กินแทบไม่หมดอ่ะ แล้วอย่าหวังว่าจะได้กินชีทเยิ้มๆนะเหมือนบ้านเรานะ คนที่นี่กินแห้งๆแบบนี้ บางร้านไม่มีซอสมะเขือเทศให้

          เรานั่งรถมานอนเมืองปิซ่าค่ะ  คืนแรกนอนที่ Galilei Hotel ที่นี่ห้องใหม่สะอาดดีค่ะ ทานข้าวเย็นที่นี่เลย เป็นมักกะโรนี แล้วก็สเต็กไก่ ของหวานเป็น ซอฟช็อคโกแลต ชาร์จแบตไว้ที่ห้องเลยอดถ่ายรูปอาหารเลย
ชื่อสินค้า:   อิตาลี สวิส ฝรั่งเศส
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่