สำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้ Apple HomePod มันก็เป็นลำโพงที่สามารถต่อกับ Wifi ได้ซึ่งสามารถสตรีมเพลงผ่าน Apple Music ได้โดยตรง และสามารถรองรับการใช้งานผ่านระบบการสั่งงานด้วยเสียงผ่านเจ้าตัว Siri ด้วย รีวิวนี้ผมขอแบ่งเป็น 3 ส่วนละกันคือ เรื่องเสียง, Siri และ Home Automation และตอนสุดท้ายผมจะสรุปว่าเหมาะกับใคร และคุ้มไหม แต่ก่อนอื่นลองมาดูหน้าตามันก่อนละกัน
หน้าตากล่อง งานเนี๊ยบดี หนักพอสมควร
สายไฟอย่างดี
อินเตอร์เฟสการควบคุม
แตะ +/- เพิ่ม/ลดเสียง แตะตรงกลาง 1 ครั้ง pause, 2 ครั้ง skip ไปเพลงต่อไป, 3 ครั้งเริ่มต้นเพลงใหม่หรือไปเพลงก่อนหน้า
การ Setup
ง่ายมากๆ เอา iPhone ไปจ่อกับตัวลำโพงแล้วก็กด next ไม่กี่ครั้งก็เสร็จแล้ว
ว่าด้วยเรื่องเสียง
เสียงต่ำ: จุดเด่นของตัวนี้เลย เบสแน่นมาก มาเป็นลูกๆ และคุณภาพเบสดีพอสมควรเทียบกับขนาด หากใครชอบฟังเบสแนะนำเลย
เสียงกลาง: เสียงดีครับ แต่ไม่เด่นเท่าเสียงต่ำ หากฟังเพลงที่มีเบสเยอะๆบางครั้งเสียงเบาจะกลบ แต่หากฟังดนตรีที่เน้นเสียงร้องพวก Adele, Norah Jones หรืออะไรแนวๆนี้ เสียงกลางผมถือว่าใช้ได้
เสียงสูง: อันนี้เฉยๆนะ เสียงมันแหลมแต่มันไม่ได้ใสปิ๊งเหมือนกับพวกเครื่องเสียงรุ่นใหญ่ๆ หากใครชอบฟังเสียงร้องใสๆ หรือเสียงเครื่องดนตรีกุ๊งกิ๊งๆชัดๆอาจจะผิดหวัง
สรุปเรื่องเสียง
เสียงดีครับ ครอบคลุมกับเพลงส่วนใหญ่ หากวัดกันด้วยเสียงอย่างเดียว คู่แข่งที่ให้แนวเสียงคล้ายๆกันคือพวกลำโพงยี่ห้อ Sonos ซึ่งให้เสียงในลักษณะใกล้เคียงกัน ผมลองฟังดูเทียบกับ Sonos รุ่นเล็ก (PLAY:1) สรุปคือ Apple HomePod เสียงดีกว่าครับ แยกมิติได้ดีกว่า และเสียงไม่เพี๊ยนเวลาเร่งวอลลุ่มเยอะๆ แต่ในทางกลับกัน Sonos มันก็ถูกกว่า อันนี้วัดกันแบบลำโพงเดี่ยวๆเลยนะ แต่หากเอา Sonos 2 ตัวมาแพร์กับเป็นแบบ Stereo ผมให้ Sonos ชนะเลิศครับ ด้วยเสียงที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด และราคารวมสองตัวก็ถูกกว่าซะด้วย
ว่าด้วยเรื่อง Siri
เท่าที่เห็นมา หากนับกันด้วยเรื่องของความ ‘ฉลาด’ อย่างเดียว ผมว่ายังไม่ค่อยฉลาดครับ ตอบได้แต่คำถามพื้นฐาน ตั้งเวลาก็ตั้งเวลาได้แค่ทีละครั้ง และการวิเคราะห์คำถามยังไม่ดีเท่าที่ควร (คือการถามมันถามได้หลายแบบ ซึ่งคำตอบมันก็คืออันเดียวกันนั่นแหล่ะ แต่เจ้า Siri มันยังไม่สามารถเข้าใจคำถามได้ทุกคำถาม)
สรุปเรื่อง Siri
ณ ตอนนี้มันยังไม่ฉลาด แต่หากไม่ค่อยได้ใช้ฟีเจอร์นี้เท่าไหร่ก็ถือว่าพอรับได้ ซึ่งผมเชื่อว่า Apple น่าจะปรับปรุง Siri ครั้งใหญ่แน่นอน ไม่งั้นสู้คู่แข่งอย่าง Amazon กับ Google ไม่ได้
ว่าด้วยเรื่อง Home Automation
ผมได้ทดสอบกับระบบ Smart Home ซึ่งอุปกรณ์ที่รองรับกับ Apple HomeKit ในบ้านผมก็มีสองอย่าง Philips Hue กับปลั๊กไฟ iHome เท่าที่ใช้ดูการตอบสนองเร็วกว่าคู่แข่งอย่าง Amazon Alexa กับ Google Home อย่างชัดเจน เช่น สั่งปิดไฟ เปิดไฟ หรี่ไฟ เปลี่ยนสีไฟ หรืออะไรหลายๆอย่างเนี่ยะ มันเร็วแทบจะทันที (ซึ่ง Amazon Alexa กับ Google Home ใช้เวลาตอบสนองช้ากว่าประมาณ 1-2 วิ) อันนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของเจ้า HomePod เลย แต่ๆๆๆ .... หากวัดกันด้วยเรื่องการรองรับอุปกรณ์อื่นๆ ผมให้ Amazon Alexa เด่นกว่า HomePod อย่างชัดเจน อย่างกรณีผม HomePod รองรับแค่อุปกรณ์ 2 อย่างที่ได้กล่าวไป แต่เจ้า Alexa รองรับหมด ไม่ว่าจะเป็น Roomba, Logitech Harmony, และอีกหลายๆอย่าง คือถ้าเป็น Smart Devices เจ้าตัว Alexa รองรับหมด
ข้อดีอีกข้อหากว่ากันด้วยเรื่อง Home Automation คือเจ้า HomePod มันสามารถ detect เสียงเราได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น คือเราอยู่ไกลแค่ไหน ต่อให้เปิดเพลงอยู่ดังแค่ไหน มันยังได้ยินครับ เวลาสั่งงานไม่ต้องตะโกน ซึ่งค่อนข้างทำได้ดีกว่า Amazon Alexa หรือ Google home
สรุปเรื่อง Home Automation
ตอบสนองเร็ว สามารถดักเสียงเราได้ดีเลยทีเดียว แต่ถ้ามองโดยรวมผมว่ายังสู้คู่แข่งอย่าง Amazon Alexa กับ Google Home ไม่ได้ในแง่ของจำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ
เหมาะกับใคร
1. สาวก Apple ที่ใช้ Apple Music และ iPhone อยู่ หากคุณมีอุปกรณ์ Apple อื่นๆคุณจะใช้งานมันได้อย่างเต็มที่
2. คนที่อยากได้ลำโพงคุณภาพดี เน้นฟังสนุก และชอบเบส
3. คนชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ดีไซน์สวยดีในความคิดผม วัสดุดี
4. คนที่มีอุปกรณ์ smart devices ต่างๆที่รองรับกับ Apple HomeKit
5. คนที่เน้นความเสถียร (จริงอยู่ที่คู่แข่งอย่าง Sonos สามารถตรีมเพลงผ่านพวก Spotify หรือค่ายอื่นๆได้ แต่บางครั้งที่ผมเจอคือเพลงมันติดๆดับๆครับ แต่ของ HomePod นี่ไม่มีเลย เล่นได้ลื่นมาก)
ไม่เหมาะกับใคร
1. คนที่ฟังเพลงจาก Spotify หรือเจ้าอื่นๆที่ไม่ใช่ Apple Music เพราะคุณจะไม่สามารถสตรีมเพลงผ่าน HomePod ได้เลย (หากซื้อมาก็เป็นที่ทับกระดาษ นอกซะจากว่าจะสมัคร Apple Music)
2. คนที่ใช้ Android (คุณจะไม่สามารถ Setup ได้หากคุณไม่มีอุปกรณ์ Apple เลย)
3. คนที่เป็น Audiophile ตัวยง คือคุณจะรู้สึกว่าเสียงมันไม่ได้ดีอะไรมากมาย เพราะคุณเคยฟังลำโพงใหญ่ๆหลายๆตัวที่เสียงดีกว่านี้เยอะ
4. คนที่ไม่อยากยึดติดกับ Apple Ecosystem ไปตลอด
สรุปว่าคุ้มไหม
อันนี้ตอบยากเพราะมันแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน แต่ คหสต หากคุณมี Sonos อยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อ HomePod หรอกครับ นอกจากซะว่าคุณต้องการที่จะเพิ่มลำโพงให้กับห้องใหม่ หรือต่อให้คุณใช้ Spotify อยู่แล้วต้องการที่จะมาสมัคร Apple Music เพื่อที่จะเอามาใช้กับ HomePod ผมก็ไม่แนะนำนะ คหสต ผมยังให้ Spotify ดีกว่า Apple Music สรุปคือหากคุณไม่ใช่
‘สาวก’ เอาตรงๆผมไม่แนะนำให้ซื้อครับ หากอยากได้ลำโพงคุณภาพโอเค ไปเล่น Sonos ดีกว่า รุ่นเล็กนะ ถูกกว่า และเสียงไม่ได้แย่ไปกว่า HomePod เท่าไหร่ หากมีอุปกรณ์ Smart Devices ถ้าเอาเซฟๆก็ Sonos + Amazon Echo หรือรุ่นอะไรก็ไปเลือกเอา หรือไปเลือกลำโพงธรรมดาทั่วไปในราคาเท่ากัน คุณจะได้เสียงที่ดีกว่านี้แน่นอน
แต่ถ้าหากคุณเป็นสาวก ซื้อเหอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ... เสียงดีถูกใจ และเสถียรมาก
[CR] รีวิวบ้านๆ Apple HomePod ลำโพงอัจฉริยะจากค่ายผลไม้ ไม่อวยแน่นอน
การ Setup
ง่ายมากๆ เอา iPhone ไปจ่อกับตัวลำโพงแล้วก็กด next ไม่กี่ครั้งก็เสร็จแล้ว
ว่าด้วยเรื่องเสียง
เสียงต่ำ: จุดเด่นของตัวนี้เลย เบสแน่นมาก มาเป็นลูกๆ และคุณภาพเบสดีพอสมควรเทียบกับขนาด หากใครชอบฟังเบสแนะนำเลย
เสียงกลาง: เสียงดีครับ แต่ไม่เด่นเท่าเสียงต่ำ หากฟังเพลงที่มีเบสเยอะๆบางครั้งเสียงเบาจะกลบ แต่หากฟังดนตรีที่เน้นเสียงร้องพวก Adele, Norah Jones หรืออะไรแนวๆนี้ เสียงกลางผมถือว่าใช้ได้
เสียงสูง: อันนี้เฉยๆนะ เสียงมันแหลมแต่มันไม่ได้ใสปิ๊งเหมือนกับพวกเครื่องเสียงรุ่นใหญ่ๆ หากใครชอบฟังเสียงร้องใสๆ หรือเสียงเครื่องดนตรีกุ๊งกิ๊งๆชัดๆอาจจะผิดหวัง
สรุปเรื่องเสียง
เสียงดีครับ ครอบคลุมกับเพลงส่วนใหญ่ หากวัดกันด้วยเสียงอย่างเดียว คู่แข่งที่ให้แนวเสียงคล้ายๆกันคือพวกลำโพงยี่ห้อ Sonos ซึ่งให้เสียงในลักษณะใกล้เคียงกัน ผมลองฟังดูเทียบกับ Sonos รุ่นเล็ก (PLAY:1) สรุปคือ Apple HomePod เสียงดีกว่าครับ แยกมิติได้ดีกว่า และเสียงไม่เพี๊ยนเวลาเร่งวอลลุ่มเยอะๆ แต่ในทางกลับกัน Sonos มันก็ถูกกว่า อันนี้วัดกันแบบลำโพงเดี่ยวๆเลยนะ แต่หากเอา Sonos 2 ตัวมาแพร์กับเป็นแบบ Stereo ผมให้ Sonos ชนะเลิศครับ ด้วยเสียงที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด และราคารวมสองตัวก็ถูกกว่าซะด้วย
ว่าด้วยเรื่อง Siri
เท่าที่เห็นมา หากนับกันด้วยเรื่องของความ ‘ฉลาด’ อย่างเดียว ผมว่ายังไม่ค่อยฉลาดครับ ตอบได้แต่คำถามพื้นฐาน ตั้งเวลาก็ตั้งเวลาได้แค่ทีละครั้ง และการวิเคราะห์คำถามยังไม่ดีเท่าที่ควร (คือการถามมันถามได้หลายแบบ ซึ่งคำตอบมันก็คืออันเดียวกันนั่นแหล่ะ แต่เจ้า Siri มันยังไม่สามารถเข้าใจคำถามได้ทุกคำถาม)
สรุปเรื่อง Siri
ณ ตอนนี้มันยังไม่ฉลาด แต่หากไม่ค่อยได้ใช้ฟีเจอร์นี้เท่าไหร่ก็ถือว่าพอรับได้ ซึ่งผมเชื่อว่า Apple น่าจะปรับปรุง Siri ครั้งใหญ่แน่นอน ไม่งั้นสู้คู่แข่งอย่าง Amazon กับ Google ไม่ได้
ว่าด้วยเรื่อง Home Automation
ผมได้ทดสอบกับระบบ Smart Home ซึ่งอุปกรณ์ที่รองรับกับ Apple HomeKit ในบ้านผมก็มีสองอย่าง Philips Hue กับปลั๊กไฟ iHome เท่าที่ใช้ดูการตอบสนองเร็วกว่าคู่แข่งอย่าง Amazon Alexa กับ Google Home อย่างชัดเจน เช่น สั่งปิดไฟ เปิดไฟ หรี่ไฟ เปลี่ยนสีไฟ หรืออะไรหลายๆอย่างเนี่ยะ มันเร็วแทบจะทันที (ซึ่ง Amazon Alexa กับ Google Home ใช้เวลาตอบสนองช้ากว่าประมาณ 1-2 วิ) อันนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นของเจ้า HomePod เลย แต่ๆๆๆ .... หากวัดกันด้วยเรื่องการรองรับอุปกรณ์อื่นๆ ผมให้ Amazon Alexa เด่นกว่า HomePod อย่างชัดเจน อย่างกรณีผม HomePod รองรับแค่อุปกรณ์ 2 อย่างที่ได้กล่าวไป แต่เจ้า Alexa รองรับหมด ไม่ว่าจะเป็น Roomba, Logitech Harmony, และอีกหลายๆอย่าง คือถ้าเป็น Smart Devices เจ้าตัว Alexa รองรับหมด
ข้อดีอีกข้อหากว่ากันด้วยเรื่อง Home Automation คือเจ้า HomePod มันสามารถ detect เสียงเราได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น คือเราอยู่ไกลแค่ไหน ต่อให้เปิดเพลงอยู่ดังแค่ไหน มันยังได้ยินครับ เวลาสั่งงานไม่ต้องตะโกน ซึ่งค่อนข้างทำได้ดีกว่า Amazon Alexa หรือ Google home
สรุปเรื่อง Home Automation
ตอบสนองเร็ว สามารถดักเสียงเราได้ดีเลยทีเดียว แต่ถ้ามองโดยรวมผมว่ายังสู้คู่แข่งอย่าง Amazon Alexa กับ Google Home ไม่ได้ในแง่ของจำนวนอุปกรณ์ที่รองรับ
เหมาะกับใคร
1. สาวก Apple ที่ใช้ Apple Music และ iPhone อยู่ หากคุณมีอุปกรณ์ Apple อื่นๆคุณจะใช้งานมันได้อย่างเต็มที่
2. คนที่อยากได้ลำโพงคุณภาพดี เน้นฟังสนุก และชอบเบส
3. คนชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ดีไซน์สวยดีในความคิดผม วัสดุดี
4. คนที่มีอุปกรณ์ smart devices ต่างๆที่รองรับกับ Apple HomeKit
5. คนที่เน้นความเสถียร (จริงอยู่ที่คู่แข่งอย่าง Sonos สามารถตรีมเพลงผ่านพวก Spotify หรือค่ายอื่นๆได้ แต่บางครั้งที่ผมเจอคือเพลงมันติดๆดับๆครับ แต่ของ HomePod นี่ไม่มีเลย เล่นได้ลื่นมาก)
ไม่เหมาะกับใคร
1. คนที่ฟังเพลงจาก Spotify หรือเจ้าอื่นๆที่ไม่ใช่ Apple Music เพราะคุณจะไม่สามารถสตรีมเพลงผ่าน HomePod ได้เลย (หากซื้อมาก็เป็นที่ทับกระดาษ นอกซะจากว่าจะสมัคร Apple Music)
2. คนที่ใช้ Android (คุณจะไม่สามารถ Setup ได้หากคุณไม่มีอุปกรณ์ Apple เลย)
3. คนที่เป็น Audiophile ตัวยง คือคุณจะรู้สึกว่าเสียงมันไม่ได้ดีอะไรมากมาย เพราะคุณเคยฟังลำโพงใหญ่ๆหลายๆตัวที่เสียงดีกว่านี้เยอะ
4. คนที่ไม่อยากยึดติดกับ Apple Ecosystem ไปตลอด
สรุปว่าคุ้มไหม
อันนี้ตอบยากเพราะมันแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน แต่ คหสต หากคุณมี Sonos อยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อ HomePod หรอกครับ นอกจากซะว่าคุณต้องการที่จะเพิ่มลำโพงให้กับห้องใหม่ หรือต่อให้คุณใช้ Spotify อยู่แล้วต้องการที่จะมาสมัคร Apple Music เพื่อที่จะเอามาใช้กับ HomePod ผมก็ไม่แนะนำนะ คหสต ผมยังให้ Spotify ดีกว่า Apple Music สรุปคือหากคุณไม่ใช่ ‘สาวก’ เอาตรงๆผมไม่แนะนำให้ซื้อครับ หากอยากได้ลำโพงคุณภาพโอเค ไปเล่น Sonos ดีกว่า รุ่นเล็กนะ ถูกกว่า และเสียงไม่ได้แย่ไปกว่า HomePod เท่าไหร่ หากมีอุปกรณ์ Smart Devices ถ้าเอาเซฟๆก็ Sonos + Amazon Echo หรือรุ่นอะไรก็ไปเลือกเอา หรือไปเลือกลำโพงธรรมดาทั่วไปในราคาเท่ากัน คุณจะได้เสียงที่ดีกว่านี้แน่นอน
แต่ถ้าหากคุณเป็นสาวก ซื้อเหอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ... เสียงดีถูกใจ และเสถียรมาก