เผื่อบางคน หรือคนที่เพิ่งจะมาตามวง ยังไม่ได้อ่านกันค่ะ^^ บทสัมภาษณ์นี้ ลงไว้เมื่อเดือนมกราคมที่แล้วนะคะ
ทศลองสัมภาษณ์ 07 : มายด์ BNK48
6 กันยายน 2001 / ครอบครัวศรีละเลิงกำลังมีความสุขสุดหัวใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มแรกของสมาชิกใหม่ตัวน้อย เธอมีชื่อจริงว่า “ปณิศา” หรือเรียกให้ใกล้ชิดขึ้นว่า “มายด์” เจ้าของรอยยิ้มที่เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
8 ธันวาคม 2005 / ข้ามไปที่ประเทศญี่ปุ่น เด็กสาวทั้ง 20 กำลังตื่นเต้นที่จะทำการแสดงครั้งแรกในชื่อของ AKB48 แม้จะรู้ทีหลังว่ามีผู้ชมเพียง 7 คน แต่พวกเธอก็ได้รับกำลังใจจากกิจกรรมที่เรียกว่า “งานจับมือ” ที่ให้แฟนคลับได้พบปะกับสมาชิกที่ตัวเองชื่นชอบ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ไอดอลที่คุณสามารถพบเจอได้” ที่ Yasushi Akimoto ผู้ก่อตั้งตั้งใจไว้
8 กรกฎาคม 2009 / เกือบสี่ปีหลังจากนั้น AKB48 มีสมาชิกเพิ่มขึ้นจนต้องเกิดการคัดเลือกสมาชิกกลุ่มหลักที่เรียกว่า “เซ็นบัตสึ” มาทำหน้าที่แสดงโชว์ต่างๆ ตามงานแทนที่จะกันไปทุกคน และจัดการมอบตำแหน่ง “เซนเตอร์” ให้กับคนที่เหมาะสมจะผลักดันให้เพลงและภาพลักษณ์ของวงดูโดดเด่นยิ่งขึ้น และ “มาเอดะ อัตสึโกะ” คือคนนั้น หรือพูดให้ยิ่งใหญ่ว่าเธอได้กลายเป็นเซนเตอร์คนแรกของ AKB48 นั่นเอง
2 มิถุนายน 2016 / AKB48 ได้เติบโตขึ้นเป็นพี่สาวคนโตที่มีวงน้องสาวอยู่ตามเมืองและประเทศต่างๆ มากมาย ก็ถึงคราวที่ประเทศไทยเราจะมีวงไอดอลเป็นของตัวเองบ้างในชื่อ BNK48 ที่มีน้องมายด์เป็นหนึ่งในสมาชิกที่กำลังเตรียมจะขึ้นแสดงเปิดตัวเป็นครั้งแรก
23 มกราคม 2018 / เพจทศลองขอภูมิใจเสนอบทสัมภาษณ์ของมายด์ – ปณิศา ศรีละเลิง สมาชิก BNK48 เธอจะมาเล่าถึงช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตให้คุณได้ฟัง ผมค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ยิ้มยากหรือต้องเก๊กหน้าตลอดเวลา คำตอบของเธอน่าจะทำให้คุณมีรอยยิ้มได้ไม่ยาก
เด็กหญิงมายด์ในวัยเด็กเป็นคนแบบไหน
หนูเป็นเด็กที่ซนมาก คือที่บ้านจะเลี้ยงปลาหางนกยูงไว้ หนูก็จะชอบจับเอามาแยกแต่ละตัวใส่แก้ว และถูกคุณย่าดุเป็นประจำเพราะกลัวหนูทำมันตาย แต่พอย่าเผลอหนูก็จะทำอีก (ยิ้มหวาน)
หรืออย่างช่วงที่เพลง “เด็กดอยใจดี” กำลังฮิตๆ หนูก็เอาลิปสติกของคุณแม่มาทาที่แก้มให้แดงเหมือนกับเนื้อเพลงด้วย (เพลงฮิตจากอัลบั้ม “น้องมายต์ ป่วนเมือง”)
และต้องทำยังไงถึงจะจัดการเราได้
โดนตีค่ะ คือทุกครั้งที่หนูซนคุณพ่อก็จะบอกว่า “ถ้าทำอีกครั้ง พ่อตีแล้วนะ” แต่หนูก็ทำอีกจนได้…
ฟังดูเป็นชีวิตที่ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเยอะมาก แล้วกับการที่ต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวแบบนี้ ชีวิตเราเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
เปลี่ยนไปมากค่ะ เพราะปกติหนูจะอยู่แต่ที่โคราชเป็นหลักมาตลอด มีบ้างที่ต้องไปอยู่ที่อื่นแต่จะไม่ได้อยู่ยาวนานแบบตอนนี้ การมาอยู่ที่กรุงเทพฯ หนูต้องอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไปไหนก็ไม่คุ้น นิสัยคนกรุงเทพฯ ก็ไม่เหมือนกับที่บ้านหนูเลย จะกลับบ้านที่โคราชทีนึงก็ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง และข้าวของที่นี่ก็แพงมาก คือหนูต้องปรับตัวเยอะมากเลย
แล้วทำไมเด็กน้อยจากโคราชถึงตัดสินใจมาสมัครเป็น BNK48
คือที่บ้านจะอยู่กันเป็นแบบครอบครัวใหญ่ ก็จะเห็นว่าญาติส่วนใหญ่เขาทำอาชีพอะไรกัน คือถ้าไม่เป็นวิศวกรก็จะเป็นช่างเทคนิคไปเลย ซึ่งหนูก็ไม่ได้อยากเป็นช่าง แต่พอมาดูความชอบของตัวเองก็มีแต่ฟังเพลงกับร้องเพลงแค่นั้น พอเห็นว่าเขามีประกาศรับสมัครวงไอดอลชื่อ BNK48 หนูก็เลยตัดสินใจสมัครทันทีเพราะคิดว่านี่เป็นโอกาสของเราแล้วแน่นอน
อยากรู้ว่าตอนสมัครนี่คิดไว้ก่อนไหมว่าจะผ่านการคัดเลือก
คิดค่ะ (ยิ้มหวาน) เดี๋ยว! คือหนูไม่ได้เป็นคนหลงตัวเองนะ แต่แค่มองว่าตัวเองเป็นคนมีความมุ่งมั่น ถ้ากรรมการเขาได้เห็นในจุดนี้ก็น่าจะถูกใจหนูบ้างแหละ
แล้วพอหลังจากได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก BNK48 มายด์รู้สึกอย่างไรบ้าง
ดีใจมาก! ไม่ใช่แค่เพราะว่าเรากำลังจะได้มีนามสกุลว่า BNK48 นะคะ แต่มันดีใจที่จะมีพี่น้องอีก 27 คนที่เหลือด้วย เพราะสมาชิกในวงจะมีวัยที่แตกต่างกัน ทำให้เราจะเจอกับพี่ที่มีบุคลิกเหมือนคุณแม่ หรือเพื่อนที่เป็นเหมือนพี่น้อง และทุกคนก็คอยให้คำปรึกษาช่วยเหลือกันได้ตลอดเวลา
อยากให้ลองเล่าบรรยากาศของการที่ผู้หญิงทั้ง 28 คนมาอยู่รวมกันให้ฟังหน่อยว่าเป็นยังไง
เสียงดังค่ะ! (หัวเราะ) หนูว่าคงเพราะผู้หญิงเราเป็นเพศที่หาเรื่องมาคุยกันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว และยังสนิทกันมากเพราะอยู่ด้วยกันมานาน มันเลยทำให้มีเรื่องคุยได้ไม่จบไม่สิ้น ถ้าเงียบก็คือเหนื่อยไม่ก็ง่วงกันแล้วค่ะ
แล้วอย่างในพวกกรุ๊ปแชตก็เฮฮาแบบนี้กันหรือเปล่า
ถ้าในกรุ๊ปแชตจะมีพี่ปัญกับพี่เจนนิษฐ์สองคนที่เห็นบ่อยๆ ส่วนคนที่น่าจะเห็นน้อยที่สุดก็คงเป็นหนูนี่แหละ คือหนูเป็นสายชอบอ่านมากกว่า (ปัญ – ปัญสิกรณ์ ติยะกร และ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ สองสมาชิก BNK48)
ถึงจะสนิทกันมากแค่ไหนแต่ก็ต้องแข่งกันเองภายในวงไปด้วย มายด์คิดยังไงกับเรื่องนี้
หนูคิดว่ามันทำให้เรารักกันมากขึ้นกว่าเดิมนะ คงเพราะพวกเราทุกคนสนิทกันมาก พอใครได้เป็นสมาชิกเซ็นบัตสึหรือได้รับโอกาสอะไรสักอย่างหนูก็จะรู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย ถ้าจะเสียใจคงเป็นที่ตัวเองมากกว่า เสียใจว่าทำไมเรายังทำได้ไม่ดีเลย จากนั้นก็จะกลับมาฮึดสู้พัฒนาตัวเองต่อให้เก่งขึ้นกว่าเดิม อย่างช่วงนี้หนูก็จะไปว่ายน้ำ ฝึกเพื่อขยายปอด ซ้อมเต้นท่าที่ครูสอนเยอะๆ ออกกำลังกายเพื่อให้มีรูปร่างที่ดี เรียกว่าฟิตขึ้นเยอะค่ะ!
ซิงเกิลที่ 2 คุกกี้เสี่ยงทาย (Koisuru Fortune Cookie) มายด์ได้รับโอกาสเป็นเซนเตอร์คู่กับจ๋าในเพลง “พลิ้ว – Skirt, Hirari” ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง (จ๋า-ณปภัช วรพฤทธานนท์ สมาชิก BNK48)
สารภาพว่าตอนแรกหนูไม่ชอบเพลงนี้เลย คือเวลาซ้อมเต้นครูเขาก็จะให้เราลองเต้นหลายๆ เพลงของ AKB48 และเพลงนี้เป็นเพลงที่หนูทำได้ไม่ดีที่สุด พอมีประกาศว่าหนูกับจ๋าได้เป็นเซนเตอร์คู่กัน ใจนึงก็ดีใจมากแต่อีกใจนึงก็กลัวว่าตัวเองจะทำออกมาได้ไม่ดี
และตอนแรกคือหนูจะต้องได้ร้องเพลงในท่อนของจ๋า แต่เป็นหนูเองที่ขึ้นเสียงสูงไม่ได้ ครูเอ๊ะก็เลยเปลี่ยนให้มาร้องท่อนปัจจุบันตอนนี้แทน ซึ่งตอนที่รู้ว่าต้องเปลี่ยนหนูเสียใจมากเลยค่ะ เพราะเราตั้งใจจะทำให้มันดีสมกับที่ได้รับตำแหน่งเซนเตอร์มาแล้ว แต่พอลองเข้าห้องอัดเสียงก็รู้สึกว่าท่อนนี้มันก็เข้ากับเรากว่าจริงๆ ก็เริ่มที่จะมีความมั่นใจมากขึ้น
ในเพลง “พลิ้ว – Skirt, Hirari” จะมีท่าเต้นที่ต้องสะบัดกระโปรงด้วย ถามจริงว่ามีเขินมั่งไหม
เขินมากเลยค่ะ (เสียงอายๆ) คือตอนแรกหนูกังวลด้วยว่าคนในสังคมเขาจะโอเคกับท่าเต้นของเราหรือเปล่านะ ถ้าเขามองว่ามันดูไม่โอเคจนเกิดดราม่าขึ้นมา หนูคงเศร้ามากเพราะเป็นเพลงแรกของเรากับเพื่อนๆ ด้วย
เล่าความรู้สึกในการแสดงโชว์ครั้งแรกของตัวเองให้ฟังหน่อยสิ
ขอเล่าก่อนว่าตอนที่พวกเราทั้ง 7 คนรู้ว่ากำลังจะได้มีเพลงเป็นของตัวเราเอง ไฟฮึดก็มาเลยค่ะ พอได้เพลงมาก็ซ้อมทุกวัน กลับไปบ้านก็ซ้อมต่อ ทุกคนตั้งใจกันมากๆ
จนถึงวันที่ต้องขึ้นแสดงในงาน BNK48 Mini Live and Handshake ที่เจเจมอลล์ พวกหนูก็แอบกลัวว่าจะมีคนมาดูเพลงนี้กันไหม แต่พอถึงตอนที่ขึ้นแสดงปรากฎว่าคนมากันเต็มฮอลล์เลย ตอนที่แสดงอยู่คือรู้สึกถึงกำลังใจที่ทุกคนส่งมาให้เลยจริงๆ (สมาชิกยูนิตพลิ้ว ได้แก่ มายด์, จ๋า, เจน, เคท, นิ้ง, จิ๊บ และน้ำใส)
และกับงานจับมือล่ะ มายด์ตื่นเต้นหรือเปล่าที่มีคนมากมายมารอมาจับมือเรา
ตื่นเต้นค่ะ แต่เป็นความตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าตาของแฟนคลับเราว่าเขาเป็นคนยังไงกันบ้าง ตื่นเต้นว่าเขาจะมาคุยอะไรกับเรา ตื่นเต้นว่าจะมีคนมากันเยอะแค่ไหน หนูชอบงานจับมือตรงที่คนที่มาหาเราคือคนที่เขาหวังดีและอยากมาให้กำลังใจเรา หนูว่าถ้าไม่ได้มาแบบต้องการจะใกล้ชิดเกินจนไม่โอเค หนูก็อยากที่จะเจอกับทุกคนอีกบ่อยๆ ค่ะ
แฟนคลับของมายด์ส่วนใหญ่เป็นคนแบบไหน
ถ้าคิดว่าเป็นคนเลยก็จะเป็นผู้ชายรูปร่างค่อนข้างอวบและสูงกว่าหนูนิดหน่อย เป็นคนมุขเยอะและคอยให้กำลังใจเราอยู่ตลอด ซึ่งบางทีก็ให้จนหนูรู้สึกว่าถ้ามีเรื่องเศร้าอะไรบอกหนูบ้างก็ได้ เพราะหนูก็อยากให้กำลังใจทุกคนกลับคืนบ้างเหมือนกันค่ะ (ยิ้ม)
พอเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นอยากรู้ว่าตอนนี้ใน Social Media ของมายด์เริ่มมีคอมเมนต์มาฝากร้านบ้างหรือยัง
มีแล้วค่ะ! คือปกติหนูจะอ่านคอมเมนต์ทุกอันของแฟนคลับอยู่แล้ว แต่ล่าสุดเพิ่งเจอว่ามีร้านขายเสื้อบาสเกตบอลมาฝากร้านซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับหนูตรงไหน หนูว่าคุณต้องทำความเข้าใจใหม่นะคะ หนูไม่ใช่เน็ตไอดอลนะ หนูเป็นไอดอลต่างหาก (เสียงภูมิใจ)
คุยเรื่องการเป็นไอดอลให้กับคนอื่นมาบ้างแล้ว อยากรู้ว่ามายด์มีไอดอลเป็นของตัวเองไหม
มีคนพูดให้ฟังบ่อยๆ ว่าหน้าตาหนูเหมือนรุ่นพี่มาเอดะ อัตสึโกะ ซึ่งทุกครั้งที่หนูได้ยินก็จะรู้สึกดีใจแต่ก็รู้สึกเกร็งเหมือนกัน เพราะรุ่นพี่เขาเป็นคนที่น่าทึ่งมากๆ แต่หนูยังทำอะไรได้ไม่เท่าไหร่เลย แต่ถ้าจะมองใครเป็นไอดอล หนูก็คงรู้สึกว่าตัวเองอยากจะประสบความสำเร็จด้วยตัวเองให้ได้อย่างรุ่นพี่เขาบ้างค่ะ
ถ้าเกิดมีโอกาสได้จับมือกับมาเอดะ อัตสึโกะจริงๆ มายด์อยากจะพูดอะไรใน 8 วินาที
หนูอยากขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับหนูและคนอีกมากมาย หนูจะทำหน้าที่สมาชิก 48 Groups ให้เต็มที่ค่ะ (หมดเวลาครับ! / หมดแล้วเหรอ? มันเร็วเหมือนกันเนอะ 8 วินาทีเนี่ย)
ในความเป็นจริง สำหรับมายด์การเป็น BNK48 มีข้อเสียอะไรบ้าง
ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ นี่แหละค่ะ เพราะมันทำให้หนูต้องห่างกับครอบครัวและเพื่อนที่สนิท คือพอมาอยู่คนเดียวก็ต้องทำอะไรเองไม่มีใครมาทำให้เหมือนแต่ก่อน เสื้อผ้าก็ต้องซักเอง อาหารแต่ละมื้อก็ต้องหากินเอง และอย่างที่บอกว่าของที่นี่แพงมากทำให้บางเดือนแทบจะไม่เหลือเงินเลย
แล้วเคยท้อหรือคิดจะเลิกเป็น มายด์ BNK48 บ้างหรือเปล่า
หนูไม่เคยคิดอยากออกจากวงสักครั้งเลย ถ้าเจอช่วงที่หนักก็จะแค่ขอพักหน่อย พอดีขึ้นก็จะกลับมาสู้ใหม่ อย่างมีครั้งนึงในคลาสเรียนเต้นคือหนูก็ไม่ใช่คนที่เต้นเก่งอยู่แล้ว และพอต้องต่อท่าที่มันยากๆ หนูก็เริ่มเครียด แล้วพี่รินะเขาสังเกตเห็นอาการก็เลยเดินมาปลอบว่า “ไม่เป็นไรนะ สู้ๆ” เท่านั้นแหละหนูก็ร้องไห้เลย (อิซึตะ รินะ สมาชิก BNK48)
คือหนูว่าอีกอย่างนอกจากกำลังใจจากแฟนคลับที่ทำให้ทุกคนในวงยังสู้ต่อได้ก็คือความผูกพันที่พวกเราสมาชิก BNK48 มีให้กันนี่แหละ ก็สู้ด้วยกันมาตั้งเยอะอะเนอะ เราก็ไม่อยากเลิกกันไปง่ายๆ อยู่แล้ว
ถ้าให้ลองคิดถึงรุ่นถัดไปของ BNK48 มายด์คิดว่าจะมีหน้าตายังไง
ไม่รู้สิคะ แต่ถ้าเลือกได้ก็อยากให้เคมีเหมือนอย่างที่พวกเรารุ่นที่ 1 เป็นกันอยู่ตอนนี้ และมาช่วยกันทำให้ BNK48 กลายเป็นวงไอดอลที่คนทั้งประเทศยอมรับ (และถ้าจะมีวงน้องชาย BNK48 มายด์คิดว่าจะเป็นยังไง / ต้องเป็นผู้ชายที่มีความแข็งแรงเป็นสุภาพบุรุษและมุ้งมิ้ง …แต่หนูว่าคงไม่มีหรอกมั้งคะ)
ถ้าเขาเปิดวงไอดอลสาขาที่จังหวัดนครราชสีมาล่ะ มายด์อยากให้มีวง NKR48 บ้างไหม
อยากค่ะ! และต้องเปิดตัวด้วยเพลงชาติ “โคราช48” คือหนูว่าโคราชเป็นเมืองใหญ่และมีสถานที่และสิ่งสำคัญประจำจังหวัดเยอะมาก อยากให้มีปราสาทหินพิมายและอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ใส่เข้าไปอยู่ในเนื้อเพลงด้วย หนูว่าแบบนี้ต้องสนุกแน่ๆ เลย (หัวเราะ)
ยังไม่หมดนะคะ เหลืออีกนิดหน่อย ตามไปอ่านเต็มๆได้ที่
[BNK48] ชวนมาอ่านบทสัมภาษณ์''มายด์ BNK48'' กับ ทศลองสัมภาษณ์ 07 : มายด์ BNK48
6 กันยายน 2001 / ครอบครัวศรีละเลิงกำลังมีความสุขสุดหัวใจเมื่อได้เห็นรอยยิ้มแรกของสมาชิกใหม่ตัวน้อย เธอมีชื่อจริงว่า “ปณิศา” หรือเรียกให้ใกล้ชิดขึ้นว่า “มายด์” เจ้าของรอยยิ้มที่เห็นแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
8 ธันวาคม 2005 / ข้ามไปที่ประเทศญี่ปุ่น เด็กสาวทั้ง 20 กำลังตื่นเต้นที่จะทำการแสดงครั้งแรกในชื่อของ AKB48 แม้จะรู้ทีหลังว่ามีผู้ชมเพียง 7 คน แต่พวกเธอก็ได้รับกำลังใจจากกิจกรรมที่เรียกว่า “งานจับมือ” ที่ให้แฟนคลับได้พบปะกับสมาชิกที่ตัวเองชื่นชอบ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ไอดอลที่คุณสามารถพบเจอได้” ที่ Yasushi Akimoto ผู้ก่อตั้งตั้งใจไว้
8 กรกฎาคม 2009 / เกือบสี่ปีหลังจากนั้น AKB48 มีสมาชิกเพิ่มขึ้นจนต้องเกิดการคัดเลือกสมาชิกกลุ่มหลักที่เรียกว่า “เซ็นบัตสึ” มาทำหน้าที่แสดงโชว์ต่างๆ ตามงานแทนที่จะกันไปทุกคน และจัดการมอบตำแหน่ง “เซนเตอร์” ให้กับคนที่เหมาะสมจะผลักดันให้เพลงและภาพลักษณ์ของวงดูโดดเด่นยิ่งขึ้น และ “มาเอดะ อัตสึโกะ” คือคนนั้น หรือพูดให้ยิ่งใหญ่ว่าเธอได้กลายเป็นเซนเตอร์คนแรกของ AKB48 นั่นเอง
2 มิถุนายน 2016 / AKB48 ได้เติบโตขึ้นเป็นพี่สาวคนโตที่มีวงน้องสาวอยู่ตามเมืองและประเทศต่างๆ มากมาย ก็ถึงคราวที่ประเทศไทยเราจะมีวงไอดอลเป็นของตัวเองบ้างในชื่อ BNK48 ที่มีน้องมายด์เป็นหนึ่งในสมาชิกที่กำลังเตรียมจะขึ้นแสดงเปิดตัวเป็นครั้งแรก
23 มกราคม 2018 / เพจทศลองขอภูมิใจเสนอบทสัมภาษณ์ของมายด์ – ปณิศา ศรีละเลิง สมาชิก BNK48 เธอจะมาเล่าถึงช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตให้คุณได้ฟัง ผมค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่ยิ้มยากหรือต้องเก๊กหน้าตลอดเวลา คำตอบของเธอน่าจะทำให้คุณมีรอยยิ้มได้ไม่ยาก
เด็กหญิงมายด์ในวัยเด็กเป็นคนแบบไหน
หนูเป็นเด็กที่ซนมาก คือที่บ้านจะเลี้ยงปลาหางนกยูงไว้ หนูก็จะชอบจับเอามาแยกแต่ละตัวใส่แก้ว และถูกคุณย่าดุเป็นประจำเพราะกลัวหนูทำมันตาย แต่พอย่าเผลอหนูก็จะทำอีก (ยิ้มหวาน)
หรืออย่างช่วงที่เพลง “เด็กดอยใจดี” กำลังฮิตๆ หนูก็เอาลิปสติกของคุณแม่มาทาที่แก้มให้แดงเหมือนกับเนื้อเพลงด้วย (เพลงฮิตจากอัลบั้ม “น้องมายต์ ป่วนเมือง”)
และต้องทำยังไงถึงจะจัดการเราได้
โดนตีค่ะ คือทุกครั้งที่หนูซนคุณพ่อก็จะบอกว่า “ถ้าทำอีกครั้ง พ่อตีแล้วนะ” แต่หนูก็ทำอีกจนได้…
ฟังดูเป็นชีวิตที่ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวเยอะมาก แล้วกับการที่ต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวแบบนี้ ชีวิตเราเปลี่ยนไปยังไงบ้าง
เปลี่ยนไปมากค่ะ เพราะปกติหนูจะอยู่แต่ที่โคราชเป็นหลักมาตลอด มีบ้างที่ต้องไปอยู่ที่อื่นแต่จะไม่ได้อยู่ยาวนานแบบตอนนี้ การมาอยู่ที่กรุงเทพฯ หนูต้องอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไปไหนก็ไม่คุ้น นิสัยคนกรุงเทพฯ ก็ไม่เหมือนกับที่บ้านหนูเลย จะกลับบ้านที่โคราชทีนึงก็ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง และข้าวของที่นี่ก็แพงมาก คือหนูต้องปรับตัวเยอะมากเลย
แล้วทำไมเด็กน้อยจากโคราชถึงตัดสินใจมาสมัครเป็น BNK48
คือที่บ้านจะอยู่กันเป็นแบบครอบครัวใหญ่ ก็จะเห็นว่าญาติส่วนใหญ่เขาทำอาชีพอะไรกัน คือถ้าไม่เป็นวิศวกรก็จะเป็นช่างเทคนิคไปเลย ซึ่งหนูก็ไม่ได้อยากเป็นช่าง แต่พอมาดูความชอบของตัวเองก็มีแต่ฟังเพลงกับร้องเพลงแค่นั้น พอเห็นว่าเขามีประกาศรับสมัครวงไอดอลชื่อ BNK48 หนูก็เลยตัดสินใจสมัครทันทีเพราะคิดว่านี่เป็นโอกาสของเราแล้วแน่นอน
อยากรู้ว่าตอนสมัครนี่คิดไว้ก่อนไหมว่าจะผ่านการคัดเลือก
คิดค่ะ (ยิ้มหวาน) เดี๋ยว! คือหนูไม่ได้เป็นคนหลงตัวเองนะ แต่แค่มองว่าตัวเองเป็นคนมีความมุ่งมั่น ถ้ากรรมการเขาได้เห็นในจุดนี้ก็น่าจะถูกใจหนูบ้างแหละ
แล้วพอหลังจากได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิก BNK48 มายด์รู้สึกอย่างไรบ้าง
ดีใจมาก! ไม่ใช่แค่เพราะว่าเรากำลังจะได้มีนามสกุลว่า BNK48 นะคะ แต่มันดีใจที่จะมีพี่น้องอีก 27 คนที่เหลือด้วย เพราะสมาชิกในวงจะมีวัยที่แตกต่างกัน ทำให้เราจะเจอกับพี่ที่มีบุคลิกเหมือนคุณแม่ หรือเพื่อนที่เป็นเหมือนพี่น้อง และทุกคนก็คอยให้คำปรึกษาช่วยเหลือกันได้ตลอดเวลา
อยากให้ลองเล่าบรรยากาศของการที่ผู้หญิงทั้ง 28 คนมาอยู่รวมกันให้ฟังหน่อยว่าเป็นยังไง
เสียงดังค่ะ! (หัวเราะ) หนูว่าคงเพราะผู้หญิงเราเป็นเพศที่หาเรื่องมาคุยกันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว และยังสนิทกันมากเพราะอยู่ด้วยกันมานาน มันเลยทำให้มีเรื่องคุยได้ไม่จบไม่สิ้น ถ้าเงียบก็คือเหนื่อยไม่ก็ง่วงกันแล้วค่ะ
แล้วอย่างในพวกกรุ๊ปแชตก็เฮฮาแบบนี้กันหรือเปล่า
ถ้าในกรุ๊ปแชตจะมีพี่ปัญกับพี่เจนนิษฐ์สองคนที่เห็นบ่อยๆ ส่วนคนที่น่าจะเห็นน้อยที่สุดก็คงเป็นหนูนี่แหละ คือหนูเป็นสายชอบอ่านมากกว่า (ปัญ – ปัญสิกรณ์ ติยะกร และ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ สองสมาชิก BNK48)
ถึงจะสนิทกันมากแค่ไหนแต่ก็ต้องแข่งกันเองภายในวงไปด้วย มายด์คิดยังไงกับเรื่องนี้
หนูคิดว่ามันทำให้เรารักกันมากขึ้นกว่าเดิมนะ คงเพราะพวกเราทุกคนสนิทกันมาก พอใครได้เป็นสมาชิกเซ็นบัตสึหรือได้รับโอกาสอะไรสักอย่างหนูก็จะรู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย ถ้าจะเสียใจคงเป็นที่ตัวเองมากกว่า เสียใจว่าทำไมเรายังทำได้ไม่ดีเลย จากนั้นก็จะกลับมาฮึดสู้พัฒนาตัวเองต่อให้เก่งขึ้นกว่าเดิม อย่างช่วงนี้หนูก็จะไปว่ายน้ำ ฝึกเพื่อขยายปอด ซ้อมเต้นท่าที่ครูสอนเยอะๆ ออกกำลังกายเพื่อให้มีรูปร่างที่ดี เรียกว่าฟิตขึ้นเยอะค่ะ!
ซิงเกิลที่ 2 คุกกี้เสี่ยงทาย (Koisuru Fortune Cookie) มายด์ได้รับโอกาสเป็นเซนเตอร์คู่กับจ๋าในเพลง “พลิ้ว – Skirt, Hirari” ตอนนั้นรู้สึกยังไงบ้าง (จ๋า-ณปภัช วรพฤทธานนท์ สมาชิก BNK48)
สารภาพว่าตอนแรกหนูไม่ชอบเพลงนี้เลย คือเวลาซ้อมเต้นครูเขาก็จะให้เราลองเต้นหลายๆ เพลงของ AKB48 และเพลงนี้เป็นเพลงที่หนูทำได้ไม่ดีที่สุด พอมีประกาศว่าหนูกับจ๋าได้เป็นเซนเตอร์คู่กัน ใจนึงก็ดีใจมากแต่อีกใจนึงก็กลัวว่าตัวเองจะทำออกมาได้ไม่ดี
และตอนแรกคือหนูจะต้องได้ร้องเพลงในท่อนของจ๋า แต่เป็นหนูเองที่ขึ้นเสียงสูงไม่ได้ ครูเอ๊ะก็เลยเปลี่ยนให้มาร้องท่อนปัจจุบันตอนนี้แทน ซึ่งตอนที่รู้ว่าต้องเปลี่ยนหนูเสียใจมากเลยค่ะ เพราะเราตั้งใจจะทำให้มันดีสมกับที่ได้รับตำแหน่งเซนเตอร์มาแล้ว แต่พอลองเข้าห้องอัดเสียงก็รู้สึกว่าท่อนนี้มันก็เข้ากับเรากว่าจริงๆ ก็เริ่มที่จะมีความมั่นใจมากขึ้น
ในเพลง “พลิ้ว – Skirt, Hirari” จะมีท่าเต้นที่ต้องสะบัดกระโปรงด้วย ถามจริงว่ามีเขินมั่งไหม
เขินมากเลยค่ะ (เสียงอายๆ) คือตอนแรกหนูกังวลด้วยว่าคนในสังคมเขาจะโอเคกับท่าเต้นของเราหรือเปล่านะ ถ้าเขามองว่ามันดูไม่โอเคจนเกิดดราม่าขึ้นมา หนูคงเศร้ามากเพราะเป็นเพลงแรกของเรากับเพื่อนๆ ด้วย
เล่าความรู้สึกในการแสดงโชว์ครั้งแรกของตัวเองให้ฟังหน่อยสิ
ขอเล่าก่อนว่าตอนที่พวกเราทั้ง 7 คนรู้ว่ากำลังจะได้มีเพลงเป็นของตัวเราเอง ไฟฮึดก็มาเลยค่ะ พอได้เพลงมาก็ซ้อมทุกวัน กลับไปบ้านก็ซ้อมต่อ ทุกคนตั้งใจกันมากๆ
จนถึงวันที่ต้องขึ้นแสดงในงาน BNK48 Mini Live and Handshake ที่เจเจมอลล์ พวกหนูก็แอบกลัวว่าจะมีคนมาดูเพลงนี้กันไหม แต่พอถึงตอนที่ขึ้นแสดงปรากฎว่าคนมากันเต็มฮอลล์เลย ตอนที่แสดงอยู่คือรู้สึกถึงกำลังใจที่ทุกคนส่งมาให้เลยจริงๆ (สมาชิกยูนิตพลิ้ว ได้แก่ มายด์, จ๋า, เจน, เคท, นิ้ง, จิ๊บ และน้ำใส)
และกับงานจับมือล่ะ มายด์ตื่นเต้นหรือเปล่าที่มีคนมากมายมารอมาจับมือเรา
ตื่นเต้นค่ะ แต่เป็นความตื่นเต้นที่จะได้เห็นหน้าตาของแฟนคลับเราว่าเขาเป็นคนยังไงกันบ้าง ตื่นเต้นว่าเขาจะมาคุยอะไรกับเรา ตื่นเต้นว่าจะมีคนมากันเยอะแค่ไหน หนูชอบงานจับมือตรงที่คนที่มาหาเราคือคนที่เขาหวังดีและอยากมาให้กำลังใจเรา หนูว่าถ้าไม่ได้มาแบบต้องการจะใกล้ชิดเกินจนไม่โอเค หนูก็อยากที่จะเจอกับทุกคนอีกบ่อยๆ ค่ะ
แฟนคลับของมายด์ส่วนใหญ่เป็นคนแบบไหน
ถ้าคิดว่าเป็นคนเลยก็จะเป็นผู้ชายรูปร่างค่อนข้างอวบและสูงกว่าหนูนิดหน่อย เป็นคนมุขเยอะและคอยให้กำลังใจเราอยู่ตลอด ซึ่งบางทีก็ให้จนหนูรู้สึกว่าถ้ามีเรื่องเศร้าอะไรบอกหนูบ้างก็ได้ เพราะหนูก็อยากให้กำลังใจทุกคนกลับคืนบ้างเหมือนกันค่ะ (ยิ้ม)
พอเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นอยากรู้ว่าตอนนี้ใน Social Media ของมายด์เริ่มมีคอมเมนต์มาฝากร้านบ้างหรือยัง
มีแล้วค่ะ! คือปกติหนูจะอ่านคอมเมนต์ทุกอันของแฟนคลับอยู่แล้ว แต่ล่าสุดเพิ่งเจอว่ามีร้านขายเสื้อบาสเกตบอลมาฝากร้านซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะเกี่ยวกับหนูตรงไหน หนูว่าคุณต้องทำความเข้าใจใหม่นะคะ หนูไม่ใช่เน็ตไอดอลนะ หนูเป็นไอดอลต่างหาก (เสียงภูมิใจ)
คุยเรื่องการเป็นไอดอลให้กับคนอื่นมาบ้างแล้ว อยากรู้ว่ามายด์มีไอดอลเป็นของตัวเองไหม
มีคนพูดให้ฟังบ่อยๆ ว่าหน้าตาหนูเหมือนรุ่นพี่มาเอดะ อัตสึโกะ ซึ่งทุกครั้งที่หนูได้ยินก็จะรู้สึกดีใจแต่ก็รู้สึกเกร็งเหมือนกัน เพราะรุ่นพี่เขาเป็นคนที่น่าทึ่งมากๆ แต่หนูยังทำอะไรได้ไม่เท่าไหร่เลย แต่ถ้าจะมองใครเป็นไอดอล หนูก็คงรู้สึกว่าตัวเองอยากจะประสบความสำเร็จด้วยตัวเองให้ได้อย่างรุ่นพี่เขาบ้างค่ะ
ถ้าเกิดมีโอกาสได้จับมือกับมาเอดะ อัตสึโกะจริงๆ มายด์อยากจะพูดอะไรใน 8 วินาที
หนูอยากขอบคุณที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับหนูและคนอีกมากมาย หนูจะทำหน้าที่สมาชิก 48 Groups ให้เต็มที่ค่ะ (หมดเวลาครับ! / หมดแล้วเหรอ? มันเร็วเหมือนกันเนอะ 8 วินาทีเนี่ย)
ในความเป็นจริง สำหรับมายด์การเป็น BNK48 มีข้อเสียอะไรบ้าง
ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ นี่แหละค่ะ เพราะมันทำให้หนูต้องห่างกับครอบครัวและเพื่อนที่สนิท คือพอมาอยู่คนเดียวก็ต้องทำอะไรเองไม่มีใครมาทำให้เหมือนแต่ก่อน เสื้อผ้าก็ต้องซักเอง อาหารแต่ละมื้อก็ต้องหากินเอง และอย่างที่บอกว่าของที่นี่แพงมากทำให้บางเดือนแทบจะไม่เหลือเงินเลย
แล้วเคยท้อหรือคิดจะเลิกเป็น มายด์ BNK48 บ้างหรือเปล่า
หนูไม่เคยคิดอยากออกจากวงสักครั้งเลย ถ้าเจอช่วงที่หนักก็จะแค่ขอพักหน่อย พอดีขึ้นก็จะกลับมาสู้ใหม่ อย่างมีครั้งนึงในคลาสเรียนเต้นคือหนูก็ไม่ใช่คนที่เต้นเก่งอยู่แล้ว และพอต้องต่อท่าที่มันยากๆ หนูก็เริ่มเครียด แล้วพี่รินะเขาสังเกตเห็นอาการก็เลยเดินมาปลอบว่า “ไม่เป็นไรนะ สู้ๆ” เท่านั้นแหละหนูก็ร้องไห้เลย (อิซึตะ รินะ สมาชิก BNK48)
คือหนูว่าอีกอย่างนอกจากกำลังใจจากแฟนคลับที่ทำให้ทุกคนในวงยังสู้ต่อได้ก็คือความผูกพันที่พวกเราสมาชิก BNK48 มีให้กันนี่แหละ ก็สู้ด้วยกันมาตั้งเยอะอะเนอะ เราก็ไม่อยากเลิกกันไปง่ายๆ อยู่แล้ว
ถ้าให้ลองคิดถึงรุ่นถัดไปของ BNK48 มายด์คิดว่าจะมีหน้าตายังไง
ไม่รู้สิคะ แต่ถ้าเลือกได้ก็อยากให้เคมีเหมือนอย่างที่พวกเรารุ่นที่ 1 เป็นกันอยู่ตอนนี้ และมาช่วยกันทำให้ BNK48 กลายเป็นวงไอดอลที่คนทั้งประเทศยอมรับ (และถ้าจะมีวงน้องชาย BNK48 มายด์คิดว่าจะเป็นยังไง / ต้องเป็นผู้ชายที่มีความแข็งแรงเป็นสุภาพบุรุษและมุ้งมิ้ง …แต่หนูว่าคงไม่มีหรอกมั้งคะ)
ถ้าเขาเปิดวงไอดอลสาขาที่จังหวัดนครราชสีมาล่ะ มายด์อยากให้มีวง NKR48 บ้างไหม
อยากค่ะ! และต้องเปิดตัวด้วยเพลงชาติ “โคราช48” คือหนูว่าโคราชเป็นเมืองใหญ่และมีสถานที่และสิ่งสำคัญประจำจังหวัดเยอะมาก อยากให้มีปราสาทหินพิมายและอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ใส่เข้าไปอยู่ในเนื้อเพลงด้วย หนูว่าแบบนี้ต้องสนุกแน่ๆ เลย (หัวเราะ)