7 days in entabbe
-ไม่เชื่อรีวิวใน IMDb แล้วเด้อ ต่างคนต่างก็มีรสนิยมต่างกันจริงๆ เพราะส่วนตัวแล้วเราชอบมากกกกก
-ก่อนดูไม่ได้คาดหวังอะไร แอบคิดติดลบว่าจะไปหลับในโรงด้วยซ้ำ แต่ความเป็นจริงกลับตาตื่นตลอด มันระทึก ตื่นเต้น เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิวัติครั้งนี้ยังไงอย่างงั้น กว่าจะผ่านไปครบ 7 วันมันช่างยาวนานเหลือเกิน!
-หนังเล่าถึงผู้ก่อการร้ายจากปาเลสไตน์2คนและจากเยอรมัน2คน จี้เครื่องบิน Air France ที่กำลังจะบินไปฝรั่งเศษ โดยกักขังผู้โดยสารหลายร้อยคนไว้ในสนามบินที่เอนทับเบ้ในยูกานดา ซึ่งคนส่วนมากเป็นชาวยิวจากประเทศอิสราเอล เหตุผลในการจี้เครื่องครั้งนี้คือต้องการให้รัฐอิสราเอลปล่อยผู้ก่อการร้ายในคุกออกมา โดยใช้คนยิงเป็นตัวประกันนั่นเอง
-เหตุการณ์คุ้นๆ ใช่มั้ย55555 เพราะเรื่องนี้ base on true story ของการจี้เครื่องบินครั้งใหญ่เมื่อ 40 กว่าปีก่อนนั่นเอง
-ตัวเราเองก็ไม่ได้มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ การเมือง การปกครองอะไรมากมาย เข้าไปแบบโง่ๆ แต่หนังก็ทำให้เราเข้าใจแล้วก็เอ็นจอยไปได้
-มันระทึกมากกกกก เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงตะคอก ฝูงชนมากมายที่ถูกจับมาอยู่รวมกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การกดดันกันเองของรัฐบาลอิสราเอล ผู้ก่อการร้ายชายหญิง2คนที่เป็นคนใจดีไม่อยากฆ่าใครกับกลุ่มที่อยากฆ่าชาวยิวทิ้งหมด นอกจากเราได้มาเห็นสงครามที่มีปืนมีระเบิดจริงๆ เรายังได้เห็นสงครามจิตวิทยาของทั้งสองประเทศ รวมถึงสงครามทางการเมืองกับประเทศตัวเองซะด้วย
-ใครชอบการเมืองคงจะอินกับเรื่องนี้ไม่ยาก เพราะการบลัฟฟ์กันทางด้านคำพูด การแสดงออก จิตวิทยา การเจรจา ต่อรอง วางแผนประชุมรัฐสภามันโดนใจจริงๆ เป็นสงครามจิตวิทยาที่ไม่ต้องใช้ปืน เราก็รู้สึกกดดันเหมือนมีปืนมาจ่ออยู่ที่หัวยังไงอย่างงั้น
-หนังตัดสลับพาร์ทระหว่างการจับตัวประกันบนเครื่องบินกับเหตุการณ์ที่รัฐฯ อิสราเอลกำลังตกลงกันว่าจะเอายังไงดี ถ้าจะช่วยตัวประกันก็ต้องปล่อยผู้ก่อการร้ายซึ่งผิดนโยบาย แต่หากไม่ปล่อยชาวยิวพวกนั้นก็อาจตายได้ ส่วนตัวเราว่ามันส์ทั้งสองพาร์ทเลย
-ฝั่งจับตัวประกันเราก็ต้องคอยลุ้นว่าจะมีใครตายมั้ย หนุ่มสาวใจดีสองคนจะฆ่าใครรึเปล่า? จะปล่อยใครรอดมั้ย? ชอบตรงที่มีการให้วิศวกรการบินคนนึงสนิทกับหนึ่งในผู้ก่อการร้าย เป็นเหมือนเพื่อนในขณะที่เป็นตัวประกันด้วย เราว่ามันเป็นความผูกพันบางอย่างที่ทำให้เราอมยิ้มออกมาได้ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดไม่ได้
-ส่วนอีกฝั่ง ทางรัฐบาลก็ต้องต่อสู้กับอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยคอมมานโดในแง่ของกลยุทธ์การตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งวิธีการที่ทั้งคู่ใช้บลัฟฟ์ให้อีกฝ่ายยอมรับในวิถีของตนก็ตื่นเต้นเร้าใจใช่ย่อย
-ส่วนที่รักที่สุดคือซีนไคลแม็กซ์ มันสุดมากจริงๆ ความจริงคือขนลุกตั้งแต่ซีนแรกแล้ว พอเอาซีนการเต้นตรงนั้นมาตัดสลับกับซีนสงคราม ทุกอย่างมันฮึกเหิม ยิ่งใหญ่ คราวนี้ขนลุกซู่เลย เป็นซีนที่ต้องดูในโรงจริงๆ เสียงเพลงที่กระหึ่ม ทำนองกดดัน ท่าเต้นดุเดือด ตัดภาพกับเสียงปืนรัวๆ คนโดนยิงล้มตึง ตัวประกันทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ที่มีท่าทีหวาดกลัว ซีนนี้เอาใจไปเลย
-ข้อเสียของหนังก็คือในบางพาร์ทเล่าเรื่องอืดไปหน่อย ช่วงแรกๆ เราเกือบหลับเลยแหละ55555 แต่ซักพักก็จะชินและเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดได้ดียิ่งขึ้น แต่คนที่ไม่อินกับหนังพูดๆ ทั้งเรื่องไม่ควรเข้าไปดูนะ เพราะส่วนมากคือหนังจะพูดเยอะ ฉากแอคชั่นไม่ได้มากอย่างที่คิด
8/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH
[SR] 7 days in entabbe : รอตั้งนานไม่มีใครรีวิวซักที เราเริ่มเองก็ได้55555
-ไม่เชื่อรีวิวใน IMDb แล้วเด้อ ต่างคนต่างก็มีรสนิยมต่างกันจริงๆ เพราะส่วนตัวแล้วเราชอบมากกกกก
-ก่อนดูไม่ได้คาดหวังอะไร แอบคิดติดลบว่าจะไปหลับในโรงด้วยซ้ำ แต่ความเป็นจริงกลับตาตื่นตลอด มันระทึก ตื่นเต้น เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิวัติครั้งนี้ยังไงอย่างงั้น กว่าจะผ่านไปครบ 7 วันมันช่างยาวนานเหลือเกิน!
-หนังเล่าถึงผู้ก่อการร้ายจากปาเลสไตน์2คนและจากเยอรมัน2คน จี้เครื่องบิน Air France ที่กำลังจะบินไปฝรั่งเศษ โดยกักขังผู้โดยสารหลายร้อยคนไว้ในสนามบินที่เอนทับเบ้ในยูกานดา ซึ่งคนส่วนมากเป็นชาวยิวจากประเทศอิสราเอล เหตุผลในการจี้เครื่องครั้งนี้คือต้องการให้รัฐอิสราเอลปล่อยผู้ก่อการร้ายในคุกออกมา โดยใช้คนยิงเป็นตัวประกันนั่นเอง
-เหตุการณ์คุ้นๆ ใช่มั้ย55555 เพราะเรื่องนี้ base on true story ของการจี้เครื่องบินครั้งใหญ่เมื่อ 40 กว่าปีก่อนนั่นเอง
-ตัวเราเองก็ไม่ได้มีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ การเมือง การปกครองอะไรมากมาย เข้าไปแบบโง่ๆ แต่หนังก็ทำให้เราเข้าใจแล้วก็เอ็นจอยไปได้
-มันระทึกมากกกกก เสียงปืน เสียงระเบิด เสียงตะคอก ฝูงชนมากมายที่ถูกจับมาอยู่รวมกันทั้งเด็กและผู้ใหญ่ การกดดันกันเองของรัฐบาลอิสราเอล ผู้ก่อการร้ายชายหญิง2คนที่เป็นคนใจดีไม่อยากฆ่าใครกับกลุ่มที่อยากฆ่าชาวยิวทิ้งหมด นอกจากเราได้มาเห็นสงครามที่มีปืนมีระเบิดจริงๆ เรายังได้เห็นสงครามจิตวิทยาของทั้งสองประเทศ รวมถึงสงครามทางการเมืองกับประเทศตัวเองซะด้วย
-ใครชอบการเมืองคงจะอินกับเรื่องนี้ไม่ยาก เพราะการบลัฟฟ์กันทางด้านคำพูด การแสดงออก จิตวิทยา การเจรจา ต่อรอง วางแผนประชุมรัฐสภามันโดนใจจริงๆ เป็นสงครามจิตวิทยาที่ไม่ต้องใช้ปืน เราก็รู้สึกกดดันเหมือนมีปืนมาจ่ออยู่ที่หัวยังไงอย่างงั้น
-หนังตัดสลับพาร์ทระหว่างการจับตัวประกันบนเครื่องบินกับเหตุการณ์ที่รัฐฯ อิสราเอลกำลังตกลงกันว่าจะเอายังไงดี ถ้าจะช่วยตัวประกันก็ต้องปล่อยผู้ก่อการร้ายซึ่งผิดนโยบาย แต่หากไม่ปล่อยชาวยิวพวกนั้นก็อาจตายได้ ส่วนตัวเราว่ามันส์ทั้งสองพาร์ทเลย
-ฝั่งจับตัวประกันเราก็ต้องคอยลุ้นว่าจะมีใครตายมั้ย หนุ่มสาวใจดีสองคนจะฆ่าใครรึเปล่า? จะปล่อยใครรอดมั้ย? ชอบตรงที่มีการให้วิศวกรการบินคนนึงสนิทกับหนึ่งในผู้ก่อการร้าย เป็นเหมือนเพื่อนในขณะที่เป็นตัวประกันด้วย เราว่ามันเป็นความผูกพันบางอย่างที่ทำให้เราอมยิ้มออกมาได้ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดไม่ได้
-ส่วนอีกฝั่ง ทางรัฐบาลก็ต้องต่อสู้กับอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยคอมมานโดในแง่ของกลยุทธ์การตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งวิธีการที่ทั้งคู่ใช้บลัฟฟ์ให้อีกฝ่ายยอมรับในวิถีของตนก็ตื่นเต้นเร้าใจใช่ย่อย
-ส่วนที่รักที่สุดคือซีนไคลแม็กซ์ มันสุดมากจริงๆ ความจริงคือขนลุกตั้งแต่ซีนแรกแล้ว พอเอาซีนการเต้นตรงนั้นมาตัดสลับกับซีนสงคราม ทุกอย่างมันฮึกเหิม ยิ่งใหญ่ คราวนี้ขนลุกซู่เลย เป็นซีนที่ต้องดูในโรงจริงๆ เสียงเพลงที่กระหึ่ม ทำนองกดดัน ท่าเต้นดุเดือด ตัดภาพกับเสียงปืนรัวๆ คนโดนยิงล้มตึง ตัวประกันทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ที่มีท่าทีหวาดกลัว ซีนนี้เอาใจไปเลย
-ข้อเสียของหนังก็คือในบางพาร์ทเล่าเรื่องอืดไปหน่อย ช่วงแรกๆ เราเกือบหลับเลยแหละ55555 แต่ซักพักก็จะชินและเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดได้ดียิ่งขึ้น แต่คนที่ไม่อินกับหนังพูดๆ ทั้งเรื่องไม่ควรเข้าไปดูนะ เพราะส่วนมากคือหนังจะพูดเยอะ ฉากแอคชั่นไม่ได้มากอย่างที่คิด
8/10
แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
------------------------------
ถ้าชอบการรีวิวครั้งนี้ สามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องหนังๆ พร้อมกับดูรีวิวอื่นๆ ได้ที่นี่เลย
เพจ แค่นักวิจารณ์หนังกากๆ คนหนึ่ง
https://m.facebook.com/justasuckreviewer/?locale2=th_TH